๓๕
๏ ฝ่ายบุนไทสือ เมื่อตามอึ้งปวยฮอไม่พบกลับเข้าเมืองจิวโก๋ ให้มีความวิตกสงสัยนัก ขุนนางทั้งปวงมาถามข่าวบุนไทสือเล่าให้ฟังทุกประการแล้วว่า อึ้งปวยฮอหนีไปนั้นจะไปข้างทางขวาเตียวกุยบองนายด่านแซเลงก๋วนก็กักไว้ ถ้าจะไปข้างทางซ้าย หมอแกทั้งสี่นายก็รักษาด่านแกบองก๋วนอยู่ จะรู้เหตุผลบ้าง จะไปทางกลางเล่าด่านก็มีถึงห้าตำบลเห็นว่าอึ้งปวยฮอจะหนีไปไม่ตลอด ว่ายังไม่ทันขาดคำชาวด่านหลิมตองก๋วนเข้ามาแจ้งว่า เสียวหงินฆ่าเตียวฮองนางด่านเสีย ปล่อยให้อึ้งปวยฮอไปจากด่าน พอชาวด่านกองก๋วนที่สองเข้ามาแจ้งว่าอึ้งปวยฮอฆ่าตันต๋องเสียหักด่านไปได้ แล้วชาวด่านซุนหุนก๋วนที่สามซ้ำเข้ามาแจ้งว่า อึ้งปวยฮอฆ่าตันหงอเสีย หักด่านไปได้ แล้วชาวด่านไต๋ไปก๋วนที่สี่มาแจ้งว่า อึ้งกุ๋นกับอึ้งปวยฮอหนีไปเมืองไซรกี พอชาวด่านกีจุยก๋วนชั้นนอกถือหนังสือฮั่นเอ๋งมาว่า อึ้งปวยฮอกับอึ้งกุ๋นหักด่านหนีออกไปพ้นแดนแล้ว บุนไทสือแจ้งดังนั้นก็มีความโกรธนักเอามือตบลงที่โต๊ะแล้วว่า เรารักษาแผ่นดินเมืองจิวโก๋มาช้านาน แต่ครั้งบิดาพระเจ้าติวอ๋องมาครั้งนี้มีความน้อยใจนัก เสียแรงทำนุบำรุงบ้านเมืองคิดว่าจะให้อยู่เย็นเป็นสุข การไม่ควรจะเป็นเลยกลับมามีเหตุฉะนี้เผอิญให้เกิดศึกทั้งสองทาง แล้วขุนนางผู้ใหญ่ไม่ตรงต่อแผ่นดิน เอาตัวหนีเราตามไม่ทัน เทพยดาอาเพททั้งนี้ ก็เพราะพระเจ้าติวอ๋องไม่อยู่ในสัจธรรม แต่ทว่าเราได้รับสั่งพระมหากษัตริย์แต่ก่อนไว้ ให้ช่วยทำนุบำรุงการแผ่นดิน ถึงจะเป็นประการใดก็ดีคงจะสนองพระคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิต แล้วสั่งให้ตีกลองสัญญา ขุนนางฝ่ายทหารก็เข้ามาคำนับบุนไทสือพร้อมกัน บุนไทสือจึงว่าอึ้งปวยฮอคิดกบฏหนีไปเมืองไซรกีเห็นจะเป็นเสี้ยนหนามใหญ่ขึ้น เราคิดจะยกไปเมืองไซรกีว่ากล่าวอย่าให้คบพวกกบฏไว้ ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด เล่าหยงจึงว่าซึ่งท่านจะยกไปเองนั้นไม่ควรด้วยศึกทั้งสองฝ่ายไม่ราบคาบ ข้างเมืองตังเปกเหาะ เกียงบุนอ๋องก็ยกมารบทุกปีมิได้ขาด ข้างลำเปกเฮาเล่ามักซุนก็ทำจลาจลเนืองๆ เตงกิวก๋งมิได้นอนตาหลับ หัวเมืองทั้งปวงระส่ำระสาย ส่วยสาอากรซึ่งจะเข้าท้องพระคลังก็น้อยกว่าแต่ก่อน ในเมืองเล่าก็เกิดเหตุฉะนี้ ซึ่งอึ้งปวยฮอหนีไปเข้าด้วยเมืองไซรกีนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าบูอ๋องก็ยังหาอาจจะมาทำกับเมืองเราไม่ ท่านจงจัดแจงทหารไปรักษาด่านทางไว้ให้มั่นคงก่อนเถิด บุนไทสือจึงว่าท่านว่านั้นก็ชอบอยู่ แต่เกลือกว่าเมืองไซรกีจะมีใจกำเริบ จะยกมาทำอันตรายแก่หัวเมืองทั้งปวงเราจะช่วยมิทัน ก็จะเสียเกียรติยศของพระเจ้าติวอ๋องไป เล่าหยงจึงว่าถ้าท่านมีความสงสัยอยู่ดังนั้น ขอให้แต่ทหารออกไปฟังข่าวคราวดูทางเหงาก๋วน จนถึงปลายแดนเมืองไซรกีว่าจะคิดประการใดบ้าง บุนไทสือเห็นชอบด้วย จึงว่าจะได้ผู้ใดอาสาไปสืบราชการ ณ เมืองไซรกี เตียวฉานเตียวหลุยลุกขึ้นคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้าพี่น้องจะขออาสาให้เป็นความชอบไว้ต่อแผ่นดิน บุนไทสือมีความยินดี เกณฑ์ทหารสามหมื่นแล้วก็พาเตียวฉานเตียวหลุยเข้าไปทูลลาพระเจ้าติวอ๋อง ถึงวันฤกษ์ดีเตียวฉานเตียวหลุยก็ยกทหารออกจากเมืองจิวโก๋ไปข้ามแม่ฮุยโหออกจากด่านเหงาก๋วน เดินทางไปหลายวันจึงถึงเมืองไซรกี ให้ตั้งค่ายอยู่ทิศตะวันตก แล้วให้คนไปสืบข่าวราชการ เห็นเงียบสงัดอยู่ ในเมืองไซรกีเล่าก็ตั้งเป็นปกติ มิได้ตรวจตรารักษาหน้าที่เชิงเทิน เตียวฉานจึงว่ากับเตียวหลุยว่า เวลาพรุ่งนี้เจ้าคุมทหารยกเข้าไปให้ถึงเชิงกำแพง จะดูว่าทหารเมืองไซรกีว่า ผู้ใดจะออกมาสู้รบบ้าง เตียวหลุยเห็นชอบด้วย ก็ให้จัดแจงทหารไว้แต่ในเพลาค่ำ
๏ ฝ่ายกองตระเวนเมืองไซรกีเห็นดังนั้น ก็เข้าไปแจ้งกับเกียงจูแหยว่ากองทัพเมืองจิวโก๋ยกมาตั้งอยู่ทิศตะวันตกเมืองเรา เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นจึงให้หาทหารทั้งปวงเข้ามาพร้อมแล้วว่า กองทัพเมืองจิวโก๋ยกมาตั้งอยู่ทิศตะวันตกแดนเมืองเรา ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด พอทหารเข้ามาบอกว่า เตียวหลุยยกมาถึงเชิงกำแพง เกียงจูแหยแจ้งดังนั้น จึงว่าจะให้ผู้ใดออกไปฟังดูว่าดีและร้าย หลำจงกวดจึงว่าข้าพเจ้าจะออกไปดูจะว่าประการใด แล้วก็ขับม้าพาทหารยกออกไปนอกเมือง เห็นเตียวหลุยยืนม้าอยู่หน้าทหารจึงร้องถามว่า ท่านยกทัพมาด้วยเหตุอันใด เตียวหลุยจึงว่าเราถือรับสั่งพระเจ้าติวอ๋องมาด้วยความสองข้อ ข้อหนึ่งบูอ๋องตั้งตัวเป็นเจ้ามิได้อยู่ในบังคับบัญชาเมืองจิวโก๋ ข้อหนึ่งสมคบอึ้งปวยฮอกบฏต่อแผ่นดินไว้ ท่านจงกลับเข้าไปแจ้งกับนายท่าน ให้เร่งส่งอึ้งปวยฮอผู้ผิดมาให้เรา เราจะคุมขึ้นไปส่งเมืองหลวง นายของท่านจึงจะพ้นโทษ หลำจงกวดได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วว่า พระเจ้าติวอ๋องไม่อยู่ในสัจธรรม เชื่อฟังแต่คนสอพลอจนอาของตัวเห็นมิชอบช่วยห้ามปราม กลับพาลเอาผิดฆ่าเสียเอาหัวใจให้นางขันกีกิน แล้วตั้งกฎหมายสร้างเผาลกลกไต๋ให้ได้ความยากแก่อาณาประชาราษฎร