๔๙
๏ ฝ่ายอ๋องเทียนกุ๋นถือกระบี่กลับออกมาหน้าค่าย เรียกเหยียนเต๋งโตหยินให้แต่งกันออกมารบอีก เหยียนเต๋งโตหยินจึงให้โตเตกจินกุ๋นออกไปรบด้วยอ๋องเทียนกุ๋น โตเตกจินกุ๋นรับคำแล้วถือกระบี่เดินทำเพลงออกมาหน้าค่าย อ๋องเทียนกุ๋นครั้นเห็นก็ชักกระบี่ออกไปไล่ฟันโตเตกจินกุ๋น โตเตกจินกุ๋นก็รับด้วยกระบี่แล้วฟันอ๋องเทียนกุ๋น อ๋องเทียนกุ๋นทำหนีเข้าค่ายเห็นโตเตกจินกุ๋นไล่เข้าไป อ๋องเทียนกุ๋นก็ขึ้นบนหอรบ เอาน้ำเต้าที่ใส่น้ำเสกสาดลงมา โตเตกจินกุ๋นเห็นก็เอาป้านดอกบัวออกวางไว้ แล้วขึ้นยืนอยู่บนป้านดอกบัว อ่านมนต์เป็นเมฆกันตัวไว้ น้ำเสกนั้นก็มิได้ถูกตัวโตเตกจินกุ๋น อ๋องเทียนกุ๋นเห็นเสียทีขยับจะหนี โตเตกจินกุ๋นชักเอาพัดคิมซีทำด้วยขนทั้งห้าคือ ขนหงส์หนึ่ง ขนนกอินทรีหนึ่ง ขนนกยูงหนึ่ง ขนนกกระเรียนเผือกหนึ่ง ขนหลวนหนึ่ง แล้วชุบด้วยไฟทั้งห้า คือไฟฟ้าหนึ่ง ไฟดินหนึ่ง ไฟหินหนึ่ง ไฟมนุษย์หนึ่ง ไฟไม้หนึ่ง ออกพัดลมไปต้องอ๋องเทียนกุ๋นตาย รูปกายก็สูญไปตามลม วิญญาณไปอยู่ห้องสินไต้ โตเตกจินกุ๋นครั้นทำลายค่ายกลฆ่าอ๋องเทียนกุ๋นตายแล้วก็กลับไปค่าย
๏ ฝ่ายเตียวเทียนกุ๋นรู้ว่าอ๋องเทียนกุ๋นตาย ก็ไปบอกแก่บุนไทสือ บุนไทสือได้ฟังดังนั้นก็มีความรำคาญมากขึ้น ฝ่ายเกียงจูแหยอ่านมนต์ทำตามตำราเล็กอับสั่งครบยี่สิบเอ็ดวันก็มีความยินดี พอบูกิดบอกว่าเล็กอับมา เกียงจูแหยก็ลงมารับเข้าไปในค่าย พากันขึ้นไปบนหอคอยคำนับแล้วเล็กอับจึงว่า ครั้งนี้สมความคิดแล้ว เตียวกองเบ๋งจะถึงที่ตาย เกียงจูแหยคำนับแล้วจึงว่า การทั้งนี้สำเร็จด้วยความคิดของท่าน ถ้าท่านมิมาช่วยก็จะต้องรบพุ่งกับเตียวกองเบ๋งยืดยาว เล็กอับยิ้มแล้วจึงสั่งเกียงจูแหยว่า ครบกำหนดยี่สิบเอ็ดวันเป็นวันตายเตียวกองเบ๋งวันนี้แล้ว ให้เกียงจูแหยเอาธนูยิงรูปหุ่นให้ถูกตาขวาลูกหนึ่ง ตาซ้ายลูกหนึ่ง หว่างอกลูกหนึ่ง เกียงจูแหยก็ขึ้นธนูหยิบเอาลูกธนูเสกสามลูกมายิงรูปหุ่นถูกตาขวาตามคำเล็กอับสั่ง
