๓๔
๏ ฮั่นเอ๋งจึงว่าจะได้ทหารผู้ใดคุมคนโทษขึ้นไปส่ง ณ เมืองหลวง อย่าให้มีเหตุการณ์ตามทางได้ ชีฮัวลุกขึ้นคำนับแล้วว่าข้าพเจ้าจะขอคุมไปเอง ฮั่นเอ๋งมีความยินดี แล้วสั่งให้จัดทหารเดินเท้าสามพันให้กับชีฮัวคุมคนโทษสิบเอ็ดคนขึ้นไปส่งเมืองหลวง ชีฮัวก็ขึ้นม้าพาทหารทั้งปวงคุมคนโทษผ่านมาทางไต๋ไปก๋วน อึ้งกุ๋นอยู่ในเกวียนมาเห็นที่อยู่ของตัวก็ยิ่งคิดเศร้าใจนัก ชาวบ้านทั้งปวงรู้ว่าอึ้งกุ๋นเป็นโทษมาทางนั้น ต่างคนก็ออกมาคำนับร้องไห้รักอึ้งกุ๋น ชีฮัวก็เร่งทหารให้ขับเกวียนไปจากไต๋ไปก๋วน ครั้นมาถึงด่านซุนหุนก๋วน ก็สั่งให้ตั้งค่ายพักทหารอยู่ที่นั้น
๏ ฝ่ายไทอิดจินหยินอาศัยอยู่ในเขาเทียนงวนซัวถ้ำกิมต๋องให้มีความร้อนใจนัก จับยามดู ก็รู้ว่าอึ้งกุ๋นกับบุตรและหลานทั้งปวงมีความทุกข์ จึงให้กิมแหตองหยีผู้เป็นศิษย์ไป ณ สวนโทหุยหาตัวโลเฉียมาแล้ว ไทอิดจินหยินจึงว่า อึ้งปวยฮอพ่อลูกได้ความทุกข์ ท่านจงไปส่งให้พ้นด่านกีจุยก๋วน นานไปภายหน้าเจ้าจะได้ทำราชการกับเขา โลเฉียมีความยินดี คำนับลาอาจารย์ลงมาจากเขา เท้าเหยียบจักรมือถือทวนโฮเหียบ มา ณ ด่านซุนหุยก๋วนยืนขวางทางอยู่ ทหารที่คุมคนโทษมาเห็นดังนั้น ก็กลับไปแจ้งความกับชีฮัว ชีฮัวมีความสงสัย ถือทวนขี่ไหงใสออกมาจากค่าย เห็นโลเฉียยืนทำเพลงอยู่ จึงถามไปว่าท่านมาแต่ไหน โลเฉียจึงบอกว่าเราอยู่ที่ตำบลนี้ รักษาทางอยู่ช้านาน ถ้าผู้ใดมาทางนี้มิได้เลือกหน้าว่าไพร่และขุนนางต้องเสียค่าทางให้เรา ท่านจะไปทางนี้เอาค่าทางของเรามาจึงจะให้ไป ชีฮัวหัวเราะแล้วว่า เราเป็นทหารเอกอยู่ด่านกีจุยก๋วนจะคุมคนโทษขึ้นไปส่ง ณ เมืองหลวง ท่านเร่งหลีกเสียให้พ้นทางเราจะไปเป็นการเร็ว โลเฉียจึงว่าซึ่งท่านจับเอาผู้มีความชอบมาทั้งนี้ เอาทองมาสิบแท่งเราจึงจะให้ไป ชีฮัวโกรธขับไหงใสถือทวนตรงเข้าแทงเอาโลเฉีย โลเฉียเหยียบจักรพัดเข้าไปรบกับชีฮัวเป็นหลายสิบเพลง ชีฮัวสิ้นกำลังขับไหงใสหนีแล้วชักเอาธงขึ้นโบกปลิวไปเป็นหมอกดำเข้ามา โลเฉียเอามือรับธงไว้ได้ ชีฮัวเห็นโลเฉียรับเอาธงของวิเศษของตัวไว้ มีความโกรธเป็นอันมาก แล้วก็ขับไหงใสเข้ารบโลเฉียอีก โลเฉียจึงคิดว่าอาจารย์สั่งมาให้แต่ช่วยอึ้งปวยฮอให้พ้นด่าน เกลือกชีฮัวโกรธถ้าฆ่าคนโทษเสีย เราจะมิผิดคำอาจารย์สั่งมาหรือ โลเฉียจึงหยิบเอาทองในถุงทิ้งขึ้นไปบนอากาศ เป็นรัศมีห้าอย่างตกลงถูกศีรษะชีฮัว ชีฮัวมีความเจ็บเป็นกำลัง ขับไหงใสหนีบากทางไป โลเฉียจึงมา ณ เกวียนคนโทษ แล้วถามว่าท่านผู้ใดชื่ออึ้งปวยฮอ อึ้งปวยฮอรับคำแล้วถามว่า ท่านมาช่วยชีวิตข้าพเจ้านี้ชื่อผู้ใด โลเฉียจึงบอกว่าเราเป็นแซ่ลิชื่อโลเฉีย ไทอิดจินหยินอาจารย์ของเราให้มาช่วย แล้วเอาของวิเศษชื่อกิมจุยทลายเกวียนออก แต่บรรดาคนโทษก็ออกมาคำนับโลเฉีย โลเฉียจึงว่าท่านทั้งปวงรีบตามไปข้างหลัง เราจะไปตีด่านกีจุยก๋วนเสียให้แตกจะได้ไปโดยสะดวก อึ้งปวยฮอกับพวกทหารทั้งปวงต่างมีความแค้นฮั่นเอ๋งกับชีฮัวเป็นกำลัง ต่างคนถืออาวุธรีบตามโลเฉียไป ฝ่ายฮั่นเอ๋งเมื่อจับพรรคพวกอึ้งปวยฮอได้ ให้ชีฮัวคุมขึ้นไปส่งเมืองหลวงนั้นแล้ว ก็แต่งโต๊ะชวนทหารทั้งปวงเสพสุราอยู่แล้วปรึกษากันว่า เราทำการได้สำเร็จทั้งนี้ เห็นพระเจ้าติวอ๋องจะยกความชอบเรา พอแลเห็นชีฮัวเดินเข้ามาหน้าฟกช้ำเป็นหลายแห่ง ฮั่นเอ๋งตกใจจึงถามว่า ท่านสิคุมคนโทษไปเหตุไรหน้าตาเป็นบาดแผลกลับมา ชีฮัวคุกเข่าลงคำนับแล้วว่า โทษข้าพเจ้าครั้งนี้ผิดนัก แล้วเล่าความซึ่งได้โต้ตอบและรบกับโลเฉียเสียทีหนีมาให้ฮั่นเอ๋งฟังทุกประการ ฮั่นเอ๋งถามว่าคนโทษของเราอยู่ไหนเล่า ชีฮัวจึงว่าเมื่อข้าพเจ้าหนีมานั้น เกวียนคนโทษอยู่ภายหลังจะเป็นประการใดมิได้รู้ ฮั่นเอ๋งลุกยืนขึ้นกระทืบเท้าว่า ถ้าคนโทษนี้หนีไปได้พระเจ้าติวอ๋องก็จะเอาโทษเราถึงตาย ทหารทั้งปวงจึงว่ากับฮั่นเอ๋งว่า ถึงมาตรว่าอึ้งปวยฮอหนีได้ก็จะไปไม่พ้นด่าน ที่จะกลับไปเมืองหลวงนั้นเห็นจะไม่ไป ขอให้ท่านจัดแจงทหารเพิ่มเติมไปรักษาด่านเราไว้ ฮั่นเอ๋งเห็นชอบด้วยก็สั่งให้เกณฑ์ทหารทั้งปวงเตรียมไว้เป็นอันมาก พอชาวด่านมาบอกว่ามีทหารคนหนึ่ง มือถือทวน เท้าเหยียบยืนอยู่บนจักร