บูอ๋องเจ้าของเรารักษาเมืองเป็นสัจธรรม แล้วทุกวันนี้แผ่นดินเป็นสามส่วน อาณาประชาราษฎรซึ่งมาขึ้นกับเมืองไซรกีสองส่วนนั้นก็อยู่เย็นเป็นสุข ท่านยกมาครั้งนี้เหมือนจะมาหาความอายใส่ตัว เตียวหลุยได้ยินดังนั้นก็โกรธ ขับม้ารำง้าวออกมาหน้าทหาร หลำจงกวดขับม้าถือง้าวออกมารบกันได้สามสิบเพลง หลำจงกวดเห็นเตียวหลุยสิ้นกำลังก็แกล้งชักม้าหนี เตียวหลุยไล่ถลำเสียทีเข้ามา หลำจงกวดรวบเอาตัวได้มัดเข้าไปให้เกียงจูแหย เกียงจูแหยเห็นกิริยาเตียวหลุยทำองอาจ จึงว่าทหารเราจับมาได้ตัวยังดื้อดึงอยู่อีกเล่า เตียวหลุยถลึงตาแล้วร้องว่า เราเป็นข้าพระเจ้าติวอ๋องใช้มา ตัวจับเราได้ก็ตามโทษของเรา ที่จะให้อ่อนน้อมคำนับตัวซึ่งเป็นคนขายหมี่นั้นเรามีความอายนัก เกียงจูแหยโกรธเป็นกำลัง ได้ความอัปยศกับขุนนางทั้งปวง จึงว่าแต่ก่อนอิอี๋นเป็นทรพลคนชาติต่ำ ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองเสี่ยงทางจะมิยิ่งกว่าเราหรือ แล้วก็สั่งให้เอาตัวเตียวหลุยไปฆ่าเสีย อึ้งปวยฮอจึงว่ากับเกียงจูแหยว่า ซึ่งเตียวหลุยหยาบช้าต่อท่านนั้น ด้วยเชื่อบุญพระเจ้าติวอ๋องมิได้เห็นการแผ่นดินที่จะร้ายและดี ข้าพเจ้าคิดว่าจะขอโทษไว้นานไปจะได้เป็นกำลังเรา เกียงจูแหยจึงว่าตามใจท่านเถิด อึ้งปวยฮอก็ออกไปว่ากับเตียวหลุยว่า ท่านหาเห็นไม่หรือการแผ่นดินในเมืองจิวโก๋ทุกวันนี้ขุนนางและราษฎรได้ความเดือดร้อนนักจะคิดเอาใจออกห่างอยู่สิ้น บูอ๋องเป็นคนมีบุญตั้งอยู่ ณ เมืองไซรกี ราษฎรมีความสุขทั้งแผ่นดิน ต่างคนมาสามิภักดิ์เป็นอันมาก เราเห็นว่าเมืองไซรกีจะมีความเจริญบริบูรณ์ขึ้น จึงว่ากับท่านทั้งนี้ท่านจงยอมสามิภักดิ์บูอ๋องเถิด จะได้มีความสุขสืบไป ซึ่งจะดื้อดึงจนตัวตายเสียฉะนี้หาชอบไม่ เตียวหลุยได้ฟังดังนั้นก็กลับได้คิด แล้วว่าซึ่งท่านเมตตาข้าพเจ้ามาว่ากล่าวทั้งนี้ ข้าพเจ้าจะยอมสามิภักดิ์ทำราชการกับพระเจ้าบูอ๋องแล้ว แต่ข้าพเจ้าได้ว่ากล่าวกับเกียงจูแหยเป็นข้อหยาบช้า กลัวว่าเกียงจูแหยมีความโกรธจะไม่ยอมเอาข้าพเจ้าไว้ อึ้งปวยฮอจึงว่าข้อนั้นท่านอย่าวิตกเลย ถ้าท่านภักดีโดยสุจริตแล้วเราจะช่วยอ้อนวอนเกียงจูแหยมิให้มีโทษแก่ท่าน เตียวหลุยจึงว่าซึ่งท่านเมตตานั้นบุญคุณหาที่สุดมิได้ อึ้งปวยฮอก็มาบอกเกียงจูแหยว่า เตียวหลุยยอมทำราชการกับท่านแล้ว เกียงจูแหยสั่งให้แก้มัดเตียวหลุยเข้ามา เตียวหลุยคำนับเกียงจูแหยแล้วว่าข้าพเจ้าเป็นคนโทษ ซึ่งท่านเมตตาไว้ชีวิตนั้นคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าคิดว่าจะลาท่านกลับไปค่ายชวนพี่ชายข้าพเจ้ามาด้วย แต่เกรงท่านจะไม่เชื่อ เกียงจูแหยจึงว่าตัวท่านจะทำราชการพระเจ้าบูอ๋องแล้ว ก็ไปรับพี่ท่านเข้ามาเถิด เตียงหลุยก็คำนับลาออกมา
