๖๗
๏ ขณะนั้นเทวดาองค์หนึ่ง ชื่อหงอกหับโตหยินเป็นผู้ถือบัญชีคนถึงที่ตาย ก็ลงมาห้ามหลำจงกวดไว้ว่าอังกิ๋มยังไม่ถึงอายุ อย่าเพ่อฆ่าเสียก่อน หลำจงกวดก็กลับมาบอกกับเกียงจูแหยว่า มีเทวดามาห้ามข้าพเจ้าไว้มิให้ฆ่าอังกิ๋ม เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้น ก็ออกมาคำนับเทวดาอัญเชิญเข้าไปในเมือง เทวดาจึงว่าง่วนสีเทียนจุ๋นเป็นเทวดาผู้ใหญ่ใช้ให้เรามาห้ามไว้มิให้ฆ่าอังกิ๋ม ด้วยลงเกียดก๊งจู๋ลูกสาวเอี๋ยวตี๋เสียงโป๊ แม่ใช้ให้ลงมาช่วยท่านปราบพระเจ้าติวอ๋องนั้น กับอังกิ๋มนี้เขาได้ทำบุญว่าจะขอเป็นผัวเมียกันสำหรับจะได้ช่วยท่านทำศึก จะฆ่าอังกิ๋มเสียหาควรไม่ เกียงจูแหยได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี ให้แก้มัดอังกิ๋มแล้วคำนับเทวดา แล้วให้นางเตงตันหยกไปบอกแก่ลงเกียดก๋งจู๊ ว่าเราให้เอาตัวอังกิ๋มไปฆ่า บัดนี้เทวดามาห้ามไว้ว่าอังกิ๋มคนนี้ทำบุญมาจะเป็นคู่ของเจ้า จะได้ช่วยเราปราบข้าศึก ลงเกียดก๋งจู๊จึงว่าข้าพเจ้าหายอมไม่ นางเตงตันหยกก็กลับมาบอกแก่เกียงจูแหย ว่าลงเกียดก๋งจู๊หายอมไม่ เกียงจูแหยกับเทวดาก็พากันไปหาลงเกียดก๋งจู๊ถึงบ้าน ว่าท่านไม่ยอมเป็นเมียอังกิ๋มนั้นหาควรไม่ ด้วยแต่ก่อนท่านได้ทำบุญมุ่งมาตรไว้ว่าจะเป็นผัวเมียกัน เทวดามาบอกแล้วท่านไม่เชื่อหรือ ลงเกียดก๋งจู๊ก็ยอม ครั้นถึงวันดีก็ทำการมงคลให้ลงเกียดก๋งจู๊กับอังกิ๋มอยู่กินเป็นผัวเมียกัน เมื่อครั้งอังกิ๋มเอาใจออกจากพระเจ้าติวอ๋อง มาอยู่กับเกียงจูแหยในเมืองไซรกีนั้น ศักราชพระเจ้าติวอ๋องได้สามสิบห้าปี อังกิ๋มก็รักใคร่เกียงจูแหยมาก จึงให้คนไปเกลี้ยกล่อมชวนกุยก๋องแลทหารทั้งปวงซึ่งแตกทัพหนีกลับไปอยู่ ณ ค่ายให้มาเข้าสามิภักดิ์ด้วยพระเจ้าบูอ๋อง กุยก๋องแลทหารทั้งปวงรู้ว่าอังกิ๋มผู้เป็นนายเข้าด้วยบูอ๋องแล้ว ก็พากันมาเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋องสิ้น
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยเห็นว่าได้ทหารมีฝีมือมากแล้ว จึงทูลพระเจ้าบูอ๋องว่า บัดนี้อังกิ๋มแลทหารทั้งปวง ณ ค่ายซำซันก๋วนนั้น ก็มาเข้าสามิภักดิ์กับเราสิ้น พระเจ้าติวอ๋องก็ถอยกำลังแล้ว ถ้าจะไปตีเอาเมืองจิวโก๋เห็นจะได้โดยง่าย พระเจ้าบูอ๋องจึงตรัสห้ามเกียงจูแหย ว่าซึ่งเราจะไปตีเมืองจิวโก๋หาควรไม่ ด้วยแต่ก่อนเราได้ไปอยู่เป็นข้าราชการพึ่งบุญพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องก็เลี้ยงเราโดยสุจริต อนึ่งเมื่อบิดาเราจะถึงแก่กรรมนั้นก็สั่งไว้ว่า อย่าให้คิดทำร้ายแก่พระเจ้าติวอ๋อง ถ้าเรามิฟังขืนจะไปตีเมืองจิวโก๋ ก็จะเสียยุติธรรมผิดกับคำบิดาสั่ง เกียงจูแหยอังกิ๋มทหารมีชื่อทั้งปวงก็ทูลต้องกันว่า ถ้าเรามิไปตีเมืองจิวโก๋ เมืองอื่นเห็นว่าเมืองจิวโก๋ถอยกำลังแล้ว จะยกมาตีต้องการอะไรจะให้เมืองจิวโก๋เป็นของผู้อื่น พระเจ้าบูอ๋องจึงตรัสว่า ถ้าเห็นพร้อมกันดังนั้นแล้ว ก็ตามแต่เกียงจูแหยจะคิดอ่านเถิด
๏ ฝ่ายซันงีเสงซึ่งเป็นที่ไต้หูขุนนางผู้ใหญ่ ได้ว่าราชการฝ่ายพลเรือนจึงกราบทูลว่า เกียงจูแหยนี้มีความชอบมากจะทำการศึกต่อไป ยังหามีชื่อสำหรับตำแหน่งที่ขุนนางไม่ ควรจะโปรดให้เกียงจูแหยเป็นที่ขุนนางผู้ใหญ่จะได้เป็นเกียรติยศ พระเจ้าบูอ๋องก็เห็นด้วย จึงตั้งให้เกียงจูแหยเป็นที่ไต้เจียงกุ๋น ผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร แล้วให้ปลูกไต๋แปลภาษาไทยว่าที่สูง ลดเป็นสามชั้นขึ้นไปตามอย่างสำหรับตั้งขุนนางผู้ใหญ่ แล้วพระเจ้าบูอ๋องก็เสด็จขึ้นบนไต๋พร้อมด้วยข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย จึงให้เกียงจูแหยขึ้นนั่งบนไต๋ในที่ควร จึงสั่งให้พระราชทานดาบกับตราสำหรับตำแหน่งที่ไต้เจียงกุ๋นแก่เกียงจูแหย มอกองซุยเจ้าพนักงานก็เอาดาบกับตราพระราชทานให้เกียงจูแหย เกียงจูแหยรับเอาแล้วคุกเข่าคำนับพระเจ้าบูอ๋อง