๙๐
๏ อยู่มาวันหนึ่งมีคนสองคนมาหาปวยเหลียม ปวยเหลียมดูรูปทรงคนทั้งสองประหลาด คนหนึ่งหน้าเขียวจักขุดังไฟ มีเขี้ยวล่ำสันโตใหญ่ คนหนึ่งหน้าแดงมีจักขุเท่าจาน เขี้ยวแหลมเหมือนกระบี่ ศีรษะมีเขาทั้งสองข้าง ผิดรูปคนทั้งปวงก็ตกใจกลัว จึงถามว่าท่านทั้งสองชื่อไรมาแต่ไหน คนทั้งสองจึงว่าข้าพเจ้าชื่อเกาเบ๋ง ข้าพเจ้าชื่อเกากัก เป็นไพร่อยู่ในเมืองจิวโก๋ รู้ว่าเกียงจูแหยยกกองทัพมาทำอันตรายแก่บ้านเมืองพระเจ้าติวอ๋อง ข้าพเจ้าพี่น้องจะมาทำราชการอาสา ด้วยความกตัญญู ใช่จะเห็นแก่ลาภแลยศถาศักดิ์หามิได้ ปวยเหลียมแจ้งความแล้วก็พาคนทั้งสองเข้าไปทูลพระเจ้าติวอ๋องตามถ้อยคำพระเจ้าติวอ๋องทอดพระเนตรเกาเบ๋งเกากัก เห็นรูปทรงหน้าตาร้ายกาจผิดมนุษย์ ก็เข้าพระทัยว่าเป็นคนมีฤทธิ์ จึงตั้งคนทั้งสองเป็นซินจู๊เซียงเจี๋ยง แปลว่านายทหารใหญ่ พระราชทานสุราให้กิน แล้วจัดทหารให้พอสมควร เร่งรีบไปช่วยอวนหอง ณ ด่านอึ่งฮอเบ๋งจิ๋น ครั้นทหารทั้งสองมาถึงค่ายอวนหอง อวนหองก็เชิญให้นั่งที่สมควรแลดูหน้าก็จำได้ ว่าคนทั้งสองนี้เป็นปีศาจอยู่ต้นไม้บนเขากี๋ปัว คนทั้งสองนั้นก็รู้ว่าอวนหองเป็นผีชะนีอยู่เขาบุ๋นสัน ต่างคนต่างรู้จักชาติตระกูลก็คำนับกันด้วยความยินดี แล้วอวนหองจึงให้เกาเบ๋งเกากักคุมทหารยกไปหน้าค่ายเกียงจูแหย โลเฉียรู้ก็อาสาออกมาเห็นคนทั้งสองแปลกหน้ามาใหม่ จึงถามว่าท่านชื่อไร ทหารทั้งสองก็บอกว่าเราชื่อเกาเบ๋งเกากัก พระเจ้าติวอ๋องใช้มาปราบเสี้ยนศัตรู ผู้ใดเป็นทหารฝีมือดีก็เร่งมาสู้กับเรา โลเฉียโกรธก็แปลงตัวเป็นสามศีรษะหกมือ ถืออาวุธออกรบกับเกาเบ๋งเกากัก เอากำไลทิ้งถูกหมวกเกากักกระเด็นไป แล้วทำฤทธิ์เป็นมังกรเก้าตัวพ่นพิษเป็นเพลิง ถูกเกาเบ๋งเกากักหายไป โลเฉียก็กลับมาบอกเกียงจูแหย ว่าทหารทั้งสองตายแล้ว เกาเบ๋งเกากักครั้นหนีโลเฉียไปถึงค่าย จึงบอกอวนหองว่าทหารเกียงจูแหยมีฝีมือแลความรู้มาก จะขอหยุดระลึกวิชาเสียก่อน พรุ่งนี้จึงจะออกมารบ ครั้นเช้าเกาเบ๋งเกากักก็ออกไปยังสนามรบ เกียงจูแหยรู้จึงถามโลเฉียว่า วานนี้ท่านบอกเราว่าทหารทั้งสองตายแล้ว เหตุไรจึงกลับมาอีกเล่า โลเฉียจึงว่าข้าพเจ้าไม่เห็นตัวมัน ก็เข้าใจว่าถูกพิษมังกรตาย ซึ่งมันหายไปนั้นจะมีฤทธิ์ดำดินไปได้ก็มิได้รู้ ข้าพเจ้าบอกท่านนั้นผิดแล้ว ขอท่านได้งดโทษข้าพเจ้าเถิด
