๘๑
๏ ขณะนั้นหลีเปงโตหยินเป็นนายปิศาจตามมาว่ากับหลีงักว่า บูอ๋องเป็นผู้มีบุญเป็นคนสัตย์ธรรม ยกมาครั้งนี้จะบำรุงแผ่นดินให้อาณาประชาราษฎรเป็นสุข ซึ่งท่านจะเอาค่ายปิศาจมาตั้งขัดขวางไว้ดังนี้หาควรไม่ เมื่อหลีเปงโตหยินว่ากับหลีงักนั้น พอเอียวหยิมเอาพัด พัดไปเป็นเปลวไฟถูกหลีเปงโตหยินไหม้เป็นจุณไป ตันเก๋งผู้พี่เห็นหลีเปงโตหยินผู้น้องตายมีความโกรธนัก ถือกระบี่ออกมาจะฟันเอียวหยิม เอียวหยิมเอาพัด พัดไปเป็นไฟไหม้ตันเก๋งตาย แผ่นดินซึ่งต้องลมพัดเอียวหยิมนั้น แดงเป็นถ่านเพลิงไปทั้งสิ้น หลีงักเห็นดังนั้นก็ตกใจจะหนีลงจากหอรบ เอียวหยิมเอาพัด พัดหนักเข้าไป ไฟไหม้หอรบแลตัวหลีงักเป็นจุณไป ดวงจิตหลีงักเปงโตหยินตันเก๋งไปอยู่ห้องสินไต้ เมื่อเอียวหยิมยกมาตีค่ายอุยหองติ้นแตกไฟไหม้สิ้นแล้ว แลเห็นเกียงจูแหยสลบอยู่บนหลังซูปุดเสียง แต่มือทั้งซ้ายขวายังถือธงมั่นอยู่ อำนาจธงนั้นรักษาเกียงจูแหยกับซูปุดเสียงที่ขี่ไว้หาเป็นอันตรายไม่ บูกิดเห็นดังนั้นก็เข้าประคองเกียงจูแหย แล้วขับซูปุดเสียงกลับมาค่าย บูอ๋องยืนอยู่ประตูค่ายเห็นเกียงจูแหยสลบอยู่ก็น้ำตาตก แล้วว่าซึ่งมาได้ความลำบากทั้งนี้ก็เพราะจะบำรุงแผ่นดิน ให้อาณาประชาราษฎรอยู่เป็นสุข จึงสั่งให้เอาเกียงจูแหยเข้าไปไว้ในที่นอน ฮุนจงจู๊จึงเอายาชื่อตันเอี๋ยละลายน้ำกรอกเข้าไป สักครู่หนึ่งเกียงจูแหยก็ฟื้นลืมตาขึ้นได้ บูอ๋องเห็นเกียงจูแหยฟื้นคืนมาก็มีความยินดีนัก ฮุนจงจู๊จึงว่ากับเกียงจูแหยว่า ซึ่งได้ความลำบากนั้น ด้วยถึงกำหนดเคราะห์ร้ายจึงให้เป็นไป ท่านก็สิ้นเคราะห์วันนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะลาท่านไปก่อน ท่านจงรักษาสติอารมณ์ให้ดีเถิด เมื่อรบบ้านเสียนติ้นจึงจะมาช่วยอีก แล้วก็ลากลับไปเขาจงลำซัวที่อยู่
๏ ฝ่ายเอียวหยิมเห็นเกียงจูแหยฟื้นขึ้นเป็นปรกติแล้ว ก็เข้ามาแจ้งความว่าเมื่อหลีงักได้อึ้งปวยฮอ หลำจงกวด อังกิ๋ม ชีไก้ สี่คนใส่เกวียนให้ฮองหงีจี๋นคุมขึ้นไปส่งเมืองจิวโก๋นั้น ข้าพเจ้าได้ฆ่าฮองหงีจี๋นตาย ทหารทั้งสี่คนนั้น ข้าพเจ้าให้เข้าไปอาศัยอยู่ในด่านฌ้อฮุนก๋วนคอยท่ากองทัพท่านอยู่ ขอให้ท่านรีบยกทหารไปโดยเร็ว เกียงจูแหยแจ้งดังนั้นก็สั่งให้จัดแจงทหารกองทัพยกไปตีด่านฌ้อฮุนก๋วน นายทหารทั้งปวงก็จัดแจงตามเกียงจูแหยสั่ง แล้วแต่งตัวใส่เกราะถืออาวุธขึ้นหลังซูปุดเสียงรีบยกไป
