๖๐

๏ ครั้นรุ่งขึ้นเข้าอินหองแต่งตัวใส่เสื้อสวมเกราะขึ้นม้าถือกระบี่สองมือพาแต้หลุนกับทหารออกจากค่ายไปหน้าเมืองไซรกี จึงให้ทหารร้องท้าทายชวนรบ ทหารซึ่งรักษาหน้าที่เชิงเทินจึงเข้าไปแจ้งความเกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงสั่งให้อึ้งปวยฮอออกไปรบ อึ้งปวยฮอก็ไปจัดทหารแล้วขึ้นขี่โคถือทวน พาอึ้งเทียนฮัว อึ้งเทียนหลก อึ้งเทียนเจียก อึ้งเทียนเสียง บุตรชายทั้งสี่คนกับทหารออกจากเมืองไปถึงที่รบ อินหองจึงถามว่าท่านเป็นขุนนางเมืองหลวง เหตุใดจึงหนีมาเข้าด้วยพวกขบถฉะนี้ไม่ควร จงมาเข้ากับเราคิดอ่านจับกีฮวดไปถวายให้มีความชอบ จะได้ลบล้างโทษผิดที่ทำไว้แต่หลัง อึ้งปวยฮอได้ฟังจึงตอบว่า บิดาท่านไม่มีสัจธรรมทำให้เราได้ความแค้น เราอยู่ด้วยมิได้จึงหนีมาเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋องผู้มีบุญ จะยกทัพไปกำจัดบิดาท่านเสียจึงจะหายที่ความแค้น อินหองได้ยินอึ้งปวยฮอสรรเสริญกีฮวดว่าเป็นผู้มีบุญ แล้วว่ากล่าวลบหลู่พระเจ้าติวอ๋องผู้บิดาก็โกรธ ขับม้าเข้าไปฟันด้วยกระบี่ อึ้งปวยฮอรับด้วยทวนรบกับอินหองได้ยี่สิบเพลงอาวุธ แต้หลุนกลัวอินหองจะเสียทีแก่อึ้งปวยฮอ แต้หลุนจึงขับม้าพานายทหารทั้งสี่คนเข้าช่วยอินหอง บุตรอึ้งปวยฮอสี่คนก็เข้าช่วยบิดารบกับทหารอินหองเป็นสามารถ อินหองจึงเอากระจกส่องถูกอึ้งปวยฮอตกลงจากหลังโคสลบอยู่ อึ้งเทียนฮัวก็ลงจากหลังกิเลนเข้าอุ้มบิดา อินหองก็ส่องด้วยกระจกขาว แสงกระจกถูกอึ้งเทียนฮัวสลบอยู่กับอึ้งปวยฮอ ทหารอินหองได้ทีก็ไล่ฆ่าฟันทหารอึ้งปวยฮอแตกกระจัดกระจายไป อินหองจึงให้แต้หลุนมัดอึ้งปวยฮออึ้งเทียนฮัวพากลับเข้าค่าย อินหองคิดถึงคุณอึ้งปวยฮอจึงมิได้ฆ่าเสีย เอากระจกแดงส่องให้อึ้งปวยฮอกับอึ้งเทียนฮัวเป็นมาดังเก่า อินหองแก้มัดพ่อลูกสองคนออกเสียแล้ว จึงถามว่าเดิมท่านอยู่เมืองหลวงบิดาเราทำให้ท่านขัดแค้นประการใดจึงมาอยู่กับเจ้าเมืองไซรกี อึ้งปวยฮอจึงบอกว่าพระเจ้าติวอ๋องบิดาท่านเชื่อฟังแต่ฮิวฮุนฮุยต๋งเป็นคนสอพลอ แล้วหลงด้วยนางขันกีทำผิดอย่างธรรมเนียม ข้าพเจ้าเพ็ดทูลทัดทานหลายครั้งก็มิฟังกลับจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจึงหนีมาเข้ากับเมืองไซรกี