๏ ขณะเมื่อหลำจงกวดจับเตียวหลุยได้นั้น เตียวฉานรู้สึกตกใจมีความทุกข์เป็นอันมาก คิดตรึกตรองอยู่ว่าจะแก้ไขประการใด พอม้าใช้มาบอกว่าเตียวหลุยกลับมาได้แล้ว เตียวหลุยก็ตรงเข้าหาเตียวฉาน เล่าความซึ่งได้โต้ตอบเกียงจูแหยกับอึ้งปวยฮอให้ฟังทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าสามิภักดิ์ต่อเมืองไซรกี ขอเชิญเข้าไปด้วยกันเถิด เตียวฉานจึงด่าว่าอ้ายเดนตาย ไปเชื่ออึ้งปวยฮอจะเป็นพวกกบฏหรือ เตียวหลุยจึงว่าแผ่นดินทุกวันนี้ บูอ๋องเป็นคนมีบุญขุนนางและราษฎรสามิภักดิ์ถึงสองส่วนแล้ว เราเป็นข้าศึกเสียทีเขาจับได้ ใช่เราจะสามิภักดิ์จะตั้งใจเข้าด้วยเมื่อไรมี เตียวฉานจึงว่าอันแผ่นดินนั้นก็รู้อยู่แล้ว แต่เราพี่น้องมาสามิภักดิ์ต่อเมืองไซรกีนั้น บิดามารดาและบุตรภรรยาพรรคพวกของเราซึ่งอยู่ ณ เมืองจิวโก๋จะมิพลอยต้องโทษถึงตายเสียหรือ เตียวหลุยจึงว่าพี่ว่าดังนี้ก็ชอบอยู่ ความคิดของพี่จะให้ทำประการใด เตียวฉานจึงว่าถ้าเจ้าไปว่ากล่าวได้เหมือนคำเรา เห็นจะได้ความชอบต่อบุนไทสือ แล้วก็สั่งข้อความกับเตียวหลุยทุกประการ เตียวหลุยก็ขึ้นม้าเข้ามาแจ้งความกับเกียงจูแหยว่า พี่ข้าพเจ้าจะยอมเข้ามาสามิภักดิ์แล้ว แต่ขัดด้วยถือรับสั่งพระเจ้าติวอ๋องอยู่ ครั้นจะตามเข้ามากับข้าพเจ้าทีเดียวก็เกรงคำคนจะนินทา ถ้าท่านให้ทหารสักคนหนึ่งไปเชิญเข้ามาเห็นจะได้โดยง่าย เกียงจูแหยจึงว่ากับอึ้งปวยฮอว่า ท่านได้มีคุณกับเตียวหลุยแล้วจงออกไปเชิญเตียวฉานผู้พี่เตียวหลุยเข้ามาหาเรา อึ้งปวยฮอเตียวหลุยก็ขึ้นม้าออกไปจากเมือง ครั้นเตียวหลุยออกไปแล้ว เกียงจูแหยจึงเรียกสินกะกับสินเบี๋ยนเข้ามากระซิบสั่งเป็นความลับ แล้วว่าเตียวฉานแกล้งใช้เตียวหลุยเข้ามาลวงเรา ท่านเร่งไปทำตามคำเราสั่ง แล้วเกียงจูแหยก็เรียกหลำจงกวดเข้ามา ส่งหนังสือลับให้แล้วว่า ไปทำตามหนังสือเรานั้นเถิด
๏ ฝ่ายอึ้งปวยฮอครั้นมากับเตียวหลุยก็ออกไปถึง เห็นเตียวฉานยืนคำนับอยู่ประตูค่าย แล้วว่าเชิญบูเสงอ๋องเข้ามาในค่าย อึ้งปวยฮอเข้าไปถึงค่ายชั้นใน เตียวฉานกับทหารทั้งปวงก็เข้ากลุ้มรุมกันจับอึ้งปวยฮอมัดไว้ อึ้งปวยฮอด่าเตียวหลุยเป็นข้อหยาบช้า เตียวฉานก็เร่งทหารให้ยกออกจากค่าย คุมเอาตัวอึ้งปวยฮอรีบหนีจะไปเมืองหลวง