๏ ฝ่ายเตียวกองเบ๋งป่วยอยู่ในค่าย เมื่อเกียงจูแหยยิงธนูดังนั้นก็เจ็บตาข้างขวาลืมได้แต่ข้างเดียว เกียงจูแหยก็ยิงซ้ำมาถูกตาซ้าย เตียวกองเบ๋งก็เจ็บตาไปทั้งสองข้าง ลืมขึ้นมิได้ตกใจร้องกระวนกระวายไป บุนไทสือก็วิ่งมากอดไว้ เกียงจูแหยก็ยิงตัดหัวใจหุ่นซ้ำเข้า เตียวกองเบ๋งก็ขาดใจตาย บุนไทสือเห็นเตียวกองเบ๋งสิ้นใจก็ร้องไห้รัก แล้วสั่งทหารให้เอาศพเตียวกองเบ๋งใส่โลงยกไปไว้หลังค่าย
๏ ฝ่ายเกียงจูแหย เล็กอับ ครั้นสำเร็จความคิดแล้ว ก็พากันกลับมาค่ายเก่า ขึ้นบนหอคอยพร้อมกัน ดีใจรื่นเริงสรรเสริญเล็กอับทั้งสิ้น ขณะนั้นเตียวเทียนกุ๋นหน้าเขียวหนวดแดง เป็นนายค่ายกลอังแซติ้นก็ตีกลองขึ้น เหยียนเต๋งโตหยินได้ยินจึงบอกกับเกียงจูแหยว่า บัดนี้ในค่ายกลอังแซติ้นมันตีกลองชวนเรารบ อันค่ายกลอังแซติ้นนี้ร้ายอยู่ จะต้องหาผู้มีบุญไปทำลายจึงจะได้ เกียงจูแหยจึงว่าท่านจะจัดเอาใครเล่าเป็นผู้มีบุญ เหยียนเต๋งโตหยินจึงว่าท่านไม่รู้จักผู้มีบุญหรือ คือบูอ๋องเจ้าเมืองไซรกีนั่นแลเป็นผู้มีบุญ เกียงจูแหยจึงว่าบูอ๋องนั่นมีบุญก็จริงอยู่ แต่ยังไม่เคยรบพุ่งแก่ผู้ใด เหยียนเต๋งโตหยินจึงว่าท่านอย่าอิดออดเลย เร่งไปเชิญบูอ๋องมาเถิด เกียงจูแหยจึงใช้บูกิด บูกิดก็ไปเชิญบูอ๋องมา ณ ค่าย เกียงจูแหยแลเห็นก็ลงมาคำนับ เชิญบูอ๋องขึ้นไปบนหอคอย พวกทหารทั้งปวงต่างคนก็ต่างมาคำนับ บูอ๋องจึงว่าอาจารย์ทั้งปวงให้เรามา จะปรึกษาด้วยราชการสิ่งใดหรือ เหยียนเต๋งโตหยินจึงว่ากลศึกเขาทำไว้สิบอย่าง ทำลายเสียเก้าอย่างแล้ว ยังอยู่แต่กลอังแซติ้นค่ายเดียวนี้ ต่อผู้มีบุญจึงจะทำลายได้ ให้ไปเชิญพระองค์ออกมาหวังจะให้เป็นเกียรติยศสืบไป บูอ๋องจึงว่าอาจารย์ทั้งปวงพร้อมใจกันแล้วเราก็จะทำตาม เหยียนเต๋งโตหยินจึงให้บูอ๋องถอดเสื้อออกจากตัว จึงเอานิ้วกลางเขียนเป็นอักษรที่หว่างอกแล้วลงยันต์ปิดหมวกใส่เสื้อสำหรับรบ แล้วเหยียนเต๋งโตหยินก็สั่งโลเฉีย หลุยจินจู๊สองนาย ให้ตามไปรักษาบูอ๋อง บูอ๋องก็ขึ้นขี่ม้า โลเฉีย หลุยจินจู๊สองนายก็เคียงข้างม้าออกไปยืนอยู่หน้าค่าย เตียวเทียนกุ๋นก็ถือกระบี่เดินตรงออกมาเห็นบูอ๋องขี่ม้ามามิได้รู้จัก