๓๓
๏ ขณะเมื่อยกไปนั้นอึ้งเบ๋งจึงว่ากับอึ้งปวยฮอว่าเราไปถึงด่านเห็นจะไม่ได้รบ ด้วยเป็นพวกของเรา ว่าแล้วก็รีบไปจะใกล้ถึงด่าน ทหารสอดแนมเอาเนื้อความเข้าไปบอกอึ้งกุ๋นว่า ลูกชายของท่านคิดกบฏ หักด่านหนีมาฆ่าขุนนางนายด่านเสียเป็นหลายตำบล มาจวนจะถึงด่านอยู่แล้ว อึ้งกุ๋นได้ยินดังนั้นก็ขึ้นม้าพาลูกชายทั้งสองคนคุมทหารสามพัน กับเกวียนสำหรับใส่คนโทษสิบเล่ม ออกมาตั้งรับอยู่ ณ ประตูด่าน อึ้งเบ๋งเห็นจึงกลับมาบอกอึ้งปวยฮอว่า บิดาท่านจัดทหารมามากนัก ข้าพเจ้าเห็นจะไม่สมความคิด ให้ท่านหยุดอยู่ข้าพเจ้าจะเข้าไปดูก่อน แล้วอึ้งเบ๋งหลงหวนก็ขับม้าเข้าไปหน้า อึ้งปวยฮอขับโคไปถึงจึงยอบตัวลงคำนับ แล้วว่าข้าพเจ้าหากตัญญูต่อบิดาไม่ จึงมิได้ลงคำนับโดยสุจริต อึ้งกุ๋นจึงแกล้งถามว่านี่ผู้ใด อึ้งปวยฮอตอบว่า ข้าพเจ้าชื่ออึ้งปวยฮอเป็นบุตรของท่าน อึ้งกุ๋นจึงร้องขึ้นว่าพวกของเราจะเป็นกบฏเช่นนี้หามิได้ เราทำราชการมาถึงเจ็ดชั่วคน ท่านแต่ก่อนต่อ ๆ มาจนถึงตัวเรา มีใจสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน มิได้คิดทรยศต่อเจ้า ใจของเราถือมั่นอยู่ว่าเกิดมาเป็นชาติทหารแล้ว มิได้คิดจะกินข้าวถึงสองเจ้า ถ้าเกิดมาเป็นหญิงก็ไม่คิดจะมีผัวสองคน จิตเรามั่นอยู่ฉะนี้ ตัวของเจ้าเล่าพระเจ้าติวอ่องเลี้ยงให้เป็นเจ้า มาผูกเจ็บใจด้วยหญิงผู้เดียวนี้ คิดกบฏต่อแผ่นดินละความละอายเสียสัตย์ ซึ่งจะหาความสุขไปข้างหน้านั้นยากแล้ว แล้วตัวหนีออกมาทั้งนี้ ฆ่าขุนนางนายด่านเสียหลายตำบล อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน ซึ่งตัวทำการได้ทั้งนี้ก็เพราะไม่คิดถึงเราผู้เป็นบิดายังจะมีหน้ามาหาเราอีกเล่า อึ้งปวยฮอได้ยินบิดาว่าดังนั้นก็ก้มหน้านิ่งอยู่ อึ้งกุ๋นจึงร้องว่าอ้ายสัตว์เดียรัจฉานมึงจะไปเมืองไซรกีให้ได้แล้ว มึงเอาทวนมาแทงกูเสียก่อนเถิด เมื่อหูกูไม่ได้ยินตาไม่เห็นแล้ว ก็จะก้มหน้าตายอยู่ที่นี่มิให้ผู้ใดล่วงว่าลูกเป็นกบฏ พ่อโทษถึงตาย อึ้งปวยฮอจึงร้องว่าข้าพเจ้ายอมให้จับส่งไปเมืองหลวงโดยดีแล้ว บิดาอย่าโกรธข้าพเจ้าเลย แล้วจะลงจากหลังโค อึ้งเบ๋งจึงร้องห้ามว่า พี่อย่าเพิ่งยอมให้จับก่อน ด้วยพระเจ้าติวอ๋องมิได้เป็นสัจธรรม