เดินทางมาได้ร้อยแปดสิบเจ็ดเส้นถึงเขายงสาน เห็นธงปักอยู่สองคันมีทหารสกัดทางอยู่ แลเห็นสินกะขับม้าขวางออกมา ร้องว่าเกียงจูแหยให้มาคอยอยู่นานแล้ว ท่านเร่งลงจากม้ามาให้เราจับโดยดีเถิด เตียวฉานได้ยินดังนั้นมีความโกรธเป็นอันมาก ก็ขับม้าเข้ารบกันสินกะ สินกะจึงคิดว่าเรามาสิจะช่วยอึ้งปวยฮอ แล้วก็ขับม้าถือขวานอ้อมลงไปตีหลังทหาร เตียวหลุยเห็นสินเบี๋ยนตีวกหลังเข้ามา จึงคิดว่าต้องกลอุบายเกียงจูแหยแล้วก็ชักม้าหนี สินเบี๋ยนก็ไล่ฆ่าฟันทหารเตียวหลุยล้มตายเป็นอันมาก แก้เอาอึ้งปวยฮอมาได้ แล้วเห็นสินกะกับเตียวฉานยังรบกันอยู่ อึ้งปวยฮอมีความโกรธเป็นกำลัง ก็ขับม้าเข้าช่วยสินกะรบเตียวฉานเห็นอึ้งปวยฮอกระหนาบเข้ามาก็ตกใจ ชักม้าจะหนี อึ้งปวยฮอก็จับตัวเตียวฉานได้ มัดเข้ามา ณ เมืองไซรกี
๏ ฝ่ายเตียวหลุยเมื่อหนีสินกะสินเบี๋ยนไปนั้น หลงทางอยู่ในเขายงสาน ประมาณสองยามจึงพบทางใหญ่ เห็นโคมแขวนอยู่ใบหนึ่ง พอได้ยินเสียงประทัดแล้วแลไปเห็นหลำจงกวดก็ตกใจชักม้าจะหนี ทหารทั้งปวงก็เข้าจับเตียวหลุยได้มัดมา พอสว่างขึ้นอึ้งปวยฮอ หลำจงกวดก็มาถึงบ้านเกียงจูแหย เวลาขุนนางเข้ามาพร้อมกัน อึ้งปวยฮอ หลำจงกวด สินกะ สินเบี๋ยน ก็เอาตัวเตียวฉาน เตียวหลุยเข้าไปให้เกียงจูแหย เกียงจูแหยสั่งให้ทหารเอาตัวไปฆ่าเสีย เตียวหลุยจึงร้องว่าตัวเราไม่พอที่จะตาย เกียงจูแหยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ จึงว่าเราจับได้ไม่ฆ่าเสียแล้วปล่อยไป กลับมาลวงเราอีกเล่า โทษตัวถึงสองครั้ง เหตุไรจึงว่าไม่พอที่จะตาย เตียวหลุยคำนับเกียงจูแหยแล้วจึงว่า คนทั้งปวงรู้อยู่ว่าบูอ๋องจะมีบุญก็มาสามิภักดิ์สิ้น ข้าพเจ้าว่าจะมาสามิภักดิ์ต่อเมืองไซรกีนั้น บิดามารดาและครอบครัวทั้งปวงอยู่ ณ เมืองจิวโก๋จะมิฉิบหายเสียหรือ จึงได้คิดทำการทั้งนี้ ซึ่งข้าพเจ้าพี่น้องเป็นคนปัญญาน้อยคิดผิดไปนั้น ตามแต่ท่านจะเมตตา เกียงจูแหยจึงสั่งให้แก้มัดเตียวฉานเตียวหลุย เตียวหลุยก็เข้าไปคำนับเกียงจูแหยแล้วว่าโทษข้าพเจ้าผิดนักหนา ท่านไว้ชีวิตนั้นคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าจะขออยู่ทำราชการสนองพระคุณท่านกว่าจะสิ้นชีวิต เกียงจูแหยจึงว่าท่านทั้งสองสามิภักดิ์ต่อพระเจ้าบูอ๋องแล้ว แต่เป็นห่วงอยู่ด้วยครอบครัวบิดามารดานั้น เราจะเอาเตียวฉานไว้เป็นจำนำ ปล่อยให้เตียวหลุยไปคิดอ่านเอาครอบครัว ณ เมืองไซรกี แล้วเกียงจูแหยให้หนังสือลับแก่เตียวหลุยฉบับหนึ่งว่าท่านเร่งกลับไป ณ เมืองจิวโก๋ คิดทำตามหนังสือเราเถิด