๏ ครั้นถึงด่านฌ้อฮุนก๋วน ก็ขับทหารเข้าล้อมไว้ แล้วจึงจุดประทัดตีม้าฬ่อแลฆ้องกลองเสียงสะท้านไปทั้งด่าน ชีหองนายด่านฌ้อฮุนก๋วนตกใจ พาทหารขึ้นดูบนเชิงเทิน เห็นทหารเกียงจูแหยเข้ามาถึงเชิงกำแพงเอาบันไดสับพาดปีนขึ้น เอาประทัดใหญ่จุดโยนเข้าในด่าน แล้วหลุยจินจู๊บินขึ้นมาทลายหอรบพังลง ชาวด่านเห็นรูปร่างหลุยจินจู๊น่ากลัวต่างคนจะหนีเอาตัวรอด ชีหองร้องห้ามทหารก็ไม่หยุด ชีหองลงมาจากเชิงเทินรีบมารักษาประตูด่าน โลเฉียเห็นหลุยจินจู๊บินเข้าไปได้ ก็เผ่นขึ้นกงจักรเหาะเข้าไปฟันประตูด่านออก พวกทหารเกียงจูแหยก็พากันเข้ามาในค่ายได้ ชีหองเห็นดังนั้นขึ้นม้าถือทวนออกรบต้านทานอยู่ พวกทหารเกียงจูแหยก็ล้อมชีหองไว้ อึ้งปวยฮอ หลำจงกวด อังกิ๋ม ชีไก้ ทั้งสี่คนได้ยินเสียงอื้ออึง รู้ว่าเกียงจูแหยยกมาตีด่านก็พากันมาเห็นทหารล้อมชีหองไว้ จึงร้องว่าชีหองถือว่าตัวดีอย่าหนีกัน แล้วก็ขับม้าตรงเข้ามา ชีหองแลไปเห็นนายทหารทั้งสี่คนก็ตกใจ อึ้งปวยฮอก็ฟันด้วยกระบี่ ชีหองหลบทัน กระบี่ถูกคอม้าขาดชีหองตกลง ทหารทั้งปวงรุมจับชีหองได้ เกียงจูแหยจึงเข้ามาในด่าน อึ้งปวยฮอ อังกิ๋ม หลำจงกวด ชีไก้ ก็เข้ามาคำนับพร้อมกัน เกียงจูแหยจึงว่าครั้งนี้ท่านได้ความลำบากนั้น ก็เพราะมีกตัญญูต่อพระเจ้าบูอ๋อง พอทหารเอาตัวชีหองเข้าให้ ชีหองยืนอยู่ไม่คำนับ เกียงจูแหยจึงว่ากับชีหองต่อหน้าทหารทั้งปวง ว่าซึ่งเรามาทำการบำรุงแผ่นดินครั้งนี้ ใช่จะตั้งใจว่าผู้ใดเป็นเสี้ยนหนาม ไม่สามิภักดิ์ต่อพระเจ้าบูอ๋องแล้ว จับได้แล้วจะฆ่าเสียนั้นหาไม่ เราก็เกลี้ยกล่อมว่ากล่าวลูบไล้เอาโดยดี แต่ผู้ที่มีทิฐิดื้อดึงอยู่นั้นต้องฆ่ากันเสียบ้าง แลชีไก้พี่ชายของตัวก็สามิภักดิ์ทำราชการอยู่ในพระเจ้าบูอ๋อง ตัวมาจับเอาชีไก้ผู้เป็นพี่คุมขึ้นไปส่งเมืองจิวโก๋ แล้วบังอาจยกทหารมาสู้กับเรา เหตุไฉนมิทำให้ชนะเราเล่า จึงให้ทหารเรามัดมา ตัวก็ยังถือทิฐิอยู่ไม่รักชีวิตแล้วก็ไปตามทีเถิด ทหารเกียงจูแหยก็เอาไปฆ่าเสีย ตัดศีรษะเสียบประจานไว้ ณ ด่านฌ้อฮุนก๋วน
