๗๙
๏ ครั้นชีไก้รู้ว่าแห้จุ๋นตายก็คิดวิตกนั่งเป็นทุกข์ถอนใจใหญ่อยู่ เหงป้าเห็นดังนั้นจึงว่าอย่าเป็นทุกข์เลย ถึงแห้จุ๋นตายข้าพเจ้ายังอยู่ จะอาสาท่านมิให้ข้าศึกหักด่านเข้ามาได้ เหงป้าก็ขึ้นม้าพาทหารออกไปยืนอยู่หน้าค่าย เกียงจูแหยให้โลเฉียคุมทหารออกมาต่อสู้ เหงป้าเห็นโลเฉียก็จำได้ จึงคิดว่าโลเฉียมีฤทธิ์มาก จำจะหักด้วยกำลัง เหงป้าขับม้าไล่จะตบโลเฉีย โลเฉียก็เหาะขึ้นบนอากาศ เอากำไลทองทิ้งถูกเหงป้าตกม้าตาย โลเฉียตัดเอาศีรษะมาให้เกียงจูแหย
๏ ฝ่ายชีไก้นายด่านเมื่อเสียทหารทั้งสอง จึงว่ากับชาวด่านทั้งปวงว่า ที่ไหนเราจะสู้รบกับเกียงจูแหยได้ เราจะพากันไปนอบน้อมเกียงจูแหยเถิด ยังปรึกษากันอยู่พอมีผู้มาบอกว่าอาจารย์คนหนึ่งจะมาหาท่าน ชีไก้ก็ให้ไปพามา เชิญให้นั่งที่สมควรแล้วถามว่าท่านมาแต่ไหน หวดไกก็บอกว่าเราอยู่ที่ป่าสุดแดนมนุษย์ เรารู้ว่าแห้จุ๋นศิษย์เราหลุยจินจู๊ฆ่าตาย เราเจ็บแค้นนักจะมาแก้แค้น ชีไก้จึงว่าเกียงจูแหยมีทหารล้วนฝีมือดีมีความรู้วิชาการมาก ที่จะต่อสู้นั้นเห็นไม่ได้ หวดไกจึงว่าท่านอย่ากลัวเลย เราจะไปจับเกียงจูแหยมาให้ท่านส่งไปเมืองจิวโก๋เอาความชอบ ชีไก้ได้ฟังก็ดีใจคิดว่าอาจารย์คนนี้เป็นเทวดามาโปรด จึงคุกเข่าลงคำนับแล้วถามว่าท่านกินของคาวหรือ หวดไกจึงว่าของคาวนั้นเราหากินไม่กินแต่ลูกไม้ ชีไก้จัดแจงผลไม้มาให้หวดไกกิน ครั้นเช้าหวดไกก็ขึ้นมาถือกระบี่พาทหารออกไปหน้าค่ายเกียงจูแหย แล้วร้องให้เกียงจูแหยออกมาพูดกับเรา เกียงจูแหยก็ขึ้นขี่ซูปุดเสียงออกมา เห็นหวดไกนุ่งเหลืองห่มเหลืองก็รู้ว่าเป็นโตหยินอาจารย์ถือศีล จึงว่าอาจารย์มาทำไม หวดไกจึงว่าหลุยจินจู๊ฆ่าแห้จุ๋นศิษย์เราตาย ท่านจงส่งตัวหลุยจินจู๊มาให้เรา เรากับท่านจะได้ไม่เคืองกัน หลุยจินจู๊ขี่ม้าเคียงแอบเกียงจูแหยอยู่ได้ยินดังนั้น ก็ขัดใจร้องว่าจะให้ส่งตัวเรา ทำไมจะมาหาที่ตายหรือ หลุยจินจู๊ก็บินขึ้นบนอากาศเงื้อกระบองตีหวดไก หวดไกเอากระบี่รับไว้ แล้วร่ายมนต์บันดาลแกว่งธงให้หลุยจินจู๊ตกลงมา หวดไกให้ทหารจับมัดพาตัวไปไว้ในค่าย แล้วจึงสั่งว่าเราจะอยู่จับเกียงจูแหยก่อน โลเฉียได้ยินก็โกรธ เหาะขึ้นไปบนอากาศเงื้อง่าทวนจะแทงหวดไก หวดไกรบกับโลเฉียได้ห้าเพลง หวดไกแกว่งธงร่ายมนต์จะให้โลเฉียตกลงมา โลเฉียหาตกลงมาไม่ โลเฉียเอากำไลทองทิ้งถูกหวดไก หวดไกเจ็บปวดเป็นสาหัส หวดไกเห็นจะสู้โลเฉียไม่ได้ ก็ร่ายมนต์แทรกแผ่นดินหนีไป เกียงจูแหยก็พาทหารคืนเข้าค่าย เกียงจูแหยหาสบายใจไม่นั่งเป็นทุกข์ถึงหลุยจินจู๊อยู่
