๖๔
๏ อินเฮารู้ว่าอาจารย์มาก็ตกใจกลัวว่าจะมาจับ จึงแต่งตัวใส่เครื่องสำหรับรบ ถือทวนขี่ม้าออกไปหาอาจารย์ ก๋งเสงจู๊เห็นอินเฮาก็โกรธ จึงว่าเสียแรงเราเลี้ยงดูมาแต่เล็กจนใหญ่ สั่งสอนก็หาฟังถ้อยคำไม่ มารบกับเกียงจูแหยทิ้งความสัจเสียดังนี้ชอบแล้วหรือ
๏ อินเฮาจึงว่าข้าพเจ้ามิได้ขัดขืนถ้อยคำอาจารย์ แต่เมื่อข้าพเจ้ามาถึงกลางทาง ซินกงป้ามาบอกว่าเกียงจูแหยฆ่าอินหองน้องข้าพเจ้าเสีย แลอินหองจะได้มีข้อผิดสิ่งใดมิได้มี ข้าพเจ้าจึงมีความแค้นเกียงจูแหยนัก อินเฮาเล่าความให้อาจารย์ฟังแล้วร้องไห้ ก๋งเสงจู๊จึงว่าท่านหารู้ไม่หรือว่าซินกงป้าเป็นข้าศึกกับเกียงจูแหยจึงมาเชื่อถ้อยคำดังนี้ ซึ่งน้องของท่านนั้นเป็นคนถึงที่ตาย สิ้นบุญเท่านั้นเอง แล้วอย่าโทษผู้อื่นเลย จงไปเข้าด้วยเมืองไซรกีเถิด อินเฮาได้ฟังดังนั้นก็โกรธว่าอาจารย์ไม่เข้าด้วย จึงถามว่าน้องข้าพเจ้าจำเพาะถึงที่ตายด้วยยันต์ไทเค๊กเต๋าแล้วหรือ ถ้าแลเกียงจูแหยฆ่าน้องของอาจารย์เสียบ้างดังนี้ อาจารย์จะโกรธบ้างหรือไม่ ความแค้นของข้าพเจ้าครั้งนี้แม้นฆ่าเกียงจูแหยตายเสียเมื่อใดแล้ว จึงจะไปเข้าด้วยเมืองไซรกี ก๋งเสงจู๊ได้ฟังอินเฮาว่าดังนั้นก็โกรธ จึงว่าถ้าไม่ฟังถ้อยคำเราแล้ว ก็เป็นกรรมของท่านจะถึงที่ตาย อินเฮาจึงว่าถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว ก๋งเสงจู๊ก็โกรธชักกระบี่ออกฟันอินเฮา อินเฮาก็รับด้วยทวนแล้วว่า ท่านแกล้งทำเราให้เป็นสามศีรษะหกมือ แล้วมิหนำซ้ำจะขืนให้ไปช่วยเมืองไซรกี เมื่อเกียงจูแหยทำให้เราได้ความเจ็บแค้น อาจารย์ยังเข้าด้วยเขาเห็นคนอื่นดีกว่าศิษย์ของตัวอีกเล่า ก๋งเสงจู๊ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าอินเฮาทรยศต่อกูผู้เป็นอาจารย์แล้วจะไว้ชีวิตใย ก็ฟันด้วยกระบี่อีกทีหนึ่ง อินเฮาก็หลบถอยออกไปให้ห่างแล้วว่า ถ้าท่านไม่เอ็นดูแล้วก็อย่านับถือว่าเป็นศิษย์เลย จะรบก็รบกัน ก๋งเสงจู๊ก็ขยับตามมาจะฟันด้วยกระบี่ อินเฮาก็รำทวนเข้ารบกับก๋งเสงจู๊ได้ห้าหกเพลง อินเฮาเงื้อตราขึ้นจะทิ้งก๋งเสงจู๊ ก๋งเสงจู๊ตกใจกลัวก็แทรกแผ่นดินหนีไปเมืองไซรกี