จึงถามโลเฉียว่าที่ขี่ม้าใส่หมวกกษัตริย์ออกมานั้นผู้ใด โลเฉียจึงบอกว่าพระเจ้าบูอ๋องเจ้าของเรา เตียวเทียนกุ๋นรู้ว่าบูอ๋องก็มีความโกรธ ขบฟันเงื้อกระบี่เดินตรงเข้ามา บูอ๋องครั้นเห็นก็ตกใจ โลเฉียก็แซงขึ้นไปรบด้วยเตียวเทียนกุ๋นเป็นหลายเพลงอาวุธ เตียวเทียนกุ๋นก็รบล่อเข้าไปในค่าย โลเฉียหลุยจินจู๊สองคนก็พาบูอ๋องไล่ตามเข้าไป เตียวเทียนกุ๋นก็ขึ้นบนหอรบ กอบเอาทรายแดงสาดลงมา ถูกบูอ๋องทั้งคนทั้งม้าตกลงไปในบ่อใต้หอรบ โลเฉียแลเห็นบูอ๋องตกลงไปในบ่อ ก็ขึ้นเหยียบกงจักรเผ่นขึ้นไปบนอากาศ เตียวเทียนกุ๋นก็เอาทรายสาดซ้ำมา ถูกโลเฉียตกลงในบ่อ หลุยจินจู๊แลเห็นขยับปีกจะบินหนี เตียวเทียนกุ๋นก็เอาทรายสาดถูกหลุยจินจู๊ตกลงในบ่อเป็นสามคนในค่ายอังแซติ้นก็บังเกิดเป็นควันดำพลุ่งขึ้น เกียงจูแหยอยู่บนหอคอยแลเห็นประหลาด ก็ถามเหยียนเต๋งโตหยิน เหยียนเต๋งโตหยินจึงบอกเกียงจูแหยว่าอันบังเกิดควันดำพลุ่งขึ้นดังนี้ เห็นบูอ๋องจะเสียทีแก่ข้าศึก แต่จะไม่เป็นไรด้วยมีบุญมาก อีกร้อยวันจึงจะสิ้นเคราะห์กลับมาได้ เกียงจูแหยได้ยินก็ทอดใจใหญ่ แล้วจึงว่ารูปร่างบูอ๋องแบบบางนัก ที่ไหนจะมีกำลังทนอยู่ได้จนร้อยวัน ถ้าฉวยว่าเป็นเหตุจะมิเสียแรงที่เราทำการมาทั้งนี้หรือ เหยียนเต๋งโตหยินจึงว่าอันธรรมดาผู้มีบุญแล้วจะได้อันตรายหามิได้ ท่านอย่าเป็นทุกข์เลย จงกลับไปแจ้งราชการในเมืองเถิด อยู่ข้างนี้เป็นธุระของเราจะป้องกันไว้มิให้เป็นอันตราย เกียงจูแหยรับคำแล้วก็ลาเข้าไปในเมืองไซรกี บอกแก่นางไทกีไทหยิมมารดาบูอ๋องว่า บัดนี้บูอ๋องไปทำศึกเคราะห์นั้นมีอยู่ร้อยวัน ยังไม่กลับมาเมืองได้
๏ ฝ่ายนางไทกีไทหยิมมารดาบูอ๋อง ได้ฟังเกียงจูแหยบอกดังนั้นก็มีความทุกข์นัก จึงว่าแก่เกียงจูแหยว่า ท่านเร่งกลับออกไปคิดอ่านป้องกันบูอ๋องลูกเราไว้ให้ดี เกียงจูแหยคำนับแล้วก็กลับคืนออกมาหอคอย