เข้ามาหน้าด่านเรา ชีฮัวบอกกับฮั่นเอ๋งว่า ทหารผู้นี้แลรบกับข้าพเจ้าที่ด่านซุนหุนก๋วน ฮั่นเอ๋งได้ยินดังนั้นมีความโกรธเป็นกำลัง ขึ้นม้าถือทวนคุมทหารออกไปหน้าด่าน โลเฉียเห็นฮั่นเอ๋งใส่หมวกแดง แต่งตัวเป็นที่ขุนนางผู้ใหญ่ จึงร้องไปว่าเราพบกับชีฮัวที่ด่านซุนหุนก๋วน จะตีเสียให้ตายมันหนีมาได้ เราตามมาจะจับเอาตัวบัดนี้ ชีฮัวมาด้วยหรือไม่ ฮั่นเอ๋งได้ยินดังนั้นจึงว่า ตัวมาชิงเอาพวกกบฏแผ่นดินไป แล้วกลับมาว่าหยาบช้าอีกเล่า โลเฉียจึงว่าท่านว่าทั้งนี้จะเอาโทษให้แก่ผู้อื่น จะเอาชอบใส่ตัวเองเห็นไม่ควร ฮั่นเอ๋งโกรธก็ขับทหารเข้าล้อมโลเฉียไว้ โลเฉียก็แกว่งทวนขึ้นเป็นแสงฟ้าแลบ ทหารฮั่นเอ๋งตกลงจากหลังม้าต่างคนวิ่งหนีไป พอทหารอึ้งปวยฮอตามมาถึงเข้า อึ้งเบ๋ง จิวกี อึ้งฮุยปิว อึ้งฮุยป้าจึงร้องว่า เราจะจับเอาตัวฮั่นเอ๋งแก้แค้นให้ได้ ชีฮัวเห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้าช่วยฮั่นเอ๋งรบ โลเฉียจึงเอาทองแท่งโยนขึ้นไป รัศมีตกลงมาถูกฮั่นเอ๋งเจ็บปวดเป็นสาหัส เสื้อเกราะที่ใส่ก็ล่วงไปสิ้น แล้วโลเฉียก็เอากำไลทิ้งไปถูกชีฮัว ชีฮัวมีความเจ็บปวดเป็นอันมาก ฮั่นเอ๋งกับชีฮัวต่างคนก็ชักม้าหนีไป ครั้นโลเฉียตีด่านกีจุยก๋วนได้แล้ว ชาวด่านทั้งปวงแตกกระจัดกระจายไปสิ้น อึ้งปวยฮอกับพรรคพวกเข้าหยุดอยู่ในด่านคืนหนึ่ง เวลาเช้าทหารทั้งปวงเข้าเก็บเอาทรัพย์สิ่งของของฮั่นเอ๋งแล้วก็ยกไปจากด่านกีจุยก๋วน โลเฉียตามไปส่งถึงเขาจวดเหล็กเหนียแดนเมืองไซรกี โลเฉียจึงว่ากับอึ้งปวยฮอว่า อาจารย์ข้าพเจ้าให้มาช่วย ท่านก็พ้นที่กันดารมาถึงนี่แล้ว ท่านไปจงดีเถิดข้าพเจ้าจะกลับไปหาอาจารย์ อึ้งกุ๋น อึ้งปวยฮอ กับทหารทั้งปวงจึงว่าขอบใจท่านนัก ช่วยให้รอดจากความตายได้ครั้งนี้ ไม่รู้ว่าวันใดจะได้กลับมาแทนคุณท่าน ต่างคนต่างคำนับกันแล้ว โลเฉียก็กลับไปที่อยู่ อึ้งกุ๋นจึงว่ากับอึ้งปวยฮอว่า หนทางแต่นี้ไปเมืองไซรกียังไกลนัก แล้วก็ขับทหารรีบเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน ครั้นมาถึงเขาไซรกีสาน