๏ ฝ่ายเกียงจูแหยเห็นก๋งเสงจู๊เดินมากิริยาไม่สบาย จึงถามว่าวันนี้ท่านไปหาอินเฮาเป็นอย่างไรบ้าง ก๋งเสงจู๊บอกว่าอินเฮาเชื่อคำซินกงป้าหาฟังคำเราไม่ก็เป็นอันจนใจอยู่แล้ว เกียงจูแหยจึงผินหน้ามาว่ากับเหยียนเต๋งโตหยินว่า ซึ่งแบเซียนนั้นท่านจะคิดอ่านอย่างไรเล่า เหยียนเต๋งโตหยินจึงว่าเป็นใหญ่อยู่แต่อินเฮา ทำไมกับแบเซียนจะไปจับเมื่อไรก็ได้ เกียงจูแหยจึงว่าจะละไว้ให้กำลังศึกเป็นสองแรงหาควรไม่ ครั้นรุ่งขึ้นเหยียนเต๋งโตหยินจะไปรบกับแบเซียน จึงให้เกียงจูแหยขี่ม้าออกไปล่อแบเซียนให้มาจากค่าย เหยียนเต๋งโตหยินกับศิษย์ถือโคมยืนอยู่ที่ต้นไม้นอกเมือง ครั้นเกียงจูแหยไปถึงค่ายก็ร้องเรียกแบเซียนให้ออกมารบ แบเซียนกำเริบใจก็จัดทหารออกรบด้วยเกียงจูแหยได้สองสามเพลง เกียงจูแหยก็ชักม้าหนี แบเซียนก็ไล่ติดตามมาจนเหยียนเต๋งโตหยิน เหยียนเต๋งโตหยินก็ออกยืนกั้นหน้าม้าแบเซียนไว้ แล้วร้องว่าท่านรู้จักเราหรือไม่ แบเซียนว่าไม่รู้จักเงื้อทวนจะแทง เหยียนเต๋งโตหยินก็โยนโคมขึ้นไป แบเซียนกลัวโคมจะตกถูกศีรษะก็หลบโคม ศิษย์เหยียนเต๋งโตหยินก็วิ่งเข้าจับแบเซียนใส่ในโคม กลับเป็นไส้ตะเกียงติดไฟอยู่ดังเก่า เกียงจูแหยกับเหยียนเต๋งโตหยินก็กลับเข้าเมือง พวกทหารเห็นแบเซียนหายไปได้แต่ม้าก็กลับเข้าค่าย เอาความมาบอกแก่อินเฮาว่า แบเซียนออกไปรบกับเกียงจูแหย เห็นโคมใบหนึ่งสว่างขึ้นแล้วตัวแบเซียนก็หายไป อินเฮาได้ฟังก็โกรธ จึงจัดทหารให้ฮุนเหลียงเป็นทัพหน้า ลีกี๋มกับเตียวสันเป็นปีกซ้ายขวา อินเฮาเป็นแม่ทัพยกออกจากค่าย ไปถึงที่รบก็ร้องเข้าไปให้เกียงจูแหยออกมารบกับเรา เกียงจูแหยเห็นดังนั้นก็จัดทหารให้โลเฉียเป็นทัพหน้า เอียวเจี้ยนเป็นปีกซ้าย หลุยจินจู๊เป็นปีกขวา เกียงจูแหยถือกระบี่ขี่ซูปุดเสียงเป็นแม่ทัพ ขณะนั้นเหยียนเต๋งโตหยินให้ธงเหลืองเกียงจูแหยถือไปกันอาวุธอันหนึ่ง ครั้นยกมาถึงที่รบอินเฮาก็ให้ฮุนเหลียงเข้ารบกับโลเฉียทัพหน้าได้สามเพลง โลเฉียเอากำไลทองทิ้งถูกฮุนเหลียงคอหักตายตกลงจากหลังม้า อินเฮาเห็นดังนั้นก็โกรธ ขับม้าขึ้นมาหน้าทหาร