๏ ฝ่ายเตียวเทียนกุ๋นครั้นบูอ๋อง โลเฉีย หลุยจินจู๊ตกลงในหลุมแล้ว ก็มีความยินดีนัก จึงมาบอกแก่บุนไทสือ บุนไทสือได้ฟังดังนั้นในใจไม่มีความสบายด้วยเตียวกองเบ๋งตายเสียใหม่ แต่จำใจต้องพูดด้วย แล้วเตียวเทียนกุ๋นก็ลามารักษาค่าย เตียวเทียนกุ๋นก็เอาทรายทิ้งไปทับบูอ๋องวันละสามหนมิได้ขาด
๏ ฝ่ายซินกงป้ารู้ว่าเตียวกองเบ๋งตาย ก็ขี่เสือตรงมาเกาะซามเซียมซู ลงจากหลังเสือยืนอยู่ปากถ้ำ พอนางลิถองศิษย์นางหุนเสียว เดินออกมา ซินกงป้าจึงถามว่าอาจารย์เจ้าอยู่หรือ ข้าจะมาเยี่ยม นางลิถองก็รับคำว่าอยู่ แล้วเข้าไปบอกนางหุนเสียว นางหุนเสียวก็สั่งให้รับซินกงป้าเข้าไปในถ้ำ คำนับกันแล้วก็นั่งอยู่ นางหุนเสียวจึงถามว่าท่านไปไหนมา ซินกงป้าจึงว่ามาด้วยธุระพี่ชายของเจ้า นางหุนเสียวจึงถามว่าพี่ชายข้าพเจ้ามีธุระสิ่งใดหรือ ท่านจึงต้องมาประดักประเดิด ซินกงป้าจึงบอกว่า เล็กอับกับเกียงจูแหยทำรูปรอยให้เตียวกองเบ๋งพี่ท่านตาย เราจึงมาบอกให้รู้ นางหุนเสียว นางเพกเสียว นางเกงเสียวทั้งสาม ได้ฟังซินกงป้าบอกว่าเตียวกองเบ๋งตาย จึงเอาศีรษะซบลงร้องไห้ แล้วนางหุนเสียวจึงว่าเมื่อมายืมกรรไกรทองไปทำศึกนั้น น้องก็ได้ห้ามมิให้ไปก็มิฟัง กลับโกรธขึ้งจะตัดรอนเพราะเทวดาอาเพศให้เป็นดังนี้ นางเพกเสียวนางเกงเสียวได้ฟังจึงตอบว่า พี่คิดจะไม่ไปแก้แค้นจึงเอาความทั้งนี้มากั้นกาง ข้าพเจ้าทั้งสองพี่น้องนี้จะขอไปให้เห็นศพพี่ แล้วจะแก้แค้นให้จงได้ ถึงจะมีชื่ออยู่ในห้องสินไต้ก็ไม่เสียดายชีวิต ว่าแล้วก็หยิบเอาถังทองเดินออกไปด้วยกำลังโกรธ ครั้นถึงปากถ้ำนางเพกเสียวก็ขึ้นขี่นกเงือก นางเกงเสียวขึ้นขี่นกการะเวกบินไปทางอากาศ นางหุนเสียวเห็นน้องสาวทั้งสองออกไปจากถ้ำ จึงคิดว่าน้องเราออกไปครั้งนี้เห็นจะทำให้เกิดความใหญ่เป็นมั่นคง จะไว้ใจมิได้จำเราจะตามไปจึงจะชอบ แล้วก็สั่งนางลิถองผู้ศิษย์ให้อยู่รักษาถ้ำ นางหุนเสียวก็ขึ้นขี่พญาลอรีบตามไปโดยเร็ว พลางร้องเรียกน้องสาวให้หยุดอยู่ก่อน พี่จะไปด้วย นางเพกเสียวนางเกงเสียวจึงว่า พี่จะไปทำไมให้ลำบากอยู่รักษาถ้ำเถิด นางหุนเสียวจึงว่าน้องทั้งสองไปแล้วพี่จะอยู่อย่างไรได้ สามนางขี่นกรีบบินไป.
