๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๔๘๓

พระยาอนุมานราชธน

เรื่องละคอนในละคอนนอก ท่านก็เปนแต่เห็นบทของละคอนทั้งสองอย่างซึ่งเขายกขึ้นไว้โดยเรียบร้อยเท่านั้น หาได้ทราบความเปนไปของละคอนทั้งสองอย่างโดยแท้ไม่ จึ่งจะบอกให้ท่านทราบต่อไปนี้ให้ดีขึ้นอีก

ก่อนที่ท่านจะทราบทางแห่งละคอนทั้งสองอย่างนั้น ท่านควรจะทราบทางดำเนินของนายสี ตลกมีชื่อเสียก่อน เขาว่าออกมาจากฉากก็ต้องดูคนดูเสียก่อน ว่ามีคนชั้นสูงหรือชั้นกลางชั้นต่ำมาดูอยู่มาก ถ้ามีคนชั้นสูงมาดูมากต้องเล่นให้ขันโดยละเมียดไม่เจือด้วยหยาบ จึงจะถูกใจคนชั้นสูง ถ้าเห็นคนชนกลางมาดูมากต้องเล่นให้เปนสองง่าม คือจะเปนดีก็ได้เปนหยาบก็ได้ จึงจะถูกใจคนชั้นกลาง ถ้าเห็นคนชั้นต่ำมาดูมาก ต้องเล่นให้หยาบง่ามเดียวจึงจะพอใจเขา ตกเปนอันว่าเล่นไปตามนิสัยแห่งคนดูแล้วแต่เขาจะพึ่งพอใจ ทางเดียวกับคำที่เราพูดกันอยู่ว่า เทศนาตามเนื้อผ้า

อันละคอนในนั้น สำหรับเล่นถวายพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านาย กับทั้งข้าราชการดู (ที่ในวัง) จัดว่าเปนละคอนชั้นสูง ส่วนละคอนนอกนั้น สำหรับเล่นให้ราษฎรดู (ที่นอกวัง) จัดว่าเปนละคอนชั้นต่ำ ละคอนชั้นสูงกับชั้นต่ำผิดกันอย่างไร ชั้นสูงต้องมีแต่งามและไม่เจือด้วยหยาบคาย ส่วนละคอนชั้นต่ำนั้นต้องติดตลกไปในตัว เจือด้วยความหยาบ

เพราะเหตุดั่งนั้น ละคอนในกับละคอนนอกย่อมต่างกันไปตั้งแต่ท้องเรื่องทีเดียว ละคอนในมักเล่น อุนรุทธ อิเหนา เปนต้น ละคอนนอกมักเล่น สุวรรณหงษ์ (เกศสุริยง) ปิ่นทอง (แก้วหน้าม้า) เปนต้น นี่ว่าไปตามหลัก แท้จริงละคอนในเอาอย่างละคอนนอกมาเล่นก็มี ละคอนนอกเอาเรื่องของละคอนในไปเล่นก็มี แต่ทั้งสองทางย่อมแก้ไขเอาตามสมควรอย่างกล่าวมาข้างต้นแล้ว ที่เปนตลกมากไปก็ตัดออกเสียบ้าง เอาความงามแกมเข้า ที่มีแต่งามก็เอาเล่นติดตลกเจือเข้า ตกลงก็เปนเทศนาตามเนื้อผ้านั้นเอง คำที่ว่าติดตลกนั้น หมายความว่าเล่นเปนทางตลกไปในตัว หาใช่หมายถึงเอาตลกซึ่งหากินเปนอาชีพประกอบเข้าไม่