ซึ่งจะทำตามคำบิดาท่าน เห็นจะไม่รอดจากความตาย เมื่อแรกจะหักด่านออกมานั้น ความตายถึงสิบส่วนจะรอดส่วนหนึ่ง เสียแรงเราออกมาได้ถึงนี่แล้ว จะกลับเข้าไปตายลำบากหาต้องการไม่ ซึ่งความแค้นของท่านแต่หลังนั้นบิดาท่านหารู้ไม่ อึ้งปวยฮอเห็นชอบด้วยก็มิได้ลงจากหลังโค อึ้งกุ๋นจึงว่ากับอึ้งเบ๋งว่า ซึ่งลูกเราคิดกบฏต่อพระเจ้าติวอ๋องและมิได้คิดถึงเราผู้เป็นบิดานั้น เอ็งเหล่านี้ยุยง แต่ต่อหน้ายังห้ามไว้มิให้พ่อลูกมาหากัน อึ้งกุ๋นมีความโกรธเป็นอันมาก ถือทวนขับม้าตรงเข้ามาแทงเอาอึ้งเบ๋ง อึ้งเบ๋งเอาขวานรับไว้ แล้วว่าท่านฟังข้าพเจ้าก่อนเถิด อึ้งปวยฮอก็เป็นลูกของท่าน อึ้งเทียนหลกก็เป็นหลานของท่าน ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้ก็เป็นหลานและแซ่เดียวกัน ข้าพเจ้าจะว่าให้ท่านฟัง คำโบราณว่าถึงเสือจะร้ายก็ไม่กินลูก ครั้งนี้พระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในยุติธรรม บ้านเมืองเกิดจลาจล เหตุไรท่านไม่คิดถึงลูกสาวลูกสะใภ้ท่าน ที่พระเจ้าติวอ๋องถีบตกเตียะแซเหลาตาย จะมาจับลูกของตัวส่งเข้าไปให้ได้ความลำบากอีกเล่า อึ้งกุ๋นได้ยินดังนั้นก็โกรธ ว่าอ้ายพวกกบฏกลับมาจะล้อเราเล่น จึงเอาดาบฟันเอาอึ้งเบ๋ง อึ้งเบ๋งเอาขวานขึ้นรับ แล้วว่าท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ หารู้จักลักษณะแผ่นดินที่จะดีหรือร้ายไม่ กลับจะฟันเราเสียอีกเล่า ใช่ว่าอาวุธเราจะไม่มี แต่กลัวว่าปัดป้องรักษาตัวจะพลั้งมือไปถูกเข้า จะเสียเกียรติยศของท่าน พออึ้งกุ๋นเห็นม้าจิวกีใกล้เข้ามาก็โกรธ กล้บม้ามาจะฟันจิวกี จิวกีจึงว่าขออภัยเสียเถิดข้าพเจ้าจะอดไม่ได้แล้ว อึ้งเบ๋ง จิวกี หลงหวน งอเกียม ทั้งสี่ม้าล้อมอึ้งกุ๋นไว้ อึ้งปวยฮอเห็นดังนั้นก็นึกโกรธทหารทั้งสี่นายว่า ต่อหน้ายังดูหมิ่นบิดาเราถึงฉะนี้ อึ้งเบ๋งร้องว่ากับอึ้งปวยฮอว่า ข้าพเจ้าทั้งสี่คนล้อมบิดาท่านไว้แล้ว ท่านนิ่งอยู่ไยเล่าเร่งออกไปเสียให้พ้น อึ้งฮุยป้า อึ้งฮุยปิว อึ้งเทียนหลก อึ้งเทียนเสียง จึงพาทหารและล้อเกวียนออกไปนอกด่าน อึ้งกุ๋นมีความโกรธเป็นกำลัง พลัดตกลงจากหลังม้าชักกระบี่ออกจะเชือดคอตาย อึ้งเบ๋งลงจากม้าเข้ายึดเอากระบี่ไว้ แล้วว่าท่านมาทำดังนี้หาควรไม่ อึ้งกุ๋นจึงด่าว่าอ้ายโจรหารู้จักความผิดไม่ ควรหรือขับไล่ลูกเราหนีไป อึ้งเบ๋งจึงว่าข้าพเจ้าจะเล่าให้ท่านฟัง ข้าพเจ้าแค้นทั้งนี้เพราะลูกของท่านนัก เมื่อจะคิดกบฏนั้นได้ห้ามปรามเป็นหลายครั้ง กลับจะฆ่าข้าพเจ้าทั้งสี่คนเสีย ข้าพเจ้ากลัวจึงเข้าร่วมคิดด้วย แต่ได้ปรึกษากันอยู่ว่า ถ้ามาถึงท่านจึงจะแจ้งความให้ฟัง ให้ท่านจับลูกและหลานส่งขึ้นไป จะล้างความชั่วของข้าพเจ้าทั้งสี่คน ทั้งจะไม่มีมลทินแก่ตัวท่าน ขอเชิญท่านตามไปเรียกลูกท่านมาก่อน ถ้าลูกท่านจะมิมาท่านจงบอกว่าข้าพเจ้าเชิญให้มาตามอย่าคิดกลัวเลย แล้วท่านจึงว่าตัวก็จะไปเมืองไซรกีตามลูกท่านด้วย อึ้งกุ๋นหัวเราะแล้วว่า อ้ายลูกวานซืนนี้จะมาลวงเราอีกเล่า อึ้งเบ๋งจึงว่าท่านสงสัยดังนั้นผิดไป อึ้งปวยฮอลูกของท่านก็หนีออกไปนอกด่านพ้นเงื้อมมือท่านแล้ว ข้าพเจ้าจะลวงท่านเอาประโยชน์สิ่งใดเล่า ท่านคิดดูเถิดข้าพเจ้าว่าทั้งนี้โดยเอ็นดูกับท่าน แต่พอให้อึ้งปวยฮอกลับเข้ามาในด่านแล้ว ท่านจึงให้อึ้งปวยฮอกับทหารทั้งปวงกินเลี้ยง ข้าพเจ้าทั้งสี่คนจะคอยอยู่ ถ้าเห็นได้ทีแล้วท่านตีระฆังสัญญาขึ้น ข้าพเจ้าจะจับอึ้งปวยฮอกับลูกชายทั้งสองใส่เกวียนส่งเข้าไปเมืองหลวง แต่ท่านช่วยข้าพเจ้าทั้งสี่คนนี้ให้พ้นผิดด้วย คุณท่านจะมีกับข้าพเจ้าเป็นอันมาก อึ้งกุ๋นได้ยินดังนั้นกลับเห็นจริงด้วย จึงคิดว่าอึ้งปวยฮอมิได้คิดถึงเราจึงหนีไป ซึ่งอึ้งเบ๋งว่ากล่าวทั้งนี้โดยเอ็นดูเรา ก็ขึ้นม้ารีบตามออกไปนอกด่าน จึงเรียกอึ้งปวยฮอว่า ลูกเอ๋ยกลับมาก่อนเถิดบิดาไม่ทันคิด ซึ่งอึ้งเบ๋งว่ากล่าวนั้นเป็นความจริง บิดาจะไปเมืองไซรกีด้วย อึ้งปวยฮอได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าซึ่งบิดาตามมาเรียกเราบัดนี้ เห็นจะเป็นความคิดของอึ้งเบ๋ง อึ้งปวยฮอก็พาทหารกลับตามคำอึ้งกุ๋นเข้าไปในด่าน ฯ
๏ ขณะเมื่ออึ้งกุ๋นตามอึ้งปวยฮอไปนั้น ภายหลังอึ้งเบ๋งกระซิบสั่งหลงหวนเป็นความลับ หลงหวนก็คุมทหารไปคอยอยู่ตามคำอึ้งเบ๋งสั่ง เมื่ออึ้งกุ๋นพาอึ้งปวยฮอเข้ามาถึง จึงว่าเจ้าทั้งปวงเหน็ดเหนื่อยมากินอยู่ให้สบายจึงค่อยไป แล้วสั่งคนใช้ให้ยกของมาเลี้ยงลูกกับหลานและพรรคพวกทั้งสิ้น