๏ ฝ่ายพระเจ้าบูอ่อง ครั้นเกียงจูแหยตีด่านฌ้อฮุนก๋วนได้ ก็ยกตามมาเข้าอยู่ในด่าน สั่งให้แต่งโต๊ะมาเลี้ยงปูนบำเหน็จรางวัลแก่ทหารทั้งปวง แล้วอยู่ด่านฌ้อฮุนก๋วนคืนหนึ่ง ครั้นรุ่งขึ้นก็ยกทัพเดินทางได้พันเส้น มาถึงด่านตองก๋วนสั่งให้ตั้งค่ายมั่นอยู่
๏ ฝ่ายอิหุยเหลงซึ่งเป็นนายด่านตองก๋วนมีบุตรชื่ออิตักหนึ่ง อิเอียวหนึ่ง อิก๋องหนึ่ง อิเสี้ยนหนึ่ง อิเต๊กหนึ่ง ห้าคนด้วยกัน แต่อิเต๊กนั้นไปเรียนวิชาความรู้อยู่ชายทะเล อิหุยเหลงกับบุตรสี่คนอยู่รักษาด่าน ทหารเข้ามาแจ้งว่า เกียงจูแหยยกทัพมาตั้งค่ายอยู่หน้าด่าน อิหุยเหลงแจ้งดังนั้น จึงปรึกษากับบุตรทั้งสี่ว่า ทัพบูอ๋องยกมาครั้งนี้ มีชัยเรียดมาตามทางซึ่งเราจะออกต่อสู้ด้วยนั้น จะต้องทำให้เต็มมือจึงจะได้ บุตรทั้งสี่จึงว่า ซึ่งบิดามาครั่นคร้ามดังนี้หาควรไม่ ความคิดแลฝีมือเกียงจูแหยก็แต่เพียงนั้น เพราะนายด่านฌ้อฮุนก๋วนฝีมืออ่อนจึงหักเข้ามาได้ ที่จะข้ามด่านอันนี้ไปนั้นยากแล้ว
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยเมื่อมาตั้งค่ายประชิดติดด่านอยู่นั้น จึงถามทหารทั้งปวงว่าผู้ใดจะเข้าตีหักเอาด่านได้ ไทหลวนทหารโทรับว่าข้าพเจ้าจะอาสา เกียงจูแหยเกณฑ์ทหารให้ไทหลวน ไทหลวนก็ขึ้นม้าถือทวนคุมทหารยกออกไป ชาวด่านเห็นก็เข้าไปแจ้งกับอิหุยเหลงว่า ทหารเกียงจูแหยยกเข้ามาถึงกำแพงด่าน อิตักนั่งอยู่กับอิหุยเหลงผู้บิดาได้ยินดังนั้นก็แต่งตัวห่มเสื้อแดงใส่เกราะเงิน ถือทวนขึ้นม้าคุมทหารขับออกมานอกด่าน ไทหลวนเห็นจึงถามว่าท่านชื่อใด อิตักบอกว่าเราชื่ออิตักเป็นบุตรอิหุยเหลงนายด่านตองก๋วน รู้ว่าเกียงจูแหยเป็นคนกบฏ มาทำให้อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน เราออกมานี้จะใคร่พบเกียงจูแหยตัวท่านนั้นชื่อไรเล่า ไทหลวนจึงว่าตัวเราชื่อไทหลวน เกียงจูแหยนายเราถือรับสั่งพระเจ้าบูอ่อง มาปราบศัตรูแผ่นดินให้ราบคาบ อาณาประชาราษฎรจะได้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งท่านเจรจาดังนี้เห็นจะพากันตายเสียสิ้นทั้งด่าน อิตักได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ขับม้ารำทวนตรงเข้าไป ไทหลวนก็ขับม้าออกรบกับอิตักได้สามสิบเพลง อิตักชักม้าหนีไทหลวนไล่ตามไป อิตักขว้างด้วยกระบองถูกไทหลวนตกม้าตาย แล้วตัดเอาศีรษะไทหลวนเข้าไปให้บิดา อิหุยเหลงสั่งให้เอาศีรษะไทหลวนไปเสียบไว้หน้าด่าน