๒๕
๏ ฝ่ายฮั่นเอ๋งซึ่งเป็นนายด่านฮำจุยก๋วน แจ้งกิตติศัพท์ว่าบุนอ๋องได้เกียงจูแหยไว้ ก็มีหนังสือบอกไปถึงปิกัน ปิกันก็เข้าไปกราบทูลพระเจ้าติวอ๋อง ตามหนังสือฮันเอ๋งทุกประการ แล้วว่าเกียงจูแหยเป็นคนมีปัญญาใจกล้าหาญ เห็นจะคิดกบฏทำศึกใหญ่ ซ่องเฮกเฮ้าก็คิดกบฏอยู่เมืองตังลู้ งกจงฮูก็ยกทหารมารบอยู่ที่ด่านลำสาน ครั้งนี้เห็นบ้านเมืองวุ่นวายมาก ทั้งฝนฟ้าก็ไม่ตก ไพร่บ้านพลเมืองขัดสนด้วยเสบียงอาหารได้ความยากแค้น เงินทองในท้องพระคลังก็เบาบาง บุนไทสือซึ่งยกไปปราบข้าศึกฝ่ายเหนือนั้น การศึกก็ยังติดพันกันอยู่ ขอให้ทรงคิดตรึกตรองจงหนัก พระเจ้าติวอ๋องได้ฟังแล้วตรัสว่า เราจะปรึกษาด้วยขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยก่อน
๏ ขณะนั้นซ่องเฮ่าเฮ้าซึ่งทำการลกไต๋พระที่นั่งเย็น เร่งทำทั้งกลางคืนกลางวัน สองปีกับสี่เดือน การลกไต๋นั้นแล้วเสร็จ จึงกราบทูลพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องก็ดีพระทัย แล้วตรัสสรรเสริญซ่องเฮ่าเฮ้าว่า ผิดจากท่านแล้วไม่เห็นใครจะทำการลกไต๋ให้แล้วเร็วเหมือนท่านได้ พระเจ้าติวอ๋องจึงเอาความในหนังสือบอกฮั่นเอ๋งนั้นปรึกษาซ่องเฮ่าเฮ้าว่า เกียงจูแหยหนีไปอยู่เมืองไซรกี บุนอ๋องชุบเลี้ยงให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ซ่องเฮ่าเฮ้าจึงทูลว่า บุนอ๋องกับเกียงจูแหยอุปมาเหมือนหิ่งห้อย จะมีรัศมีสว่างสักเท่าใด ไม่ช้านานก็จะมืดหายแสง ถ้าจะให้ยกกองทัพใหญ่ไปจับบุนอ๋องครั้งนี้ ข้าพเจ้าเห็นชาวเมืองจะหัวเราะเล่น อย่าได้ทรงคิดวิตกเป็นพระราชธุระอยู่เลย ขอเชิญเสด็จไปชมพระที่นั่งเย็นให้สบายพระทัยเถิด พระเจ้าติวอ๋องทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า เราจะพานางขันกีออกไปด้วย จึงสั่งให้เตรียมรถ พร้อมด้วยขุนนางแห่แหนเป็นอันมาก พระเจ้าติวอ๋องกับนางขันกีขึ้นนั่งในรถเดียวกัน พระสนมทั้งปวงก็ตามเสด็จไปทอดพระเนตรพระที่นั่งเย็น งามประหนึ่งวิมานฟ้า แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งเย็น พระเจ้าติวอ๋องพระราชทานสุราให้ปิกันกับซ่องเฮ่าเฮ้ากินสุราสนุกสบาย แล้วขุนนางทั้งสองก็กราบถวายบังคมลา ลงจากลกไต๋ไปบ้าน
๏ ขณะนั้นพระเจ้าติวอ๋องเสวยสุรากับนางขันกีพลางถามว่า แต่ก่อนเจ้าบอกว่าลกไต๋นี้ จะมีเทพยดาพานางฟ้ามาเที่ยวเล่นนั้นจะมาจริงหรือ นางขันกีจึงทูลว่าวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงเมื่อใดเทพยดาจะพานางฟ้ามาชมพระที่นั่งลกไต๋ และซึ่งนางขันกีทูลไว้แต่ก่อนนั้นหวังจะแก้แค้นแทนนางปีแป๋ จึงเขียนพระที่นั่งลกไต๋ถวาย แกล้งจะฆ่าเกียงจูแหยเสีย