๏ ขณะเมื่อเลี้ยงกันอยู่นั้น อึ้งเบ๋งนั่งอยู่กับอึ้งกุ๋น อึ้งกุ๋นนั่งเสพสุราได้สักสามสี่จอกแล้ว ตีระฆังสัญญาขึ้นเป็นหลายทีอึ้งเบ๋งทำเฉยเสีย อึ้งกุ๋นจึงถามว่าทำไมไม่ลงมือเล่า อึ้งเบ๋งจึงว่าทหารยังไม่พร้อมจะเสียการไป
๏ ฝ่ายหลงหวนซึ่งอึ้งเบ๋งสั่งไว้นั้นเห็นได้ที ก็ให้ทหารเข้าเก็บเอาทรัพย์สิ่งของเงินทองของอึ้งกุ๋นบรรดาที่มีในเลื่อนมาบรรทุกลงไว้เป็นหลายเล่มเกวียน ก็เอาไฟจุดฉางข้าวไหม้ขึ้นแล้ว หลงหวนจึงวิ่งร้องมาว่าเกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่ฉาง อึ้งปวยฮอกับทหารทั้งปวงได้ฟังดังนั้น ต่างคนก็ขึ้นโคและม้าขับล้อเกวียนรีบหนีไฟออกไปนอกด่าน พอคนใช้มาบอกกับอึ้งกุ๋นว่า ทหารอึ้งปวยฮอไปเก็บเอาทรัพย์สิ่งของที่เลื่อนท่านไปหมดแล้ว อึ้งกุ๋นรู้ดังนั้นจึงว่าเราหลงด้วยกลอุบายอ้ายโจรเหล่านี้ แล้วด่าอึ้งเบ๋งเป็นข้อหยาบช้า อึ้งเบ๋งจึงว่าท่านอย่าเพ่อโกรธ ข้าพเจ้าจะบอกความให้ ด้วยพระเจ้าติวอ๋องไม่อยู่ในยุติธรรมแผ่นดินร้อนนัก ฝ่ายบูอ๋องตั้งอยู่ในความสัตย์มีความเมตตาแก่อาณาประชาราษฎร หัวเมืองทั้งปวงก็ไปสามิภักดิ์ เราจะไปหาบูอ๋องยืมพลมาแก้แค้นพระเจ้าติวอ๋อง ท่านจะไปด้วยเราก็ไป หรือจะมิไปก็ตามอัชฌาสัย อึ้งกุ๋นจึงว่าไฟไหม้ฉางข้าวขึ้นอึ้งปวยฮอก็หนีไปได้ แจ้งขึ้นไปถึงเมืองหลวงตัวเราก็คงจะตาย อึ้งกุ๋นนิ่งตรึกตรองอยู่ช้านาน แล้วทอดใจใหญ่แหงนหน้าขึ้นไปบนอากาศแล้วว่า ซึ่งลูกเราหนีไปได้พ้นใช่เราจะแกล้งปล่อยไปเสีย ไม่ตรงต่อพระมหากษัตริย์นั้นหามิได้ แต่ความมาให้ต้องจำใจนั้นไม่มีผู้ใดแลเห็น เสียแรงทำราชการรักษาความสัตย์มาหลายชั่วคนแล้ว มากลับเป็นพวกกบฏเสียครั้งนี้ จึงผินหน้าไปข้างทิศเมืองหลวงยกมือขึ้นคำนับ เอาตราสำหรับที่แขวนขึ้นไว้แล้วก็คุมทหารรีบมาดับไฟ ข้าวที่เหลือไฟไหม้นั้นก็ให้กวาดกองเข้าไว้เป็นอันดี แล้วตรวจดูคนใช้ในเรือนได้สามสิบคนกับทหารม้า ทหารเดินเท้าสี่พันเศษ ยกออกจากด่านรีบตามอึ้งปวยฮอไป ขณะเมื่อเดินทางมานั้น อึ้งกุ๋นจึงว่ากับอึ้งเบ๋งว่า ท่านมาคิดดังนี้เบาแก่การนัก ใช่ว่าพ้นด่านไต๋ไปก๋วนไปแล้วจะถึงเมืองไซรกีทีเดียวนั้นหาไม่ ยังทางอีกแปดร้อยเศษจะถึงด่านกีจุยก๋วน