เกียงจูแหยก็ขับซูปุดเสียงออกรบกับอินเฮาได้ห้าเพลง อินเฮาจึงเอาตราทิ้งมา เกียงจูแหยรับด้วยธง ตรานั้นก็กระเด็นกลับไป อินเฮาเห็นดังนั้นก็โกรธ ไล่ถลำเข้ามาหมายจะฟันเกียงจูแหยด้วยกระบี่ โลเฉียหลุยจินจู๊เอียวเจี้ยนก็รุมกันเข้าช่วยเกียงจูแหยรบอินเฮา เตียวสันกับหลีกี๋มจึงขับม้าจะเข้าช่วยอินเฮา พวกทหารก็กันไว้ อินเฮาเห็นทหารเมืองไซรกีกลุ้มรุมเข้ามา เหลือกำลังจะต่อสู้ก็แทรกแผ่นดินหนีไปค่าย เตียวสันกับลีกี๋มก็ม้วนธงล่าทัพเข้าค่าย เกียงจูแหยก็เลิกทัพกลับเข้าเมือง แล้วเกียงจูแหยปรึกษาเหยียนเต๋งโตหยินแลก๋งเสงจู๊ว่า ศึกอินเฮาเป็นการใหญ่ด้วยได้อาวุธวิเศษของก๋งเสงจู๊มา จะคิดอย่างไรจะจับอินเฮาได้ ก๋งเสงจู๊จึงว่าเราผู้เป็นอาจารย์นี้จนใจสิ้นความคิดแล้ว ขอสติปัญญาเหยียนเต๋งโตหยินช่วยคิดอ่านเถิด เหยียนเต๋งโตหยินจึงว่า จะทำแต่ลำพังเราเท่านี้ไม่ได้ จำจะให้ไปเชิญเซียะเจงจู๊ บุนซูก๋งฮวด เจียบอี๋นโตหยิน จุ้นเถโตหยิน อาจารย์ผู้ใหญ่ทั้งสี่มาให้พร้อม แล้วให้ยืมเซนเยนโปเซ็กคือธงแก้ว ที่กิมโปผู้เป็นมารดาลงเกียดก๋งจู๊มาจึงจะสำเร็จการ เกียงจูแหยก็ให้เอียวเจี้ยนไปบอกอาจารย์ผู้ใหญ่ทั้งสี่ อาจารย์ผู้ใหญ่ทั้งสี่ก็มาพร้อมกัน ณ เมืองไซรกี แล้วเอียวเจี้ยนก็ไปหากิมโป กิมโปก็ให้เซนเยนโปเซ็กธงแก้วมากับเอียวเจี้ยน แล้วว่าถ้ายกธงแก้วคันนี้ขึ้นเมื่อใด เทวดาอารักษ์ก็มาหมดสิ้น เอียวเจี้ยนได้ธงแล้วก็ดำดินมาเมืองไซรกี
๏ ฝ่ายซินกงป้าแจ้งว่าอินเฮาฟังถ้อยคำของตัวไปรบกับเมืองไซรกี จึงให้เล่าหวนโลสองโตหยินทั้งสองมาช่วยอินเฮา ครั้นเล่าหวนโลสองมาถึงค่ายก็บอกอินเฮาว่า ซินกงป้าให้เรามาช่วยท่านรบเมืองไซรกี อินเฮามีความยินดี คำนับแล้วเชิญโตหยินทั้งสองให้อยู่ที่อันสมควร ครั้นรุ่งขึ้นอินเฮาจึงปรึกษาแก่โลสองเล่าหวนโตหยินว่า การที่จะทำแก่เมืองไซรกีครั้งนี้ยากนัก ด้วยทหารเขาแต่ละคนล้วนฝีมือเข้มแข็ง อาจารย์จะคิดอย่างไรจึงจะได้เมืองไซรกี โลสองโตหยินได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่าทำไมกับเมืองไซรกีเปรียบเหมือนลูกพุทราสุก