๏ ฝ่ายหวดไกครั้นแทรกแผ่นดินมาถึงด่านก็ไปหาชีไก้ ชีไก้จึงถามว่าอาจารย์ออกไปรบมีชัยจับได้หลุยจินจู๊ เหตุไฉนอาจารย์ฟกบวมหลายแห่ง หวดไกก็เล่าความซึ่งรบกับโลเฉียให้ชีไกฟัง แล้วหวดไกสั่งให้เอาตัวหลุยจินจู๊ไปฆ่าเสีย ชีไก้ห้ามว่าอาจารย์อย่าเพ่อฆ่าเสียก่อนเลยเอาจำไว้เถิด ถ้าจับได้เกียงจูแหยมาจึงส่งไปเมืองจิวโก๋ให้พร้อมกัน หวดไกเห็นชอบด้วย จึงให้เอาตัวหลุยจินจู๊ไปจำใส่ตะรางไว้ ครั้นเช้าหวดไกขึ้นม้าพาทหารออกไปยืนอยู่หน้าค่าย เกียงจูแหยก็ขึ้นขี่ซูปุดเสียงคุมทหารออกมาว่ากับหวดไกว่า วันนี้ท่านกับเราจะรบกันให้ถึงแพ้ชนะ แล้วเกียงจูแหยกับลิเจ้งก็เข้ารบกับหวดไก เกียงจูแหยเงื้อกระบองตีหวดไก หวดไกเอามือรับกระชากชิงกระบองไปได้ พอเอียวเจี้ยนโทเฮงสุนคุมเสบียงมาแต่เมืองไซรกี เห็นหวดไกชิงกระบองเกียงจูแหยไปไว้ โทเฮงสุนกับเอียวเจี้ยนเข้าช่วยเกียงจูแหย โทเฮงสุนเอากระบองเหล็กตีหวดไก หวดไกเอากระบี่ขึ้นรับ แต้หลุนเห็นหวดไกไม่เพลี่ยงพล้ำก็ขับม้าเข้าช่วยเกียงจูแหยรบ ทหารห้านายรุมรบล้อมตัวหวดไกไว้ หวดไกต่อสู้ต้านทานเป็นสามารถ แต้หลุนบันดาลให้เป็นควันออกตามจมูกไปต้องหวดไก หวดไกตกลงจากม้า ทหารเกียงจูแหยเข้าจับตัวมัดพาไปค่าย เกียงจูแหยจึงว่ากับหวดไกว่าเราจับท่านมาได้ ถ้ายอมอยู่ทำราชการด้วยเรา เราจะไว้ชีวิต หวดไกจึงว่าเราไม่ยอมอยู่ด้วยท่าน ท่านจงให้ฆ่าเราเสียเถิด เกียงจูแหยจึงสั่งเอียวเจี้ยนให้เอาหวดไกไปประหารชีวิตเสีย
๏ ขณะนั้นมีอาจารย์คนหนึ่งชื่อจุ้นเถโตหยินมาห้ามเอียวเจี้ยนว่าอย่าเพ่อฆ่าหวดไก จงบอกเกียงจูแหยให้ออกมาหาเราก่อน เอียวเจี้ยนก็ไปบอกเกียงจูแหย เกียงจูแหยก็ออกไปคำนับจุ้นเถโตหยิน จุ้นเถโตหยินจึงว่าหวดไกเป็นศิษย์เรา อนึ่งก็หามีชื่อในห้องสินไม่ ซึ่งมารบท่าน ท่านจับได้โทษถึงตายแล้ว เราจะขอเอาไปเลี้ยงไว้เหมือนหนึ่งปล่อยนกปล่อยกาเอาบุญเถิด เกียงจูแหยจึงว่าท่านได้เมตตาขอแล้วข้าพเจ้าก็ยอมให้ แต่ว่าสืบไปเมื่อหน้าอย่าให้หวดไกมารบกับข้าพเจ้าต่อไป จุ้นเถโตหยินจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย เราหาให้หวดไกมารบกับท่านต่อไปไม่ เกียงจูแหยก็แก้มัดหวดไกออกให้จุ้นเถโตหยิน จุ้นเถโตหยินก็ลาเกียงจูแหย พาหวดไกไปที่อยู่
