๕๖
๏ ฝ่ายซันงีเสงออกจากเมืองไปถึงหน้าค่ายเตงจิวก๋ง แล้วบอกนายประตูค่ายว่า เกียงจูแหยใช้เราให้นำความดีมาแจ้งแก่ท่านแม่ทัพ ท่านจงไปบอกแก่เตงจิวก๋งเถิด นายประตูก็เข้าไปคำนับแจ้งความตามคำซันงีเสง เตงจิวก๋งได้ยินดังนั้นจึงปรึกษาไทหลวนว่า เกียงจูแหยแม่ทัพเมืองไซรกีเป็นข้าศึกกันกับเรา บัดนี้ใช้ซันงีเสงมาว่าจะบอกความดี เราคิดสงสัยอยู่ท่านจะเห็นประการใด ไทหลวนจึงว่าซึ่งซันงีเสงจะเข้ามาหาท่านนั้นจงให้เข้ามาเถิด ซันงีเสงจะบอกความดีแก่ท่านประการใดจะได้ฟังถ้อยคำ เตงจิวก๋งก็เห็นชอบด้วย จึงสั่งให้นายประตูพาซันงีเสงเข้ามา แล้วว่าเกียงจูแหยนายท่านกับเราต่างคนต่างมีเจ้าทั้งสองฝ่าย ตั้งการรบพุ่งกันอยู่ทุกวัน ทำศึกยังไม่ถึงแพ้แลชนะกัน นายท่านใช้ท่านมาหาเราจะว่ากล่าวประการใดหรือ ซันงีเสงจึงตอบว่าเวลาวานนี้ พวกทหารเกียงจูแหยนายข้าพเจ้าจับได้ทหารท่านไปคนหนึ่ง ชื่อโทเฮงสุนบอกว่าเป็นบุตรเขยของท่าน นายข้าพเจ้าเห็นแก่ท่านมิให้ทำอันตราย จึงใช้ข้าพเจ้าให้มาบอกอย่าให้ท่านทุกข์ร้อนเลย เตงจิวก๋งจึงว่าเรามีลูกสาวคนเดียวชื่อเตงตันหยก มารดาตายแต่น้อย เราสงวนเลี้ยงไว้เหมือนแก้วในจักขุ ยังมิได้ปลูกฝังให้มีเหย้าเรือน แลโทเฮงสุนคนนี้ซินกงป้าเอาตัวมาให้เราใช้สอย เราตั้งให้เป็นนายกองสำหรับคุมเสบียงอาหารส่งฮูเซียงหองแม่ทัพหน้า ครั้นเมื่อไทหลวนเสียทีแก่ทหารเมืองไซรกี โทเฮงสุนรับอาสาออกรบชนะสามครั้ง เราจึงว่าเล่นว่าถ้าสำเร็จราชการเมืองไซรกีแล้ว จะยกนางเตงตันหยกให้เป็นภรรยา บัดนี้โทเฮงสุนให้ทหารเมืองไซรกีจับไปได้ โทเฮงสุนจะได้เป็นบุตรเขยเราเหมือนท่านว่านั้นหามิได้
๏ ซันงีเสงจึงว่าโทเฮงสุนคนนี้เป็นคนมีสติปัญญา ได้เล่าเรียนวิชาความรู้ เป็นศิษย์กีลิวสุนอยู่ถ้ำเหียบเลงซัว ซินกงป้ากับเกียงจูแหยขัดเคืองกัน ซินกงป้าจึงไปล่อลวงโทเฮงสุนมาช่วยท่านตีเมืองไซรกี กีลิวสุนจึงตามมาให้ทหารเกียงจูแหยจับเอาตัวโทเฮงสุนไป แล้วบอกกับเกียงจูแหยว่า โทเฮงสุนกับนางเตงตันหยกบุตรหญิงท่านเกิดมาเป็นคู่กัน นายข้าพเจ้าจึงใช้ให้ข้าพเจ้ามา แลท่านซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ได้ลั่นปากว่าจะยกนางเตงตันหยกให้แก่โทเฮงสุน ทแกล้วทหารทั้งปวงก็รู้อยู่สิ้น โทเฮงสุนได้ทำความชอบไว้ในท่านหลายครั้ง ซึ่งท่านจะกลับถ้อยคืนคำเสียนั้นไม่ควร เตงจิวก๋งได้ฟังดังนั้นก็คิดละอายใจ จึงว่านายท่านได้ให้มาว่ากล่าวเราก็มิให้เสียวาจา แต่ของดให้เราปรึกษากับบุตรเราก่อน ถ้าบุตรเรายินยอมพร้อมใจแล้ว จึงจะให้ไปบอกแก่นายท่านต่อภายหลัง ซันงีเสงก็รับคำ ลากลับไปเล่าความให้เกียงจูแหยกับกีลิวสุนฟังทุกประการ เกียงจูแหยหัวเราะแล้วว่า ความคิดเตงจิวก๋งจะมาปิดปัญญาเราหาได้ไม่
๏ ฝ่ายเตงจิวก๋งครั้นซันงีเสงไปแล้ว จึงปรึกษากับไทหลวนว่า ซันงีเสงมาพูดจากับเรา เราว่ากล่าวไปทั้งนี้ท่านจะคิดอุบายประการใดเล่า ไทหลวนจึงว่าเวลาพรุ่งนี้ขอให้จัดแจงผู้มีสติปัญญา ไปพูดจาล่อลวงเกียงจูแหยว่า ซึ่งท่านสั่งซันงีเสงไปว่านั้น บัดนี้นางเตงตันหยกก็ยอมแล้ว แต่นางเตงตันหยกยังสงสัยอยู่ ด้วยเกียงจูแหยกับท่านเป็นข้าศึกรบพุ่งกันอยู่ เกรงว่าซันงีเสงมาว่ากล่าวเกลือกจะเป็นกลอุบาย จะถือเอาถ้อยคำเป็นแน่ยังมิได้ ให้เชิญเกียงจูแหยมาพูดจากัน ณ ค่ายท่านให้เป็นแน่ก่อน ถ้าเกียงจูแหยเข้ามาในค่ายต้องกลอุบายเรา เห็นจะจับตัวได้โดยง่ายเหมือนหยิบของในลัง เตงจิวก๋งเห็นชอบด้วยจึงว่า จะจัดผู้อื่นนอกกว่าท่านไปเห็นจะเสียการ ท่านจงไปเองเถิด ไทหลวนก็คำนับลาเตงจิวก๋ง ขึ้นม้าออกจากค่ายไปถึงประตูเมืองไซรกี จึงให้นายประตูเข้าไปบอกเกียงจูแหย เกียงจูแหยแจ้งดังนั้นก็ดีใจจึงบอกกีลิวสุนว่า การที่คิดไว้เห็นจะสำเร็จเป็นมั่นคง เกียงจูแหยจึงให้นายประตูออกไปรับไทหลวนเข้ามาในเมือง แล้วเชิญให้นั่งที่สมควร จึงให้ยกโต๊ะมาตั้งเชิญไทหลวนกินโต๊ะเสพสุรา เกียงจูแหยจึงว่าเราใช้ซันงีเสงไปแจ้งความแก่เตงจิวก๋งนายท่านด้วยความโทเฮงสุน นายท่านสั่งมาว่าจะปรึกษาลูกสาวก่อนนั้น เราตั้งใจคอยข่าวอยู่พอท่านมา นายท่านปรึกษากับนางเตงตันหยกได้ความประการใด ไทหลวนจึงว่านายข้าพเจ้าได้หารือกับบุตรหญิงตามคำที่ท่านสั่งซันงีเสงไปนั้น แล้วนางเตงตันหยกยังสงสัย ด้วยท่านกับบิดานางเตงตันหยกเป็นข้าศึกรบพุ่งกัน เกลือกจะเป็นกลอุบายซันงีเสงไปล่อลวง ถ้าท่านกับบิดานางจะประนอมกันโดยสุจริตแล้ว เชิญท่านไปว่ากล่าวเป็นคำมั่นสัญญาแน่นอนก่อน นางเตงตันหยกจึงจะยอมอยู่ด้วยโทเฮงสุน เตงจิวก๋งนายข้าพเจ้าเห็นว่านางเตงตันหยกก็เป็นสาว โทเฮงสุนเล่าก็เป็นหนุ่มยังหาภรรยามิได้ ควรที่จะปลูกฝังให้เลี้ยงกันตามประเวณี จึงใช้ให้ข้าพเจ้ามากำหนดงาน ท่านจะไปเวลาใดนายข้าพเจ้าจะได้จัดแจงของที่จะเลี้ยงดูผู้คนไว้ท่า
