๗๖
๏ ฝ่ายฮั่นเอ่งรู้ว่าอาจารย์ตาย ทั้งเสียทหารเอกทหารเลวเป็นอันมาก เห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ ฮั่นเอ๋งให้จัดแจงครอบครัวอพยพหนีจากด่านกีจุยก๋วน ฮั่นเสงฮั่นเปียนผู้บุตรจึงว่าพระเจ้าติวอ๋องชุบเลี้ยงให้บิดาเป็นนายด่าน ครั้นมีศึกมาจะทิ้งด่านเสียเหมือนหนึ่งมิใช่ชายชาติทหาร หามีกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ไม่ ฮั่นเอ๋งจึงว่าเจ้ายังอ่อนแก่ความนักไม่รู้จักฟ้าต่ำดินสูง ธรรมดาคนทั้งปวงย่อมหนีภัยเอาตัวรอดสิ้น ฮั่นเสงได้ฟังก็หัวเราะ จึงว่าบิดาเป็นที่คนนับถือถึงจะตายให้มีชื่อปรากฏไว้ในแผ่นดินจึงจะควร แลข้าพเจ้าได้เรียนวิชาจากอาจารย์ผู้วิเศษชำนิชำนาญขึ้นใจอยู่ จะขอออกรบแทนบิดาสักครั้งหนึ่งฮั่นเสงคิดจะลองวิชาให้บิดาเห็น จึงทำเกวียนกระดาดลงยันต์น้ำดินลมไฟ แล้วฮั่นเสงจับเพลาเกวียนชูขึ้น กงก็เวียนหมุนไปเอง บันดาลให้อาวุธต่างๆ ปลิวตกลงมาจากอากาศแล้วเป็นควันพลุ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน ฮั่นเสงเหาะหายตัวไปตามเปลวเพลิงในเกลียวควัน ฮั่นเอ๋งเห็นก็ตกใจวิ่งเข้าแอบอยู่กับผนังตึก ร้องเรียกหาฮั่นเสงผู้บุตร ฮั่นเสงก็ลงมาหาบิดา ควันแลอาวุธซึ่งตกลงมานั้นก็สูญหายไปสิ้น ฮั่นเอ๋งจึงว่าเราไม่รู้ว่าเจ้ามีวิชาการถึงเพียงนี้ ซึ่งจะออกสู้กับเกียงจูแหยนั้น จะให้เกณฑ์ทหารเข้ากระบวนทัพสักเท่าใด ฮั่นเสงจึงว่าเกียงจูแหยมีทหารมาหกสิบหมื่น ข้าพเจ้าของกองทัพสามพัน จะทำเกวียนกระดาดให้สำหรับตัวทุกคน แต่จะต้องฝึกสอนสักสิบสี่วันจึงจะได้ ฮั่นเสงก็ทำเกวียนกระดาดแจกให้ทหารสามพันฝึกสอนอยู่
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยครั้นล่วงมาถึงด่านกีจุยก๋วน ให้ตั้งค่ายเสร็จแล้ว คุมทหารไปร้องว่าด่านนี้เร่งเปิดประตูด่านรับเรา พอฮั่นเสงฝึกสอนทหารสำเร็จแล้ว ก็พาฮั่นเอ๋งผู้บิดายกออกไป เกียงจูแหยเห็นนายด่านจึงถามว่าท่านชื่อไร ฮั่นเอ๋งบอกว่าเราชื่อฮั่นเอ๋ง นายด่านกีจุยก๋วน เกียงจูแหยจึงว่าท่านจงคำนับเรา แล้วเปิดด่านให้เรา เราจะไปตีเมืองจิวโก๋ ฮั่นเอ๋งจึงว่าท่านอย่าขู่เลยเราหากลัวไม่ ถ้าขืนหักด่านเข้ามาจะให้ฮั่นเสงฆ่าเสียให้สิ้นทั้งกองทัพ เกียงจูแหยได้ฟังก็โกรธ จึงว่ากับทหารทั้งปวง ใครจะอาสาจับตัวฮั่นเอ๋งได้ ฮุยฮอได้ฟังดังนั้นก็ขับม้ารำทวนเข้าไปจะแทงฮั่นเอ๋ง ฮั่นเสงก็ชักม้าแซงขึ้นไปรบกับฮุยฮอได้สามสิบเพลง ฮั่นเสงทำเสียทีชักม้าหนี ฮุยฮอชักม้าไล่ตามฮั่นเสง หันปลายทวนเป็นสำคัญ ทหารที่หัดไว้เห็นดังนั้นจับเพลาเกวียนชูขึ้น กงเกวียนหมุนตามกันไปทั้งสามพันบันดาลเป็นอาวุธต่างๆ ปลิวไปถูกฮุยฮอตกม้าตาย แลอาวุธต้องทหารเกียงจูแหยล้มตายเจ็บป่วยเป็นอันมาก เกียงจูแหยเห็นจะสู้มิได้ให้ถอยทัพคืนเข้าค่าย ตรวจดูรู้ว่าทหารตายประมาณเจ็ดพัน เกียงจูแหยจึงว่าความรู้นี้ประหลาดนัก ทหารที่ในกองทัพเราที่มีฝีมือความรู้ใครจะคิดแก้ไขได้บ้าง ทหารทั้งปวงต่างคนต่างนิ่งอยู่ เกียงจูแหยหามีความสบายไม่ ครั้นเวลาสองยามเศษ ฮั่นเอ๋งก็คุมทหารสามพันเข้าปล้นค่ายเกียงจูแหย บันดาลให้อาวุธตกลงในค่ายเกียงจูแหยดังห่าฝน เกียงจูแหยกับทหารที่มีความรู้พากันหนีออกจากค่าย ที่ไม่มีความรู้นั้นก็ล้มตายเป็นอันมาก เกียงจูแหยหนีไปถึงเขาจวดเหล็กเนีย พอรุ่งขึ้นพบแต้หลุนคุมเสบียงมาส่ง แต้หลุนลงจากม้ามาคำนับเกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงเล่าความซึ่งเสียทีแก่ข้าศึกให้ฟัง แล้วว่าบัดนี้ฮั่นเสงติดตามเรามา ท่านคิดอ่านอย่างไรดี แต้หลุนได้ฟังดังนั้นก็ขึ้นม้าถือทวนลงจากเนินเขา เห็นฮั่นเสงฮั่นเปียนคุมทหารติดตามมา แต้หลุนขับม้าเข้าไปยืนขวางหน้าไว้แล้วว่า เหตุใดตัวจึงองอาจไล่เกียงจูแหยแม่ทัพมาถึงนี่ ฮั่นเสงจึงว่าตัวท่านดีกว่าเกียงจูแหยอีกหรือ มาพูดจาดังนี้จะตายเสียเปล่าหารู้ตัวไม่ แล้วฮั่นเสงฮั่นเปียนเข้ารบกับแต้หลุนหลายเพลง แต้หลุนรบป้องกันแต่ผู้เดียว เห็นจะเอาชัยชนะฮั่นเสง ฮั่นเปียนไม่ได้จึงอึดใจร่ายมนต์เป็นควันออกจากจมูก ไปต้องฮั่นเสง ฮั่นเปียนล้มลงทั้งสองคน ทหารก็เข้าจับตัวฮั่นเสง ฮั่นเปียนพาไปให้เกียงจูแหย เกียงจูแหยมีความยินดีนัก พอบูอ๋องกับมออ๋องซียกมาถึงเขาจวดเหล็กเนียพบเกียงจูแหย เกียงจูแหยก็เล่าความตามซึ่งรบพุ่งกันไปให้บูอ๋องฟัง แล้วตรวจตราทหารที่เหลือตายสมทบทัพบูอ๋องยกกลับมาด่านกีจุยก๋วน ให้เอาตัวฮั่นเสงฮั่นเปียนมาให้ฮั่นเอ๋งดู ฮั่นเอ๋งอยู่บนเชิงเทินเห็นดังนั้นก็ตกใจ ลงมาคำนับเกียงจูแหยว่า ท่านจงปล่อยบุตรข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยอมเปิดด่านให้ท่าน ฮั่นเสงฮั่นเปียนจึงว่า ถึงข้าพเจ้าจะตายก็ตามทีเถิด บิดาอย่าเปิดด่านให้ เดชะความสัจที่ซื่อตรงต่อพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องก็จะให้ยกทัพมาช่วย กลัวอะไรกับเกียงจูแหย เกียงจูแหยได้ฟังก็โกรธ สั่งหลำจงกวดเอาตัวฮั่นเสงฮั่นเปียนไปตัดศีรษะเสีย ฮั่นเอ๋งเห็นดังนั้นก็เสียใจ เอากระบี่เชือดคอตายเสียในขณะนั้น
๏ ฝ่ายราษฎรทั้งปวงรู้ว่าฮั่นเอ๋งตาย ก็ออกมาคำนับเชิญบูอ๋องกับเกียงจูแหยเข้าไปในด่าน แล้วจุดธูปเทียนบูชาทุกหน้าบ้าน บูอ๋องครั้นเข้าไปในด่านให้แต่งโต๊ะเลี้ยงขุนนางนายทหารทั้งปวง ห้ามมิให้ผู้ใดทำอันตรายแก่ชาวด่านทั้งปวง แล้วสั่งให้เอาศพฮั่นเอ๋งกับฮั่นเสงฮั่นเปียนไปฝังตามอย่างธรรมเนียม