ทหารไทหลวนเห็นนายตาย จึงเข้าไปแจ้งความแก่เกียงจูแหย เกียงจูแหยรู้ดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าไทหลวนตายแล้ว ทหารผู้ใดจะออกรบต่อไป เชาฮูคำนับแล้วจึงว่า ข้าพเจ้าจะอาสาเขาตีด่านให้จงได้ เกียงจูแหยก็จัดทหารให้ เชาฮูก็ขึ้นม้าออกมาหน้าด่านตองก๋วน เรียกอิหุยเหลงให้มารบกัน อิหุยเหลงก็ให้อิเอียวคุมทหารออกมา เชาฮูเห็นจึงถามว่าท่านชื่อใด อิเอียวบอกว่าเราชื่ออิเอียวเป็นบุตรอิหุยเหลง ตัวท่านนั้นชื่อไรเล่า เชาฮูบอกว่าเราชื่อเชาฮู อิเอียวจึงว่าข้าพเจ้าไม่รู้จักได้ยินแต่ชื่อท่านเป็นถึงบิดานางขันกี พระเจ้าติวอ๋องก็เลี้ยงท่านเป็นผู้ใหญ่ เหตุใดจึงไปเข้าด้วยพวกกบฏดังนี้หาควรไม่ ท่านจงคิดกลับใจความผิดเสีย หาความชอบคืนดังเก่าเถิด เชาฮูได้ยินดังนั้นก็โกรธ ว่าการถึงสิบส่วนพระเจ้าบูอ๋องทำได้แปดส่วนเก้าส่วนแล้ว ทำไมกับด่านนิดหนึ่งเท่านี้ ก็ขับม้าเข้ารบกับอิเอียว รบกันได้สามสี่เพลง อิเอียวเอาธงโบกขึ้นตัวแลม้าก็หายไป เชาฮูไม่เห็นอิเอียวได้ยินแต่เสียงเท้าม้ามาข้างหลัง เชาฮูเอี้ยวตัวหันหน้าไปดู อิเอียวเอาทวนแทงถูกสีข้างเชาฮูตกม้าตายดวงจิตนั้นก็อยู่ห้องสินไต้ อิเอียวก็ตัดเอาศีรษะเชาฮูไปให้เสียบประจานไว้ ทหารเชาฮูก็เข้าไปแจ้งความกับเกียงจูแหย เกียงจูแหยมีความเสียดายทหารทั้งสองยิ่งนัก
๏ ขณะนั้นเชาชวนต๋งผู้บุตรเชาฮูแจ้งว่าบิดาตาย ร้องไห้เข้ามาคำนับเกียงจูแหย ว่าข้าพเจ้าจะขอไปรบแก้แค้นแทนบิดา แล้วถือทวนขึ้นม้าคุมทหารออกมาหน้าด่าน จึงเรียกอิเอียวให้ออกมารบกัน อิก๋องได้ยินดังนั้น ก็ขึ้นม้าพาทหารออกมานอกด่าน เชาชวนต๋งเห็นก็ขับม้าเข้ามาเอาทวนแทงอิก๋อง อิก๋องเอาทวนรับไว้รบกันได้ยี่สิบเพลง อิก๋องชักม้าหนี เชาชวนต๋งมีความโกรธชักม้าไล่ตามไป อิก๋องเอาทวนพุ่งไปห้าเล่ม ทวนนั้นถูกเชาชวนต๋งสองเล่ม เชาชวนต๋งหนีไปเข้าค่าย อิก๋องกลับไปแจ้งแก่บิดาทุกประการ อิหุยเหลงจึงว่าแก่บุตรทั้งสี่คนว่า เวลาพรุ่งนี้เราจะยกออกไปตีค่ายเกียงจูแหยให้แตกจงได้ แล้วจัดแจงทหารพร้อมไว้ ครั้นรุ่งเช้าอิหุยเหลงกับลูกชายทั้งสี่ ขึ้นม้าพาทหารออกมาถึงหน้าค่ายแล้วจุดประทัดตีม้าฬ่อฆ้องกลองขึ้นพร้อมกัน เกียงจูแหยได้ยินเสียงฆ้องกลองเอิกเกริกมาเป็นอันมาก ก็คุมทหารยกไปหน้าค่าย