๏ ฝ่ายนางฮ่ำจือเสียนนางไซหุนเซียนจู๊เห็นนางหุนเสียวนางเพกเสียวนางเกงเสียวขี่นกบินมา จึงร้องถามว่าท่านจะไปไหน สามนางก็บอกว่าจะไปเมืองไซรกี นางฮ่ำจือเสียนนางไซหุนเซียนจู๊จึงว่าข้าจะไปด้วย แล้วก็พากันไปทางอากาศทั้งห้าคน ครั้นถึงค่ายบุนไทสือจึงสั่งทหารให้เข้าไปบอกบุนไทสือ บุนไทสือก็ออกมารับเข้าไปคำนับกัน แล้วถามว่าท่านมาแต่ไหน นางหุนเสียวก็บอกว่าจะมาเยือนศพเตียวกองเบ๋งพี่เรา บุนไทสือได้ฟังนางบอกว่าเป็นน้องเตียวกองเบ๋งกลั้นน้ำตามิได้ จึงเล่าความว่าพี่ท่านตายเพราะเล็กอับ มันให้เกียงจูแหยทำรูปเตียวกองเบ๋งพี่ท่านไว้ ณ ค่ายเขากีสาน แล้วลงยันต์ใส่ลูกธนูยิง ครั้นข้าพเจ้าจับยามรู้ จึงให้ตันเก๋าก๋องเอียวเสียวสูศิษย์ของพี่ท่านไปชิงลูกธนูที่มันทำไว้ โลเฉียฆ่าตันเก๋าก๋อง เอียวเสียวสูตายเสียกลางทาง พี่ท่านก็ป่วยหนักไป เมื่อวันจะตายสั่งเราไว้ว่าถ้าท่านมาดูศพให้เอากรรไกรทองกับห่อผ้านี้ให้ ว่าแล้วก็หยิบห่อผ้ากับกรรไกรทองมาส่งให้นางทั้งสองคน นางทั้งสองคนก็รับเอามา เห็นเสื้อผ้าเตียวกองเบ๋งก็ร้องไห้ พลางถามว่าท่านเอาศพพี่ข้าพเจ้าไว้ไหน บุนไทสือจึงบอกว่าอยู่หลังค่าย นางเกงเสียวก็ชวนกันจะไปดู นางหุนเสียวจึงว่าพี่เราก็ตายไปแล้วจะไปดูข้ากลัวแต่จะกลั้นน้ำตามิได้ นางเพกเสียวจึงว่ามาหมายจะดูศพ เพราะความรักความอาลัยพี่ไม่ไปก็ตามเถิด แล้วก็ชวนกันไปหลังค่าย นางหุนเสียวจึงลุกตามไปเห็นโลงใส่ศพเตียวกองเบ๋งตั้งอยู่ ก็เปิดฝาโลงออกดูเห็นศพเตียวกองเบ๋ง สามนางยิ่งมีความอาลัยนัก นางเกงเสียวร้องไห้แล้วทอดตัวลงกลิ้งอยู่ นางเพกเสียวมีความแค้นเกียงจูแหย จึงปลอบน้องว่าเจ้าอย่าร้องไห้เลย เราจะช่วยกันคิดอ่านจับตัวเกียงจูแหยมาทำแก้แค้นให้สาหัสดีกว่า นางหุนเสียวจึงว่าการอะไรของเกียงจูแหยต้นความอยู่เล็กอับ เราจะจับตัวเล็กอับมาทำให้สาแก่ใจจึงจะชอบ ว่าแล้วก็พากันมาที่บุนไทสือ บุนไทสือก็ให้ทำโต๊ะมาเลี้ยงนางทั้งห้าคนและทหารทั้งปวง