พระเจ้าติวอ๋องมิได้รู้กลนางขันกีก็เชื่อ จึงให้ทำลกไต๋เพื่อจะใคร่ชมนางฟ้า แต่วันนั้นมาพระเจ้าติวอ๋องก็เสด็จขึ้นเสวยสุราบนพระที่นั่งลกไต๋ทุกวัน ครั้นถึงเดือนสิบเอ็ดขึ้นสิบสามค่ำเวลาสามยาม นางขันกีเห็นพระเจ้าติวอ๋องบรรทมหลับสนิท จึงแปลงเพศเป็นปีศาจเสือปลาออกนอกกำแพงเมืองจิวโก๋ ไปเที่ยวหาเพื่อนกัน พบฮีบีปีศาจไก่เก้าหัวก็ดีใจ ฮีบีปีศาจถามว่าพี่ไปอยู่ในพระราชวังสบายอยู่หรือ น้องอยู่ที่นี้หนาวเย็นลำบากนัก ปีศาจเสือปลาจึงว่า แต่พี่จากน้องไปอยู่ในวังกับพระเจ้าติวอ๋องก็เป็นสุขสบายอยู่ แต่คิดถึงน้องมิได้ขาด บัดนี้พี่ทูลไว้กับพระเจ้าติวอ๋องว่า เทพยดาจะพานางฟ้าลงมาชมพระที่นั่งเย็น เจ้าจงพาพวกพ้องแปลงเป็นเทพยดาและนางฟ้าไปยังลกไต๋ จะได้กินเหล้ากับพระเจ้าติวอ๋องเล่นสนุกสบาย ปีศาจไก่เก้าหัวก็รับคำ จึงว่าข้าจะชักชวนเพื่อนเข้าไปสามสิบเก้าคน ปีศาจเสือปลาสั่งกำชับแล้ว ก็กลับไปในพระราชวัง แปลงเป็นนางขันกีนอนแอบข้างพระเจ้าติวอ๋องอยู่จนสว่าง
๏ ครั้นรุ่งเช้าพระเจ้าติวอ๋องตรัสกับนางขันกีว่า พรุ่งนี้เป็นวันสิบห้าค่ำ พระจันทร์เต็มดวงเห็นเทวดาจะพานางฟ้าลงมาหรือไม่ นางขันกีจึงทูลว่าเห็นจะมา ขอให้แต่งโต๊ะไว้เลี้ยงเทวดาสามสิบเก้าโต๊ะ พระองค์ได้เสวยสุรากับเทวดา พระชันษาก็จะยืนนาน พระเจ้าติวอ๋องดีพระทัยนัก จึงถามว่าถ้าเทวดาลงมา จะให้ขุนนางมากินโต๊ะด้วยหรือไม่ นางขันกีทูลว่าจะกินโต๊ะกับเทวดาได้แต่ขุนนางผู้ใหญ่ พระเจ้าติวอ๋องจึงให้หาปิกันไปที่นั่งลกไต๋ แล้วตรัสว่าพรุ่งนี้เชิญอามากินเหล้ากับพวกเทวดา ปิกันได้ฟังดังนั้นจึงคิดในใจว่า เหตุไรมนุษย์จะได้มากินเหล้ากับเทวดาผิดนัก พระเจ้าติวอ๋องลุ่มหลงไปดังนี้ ก็ถอนใจใหญ่แหงนหน้าดูฟ้าแล้วรำพึงเห็นว่าแผ่นดินจะไม่เป็นสุข แล้วปิกันก็กลับไปบ้าน
๏ ครั้นรุ่งขึ้นวันสิบห้าค่ำ พระเจ้าติวอ๋องสั่งให้แต่งโต๊ะสามสิบเก้าตั้งไว้เป็นแถว แล้วรำพึงว่าเมื่อไรจะค่ำจะได้ดูเทวดาเล่น ครั้นพลบค่ำปิกันก็แต่งตัวใส่เสื้อตามยศเข้าไปคอยอยู่ใต้พระที่นั่ง พระเจ้าติวอ่องเห็นพระจันทร์ขึ้นสว่าง ก็ดีพระทัยดังได้แก้วสารพัดนึก จูงมือนางขันกีเสด็จเที่ยวดูเครื่องโต๊ะ แล้วทรงนั่งคอยท่าเทวดาอยู่ นางขันกีจึงทูลว่า ถ้าเทวดาพานางฟ้าลงมาแล้ว อย่าเสด็จไปทอดพระเนตรให้ใกล้ เกลือกว่าเทวดาจะตกใจจะไม่มาอีก
๏ ฝ่ายฮีบีกับพวกปิศาจเสือปลา ก็ชวนกันแปลงเพศเป็นเทวดาและนางฟ้าพากันไปยังลกไต๋ บังเกิดเสียงดังลมพัด นางขันกีจึงกราบทูลว่าเทวดามาแล้ว พระเจ้าติวอ๋องทอดพระเนตรเทวดา นางฟ้าใส่เสื้อหมวกสีต่างๆ งามดังฤษี ชอบพระทัยนักแล้วได้ยินพูดกันว่า พวกเราลงมาวันนี้ พระเจ้าติวอ๋องพระราชทานโต๊ะให้เรากินบนพระที่นั่งเย็นสบาย บ้านเมืองของพระองค์จงอยู่เย็นเป็นสุข ให้พระชนมายุยืนนานได้หมื่นปีเถิด