อิหุยเหลงเห็นดังนั้น ก็คิดว่าได้ยินแต่คำเล่าลือมา พึ่งได้เห็นกระบวนทัพเกียงจูแหยวันนี้ อิหุยเหลงขับม้าขึ้นไปหน้าทหาร แล้วยอบตัวลงคำนับเกียงจูแหยถ้อยทีถ้อยคำนับกัน เกียงจูแหยจึงว่าเราถือรับสั่งพระเจ้าบูอ๋องมาปราบศัตรูให้ราบคาบ บำรุงแผ่นดินให้อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ถ้าผู้ใดเป็นเสี้ยนหลามมิได้อ่อนน้อมเหมือนคนหาชีวิตไม่ อันพระเจ้าบูอ๋องยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ผู้ซึ่งขัดแข็งอยู่ไม่สามิภักดิ์นั้น ถึงจะเป็นดวงแก้วอยู่ในศิลาก็คงจะละเอียดไป ท่านจงตรึกตรองดูเถิด อิหุยเหลงหัวเราะแล้วว่า ท่านเดิมแต่ก่อนเป็นคนอนาถา ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเท่าใด รู้แต่ล่อลวงคนให้เป็นกบฏ มาพากันเป็นบ้ายศยกย่องกันเอง ซึ่งมาพบเราวันนี้มิให้เหลือกลับไป แต่ที่จะฝังตัวก็จะไม่มีเสียอีก แล้วร้องว่ากับทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาจับตัวเกียงจูแหยได้ เราจะปูนบำเหน็จจงมาก อิตักได้ยินดังนั้นก็ขับม้าออกไปหน้าทหาร เชาชวนต๋งเห็นก็ขับม้าออกมารบกับอิตัก อิตักเอาทวนแทงถูกเกราะเชาชวนต๋งตกลงจากม้า อิตักกลับม้ามาจะแทงอีก หลุยจินจู๊เห็นดังนั้นจึงบินขึ้นเอากระบองทองตีศีรษะอิตัก อิตักจึงเอาทวนขึ้นรับไว้ แล้วกลับมารบกันกับหลุยจินจู๊ อิก๋องเห็นดังนั้นก็ออกไปป้องกัน เชาชวนต๋งเข้ามาในค่าย อิหุยเหลงเห็นอิตักผู้บุตรรบกันอยู่กับหลุยจินจู๊ อิหุยเหลง อิเอียว อิก๋อง อิเสี้ยน ก็ขับม้าตรงเข้าไปจะจับเกียงจูแหย โลเฉีย อึ้งปวยฮอ บูกิด เตงสิ้ว ทหารทั้งสี่นายเห็นดังนั้นก็สกัดขวางออกมา โลเฉียเข้ารบกับอิหุยเหลง อึ้งปวยฮอรบกับอิเสี้ยน บูกิดรบกับอิเอียว เตงสิ้วรบกับอิอ๋อง ทหารทั้งแปดนายถ้อยทีรบกันเป็นสามารถ
๏ ฝ่ายเอียวเจี้ยนคุมลำเลียงตามมาถึง เห็นทหารรบกันตะลุมบอนอยู่ ก็ขับทหารเข้าช่วยเกียงจูแหยรบ แล้วเอียวเจี้ยนอ่านมนต์เป็นสุนัขเข้ากัดคออิหุยเหลงหวะออก ทั้งเกราะแลเนื้อติดปากสุนัข อิหุยเหลงมีความเจ็บเป็นกำลังหนีกลับเข้าด่าน โลเฉียเห็นอิหุยเหลงหนีไปแล้ว ก็มาช่วยเตงสิ้วรบเอากำไลทิ้งถูกหลังอิก๋อง อิก๋องทนความเจ็บมิได้ก็หนีเข้าด่าน อิเอียวกับอิเสี้ยนเห็นน้อยตัวเหลือกำลังที่จะสู้รบ ต่างคนก็ขับม้าหนี ทหารเกียงจูแหยไล่ฆ่าฟันชาวด่านล้มตายเป็นอันมาก พอเวลาค่ำเกียงจูแหยเลิกทหารกลับเข้าค่าย