อินหองจึงว่าเมื่อครั้งบิดาเราจะฆ่าเสีย ปึงเสียงพาเราหนี มีรับสั่งให้ท่านตามทันเราแล้วปล่อยเราเสีย คุณท่านมีอยู่แก่เรา ครั้งนี้ท่านไปเข้ากับเจ้าเมืองไซรกีเป็นพวกขบถ เราจับได้ไม่ทำอันตรายจะปล่อยเสียแทนคุณท่าน สืบไปเมื่อหน้าท่านมารบกับเราอีกเราจะฆ่าเสีย อินหองก็ปล่อยอึ้งปวยฮอกับอึ้งเทียนฮัวไปเมืองไซรกี อึ้งปวยฮอก็เข้าไปคำนับแจ้งความแก่เกียงจูแหยทุกประการ

๏ ครั้งรุ่งเช้าอินหองพาทหารออกจากค่ายไปถึงหน้าเมืองไซรกี จึงให้ทหารร้องเข้าไปว่า ให้เกียงจูแหยออกมารบ เกียงจูแหยขึ้นตรวจทหารอยู่บนเชิงเทินได้ยินดังนั้น จึงจัดทหารเอกทหารเลวออกจากประตูเมือง ไปรบกับอินหองได้สี่สิบเพลง อินหองเสียทีเกียงจูแหยตีด้วยกระบองถูกอินหองเป็นหลายที อินหองมิได้เจ็บเพราะใส่เกราะที่เซียเจงจู๊ครูให้มาเป็นของวิเศษ เกียงจูแหยเห็นอินหองคงทนอาวุธ ก็ถอยออกมาขับทหารเข้ารบกับทหารอินหอง ทหารทั้งสองฝ่ายเข้ารบกันเป็นตลุมบอน โลเฉียจึงเอากำไลทิ้งถูกบังหองล้มลง แล้วเอาทวนแทนบังหองตาย เอียวเจี้ยนอ่านมนต์เกิดเป็นสุนัขเข้ากัดเปกหวนตาย ดวงจิตทหารทั้งสองก็ไปอยู่ในห้องสินไต้ อินหองเห็นทหารตายก็โกรธจับกระจกขาวส่องโลเฉีย โลเฉียคนนี้เทพยดาชุบด้วยดอกบัว ขณะเมื่ออินหองส่องกระจกมาโลเฉียมิได้เป็นอันตราย โลเฉียก็เข้ารบกับอินหองยังมิทันแพ้ชนะแก่กัน เกียงจูแหยจึงให้นางตันเตงหยกเข้าช่วยโลเฉีย นางเตงตันหยกขับม้าเข้าไปข้างหลังอินหอง นางเตงตันหยกเอาศิลาแก้วทิ้งถูกศีรษะอินหอง อินหองเจ็บปวดทนมิได้ก็ชักม้าหนี โลเฉียกับนางเตงตันหยกไล่ติดตามฆ่าฟันทหารอินหองไปถึงหน้าค่าย พอเวลาเย็นลงเกียงจูแหยก็ให้ตีม้าฬ่อเรียกทหารกลับเข้าเมือง เอียวเจี้ยนจึงเข้าไปบอกเกียงจูแหยว่า อินหองได้เสื้อเกราะกับอาวุธแลกระจก เป็นของเซียเจงจู๊ผู้อาข้าพเจ้า มาครั้งนี้เห็นจะเอาชัยชำนะยาก ข้าพเจ้าจะลาท่านไปถามอาข้าพเจ้าก่อน ถ้าอาข้าพเจ้ามีของวิเศษแก้กระจกแลเสื้อเกราะได้ข้าพเจ้าจะขอมาแก้ แล้วจะรีบมาทำศึกกับอินหองสืบไป เกียงจูแหยเห็นชอบด้วย เอียวเจี้ยนก็ลาดำดินไปผุดขึ้นเชิงเขาไทฮัวซัว เข้าไปคำนับเซียเจงจู๊ แล้วเล่าความซึ่งได้รบกับอินหองให้เซียเจงจู๊ฟังทุกประการ แล้วว่าเหตุใดท่านให้ของวิเศษไปกับอินหอง

๏ เซียเจงจู๊แจ้งความดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าเดิมเราใช้ให้อินหองไปเข้ากับเจ้าเมืองไซรกี อินหองก็ยอมไปเราไม่ไว้ใจ ให้อินหองสาบานตัวแล้วจึงให้ของอันวิเศษสำหรับตัวไปด้วย บัดนี้อินหองหาทำตามเราสั่งไม่เสียความสัตย์แล้ว อินหองก็คงจะตายตามคำที่สาบานไว้ ท่านจงกลับไปก่อนเถิด เราจึงจะตามไปฆ่าอินหองเสียให้จงได้ เอียวเจี้ยนก็คำนับลากลับไปแจ้งความแก่เกียงจูแหย พอเซียเจงจู๊มาถึงเกียงจูแหยดีใจนัก คำนับเชิญขึ้นนั่งที่สมควร แล้วแจ้งความซึ่งอินหองมารบพุ่งให้เซียเจงจู๊ฟังทุกประการ เซียเจงจู๊ได้ฟังดังนั้นจึงว่า อินหองได้สาบานตัวว่าจะมาช่วยท่านทำศึก เราจึงให้ของวิเศษมา บัดนี้อินหองกลับไปเข้ากับพวกจิวโก๋เสียความสัตย์แล้ว ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวให้มาเข้ากับท่าน ครั้นเวลารุ่งเช้าเซียเจงจู๊ก็ไปถึงหน้าค่าย แล้วเรียกอินหองให้ออกมานอกค่าย อินหองออกมาคำนับ เซียเจงจู๊จึงว่าเดิมเราสั่งให้ท่านมาช่วยเจ้าเมืองไซรกีกำจัดบิดาท่านผู้หาสัจธรรมมิได้นั้นเสีย ท่านก็ได้สาบานตัวต่อเราแล้ว เหตุใดจึงมาเข้ากับทหารจิวโก๋เล่า จงมาไปเมืองไซรกีด้วยเราเถิด อินหองจึงว่าเดิมข้าพเจ้าว่าจะไปเข้าด้วยเจ้าเมืองไซรกีเพราะเชื่อคำท่าน บัดนี้มีผู้นินทาข้าพเจ้าว่าเป็นคนอกตัญญูต่อบิดา ข้าพเจ้าจึงมาเข้ากับเชาฮู ท่านเป็นเทวดารักษาสัจธรรม มิใช่การเชิญกลับไปเสียเถิด เซียเจงจู๊ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าตัวไม่ฟังเราแล้ว จงเอาเกราะกับกระจกของเราคืนมาเสียเถิด อินหองจึงว่าท่านให้ของทั้งนี้แก่ข้าพเจ้าแล้ว จะกลับคืนเอาไปท่านก็หมายจะฆ่าข้าพเจ้าเสียให้ตาย ท่านกับข้าพเจ้าก็ขาดจากศิษย์ครูกันแต่วันนี้ไปแล้ว เกราะกับกระจกของท่านนั้นข้าพเจ้าจะยืมไว้ตัดศีรษะบูอ๋องกับเกียงจูแหยได้สำเร็จแล้วจึงจะคืนให้ท่านต่อภายหลัง เซียเจงจู๊ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ เอากระบี่ฟันอินหอง อินหองคงทนต่ออาวุธมิได้บาดเจ็บจึงเข้ารบเซียเจงจู๊ได้ห้าเพลงอาวุธ เซียเจงจู๊เกรงอินหองจะส่องด้วยกระจกก็เหาะหนีเข้าเมืองไซรกี