๏ ขณะเมื่อเกียงจูแหยพูดกับโลเฉียนั้น เกาเบ๋งได้ยินบอกกับเกากักผู้น้อง อันเกาเบ๋งนั้นหูได้ยินไกลถึงหมื่นสองพันห้าร้อยเส้น เกากักนั้นจักขุเห็นไกลได้หมื่นสองพันห้าร้อยเส้น
๏ ขณะนั้นเกียงจูแหยจัดแจงทหารที่มีฝีมือหกร้อยคนพร้อมแล้วเกียงจูแหยก็ยกออกมา เห็นทหารทั้งสองหน้าตาร้ายกาจ จึงว่าเมืองจิวโก๋จะเป็นของเราแล้ว ท่านยังจะองอาจมาต่อสู้กับเราอีกหรือ เกาเบ๋งหัวเราะแล้วว่า ท่านก็อยู่ที่เขากุนหลุน ไม่มีความรู้วิชาอะไร จะสู้เราที่ไหนได้ แล้วก็รุกไล่เกียงจูแหย เกียงจูแหยก็ให้เอียวหยิมลิเจ้งออกต่อสู้ เอียวเจี้ยนยืนดูอยู่แต่ไกล จึงร้องบอกลิเจ้งเอียวหยิมว่าทหารทั้งสองนั้นเป็นปีศาจมิใช่มนุษย์ ให้ระวังตัวจงดี เอียวหยิมจึงอ่านอาคมเอาพัดโบกเป็นไฟไปถูกเกาเบ๋ง ลิเจ้งจึงเอากะทะทองตีเอาเกากัก ทหารทั้งสองก็สำแดงฤทธิ์เป็นควันขึ้นแล้วหายตัวไป อวนหองเห็นเกาเบ๋งเกากักสู้ทหารเกียงจูแหยไม่ได้หนีมาจึงให้ง่อเหลงกับเซียงเฮาไปรบ เกียงจูแหยจึงให้โลเฉียกับเอียวเจี้ยนออกสู้
๏ ขณะเมื่อทหารทั้งสองฝ่ายยังสู้รบติดพันกันอยู่ อวนหองเห็นช้าไปจึงจับกระบองเหล็ก ขึ้นม้าออกจากค่ายเข้าไล่ตีเกียงจูแหย หลุยจินจู๊กับอุยฮอทหารเกียงจูแหย ก็ออกมาสกัดรับรองไว้ แล้วเอากระบองตี อวนหองหลบได้ถูกม้าที่ขี่ล้มลง อวนหองกลัวฝีมือทหารทั้งสอง ก็อ่านมนต์นี้หายตัวไป แล้วโลเฉียอ่านมนต์เป็นเพลิงล้อมง่อเหลงไว้ ง่อเหลงก็สำแดงฤทธิ์หายไป เอียวเจี้ยนจึงทำเป็นสุนัขโตใหญ่ วิ่งไปจะกัดเซียงเฮา เซียงเฮาตกใจกลัวก็หายตัวไป เกียงจูแหยแลทหารทั้งปวงได้ชัยชนะ ก็ให้ตีม้าล่อสัญญากลับเข้าค่าย เอียวเจี้ยนจึงเข้าไปหาเกียงจูแหย แล้วว่าเดิมอาจารย์สั่งมาว่า ถ้ายกไปถึงด่านเบ๋งจี๋น จะมีสัตว์เจ็ดตัวแปลงเป็นคนมารบอย่าให้ไว้ใจ แลบัดนี้อวนหองแลทหารมารบกับพวกเรา ครั้นเสียทีแล้วหายไปหาจับตัวได้ไม่ ซึ่งจะรบกับอวนหองสืบไปนั้น ขอท่านจงคิดอ่านด้วยกลอุบายอันดีจึงจะชนะ เกียงจูแหยจึงว่าซึ่งท่านให้สติตักเตือนนั้นก็ขอบใจแล้ว