๏ เกียงจูแหยจึงตอบว่า ซึ่งนายท่านให้มาบอกนั้นก็ขอบคุณนัก แต่การครั้งนี้เป็นการมงคลใหญ่หลวงอยู่ จำจะหาฤกษ์วันดีเสียก่อน เกียงจูแหยแกล้งทำนับนิ้วแล้วบอกว่า นับแต่วันนี้ไปสามวันฤกษ์ดี เราจะพาโทเฮงสุนไปทำการมงคลกับนางเตงตันหยก ณ ค่ายเตงจิวก๋ง ท่านจงไปบอกนายท่านให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทแกล้วทหารทั้งสองฝ่ายให้สบาย ไทหลวนได้ยินดังนั้นก็ดีใจ คำนับลามาถึงค่าย เข้าไปแจ้งความตามที่ได้พูดจากับเกียงจูแหยนั้นให้เตงจิวก๋งฟังทุกประการ เตงจิวก๋งได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่า การที่เราคิดไว้เห็นจะสำเร็จในครั้งนี้เป็นมั่นคง เตงจิวก๋งจึงสั่งไทหลวนว่า ท่านจงจัดทหารสามร้อยไปคอยอยู่ข้างหลังที่กินโต๊ะ ถ้าเห็นเกียงจูแหยกับทหารซึ่งตามมา กินสุราเมาแล้ว เราจะจุดประทัดเป็นสำคัญ ท่านกับทหารสามร้อยจงออกมาล้อมจับตัวเกียงจูแหยให้จงได้ แล้วสั่งเตงสือผู้บุตรให้คุมทหารไปซุ่มอยู่ประตูค่าย ถ้าทหารเกียงจูแหยหนีออกมาจากค่าย จงฆ่าเสียอย่าให้เหลือไปแต่สักคนหนึ่งเลย ครั้นถึงวันกำหนดนัดเตงจิวก๋งก็ให้แต่งโต๊ะสำหรับเลี้ยงคอยเกียงจูแหยอยู่ ไทหลวนกับเตงสือก็ไปซุ่มทหารอยู่ตามเตงจิวก๋งสั่ง ฝ่ายเกียงจูแหยครั้นกำหนดวันแก่ไทหลวนไปแล้ว จึงว่ากับกีลิวสุนว่า เตงจิวก๋งใช้มาล่อลวงจะให้เราไปค่ายหมายจะจับเรา ครั้นไม่ไปโทเฮงสุนก็จะไม่ได้นางเตงตันหยกมาเป็นภรรยา จำจะไปช่วยให้สำเร็จความคิดโทเฮงสุน โทเฮงสุนได้นางเตงตันหยกมาแล้ว จึงจะคิดอุบายให้ไปเกลี้ยกล่อมเตงจิวก๋งต่อภายหลัง เห็นว่าเตงจิวก๋งจะยอมเข้าด้วยเราเป็นมั่นคง
๏ เกียงจูแหยจึงจัดทหารมีฝีมือกล้าแข็งห้าสิบคน ถือสิ่งของตามธรรมเนียมขอเมีย เกียงจูแหยจึงสั่งโทเฮงสุนกับเอียวเจี้ยนหนึ่ง อึ้งเทียนฮัวหนึ่ง สินกะหนึ่ง สินเบี๋ยนหนึ่ง ไทเตี๋ยนหนึ่ง บูเถียนหนึ่ง หลุยจินจู๊หนึ่ง นายทหารเจ็ดคนกับทหารห้าสิบคน ซ่อนอาวุธไว้ในมือเสื้อเข้าไปในค่ายกับเรา แต่โลเฉียหนึ่ง กิมเฉียหนึ่ง บกเฉียหนึ่ง หลำจงกวดหนึ่ง ทั้งสี่นายจงคุมทหารเลวไปซุ่มอยู่หลังค่าย ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญา ให้ช่วยโทเฮงสุนชิงเอานางเตงตันหยกให้จงได้ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเช้าเป็นวันกำหนด เกียงจูแหยกับกีลิวสุนก็พาโทเฮงสุนกับทหารออกมาจากเมืองไซรกีมาถึงหน้าค่าย