๏ ฝ่ายอิหุยเหลงสุนัขกัดหวะออกไป อิก๋องถูกกำไลโลเฉีย พ่อลูกมีความเจ็บเป็นสาหัส พออิเต๊กซึ่งไปเรียนความรู้ ณ ชายทะเลกลับมาถึงด่านตองก๋วน เข้าไปคำนับบิดา อิหุยเหลงเล่าความซึ่งเกียงจูแหยยกมาตีด่าน แลรบพุ่งกันให้ฟังทุกประการ อิเต๊กได้ฟังดังนั้นจึงว่าบิดาอย่ากลัวเลย ข้าพเจ้าจะขอต่อสู้กับข้าศึกเอง แล้วเอายามาละลายน้ำให้พี่ชายกับบิดากินซึ่งความเจ็บนั้นก็หายไป ครั้นเวลาเช้าอิเต๊กออกไปนอกด่าน เรียกเกียงจูแหยให้มารบกัน เกียงจูแหยคุมทหารออกมาจากค่าย แล้วถามว่าตัวท่านชื่อไรมาแต่ไหน อิเต๊กจึงว่าเราชื่ออิเต๊ก เป็นบุตรสุดท้องอิหุยเหลง เวลาวานนี้เรายังไม่ทันมาถึง ท่านทำบิดากับพี่ชายของเราได้ความเจ็บปวดเป็นสาหัส วันนี้เราจะมาแก้แค้น แล้วอิเต๊กเดินตรงเข้าไปเงื้อกระบองตีเอากระบี่จะฟันเกียงจูแหย เอียวเจี้ยนรำกระบี่เข้ารับไว้ โลเฉียสำแดงกายสามศีรษะหกมือถือทวนจะเข้าแทงอิเต๊ก หลุยจินจู๊ อุยฮอ กิมเฉีย บกเฉีย หลีเจ้งเข้าล้อมอิเต๊กไว้ แล้วร้องว่าจับอ้ายเด็กน้อยให้ได้ ถึงมันจะมีวิชาสิ่งไรหาทันใช้ไม่ เอียวเจี้ยนขึ้นเกาทัณฑ์ยิงไปถูกอิเต๊กมีความเจ็บปวดเป็นสาหัส ร้องขึ้นได้คำหนึ่งแล้วก็แทรกแผ่นดินหนีไป เกียงจูแหยก็ยกทหารกลับเข้าค่าย เอียวเจี้ยนจึงว่ากับเกียงจูแหยว่า อิเต๊กคนนี้มีความรู้วิเศษต่างๆ ท่านอย่าประมาทรักษาตัวจงดี เกียงจูแหยจึงว่าอาจารย์สั่งเราไว้อยู่ว่าให้ระวังตัวคนชื่ออิเต๊ก อิเอียว อิก๋อง อิเสี้ยน อิเต๊ก แล้วจะเป็นพวกนี้ดอกกระมัง
๏ ฝ่ายอิเต๊กเข้ามาในด่านมีความแค้นเป็นอันมาก จึงว่ากับบิดาว่า ข้าพเจ้าจะคิดทำด้วยความรู้ให้ข้าศึกตายทั้งสิ้น แต่คนหนึ่งก็มิให้เหลือไป แล้วให้พี่ชายทั้งสี่ไปอาบน้ำชำระตัวนุ่งใหม่ห่มใหม่ แล้วเอาถุงผ้าสีต่างกันห้าถุงปูลงไว้ จึงเอาถังใส่น้ำมันมาห้าใบ เอาสะเก็ดฝีแช่ลงไว้ เวลากลางคืนอิเต๊กทำเลขยันต์เผาให้ควันเข้าไปในค่ายเกียงจูแหย ตัวนั้นก็เหาะขึ้นไปบนอากาศเอาน้ำในถุงประเข้าไปในค่าย พวกทหารทั้งปวงบันดาลถูกน้ำสลบไปสิ้น แต่เอียวเจี้ยนนั้นระวังตัวอยู่ด้วยรู้ว่า อิเต๊กมีความรู้มาก เวลากลางคืนมิได้อยู่ในค่าย