แลการซึ่งจะต่อสู้อวนหองแลทหารทั้งปวงนั้นเป็นธุระเราจะคิดเองอย่าวิตกเลย ครั้นค่ำเกียงจูแหยจึงหาลิเจ้ง หลุยจินจู๊ เอียวหยิม เอียวเจี้ยนมาสั่งให้ไปที่สนามรบ จงเอาไม้โถปิดยันต์ปักไว้ แล้วให้เอาเลือดสุนัขดำไก่ดำปะไม้ด้วย ท่านจงทำดังนี้อีกสามแห่ง กับให้ทหารเลวหาของโสโครกไว้ทุกคน ถ้าเห็นอวนหองยกมารบเมื่อใด จึงให้เอาของโสโครกเทสาดไปให้ทั่วทั้งที่รบ ทหารสี่คนก็ไปทำตามสั่งทุกประการ ครั้นรุ่งขึ้นเกียงจูแหยก็พาทหารไปหน้าค่าย ให้ร้องเรียกเกาเบ๋งเกากักได้ยินก็ออกมา เห็นเกียงจูแหยแล้วว่าเรารู้เท่าท่านอยู่ ท่านเป็นลูกศิษย์อาจารย์เขากุนหลุน ดีแต่ทำเลขยันต์ เอาเลือดสุนัขไก่ดำมาประพรม กับเอาของโสโครกมาเทสาดไว้เราหากลัวไม่ แล้วก็รำขวานเข้ามาจะฟันเกียงจูแหย บูกิดกับหลำจงกวดขับม้าเข้าสู้ได้สามเพลง เกาเบ๋งหัวเราะแล้วร้องว่าแก่เกียงจูแหยว่า วันนี้หนีเราไม่พ้น แล้วละทหารทั้งสองเสียฟันฝ่าเข้าไปตรงแม่ทัพ โลเฉีย หลุยจินจู๊ ลิเจ้ง เอียวหยิม เห็นเกาเบ๋งเกากักตีถลำเข้ามาถึงที่ทำยันต์ปักไว้ ก็ตีกลองสัญญาขึ้น ทหารทั้งปวงก็ตรูกันเข้าล้อมจะจับ เกาเบ๋งเกากักครั้นเห็นโลหิตแลอุจาระก็บังเกิดอาเจียน จะอยู่ต่อสู้มิได้ก็หายตัวไป ทหารทั้งปวงมิได้เห็นว่าเกาเบ๋งเกากักไปทางไหน เกียงจูแหยครั้นไม่ได้ตัวเกาเบ๋งเกากักก็มีความโกรธนัก พาทหารกลับเข้าค่าย จึงปรึกษาเอียวเจี้ยนว่า เกาเบ๋งเกากักเข้าในที่ล้อมแล้วหนีไป เราจะคิดประการใดจึงจะได้เมืองจิวโก๋ เอียวเจี้ยนจึงว่าการทั้งนี้ท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะลาไปสักหน่อยหนึ่งจะกลับมา เกียงจูแหยจึงถามว่าจะไปไหน เอียวเจี้ยนจึงว่าข้าพเจ้าบอกไม่ได้ ด้วยเกาเบ๋งหูได้ยินไกล แล้วก็ลาเกียงจูแหยไป
๏ ขณะเมื่อเกียงจูแหยกับเอียวเจี้ยนพูดกันนั้น เกาเบ๋งได้ยินจึงบอกกับเกากักว่า อ้ายสองคนจะคิดกันไปดูที่อยู่ของเราหรือจะทำประการใดก็ยังไม่รู้ พูดแล้วก็หัวเราะกัน เอียวเจี้ยนครั้นไปถึงถ้ำกิมเฮียต๋งที่เขาหยกจั๋ว จึงเคาะประตูถ้ำเข้า สานุศิษย์ของอาจารย์ที่อยู่ในถ้ำได้ยินก็ออกมาถามเอียวเจี้ยนได้ความแล้วกลับเข้าไปบอกอาจารย์ อาจารย์จึงให้พาเอียวเจี้ยนเข้ามา แล้วถามว่าท่านมาธุระอะไร