นายประตูค่ายก็เข้าไปบอกเตงจิวก๋ง เตงจิวก๋งก็ออกไปรับเกียงจูแหยเข้าไปในค่าย เชิญให้นั่งที่สมควร ทั้งสองคำนับกันตามธรรมเนียม เตงจิวก๋งจึงให้ยกโต๊ะมาตั้ง เกียงจูแหยจึงให้กีลิวสุนกับโทเฮงสุนคำนับเตงจิวก๋ง แล้วบอกว่ากีลิวสุนคนนี้เป็นครูโทเฮงสุน เตงจิวก๋งจึงว่ากับกีลิวสุนว่า ข้าพเจ้าได้ยินผู้สรรเสริญออกชื่อท่านมานานอยู่แล้ว ซึ่งข้าพเจ้ามิได้คำนับเชิญท่านนั้นขออภัยเถิด เตงจิวก๋งก็เชิญเกียงจูแหยกีลิวสุนกินโต๊ะแล้วให้เลี้ยงดูทแกล้วทหารบรรดามา
๏ ขณะเมื่อเกียงจูแหยนั่งกินโต๊ะอยู่กับเตงจิวก๋ง คอยระวังตัวอยู่ พอได้ยินเสียงทหารเตงจิวก๋งพูดจากันซุบซิบ ก็รู้ว่าเตงจิวก๋งซุ่มทหารไว้จะทำอันตราย จึงเพ่งดูตาโทเฮงสุน โทเฮงสุนก็คำนับคอยทีอยู่ เกียงจูแหยจึงเหลียวมาพยักหน้าให้สินกะ สินกะก็จุดประทัดสัญญา ทหารเกียงจูแหยต่างคนชักอาวุธสั้นออกจากกลีบเสื้อ ลุกขึ้นยืนจะเข้าไปจับตัวเตงจิวก๋ง เตงจิวก๋งก็ตกใจวิ่งหนีไปทางประตูค่าย ทหารทั้งสองฝ่ายก็รบพุ่งแทงฟันกันเป็นอลหม่าน โทเฮงสุนก็วิ่งเข้าไปหลังค่ายอุ้มนางเตงตันหยกหนีออกจากค่ายไปเมืองไซรกี ทหารเกียงจูแหยก็ไล่ฆ่าฟันทหารเตงจิวก๋งไปทางประมาณพันเส้น เกียงจูแหยเห็นโทเฮงสุนได้นางเตงตันหยกไปแล้วก็ดีใจ จึงตีม้าฬ่อเรียกทหารทั้งปวงกลับเข้าเมืองไซรกี
๏ ฝ่ายเตงจิวก๋งครั้นทหารเกียงจูแหยเข้าเมืองแล้ว ก็กลับมาตั้งค่าย ให้ตรวจตราผู้คนพวกทแกล้วทหารทั้งปวงล้มตายเป็นอันมาก ไปหาบุตรหญิงที่หลังค่ายก็มิได้เห็น พอทหารบอกว่าโทเฮงสุนพานางเตงตันหยกหนีไปแล้ว เตงจิวก๋งเสียบุตรแลทแกล้วทหาร เพราะแพ้ความคิดก็เสียใจนัก
๏ ฝ่ายโทเฮงสุนครั้นได้นางเตงตันหยกเป็นภรรยาแล้ว จึงปรึกษากับนางเตงตันหยกว่า ทุกวันนี้พระเจ้าติวอ๋องไม่อยู่ในสัจธรรม หัวเมืองทั้งปวงมาเข้าด้วยพระเจ้าบูอ๋องเป็นอันมาก บิดาเจ้าจะมาทำการสู้รบกับทหารพระเจ้าบูอ๋อง เหมือนหนึ่งจะเอาเนื้อมาสู้เสือ เรามีความอาลัยถึงบิดาเจ้านัก จะมาพลอยตายเสียเปล่าหาต้องการไม่ เจ้าจงคิดอ่านว่ากล่าวเชิญบิดามาเข้าอยู่ด้วยพระเจ้าบูอ๋องเถิด จะได้ช่วยกันทำการเอาความชอบ สำเร็จราชการในเมืองหลวงแล้ว บิดาเจ้ากับเราก็จะได้ดีมียศศักดิ์ ปรากฏชื่อไปตราบเท่าถึงลูกหลาน เจ้าจะเห็นประการใด นางเตงตันหยกคำนับแล้วจึงว่า ซึ่งท่านว่านี้ด้วยความกรุณา คุณท่านหาที่สุดมิได้ แต่ข้าพเจ้าคิดวิตกอยู่ ด้วยขณะเมื่อเกิดรบพุ่งกันขึ้นในค่าย ท่านพาข้าพเจ้ามาแล้วอยู่ภายหลังบิดาข้าพเจ้าจะหนีรอดหรือจะตายยังไม่แจ้งความ ถ้าบิดาข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่จึงจะไปว่ากล่าวให้เห็นด้วย พอเวลารุ่งเช้าโทเฮงสุนจึงพานางเตงตันหยกไปคำนับเกียงจูแหย เกียงจูแหยจึงบอกนางเตงตันหยกว่าเราจะจัดแจงกองทัพใหญ่ครั้งนี้ หมายจะยกไปล้อมจับเตงจิวก๋งบิดาของเจ้ามาฆ่าเสีย แต่เราคิดอยู่ด้วยเจ้าได้มาเป็นภรรยาโทเฮงสุน เราคิดจะให้หาตัวมาปรึกษา พอเจ้ามาเวลานี้เจ้าจะคิดประการใด นางเตงตันหยกได้ยินดังนั้นกลัวบิดาจะมีอันตราย จึงคุกเข่าคำนับแล้วว่าข้าพเจ้ากับโทเฮงสุนได้คิดอ่านกันว่า จะลาท่านออกไปว่ากล่าวให้บิดาข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน ขอท่านจงงดกองทัพก่อนเถิด ถ้าข้าพเจ้าไปว่ากล่าวบิดาไม่ยอมมา ท่านจึงค่อยคิดอ่านต่อไป เกียงจูแหยจึงว่าเจ้าจะแกล้งล่อลวงแต่พอจะได้ไปหาบิดา แล้วจะทิ้งผัวเสียไม่กลับมาเราหาเชื่อไม่ นางเตงตันหยกจึงว่าข้าพเจ้าเกิดมาเป็นหญิง มีผัวแล้วจะได้คิดล่อลวงละผัวเสีย ไปอยู่กับบิดาเหมือนท่านว่านั้นหามิได้ ท่านอย่าสงสัยเลย เกียงจูแหยเห็นว่านางเตงตันหยกว่ากล่าวโดยสุจริตมิได้เป็นกลอุบาย จึงจัดทหารกำกับนางเตงตันหยกออกไป นางเตงตันหยกครั้นถึงค่ายจึงเข้าไปคำนับเตงจิวก๋งผู้บิดา แล้วร้องไห้บอกว่า วันวุ่นวายขึ้นในค่าย โทเฮงสุนพาข้าพเจ้าไป เกียงจูแหยให้ข้าพเจ้ากับโทเฮงสุนเป็นผัวเมียกัน บัดนี้เกียงจูแหยจัดแจงกองทัพจะมาตีค่ายท่าน ข้าพเจ้าเกรงว่าท่านจะมีอันตรายเพราะเห็นว่าทแกล้วทหารเมืองไซรกีมีฝีมือเข้มแข็งนัก ครั้งเมื่อบุนไทสือไปเชิญมอเลฮองพี่น้องสี่คนมาสู้รบกับทหารเมืองไซรกี ทหารเมืองไซรกีก็ฆ่าเสียสิ้นทั้งสี่คน ทุกวันนี้พระเจ้าติวอ๋องก็มิได้อยู่ในยุติธรรม หัวเมืองใหญ่น้อยไปเข้าด้วยเจ้าเมืองไซรกีประมาณสามส่วนแล้ว ซึ่งท่านจะตั้งการรบพุ่งกับทหารเมืองไซรกี ข้าพเจ้าก็ตกไปอยู่ในเมืองไซรกีแล้ว ขอท่านจงไปเข้าอยู่ทำราชการกับเกียงจูแหยเถิด พ่อลูกจะได้เห็นหน้ากันต่อไป