โลเฉียนั้นเกิดด้วยดอกบัวจึงหาเป็นอันตรายไม่ ครั้นเห็นนายทัพนายกองไม่รู้สมประดีทั้งสิ้น โลเฉียกับเอียวเจี้ยนก็เที่ยวตรวจตรารักษาค่ายทั้งกลางวันกลางคืน ไม่เป็นอันที่จะหลับนอนมาหลายวัน นายทหารทั้งสองจึงปรึกษากันว่า พระเจ้าบูอ๋องเกียงจูแหยกับไพร่ทั้งปวงเป็นดังนี้ถึงห้าวันแล้ว ถ้าอิหุยเหลงยกมาทำอันตรายเห็นจะเสียทีแก่ข้าศึกเป็นมั่นคง ต่างคนมีความวิตกเป็นทุกข์อยู่
๏ ฝ่ายอิหุยเหลงครั้นครบหกวัน พาบุตรทั้งห้าขึ้นไปบนกำแพงด่าน แลดูในค่ายเกียงจูแหยเงียบสงัดไปแต่ควันไฟก็ไม่มี เห็นแต่ธงปักอยู่ อิตักจึงว่าเราได้ทีแล้ว ยกทหารออกไปฟังเสียงแล้วจงฟันเสียให้สิ้นทั้งกองทัพเถิด เห็นว่าจะตัดศึกเมืองไซรกีขาด มีความชอบในพระเจ้าติวอ๋องเป็นอันมาก อิเต๊กจึงตอบว่าพี่จะให้เหนื่อยมือทหารหาต้องการไม่ แล้ววิชาของเราจะกลับไป นิ่งไว้ให้ตายเองทั้งหมดดีกว่า ด้วยบุญพระเจ้าบูอ๋องซึ่งจะได้เป็นเจ้าจึงเผอิญให้อิเต๊กขัดไว้
๏ ฝ่ายเอียวเจี้ยนจึงว่ากับโลเฉียว่า เกียงจูแหยไม่หายใจแล้วแต่อกยังอุ่นอยู่เราจะคิดประการใด พอว่าขาดคำลงแลขึ้นไปบนอากาศเห็นอุยหยงจินหยินขี่นกกระเรียนมา เอียวเจี้ยนกับโลเฉียออกไปรับเข้ามาในค่าย อุยหยงจินหยินถามเอียวเจี้ยนว่าอาจารย์ท่านมาแล้วหรือยัง พอแลเห็นหยงเต๋งจินหยินมาถึงประตูค่าย เอียวเจี้ยนจึงว่าอาจารย์มาแล้ว ก็ออกไปคำนับ หยงเต๋งจินหยินเข้าไปเห็นเกียงจูแหยแล้วทอดใจใหญ่ จึงเรียกเอียวเจี้ยนเข้ามาสั่งว่า ท่านรีบไปเอายาที่เขาโหยหุนต๋งมาโดยเร็ว เอียวเจี้ยนคำนับอาจารย์แล้วแทรกแผ่นดินไป ถึงเขาโหยหุนต๋ง พอพบศิษย์ฮวดหงีเซ่งหยิน จึงเล่าความให้ฟัง แล้วว่าท่านช่วยบอกอาจารย์ด้วย ศิษย์ก็เอาความไปบอกกับอาจารย์ อาจารย์สั่งให้หาตัวเอียวเจี้ยนเข้ามา แล้วอาจารย์ฮวดหงีเซ่งหยินปรึกษากับอาจารย์สินหยงว่า พระเจ้าบูอ๋องเป็นคนมีบุญ จะได้บำรุงแผ่นดินสืบไป แต่กรรมยังมีอยู่จึงเกิดเหตุ นั้นก็เป็นธุระของเราแล้ว ฮวดหงีเซ่งหยินเอายามาให้สามเม็ด เม็ดหนึ่งให้พระเจ้าบูอ๋อง เม็ดหนึ่งให้เกียงจูแหย เม็ดหนึ่งละลายน้ำประทหารทั้งปวง เอียวเจี้ยนรับยาจากอาจารย์แล้ว ก็แทรกแผ่นดินกลับมาถึงค่าย จึงเอายาสามเม็ดมาให้หยงเต๋งจินหยิน ทำตามคำฮวดหงีเซ่งหยินสั่ง พระเจ้าบูอ๋องเกียงจูแหยทหารทั้งปวงก็ฟื้นขึ้นดังเก่า