๏ ขณะนั้นทองเทียนกาจู๊รู้ว่าบูเสียนอิวหงวนตายก็โกรธ จึงให้อึ้งหองซึ่งเป็นศิษย์ไปตั้งค่ายกลชื่อจูเซียนติ้น ณ ด่านกีจุยก๋วน จะรบกับพวกศิษย์ง่วนสีเทียนจุ๋น แปะเฮาะทองหยีรู้จึงเที่ยวบอกอาจารย์ทั้งปวงไปช่วยตีค่ายจูเซียนติ้น ไท้อิดจินหยินจึงสั่งโลเฉียว่า เจ้าป่วยก็คลายแล้ว จงไปหาเกียงจูแหยก่อน เราจะค่อยตามไปต่อภายหลัง แล้วไท้อิดจินหยินส่งสุราให้โลเฉียสามจอก กับพุทราสามเม็ด โลเฉียรับสุรากับผลพุทราสามเม็ดมากิน แล้วคำนับลาไท้อิดจินหยินออกจากถ้ำขึ้นจักรเหาะไป เหลียวดูตัวข้างเบื้องซ้ายมีมือออกมาอีกสองมือ แลดูข้างขวาก็เป็นเหมือนกัน ลูบหน้าดูหน้ากลายเป็นสามหน้ามือหกมือ โลเฉียตกใจกลับไปถามอาจารย์ไท้อิดจินหยิน ไท้อิดจินหยินหัวเราะแล้วว่าอย่าตกใจเลย เราเห็นว่าเจ้ามีแต่สองมือนั้นจะสู้ข้าศึกมิได้จึงทำให้เป็นหกมือจะมอบอาวุธวิเศษให้อีก ไท้อิดจินหยินก็ให้ระฆังทองใบหนึ่ง อิฐทองแผ่นหนึ่ง ทวนคู่หนึ่ง กระบี่เล่มหนึ่ง แล้วร่ายมนต์ปลุกเสกประสิทธิ์ให้โลเฉีย โลเฉียก็ลาเหาะไป ขณะนั้นอุยเหลงจินหยินมาหาเกียงจูแหยบอกว่า บัดนี้เทวดาอาจารย์ทั้งปวงจะมาช่วยท่านตีค่ายจูเซียนติ้น จงให้ปลูกศาลขึ้นสำหรับจะได้อาศัยตามสมควร เกียงจูแหยจึงสั่งหลำจงกวดให้จัดแจงปลูกศาลเทพารักษ์ พ้นด่านออกไปห้าเส้น
๏ ฝ่ายโลเฉียครั้นมาถึงค่ายที่ด่านกีจุยก๋วน ก็เข้าไปหาเกียงจูแหย เกียงจูแหยเห็นโลเฉียเป็นหกมือสามหน้าแปลกจำไม่ได้ ถามว่าท่านมาแต่ไหน โลเฉียบอกว่าข้าพเจ้าชื่อโลเฉีย แล้วเล่าความทั้งปวงให้เกียงจูแหยฟัง เกียงจูแหยกับนายทัพนายกองทั้งปวง ครั้นรู้ว่าโลเฉียต่างคนชื่นชมยินดี ว่าครั้งนี้เราได้ทหารมีมือหกมือสามหน้าประหลาดกว่าคนทั้งสิ้น เห็นจะตีค่ายจูเซียนติ้นแตกมีชัยชนะแก่ข้าศึกเป็นมั่นคง เกียงจูแหยจึงพาอุยเหลงจินหยินออกไปยังศาลเทพารักษ์ ให้เอาผ้าแพรแดงดาดเพดานกลัดเป็นระบายแขวน พู่พวงกลิ่นโคมแก้วระย้าต่างๆ พื้นปูพรมเจียมจัดแจงสะอาด อุยเหลงจินหยินเกียงจูแหยก็ขึ้นไปบนศาลจุดธูปเทียนอัญเชิญเทพารักษ์
๏ ขณะนั้นเหยียนเต๋งโตหยินกับอาจารย์ทั้งปวงก็มาประชุมพร้อมกันยังศาลเกียงจูแหยคอยถ้าง่วนสีเทียนจุ๋นอยู่ พอได้ยินเสียงประโคมอื้ออึงมาบนอากาศ อาจารย์ทั้งสิ้นรู้ว่าง่วนสีเทียนจุ๋นมา ก็เชิญขึ้นไปนั่งในศาลต่างคำนับห้อมล้อมอยู่ ง่วนสีเทียนจุ๋นแลดูไปในค่ายจูเซียนติ้นเห็นเป็นควันพลุ่งขึ้นมาบ้างเป็นเหมือนสายฟ้าแลบแวบวามไป จึงชี้บอกให้อาจารย์ทั้งปวงดู