ฮั่นเอ๋งซึ่งรักษาด่านนั้นมีทหารเอกชื่อชีฮัว ชีฮัวคนนี้มีมนต์วิเศษกับธงอันหนึ่ง ถ้าโบกธงแล้วอ่านมนต์ขึ้นให้มือและเท้าฝ่ายข้าศึกอ่อนไปสิ้น ถึงจะมามากสักเท่าใดก็จับมัดได้โดยง่าย เราทั้งปวงเห็นจะหนีไปไม่พ้น ไหนเขาจะจับตัวส่งขึ้นไปเมืองหลวง แต่เดิมทีถ้าให้จับส่งขึ้นไปแล้วก็จะตายแต่พวกของตัว นี้อุปมาเหมือนหนึ่งเทพยดาจะแกล้งให้เราสิ้นเชื้อวงศ์ครั้งนี้แล้ว อึ้งกุ๋นแลไปเห็นหลานร้องไห้ก็ให้มีความอาลัยยิ่งนัก ว่าพวกเราจะมาพากันฉิบหายเสียสิ้น อึ้งกุ๋นขี่ม้ามาตามทางให้มีความวิตกนัก จนมาถึงด่านกีจุยก๋วน ชาวด่านจึงเข้าไปแจ้งความแก่ฮั่นเอ๋งว่า อึ้งปวยฮอพาอึ้งกุ๋นผู้บิดาหนีมาตั้งอยู่หลังด่านเรา ฮั่นเอ๋งแจ้งดังนั้นจึงคิดว่า อึ้งกุ๋นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ลูกชายคิดกบฏหาห้ามปรามไม่ กลับเห็นดีทิ้งด่านทางเสียยกตามมาด้วย ฮั่นเอ๋งก็ให้ตีกลองสัญญาเรียกทหารมาพร้อม ฮั่นเอ๋งจึงสั่งชีฮัวให้คุมทหารออกไปจับอึ้งปวยฮอกับพรรคพวกให้จงได้
๏ ขณะเมื่ออึ้งกุ๋นนั่งอยู่ในค่าย บุตรกับหลานและทหารทั้งปวงพร้อมกัน อึ้งกุ๋นจึงว่าวันนี้พร้อมหน้ากันอยู่สิ้น เวลาพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าชีฮัวจะจับเอาผู้ใดไป ทหารทั้งปวงได้ยินดังนั้นก็มีความน้อยใจ ครั้นเพลาเช้าชีฮัวก็ยกออกมาหน้าค่าย ทหารเข้ามาแจ้งความกับอึ้งกุ๋น อึ้งกุ๋นจึงว่าวันนี้ผู้ใดออกรบ อึ้งปวยฮอจึงว่าข้าพเจ้าจะออกรบเอง แล้วก็ถือทวนขี่โคขับออกไปนอกค่าย ชีฮัวเห็นดังนั้นจึงคิดว่าทหารคนนี้เราหารู้จักไม่ จึงถามว่าท่านนี้ชื่อใด อึ้งปวยฮอจึงบอกว่าเราชื่อบูเสงอ๋อง ชีฮัวจึงว่าข้าพเจ้าหารู้จักท่านไม่ ได้ยินแต่ชื่อท่านนั้นปรากฏอยู่ทั้งแผ่นดิน พระเจ้าติวอ๋องก็ชุบเลี้ยงท่านให้เป็นเจ้าแล้ว เหตุใดท่านจึงคิดกบฏหนีมาฉะนี้ อึ้งปวยฮอจึงว่าท่านว่านั้นชอบอยู่ แต่ท่านมิได้เห็นในอกเรา ความแค้นของเราเหลือที่จะเล่า ถ้าพระมหากษัตริย์เป็นธรรมแล้ว ข้าราชการก็คงจะสัตย์ซื่อสู้เสียชีวิตสนองพระคุณ และการแผ่นดินทั้งนี้เล่าหัวเมืองทั้งปวงก็รู้อยู่ ว่าบัดนี้เป็นสามส่วนขึ้นกับเมืองไซรกีสองส่วนแล้ว เหตุทั้งนี้ใช่กำลังจะทำได้ เทพยดาหากเผอิญให้เป็น