เอียวเจี้ยนคำนับแล้วเล่าความซึ่งรบกับเกาเบ๋งเกากักให้ฟังทุกประการ อาจารย์หยกเตงจินหยินแจ้งความแล้วจึงว่า เกาเบ๋งนี้เป็นปีศาจสิงอยู่ที่ต้นลำพูบนเขากี๋ปัว ต้องแสงพระจันทร์พระอาทิตย์มาหลายปีแล้ว จึงมีฤทธิ์จำแลงเป็นคนหูได้ยินไกลถึงพันสี่ร้อยห้าสิบเส้น เกากักนั้นเป็นปีศาจสิงอยู่ที่ศาลเก่าคนบูชานับถือนานแล้ว ครั้นได้แสงพระอาทิตย์พระจันทร์ ก็บังเกิดฤทธิ์จักขุเห็นไกลได้พันสี่ร้อยห้าสิบเส้น ถ้าจะฆ่าปีศาจทั้งสองจงไปขุดฟันต้นลำพูแลรื้อศาลที่เขานั้นลงเผาไฟเสียให้สิ้น เกาเบ๋งเกากักจึงจะตาย เอียวเจี้ยนรู้ความก็คำนับลาอาจารย์กลับมาหาเกียงจูแหย เกียงจูแหยถามก็สั่นศีรษะว่าบอกไม่ได้ อ้ายเกาเบ๋งหูไวจะได้ยิน จงเอากลองแลม้าล่อมาตีขึ้นให้อึงก่อนจึงจะบอกได้ เกียงจูแหยก็ให้เอากลองแลม้าล่อมาตี เอียวเจี้ยนก็แจ้งความตามคำอาจารย์หยกเตงจินหยินบอก ในขณะนั้นเกากักอยู่ในค่าย แลมาเห็นเกียงจูแหยกับเอียวเจี้ยนนั่งอยู่ด้วยกัน ให้ทหารตีกลองแลม้าล่อ จึงให้เกาเบ๋งฟังดูว่าเขาพูดกันด้วยความอะไร เกาเบ๋งจึงบอกว่าได้ยินแต่เขาพูดกันว่าบอกไม่ได้ แล้วให้ทหารตีกลองแลม้าล่อแลเขาจะพูดกันอย่างไรอีกนั้นไม่ได้ยิน ด้วยเสียงกลองแลม้าล่อนั้นอึงนัก
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยครั้นแจ้งความซึ่งเอียวเจี้ยนบอกแล้วจึงให้ลิเจ้งกับหลุยจินจู๊คุมทหารสามพัน ไปเผาศาลแลขุดฟันต้นไม้เสีย ทหารทั้งสองก็รีบไปทำตามคำสั่งเสร็จแล้วกลับมาบอกเกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงว่า ถ้าเสร็จราชการศึกพระเจ้าบูอ๋องได้ราชสมบัติแล้ว เราจึงคิดอ่านสร้างศาลแลปลูกต้นไม้ขึ้นไว้ดังเก่า แล้วสั่งให้ปลูกศาลที่หน้าค่ายห้าแห่ง ศาลใหญ่สี่หน้าอยู่กลาง มีศาลน้อยทั้งสี่ทิศ แล้วปักยันต์รอบศาลทั้งแปดทิศ ครั้นทำศาลเสร็จแล้ว พอแต้หลุนขนเสบียงมาถึง
๏ ฝ่ายอวนหองจึงให้หาทหารมาพร้อม ปรึกษาว่าเรายกกองทัพมารบกับเกียงจูแหยก็นานแล้ว ยังหาเสร็จการศึกไม่ เวลาค่ำวันนี้เราคิดจะปล้นค่ายเกียงจูแหย จะให้เสียงเฮาง่อเหลงเกาเบ๋งเกากักเป็นกองหน้า ให้อินโพ้ไป้ลุยไขเป็นปีกซ้ายขวา ให้อินเสงซิวเหลายินเกียดเป็นกองหลัง ท่านจงจัดแจงไว้ให้พร้อม