อึ้งกุ๋นจึงว่าแต่เขานี้จะไปเมืองไซรกี ยังทางอีกแปดร้อยเจ็ดสิบห้าเส้น อึ้งปวยฮอแจ้งดังนั้น จึงสั่งให้ทหารตั้งค่ายอยู่ ณ เขาไซรกีสาน แล้วว่ากับอึ้งกุ๋นว่าบิดาอยู่ที่นี่ก่อนเถิด ข้าพเจ้าจะเข้าไปในเมืองไซรกีฟังดูการทั้งปวงก่อน แล้วก็แต่งตัวปลอมเป็นพ่อค้าเข้าไปในเมืองไซรกี ดูภูมิบ้านเมืองผู้คนมั่งคั่งเห็นสมเป็นที่ผู้มีบุญเกิด อึ้งปวยฮอจึงถามชาวเมืองว่า บ้านเกียงจูแหยอยู่ไหน คนเดินทางจึงชี้มือบอกว่าบ้านอยู่ที่ต้นสะพานเสียวกิ๋มเจี๋ยว อึ้งปวยฮอครั้นไปถึงแล้วจึงบอกนายประตูว่า ช่วยเอาเนื้อความเข้าไปบอกเกียงจูแหยว่า เรามาแต่เมืองจิวโก๋ชื่ออึ้งปวยฮอจะขอเข้าไปหาท่าน นายประตูก็เข้าไปแจ้งความกับเกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงคิดว่าอึ้งปวยฮอคนนี้เป็นบูเสงอ๋อง มานี้จะมีเหตุประการใด ให้ทหารไปเชิญเข้ามาถ้อยทีคำนับกัน เกียงจูแหยจึงว่าไต้อ๋องมาวันนี้ ข้าพเจ้ามีความยินดีนัก แล้วก็เชิญให้นั่ง อึ้งปวยฮอจึงว่าข้าพเจ้าเป็นคนกระทำความผิดต่อเจ้า พลัดบ้านเมืองมา หาควรที่จะนั่งเสมอกับท่านไม่ เกียงจูแหยจึงว่าแต่ก่อนข้าพเจ้าได้พึ่งท่านอยู่ ครั้งนี้ท่านถ่อมตัวนัก แล้วก็จูงมือมานั่งที่อันเดียวกัน จึงถามว่าพระเจ้าติวอ๋องทำกับท่านประการใด จึงได้มาจากเมืองจิวโก๋ อึ้งปวยฮอทอดใจใหญ่ แล้วเล่าความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าเมืองจิวโก๋เกิดวิปริต กฎหมายอย่างธรรมเนียมฟั่นเฟือนไป อาณาประชาราษฎรเดือดร้อนทั้งแผ่นดิน ข้าพเจ้ากับพรรคพวกจึงพากันหนีหักด่านมาทางเหงาก๋วน ตั้งใจมาสามิภักดิ์ต่อเมืองไซรกี อุปมาเหมือนหนึ่งนกพลัดจากรังจะมาขอพึ่งจับกิ่งไม้ท่าน ถ้าท่านเมตตาทูลให้พระเจ้าบูอ๋องชุบเลี้ยงโดยสุจริต ก็จะมีความสุข ทำราชการสนองพระคุณสืบไป เกียงจูแหยมีความยินดีนัก จึงว่าท่านมาสามิภักดิ์ครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะช่วยทำนุบำรุง แล้วว่าเชิญท่านไปสำนักอยู่ที่กิมกงก๋วนก่อนเถิด เกียงจูแหยก็ขึ้นม้าเข้ามาเฝ้า