๏ เตงจิวก๋งได้ฟังนางเตงตันหยกว่าดังนั้น ตรึกตรองดูการแผ่นดินก็เห็นว่า ฝีมือทแกล้วทหารในพระเจ้าติวอ๋อง จะต่อสู้ทหารเมืองไซรกีมิได้ ครั้นจะทำการศึกกับเกียงจูแหยต่อไป บุตรก็ไปอยู่ในเกียงจูแหยแล้ว มิรู้ที่จะทำประการใด จึงว่าซึ่งเจ้าว่านี้ก็ชอบอยู่ จงกลับไปบอกเกียงจูแหยเถิด บิดาจะจัดแจงรวบรวมทแกล้วทหารพร้อมแล้วจึงจะยกไปเข้าด้วยบูอ๋อง ให้เกียงจูแหยช่วยทำนุบำรุงด้วย นางเตงตันหยกได้ฟังดังนั้นก็ดีใจ จึงคำนับลาไปแจ้งความแก่เกียงจูแหยทุกประการ
๏ ฝ่ายเตงจิวก๋งก็เกลี้ยกล่อมทหารทั้งปวงพร้อมใจกันแล้ว ก็พากันออกจากค่าย ไปถึงหน้าค่ายเกียงจูแหย นายประตูจึงเข้าไปบอกเกียงจูแหย เกียงจูแหยก็ดีใจออกไปรับเตงจิวก๋งเข้าค่าย เชิญให้นั่งที่สมควร แล้วคำนับกันตามธรรมเนียม เกียงจูแหยจึงว่าซึ่งท่านกับข้าพเจ้ารบพุ่งกัน เพราะต่างคนต่างมีเจ้า บัดนี้ท่านรู้ว่าพระเจ้าบูอ๋องมีบุญญาธิการ จะได้เป็นกษัตริย์บำรุงแผ่นดิน ท่านสามิภักดิ์ทำราชการเป็นข้าเจ้าเดียวกันแล้ว ข้าพเจ้าได้ทำการให้ท่านแค้นเคืองแต่หลังขออภัยเถิด เกียงจูแหยจึงพาเตงจิวก๋งเข้าไปเฝ้าพระเจ้บูอ๋อง แล้วทูลแจ้งความทุกประการ พระเจ้าบูอ๋องทรงทราบว่าเตงจิวก๋งเข้ามายอมสามิภักดิ์ก็ยินดี จึงตรัสว่าท่านจงช่วยกันกับเกียงจูแหย คิดการกำจัดพระเจ้าติวอ๋อง ผู้หาสัจธรรมมิได้นั้นเสีย สำเร็จราชการในเมืองจิวโก๋แล้ว เราจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ตามสมควร แล้วพระเจ้าบูอ๋องจึงจัดแจงเครื่องยศให้เตงจิวก๋งตามตำแหน่งขุนนางผู้ใหญ่ แล้วให้คนใช้ยกโต๊ะแลสุรามาตั้งเลี้ยงเกียงจูแหยเตงจิวก๋งแลทหารทั้งปวง
๏ ฝ่ายม้าใช้ซึ่งสืบราชการ ครั้นรู้ว่าเตงจิวก๋งไปเข้ากับเจ้าเมืองไซรกีแล้ว ก็รีบไปแจ้งความกับฮั่นเอ๋งซึ่งรักษาด่านฮำจุยก๋วน ฮั่นเอ๋งจึงแต่งหนังสือบอกไปถึงเตียวเขียม เตียวเขียมก็พาหนังสือบอกเข้าไปกราบทูลพระเจ้าติวอ๋อง พระเจ้าติวอ๋องแจ้งความดังนั้นจึงตรัสว่า เตงจิวก๋งคนนี้เราก็ชุบเลี้ยงให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ ไม่ซื่อสัตย์ต่อเรากลับไปเข้าด้วยข้าศึก ถ้าเราตีเมืองไซรกีได้จะจับอ้ายกบฏเหล่านี้มาฆ่าเสียให้สิ้น ฮุยเหลียมกราบทูลว่าพระองค์ตรัสใช้ขุนนางผู้ใหญ่เป็นแม่ทัพไป ก็ไปเข้าด้วยพวกกบฏ จะใช้ขุนนางผู้น้อยไปก็เสียราชการ ของพระองค์จงให้เจ้าเมืองกีจี๋วฮู้ เป็นแม่ทัพไปปราบหัวเมืองเห็นจะราบคาบ พระเจ้าติวอ๋องทรงเห็นชอบด้วย จึงให้มีหนังสือรับสั่งไปตั้งเชาฮู เจ้าเมืองกีจี๋วฮู้ เป็นแม่ทัพใหญ่ไปตีเมืองไซรกี ฮุยเหลียมก็คำนับลาออกมาแต่งหนังสือรับสั่งส่งให้ข้าหลวงรีบไปเมืองกีจี๋วฮู้