๏ ฝ่ายนางขันกีจึงร้องสั่งให้ปิกันกินโต๊ะด้วยเทวดา ปิกันเห็นรูปโฉมเทวดาดูงดงาม ก็เข้าใจว่าเป็นเทวดานางฟ้าจริงจึงกระทำคำนับ ปีศาจเทวดาก็ถามปิกันว่า ท่านนี้เป็นขุนนางตำแหน่งไหน ปิกันก็บอกว่าเราเป็นขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน รับสั่งให้มากินโต๊ะกับท่าน เทวดาปิศาจจึงว่าเราจะให้พรแก่ท่าน ให้อายุยืนพันหนึ่ง ปิกันยังมิทันตอบประการใด พอได้ยินเสียงข้างในร้องเตือนออกมา ว่าให้กินโต๊ะเลี้ยงกันเถิด ปิกันก็รินสุราเชิญเทวดาสามสิบเก้ากินโต๊ะ พอปิกันได้กลิ่นสาบเสือปลา จึงคิดว่าเทวดาจริงแล้วก็จะมีกลิ่นอันหอม นี่เหม็นสาบอยู่เห็นจะมิใช่เทวดา ปิกันคิดแล้วถอนใจใหญ่ พอนางขันกีให้เอาสุรามาเติมลงเชิญให้กินอีก ปิกันก็เชิญเทวดากินสุราจนเมา ครั้นปิศาจเมาสุราแล้ว เพศก็กลับเป็นเสือปลา ปรากฏเห็นหางออกมาจากเสื้อ ปิกันเห็นหางเสือปลาก็รู้ว่าปิศาจแปลงเพศมา คิดละอายใจนัก ตัวเราเสียแรงเป็นที่ขุนนางผู้ใหญ่ หารู้เท่าปิศาจไม่จะใคร่ตายเสีย นางขันกีแอบอยู่ในมู่ลี่ เห็นปิกันยังไม่เมาสุรา พวกปิศาจเมาก่อน เกรงจะลืมตัวจะกลายเพศเป็นเสือปลาไป จึงสั่งให้ปิกันลงไปเสียจากพระที่นั่ง พวกปิศาจสามสิบเก้าครั้นกินอิ่มแล้วก็ไปสิ้น ส่วนว่าปิกันลงจากพระที่นั่งลกไต๋เดินมาพ้นกำแพงห้าชั้น ก็ขึ้นม้ามีโคมคู่หนึ่งนำหน้าม้ากลับไปบ้าน พอพบอึ้งปวยฮอ อึ้งปวยฮอเห็นปิกันก็ลงจากม้าเข้าไปคำนับแล้วถามว่า ท่านไปไหนมาป่านนี้ ปิกันถอนใจใหญ่แล้วว่า ในเมืองเรานี้ผีปิศาจเข้ามาอยู่มากนัก แล้วเล่าความซึ่งไปกินโต๊ะบนลกไต๋กับด้วยปิศาจให้อึ้งปวยฮอฟังทุกประการ อึ้งปวยฮอจึงว่า ความทั้งนี้ข้าพเจ้าแจ้งอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจะแก้ไขเอง เชิญท่านกลับไปบ้านเถิด อึ้งปวยฮอจึงเรียกฮุยเบ๋งอิวกี๋เลงหวนเหงาเขียนมาแล้วให้คุมทหารยี่สิบคนไปเที่ยวลาดตระเวนดูทั้งสี่ทิศ อิวกี๋ไปพบพวกปิศาจเมาสุราเดินโซเซออกไปเวลากลางคืน บ้างเป็นรูปคนครึ่งหนึ่ง เป็นเสือปลาครึ่งหนึ่ง ไปลงที่หลุมฝังผีนอกเมือง นายทหารทั้งสี่คนก็มาบอกอึ้งปวยฮอ อึ้งปวยฮอจึงจัดแจงคนอีกสามร้อย ให้เอาฟืนและฟางไปเผาหลุมซึ่งปิศาจอาศัยนั้นเสีย
๏ ครั้นเวลารุ่งเช้า อึ้งปวยฮอจึงมาเชิญปิกันให้ออกไปดูที่หลุมฝังผี ปิกันก็เห็นเพลิงยังติดกรุ่นอยู่ แล้วให้เขี่ยซากปิศาจเห็นเป็นเสือปลายังไม่ไหม้ก็เหม็นกลิ่น ที่ไหม้เป็นเถ้าแล้วก็ไม่มีกลิ่น ที่หนังยังดีอยู่นั้น ปิกันก็ให้ลอกเอามาทำเสื้อไว้จะถวายตัวหนึ่ง