แล้วว่าท่านได้เมตตาเถิด เราจะขอหนทางท่านไป ชีฮัวจึงตอบว่าท่านว่าทั้งนี้ผิดนัก ถ้ามาโดยดีข้าพเจ้าจะคุมทหารออกมาคำนับเปิดประตูด่านให้ นี่ท่านเป็นกบฏหนีมา ฆ่าขุนนางนายด่านเสียเป็นหลายตำบลซึ่งจะปล่อยท่านนั้นผิดด้วยกฎหมายอย่างธรรมเนียม ขอเชิญท่านลงจากหลังโค ให้ข้าพเจ้าจับส่งขึ้นไปเมืองหลวงเถิด ขุนนางทั้งปวงจะได้ช่วยทูลขอโทษ ด้วยท่านมีความชอบมาแต่หลังเป็นอันมาก ท่านจงฟังข้าพเจ้าเถิด จะขืนออกไปจะเสียทีเสียเปล่า อึ้งปวยฮอโกรธจึงว่าด่านห้าตำบลเรามาได้ถึงสี่ตำบลแล้ว ยังอยู่ด่านเดียวเท่านี้คงจะหักไปให้ได้ อึ้งปวยฮอก็ขับโคเข้ารบกับชีฮัวเป็นสามารถ อึ้งกุ๋นกลัวว่าอึ้งปวยฮอจะเสียที ก็ขับให้อึ้งเบ๋ง จิวกี อึ้งฮุยปิว อึ้งฮุยป้า หลงหวน งอเกี้ยมทั้งหกนายออกไปช่วยรบ ชีฮัวทานกำลังอึ้งปวยฮอไม่ได้ แล้วเห็นทหารหกนายล้อมเข้ามา ชีฮัวก็ชักม้าหนี อึ้งปวยฮอก็ขับทหารไล่ตามไป ชีฮัวจึงเอาธงวิเศษโบกขึ้น ก็เป็นหมอกมืดล้อมอึ้งปวยฮอและทหารเข้าไว้ อึ้งปวยฮอกับทหารทั้งปวงมืออ่อนเท้าอ่อน ชาวด่านก็เข้ากลุ้มรุมจับเอาไปส่งให้ฮั่นเอ๋ง ฮั่นเอ๋งจึงถามอึ้งปวยฮอว่า พระเจ้าติวอ๋องเลี้ยงท่านไม่ถึงขนาดหรือจึงคิดกบฏฆ่าขุนนางนายด่านเสียหนีมา อึ้งปวยฮอหัวเราะแล้วว่าตัวก็เป็นแต่นายด่านเหมือนยืมสง่าเสือมาปกไว้ แว่นแคว้นของตัวก็แต่เท่านี้ยากที่จะรู้จักการแผ่นดิน จะพูดไปก็หาต้องการไม่ ตัวเรานี้ท่านจับได้ก็รีบส่งขึ้นไปเอาความชอบเถิด ฮั่นเอ๋งก็สั่งให้เอาอึ้งปวยฮอกับทหารหกคนไปจำไว้ ครั้นรุ่งขึ้นชีฮัวขึ้นม้าคุมทหารจะไปจับอึ้งกุ๋น เทียนหลกรู้ดังนั้นจึงว่าข้าพเจ้าขอออกไปรบแก้แค้นแทนบิดา อึ้งกุ๋นจึงห้ามก็มิฟังแล้วก็ขึ้นม้าถือทวนออกไปยืนอยู่หน้าค่าย ชีฮัวเห็นจึงคิดว่าอึ้งกุ๋นสิ้นทหารแล้วให้ลูกเล็กมารบกับเรา ชีฮัวมีใจประมาทออกไป อึ้งเทียนหลกขับม้าตรงเข้าไปเอาทวนแทงถูกตาขวาชีฮัว ชีฮัวตกใจทั้งมีความเจ็บเป็นกำลังก็ชักม้าหนี อึ้งกุ๋นเห็นได้ทีก็ขับม้าพาบุตรกับหลานออกจากค่ายไล่ตามไป ชีฮัวก็ชักเอาธงโบกขึ้น อึ้งกุ๋นกับบุตรและหลานก็มืออ่อนเท้าอ่อน ทหารชีฮัวก็จับมัดส่งไปจำไว้กับอึ้งปวยฮอเกวียนเดียวด้วยกัน แล้วชีฮัวก็เข้าไปแจ้งกับฮั่นเอ๋งทุกประการ