เอาดินทิ้งก้อนเดียวก็จะหล่นลงเองไม่ยากนัก เวลาค่ำวันนี้เราจะคิดเผาเสียให้สิ้นทั้งเมืองท่านอย่าวิตกเลย ครั้นเวลาดึกโลสองโตหยินเล่าหวนโตหยินก็ขี่ม้าแดงออกจากค่ายไปถึงที่รบ จึงปล่อยอาวุธพิเศษคือกาไฟเข้าไปเผาบ้านเรือนชาวเมืองไซรกี เพลิงก็ไหม้ติดขึ้นทุกหลังคาเรือนตลอดจนวังบูอ๋อง เกียงจูแหยทหารชาวเมืองทั้งปวงมิได้รู้เหตุ ต่างคนก็ตื่นตกใจอื้ออึงอลหม่านไปทั้งเมือง
๏ ขณะนั้นบูอ๋องนอนหลับอยู่ ครั้นได้ยินเสียงอื้ออึงก็ออกมาดูเห็นเพลิงติดทั่วไปทั้งเมืองก็ตั้งสัตยาธิษฐานว่า ถ้าข้าพเจ้ามิได้ตั้งอยู่ในสัจสุจริตที่จะบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข ก็ขอให้ไฟไหม้แต่วังข้าพเจ้าสิ้นทั้งบุตรแลภรรยา อย่าให้บ้านเรือนคนทั้งปวงไหม้เลย ถ้าข้าพเจ้ามีความสัจจะบำรุงแผ่นดินเป็นสุขโดยสุจริตแล้ว ขอให้มีผู้มาช่วยดับเพลิงในเวลานี้เถิด พอสิ้นคำอธิษฐานลง มีเทวดาผู้หญิงคนหนึ่งชื่อลงเกียดกงจู๊ เป็นลูกสาวนางกิมโปเป็นเทวดาผู้ใหญ่ได้รักษาโลก ถือขวดน้ำทิพย์ขี่หงส์เหาะมาถึงเมืองไซรกีในขณะกลั้นใจเดียว แล้วเทน้ำในขวดรินลงเป็นฝนห่าใหญ่ไฟก็ดับสิ้น แล้วเรียกฝูงกาไฟนั้นเข้าในขวดทิพย์ทั้งหมด บรรดาชาวเมืองก็มีความยินดี สรรเสริญพระเจ้าบูอ๋องว่ามีบุญมากยิ่งนัก เสียงเอิกเกริกไปทั่วทั้งเมือง
๏ ฝ่ายโลสองโตหยินเล่าหวนโตหยินเห็นกาหายไป จึงเหาะขึ้นไปดูบนอากาศก็เห็นนางลงเกียดก๋งจู๊แล้วว่า เหตุใดท่านมาเก็บเอากาไฟของเราไปสิ้น นางจึงตอบว่าท่านหารู้ไม่หรือบูอ๋องเป็นผู้มีบุญจึงมาคิดทำการดังนี้ อย่าว่าแต่กาไฟเลยถึงตัวท่านก็จะตายด้วย โลสองโตหยินได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงเอาจักรมังกรไฟขว้างไป ลงเกียดก๋งจู๊ก็เอาขวดแก้วรับจักรกลับเป็นตัวมังกร เข้าว่ายอยู่ในขวดดังว่ายอยู่ในท้องมหาสมุทร เล่าหวนโตหยินเห็นดังนั้นจึงเอากระบี่ขว้างไป นางก็โยนกระบี่ขึ้นรับตกลงมาถูกเล่าหวนโตหยินคอขาดตาย โลสองโตหยินเห็นดังนั้นก็นึกในใจว่า ลงเกียดก๋งจู๊มีฤทธิ์มากเก็บอาวุธไว้เสียสิ้นจะต่อสู้มิได้ก็หนีไปภูเขาแห่งหนึ่งลงหยุดนั่งอยู่