๏ ฝ่ายชีไก้นายด่านไต้ไปก๋วนรู้ว่าเกียงจูแหยจับตัวหวดไกได้ก็ตกใจจึงให้ถอดหลุยจินจู๊ออกจากตะราง ชีไก้พาหลุยจินจู๊ไปหาเกียงจูแหยคำนับแล้วว่าเดิมข้าพเจ้าคิดจะมาอ่อนน้อมต่อท่าน ซึ่งให้ทหารต่อสู้ท่านเพราะคนยุยง โทษผิดนักข้าพเจ้าขอชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง เกียงจูแหยจึงว่าท่านมาลุแก่โทษต่อเรา เราก็หาถือโทษไม่ ชีไก้ได้ฟังก็ดีใจ จึงเชิญเกียงจูแหยให้เข้าในด่าน เกียงจูแหยจึงเข้าไปในด่าน สั่งให้ทำบัญชีผู้คนข้าวของเงินทองเสร็จแล้ว มีหนังสือบอกไปถึงพระเจ้าบูอ๋องตามที่ตีด่านไต้ไปก๋วนได้ พระเจ้าบูอ๋องครั้นแจ้งในหนังสือนั้นก็ยกไปด่านไต้ไปก๋วน เกียงจูแหยกับขุนนางทั้งปวงออกมารับ เชิญเสด็จพระเจ้าบูอ๋องเข้าไปในค่ายอยู่สองสามวัน เกียงจูแหยทูลพระเจ้าบูอ๋องว่า ข้าพระองค์จะยกไปตีด่านฌ้อฮุนก๋วน พระองค์จะยับยั้งอยู่ที่นี้ก่อน ชีไก้จึงว่าชีหองนายด่านฌ้อฮุนก๋วนเป็นน้องข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขอไปด้วย จะได้ว่ากล่าวชีหองให้ยอมอยู่กับท่าน เกียงจูแหยก็ให้ชีไก้เป็นทัพหน้ายกไปด่านฌ้อฮุนก๋วน ตั้งค่ายไกลด่านประมาณพันเส้น ครั้นชีหองรู้ว่าชีไก้ผู้พี่เป็นทัพหน้าเกียงจูแหยยกมา จึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า ชีไก้พี่เราไปเข้าด้วยเกียงจูแหย ถ้าทราบถึงพระเจ้าติวอ๋องเราท่านทั้งปวงจะพลอยผิดด้วย ลงอันเกียดจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าเห็นเกียงจูแหยจะใช้ให้ชีไก้มาเกลี้ยกล่อมท่านเป็นมั่นคง ถ้าชีไก้มาหาท่าน ท่านจงจับชีไก้ส่งไปเมืองจิวโก๋ พระเจ้าติวอ๋องก็จะเห็นว่าท่านสัจซื่อต่อแผ่นดินโดยแท้ เกียงจูแหยเห็นจะยับยั้งอยู่ในด่านสองสามวัน จึงสั่งให้ชีไก้ไปหาชีหอง ชีหองก็ให้ทหารออกไปรับชีไก้พาเข้ามาในค่าย ชีหองจึงว่ากับชีไก้ว่าท่านไปเข้าด้วยบูอ๋อง เกียงจูแหยพวกขบถ ถ้าพระเจ้าติวอ๋องทราบจะพลอยให้พี่น้องทั้งปวงตายด้วยเปล่าๆ ท่านอย่าน้อยใจเลย ข้าพเจ้าจะส่งตัวท่านไปเมืองจิวโก๋ตามบุญตามกรรมของท่าน ชีไก้จึงว่าพระเจ้าติวอ๋องหาอยู่ในยุติธรรมไม่ แต่เชาฮูเป็นบิดานางขันกี แลขุนนางในเมืองจิวโก๋ที่มีสติปัญญา ยังมาเข้าด้วยบูอ๋องเป็นหลายคน ตัวเจ้าสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าติวอ๋องนั้นจะดีกว่าเชาฮูอีกหรือ ถึงเจ้าจะส่งเราไปเมืองจิวโก๋ พระเจ้าติวอ๋องฆ่าเสียก็หาเสียดายชีวิตไม่ นานไปเมื่อหน้าจึงจะได้คิดถึงเรา ชีหองหาตอบประการใดไม่ สั่งให้เอาตัวชีไก้ไปใส่ตรุไว้ แล้วชีหองให้ม้าต๋งคุมทหารออกไปยังที่รบ