อินหองเห็นเซียเจงจู๊หนีไปก็หัวเราะแล้วว่า เซียเจงจู๊สิ้นความรู้แล้วหาสู้เราได้ไม่ อินหองมีใจกำเริบกลับเข้าค่ายเล่าความให้เชาฮูฟังแล้วว่าการศึกครั้งนี้เราได้ทีอยู่แล้ว จำจะยกเข้าตั้งค่ายประชิดเมืองไซรกี ทลายประตูเมืองเข้าไปจับบูอ๋องกับเกียงจูแหยฆ่าเสียเห็นจะได้โดยง่าย เชาฮูได้ฟังดังนั้นก็ทุกข์ใจนักมิรู้ที่จะทำประการใด จึงคิดอุบายหวังจะหน่วงไว้ให้ช้าจึงว่า ข้าพเจ้าไม่สบายป่วยมาหลายวันแล้ว ของดอีกสามวันคลายป่วยแล้วจึงค่อยยกเข้าประชิดเมืองไซรกีเถิด เชาฮูกับอินหองพูดกันยังมิทันขาดคำ พอทหารเข้ามาบอกอินหองว่ามีผู้หนึ่งจะเข้ามาหาท่าน อินหองจึงให้พาตัวเข้ามา เห็นผู้นั้นสูงห้าศอก ศีรษะแหลมดังยอดเขา หน้าเขียวมีเขี้ยวงอกออกพ้นปากประมาณคืบหนึ่ง หายใจเป็นเปลงเพลิง ประคำกระดูกสวมคอ กระบี่สะพายแล่งใส่เสื้อแดงหมวกทอง เท้าทั้งสองใส่เกือกกรองหญ้าเข้ามาคำนับอินหอง อินหองจึงถามชื่อแลแซ่แล้วว่า ท่านมาแต่ไหนใครใช้ให้มาหาเรา ผู้นั้นจึงบอกว่าข้าพเจ้าชื่อแบหงวนอยู่ถ้ำเปกกุดต๋อง ซินกงป้าเพื่อนกันไปเชิญข้าพเจ้ามาช่วยท่านตีเมืองไซรกี อินหองดีใจนัก จึงแต่งโต๊ะเลี้ยงแบหงวน อินหองก็ปรึกษาที่จะยกไปตีเมืองไซรกี แบหงวนจึงว่าท่านอย่ายกกองทัพไปให้ลำบากทแกล้วทหารเลย ข้าพเจ้าผู้เดียวจะอาสาไปจับเกียงจูแหยมาให้ท่าน ครั้นเวลาเช้าแบหงวนก็ลาอินหองออกจากค่ายไปถึงหน้าเมืองไซรกี จึงร้องบอกเข้าไปให้เกียงจูแหยออกมารบ ทหารซึ่งรักษาประตูก็เข้าไปแจ้งความแก่เกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงจัดทหารพร้อมแล้วยกออกจากเมืองมา เห็นแบหงวนสะพายย่ามเย็บด้วยหนังเสือปลาถือกระบี่ยืนอยู่ผู้เดียว เกียงจูแหยจึงถามว่า ท่านมาแต่ผู้เดียวจะรบกับทหารเราหรือ แบหงวนจึงว่าซินกงป้าให้เรามาจับตัวท่านไปฆ่าเสีย เกียงจูแหยจึงว่า เดิมซินกงป้าเป็นคนหลงจะชวนเราไปเข้ากับเจ้าเมืองจิวโก๋ เราเห็นว่าเจ้าเมืองจิวโก๋จะสิ้นบุญ บูอ๋องเป็นผู้มีบุญเราจึงมาเข้ากับบูอ๋อง ซินกงป้าพยาบาทเราจึงใช้ให้ท่านมา ท่านกับเรามิได้มีความขัดเคืองแก่กัน จะเชื่อคำซินกงป้ามาสู้รบกับทหารผู้มีบุญหาควรไม่ จงมาเข้ากับเราทำการอาสาพระเจ้าบูอ๋องเถิด ท่านจะได้มียศศักดิ์ปรากฏชื่อแลแซ่ไปภายหน้า แบหงวนได้ฟังดังนั้นก็โกรธ เอากระบี่ฟันเกียงจูแหย เกียงจูแหยรับด้วยกระบองรบกันได้ห้าเพลง แบหงวนชิงเอากระบองเกียงจูแหยไปใส่ย่ามไว้ เกียงจูแหยสิ้นอาวุธก็ถอยหนีจะเข้าเมือง พอบูเอ๋งคุมเสบียงมาถึงหน้าเมือง เห็นแบหงวนไล่เกียงจูแหยมา บูเอ๋งก็ขับม้ารำกระบี่ออกรบกับแบหงวนได้สิบเพลง แบหงวนอิดโรยกำลังจะต้านทานมิได้ จึงถอยออกมาอ่านมนต์ให้ตัวสูงใหญ่ มีมือออกข้างหลังอีกมือหนึ่ง จะให้ยาวให้สั้นประการใดก็ได้ เป็นสามมือทั้งมือเดิม มีกำลังเรี่ยวแรงนักคว้าจับบูเอ๋งได้ ฉีกอกล้วงตับกินแล้วโยนศพบูเอ๋งไปเสีย โทเฮงสุนเห็นแบหงวนสูงใหญ่นักจะต่อสู้ซึ่งหน้ามิได้ จึงดำดินไปผุดขึ้นริมเท้าแบหงวนแล้วตีด้วยกระบองถูกหน้าแข้ง แบหงวนเจ็บเหลียวมาดู โทเฮงสุนก็แทรกแผ่นดินซ่อนตัวเสีย นางเตงตันหยกอยู่บนเชิงเทิน เห็นแบหงวนสาละวนก้มดูแผ่นดินหาโทเฮงสุนอยู่ จึงทิ้งด้วยศิลาแก้วถูกแก้มซ้ายแบหงวน แบหงวนเงยหน้าขึ้นเห็นนางเตงตันหยกก็โกรธ วิ่งเข้าไปจะจับตัว เอียวเจี้ยนเห็นดังนั้นจึงร่ายมนต์เกิดเป็นรูปคนเหมือนเอียวเจี้ยน เอียวเจี้ยนเอายาพิษใส่เป็นตับ แล้วให้ออกมาหน้านางเตงตันหยก แบหงวนเอื้อมมือยาวฉวยได้ฉีกท้องกินตับ ยาพิษนั้นก็ซาบไปในไส้พุงแบหงวนปวดท้องทนมิได้ จึงแข็งใจชี้มือร้องบอกเกียงจูแหยว่า เราจะไว้ชีวิตแต่เวลานี้ พรุ่งนี้จะกลับมากินตับเสียจงได้ แบหงวนก็กลับเข้าค่ายไปคำนับแจ้งความซึ่งได้รบให้อินหองกับแต้หลุนฟังแล้วว่า ข้าพเจ้ากินตับทหารเมืองไซรกีปวดท้องนักให้จุกเสียดไม่สบาย แต้หลุนจึงยาแบหงวนกินแก้จุกเสียด แบหงวนกินยาก็ลงท้องถึงสามวันจนซูบผอมกำลังอิดโรยนัก

๏ ฝ่ายบุนสู้ก๋องฮวดเทียนจุ๋นเทวดารู้ว่าแบหงวนมารบกับทหารเมืองไซรกี ทหารเมืองไซรกีต้านมิได้ จึงเหาะมาเมืองไซรกีเข้าไปหาเกียงจูแหย แล้วกระซิบบอกเกียงจูแหยว่า ท่านจงออกไปล่อให้แบหงวนไล่มา เราจะจับเอาแบหงวนไปเสีย บอกแล้วเทวดาก็ไปคอยอยู่ ครั้นเวลารุ่งขึ้นเกียงจูแหยก็ขี่ซูปุดเสียงออกไปหน้าค่ายชวนแบหงวนรบ แบหงวนหายป่วยท้องแล้วก็ยกทหารออกจากค่าย

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