๏ ขณะนั้นพระเจ้าบูอ๋องเสด็จอยู่ ณ พระที่นั่งเหียนเคงเตี้ยน เห็นเกียงจูแหยเข้ามา จึงตรัสถามว่ามีราชการสิ่งใดหรือ เกียงจูแหยกราบทูลว่า บูเสงอ๋องกับสมัครพรรคพวกหนีมาสามิภักดิ์กับไต้อ๋อง ข้าพเจ้ายินดีกว่าได้แก้วสักหมื่นดวง เห็นว่าแผ่นดินเมืองไซรกีจะบริบูรณ์ เมืองเสี่ยงทางจึงเกิดเหตุฉะนี้ บูอ๋องจึงถามว่า บูเสงอ๋องคนนี้หรือซึ่งเป็นเชื้อสายอยู่กับพระเจ้าติวอ๋อง เกียงจูแหยจึงว่าคนนี้แล เมื่อครั้งบุนอ๋องบิดาของท่านยังอยู่นั้นก็สรรเสริญอยู่เนืองๆ ควรที่จะไปเชิญเข้ามาเฝ้า แล้วเกียงจูแหยก็เล่าความซึ่งอึ้งปวยฮอหนีจากเมืองจิวโก๋ให้พระเจ้าบูอ๋องฟังทุกประการ พระเจ้าบูอ๋องให้ขุนนางไปเชิญอึ้งปวยฮอเข้ามา แล้วตรัสถามว่า ตัวท่านเป็นเชื้อทหารปรากฏอยู่ในแผ่นดินทั้งเป็นคนสัตย์ซื่อ ซึ่งมีสารทุกข์มานั้นไว้เป็นธุระเรา จะเลี้ยงท่านมิให้ได้ความอัปยศ อึ้งปวยฮอกราบถวายบังคมแล้วทูลว่า ซึ่งโปรดจะชุบเลี้ยงข้าพเจ้านั้นพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำราชการสนองพระคุณไปกว่าจะสิ้นชีวิต แล้วอึ้งปวยฮอจึงทูลว่า อึ้งกุ๋นบิดาข้าพเจ้ากับบุตรและน้อง ทหารเอกทหารเลวเป็นคนสี่พันเศษ ตั้งอยู่ ณ เขาไซรกีสานนั้นจะโปรดประการใด พระเจ้าบูอ๋องจึงสั่งเกียงจูแหยว่า ให้รับพรรคพวกอึ้งปวยฮอมา แล้วตรัสกับอึ้งปวยฮอว่าบิดาของท่านมาถึงแล้วก็ให้เข้ามาเฝ้า ทำราชการตามตำแหน่งขุนนางดังเก่าเหมือนอยู่เมืองจิวโก๋ แล้วบูอ๋องจึงถามเกียงจูแหยว่า พระเจ้าติวอ๋องเลี้ยงอึ้งปวยฮอเป็นที่ตำแหน่งใด เกียงจูแหยจึงทูลว่าเป็นที่ตินก๊กบูเสงอ๋อง พระเจ้าบูอ๋องจึงว่าเราจะเปลี่ยนอักษรเสียตัวหนึ่ง ตั้งให้เป็นไคก๊กบูเสงอ๋อง แล้วสั่งเกียงจูแหยว่า ให้จัดที่อยู่ให้อึ้งปวยตามตำแหน่งไคก๊กบูเสงอ๋อง เกียงจูแหยก็พาอึ้งปวยฮอออกมาจัดที่อยู่ให้ตามพระเจ้าบูเสงอ๋องสั่ง แล้วจัดทหารไปรับอึ้งกุ๋นกับพรรคพวกและทหารเข้ามาพร้อมกัน อึ้งปวยฮอครั้นได้ที่อยู่และยศศักดิ์ก็ค่อยกว้างขวางใจขึ้น ทหารทั้งปวงก็ค่อยมีความสุขอยู่ ณ เมืองไซรกี