ถ้าหากท่านจะได้ดูหนังสือบทที่เขาเล่น ท่านจะเห็นลางแห่งเขาวงเสียและแทงว่า ตัด ลางแห่งจะเห็นแทงว่า แซก นั้นคือเล่นแซกเข้าไป อย่าว่าแต่เรื่องซึ่งเปนบทละคอนอยู่เลย แม้ไม่ใช่บทละคอน เช่น ขุนช้างขุนแผน อันหนังสือเปนบทเสภา เขาก็เอามาแก้เปนบทละคอนเล่นละคอนคนได้ ถ้าท่านเห็นฉะบับที่เขาแก้ จะเห็นรอยแก้ให้ยุ่งไป เว้นแค่จะเห็นฉะบับที่เขายกแล้วก็เปนอันเรียบร้อย

บทละคอนใน ซึ่งนี้ลงสรงชมรถชมน้า เห็นมาก็มีอย่างนั้น แต่ก่อนจะอย่างไรไม่ทราบ แต่เท่าที่ฉันจำความได้ก็ไม่เห็นเขาร้องกัน เข้าใจว่าเขาตัดออกเสียแล้ว เคยเห็นแต่โขนพากย์รถ ตัวนายโรงและเสนารำท่าไปงาม ๆ คงเบื่อใจคนดูจึ่งตัดออกเสีย คิดว่าละคอนในตัดเอาอย่างละคอนนอก ซึ่งเล่นเอาแต่ตามใจคนดู

ตั้วโผละคอน คือผู้ที่คุมละคอนไปเล่นนั้นสำคัญมาก ต้องเปนผู้เอาใจใส่สังเกตคนดูว่าจะชอบใจอย่างไร ก็เปลี่ยนแปลงการเล่นไปตามใจคนดู ที่ขึ้นชื่อว่าละคอนโรงนั้นดีโรงนี้ดีก็หาใช้ดีที่ละคอนไม่ แท้จริงดีที่ตั้วโผดี ที่เข้าใจผิดไปก็เพราะตั้วโผแต่งตัวออกโรงด้วย จึ่งกลายเปนละคอนดีทั้งโรง

จะบอกซ้ำในคำ นอกใน อีก ว่าที่เรียกละคอนนอกละคอนในนั้น เปนความหมายคนละอย่างกับเพลงปี่พาทย์ไม่เกี่ยวกัน ละคอนในหมายความว่าเปนละคอนในวัง ละคอนนอกหมายความว่าเปนละคอนนอกวัง ส่วนเพลงปี่พาทย์เรียกในนอกนั้นหมายเอาปี่ ซ้ำมีกลางอีกด้วย ก็หมายเอาปี่เหมือนกัน เพราะปี่มี ๓ เลา เรียกว่า ปี่ใน ปี่กลาง ปี่นอก จึงเรียกตามปี่ว่า ทางใน ทางกลาง ทางนอก ขลุ่ยก็มี ๑ อย่างเหมือนกัน ถ้าฆ้องระนาดเล่นกับขลุ่ยก็เรียกว่า ทางพองออ ทางรองออ ทางกรวด และเรียกตามชื่อการเล่นก็เรียก เรียกว่า ทางมโหรี ทางละคอน ทางเสภา ทางมโหรีกับทางพองออเปนอันเดียวกัน เพราะมโหรีใช้ขลุ่ยพองออ ต้องเลื่อนเสียงไปตามขลุ่ย ทางละคอน กับ ทางใน เปนอันเดียวกัน เพราะทำละคอนแล้วใช้ตีด้วยทางใน ทางเสภา และ ทางนอก ทางกรวด เปนอันเดียวกัน เพราะการเล่นเสภาใช้ตีด้วยทางนอก และขลุ่ยกรวดก็ตรงกับทางนอก นอกกว่านั้นก็ยังมีอีกเปน ทางชะวา ทางแคน เพราะต้องเลื่อนเสียงไปให้ตรงกับปี่ชะวาและแคน คนปี่พาทย์ ที่รู้รอบแล้วจะเรียกอย่างไร ก็เข้าใจทั้งนั้น

ทางกลาง นั้นสำหรับใช้ตีเล่นหนัง ควรจะมีเรียกว่า ทางหนัง อีกอย่างหนึ่ง แต่ไม่เคยได้ยิน ถ้าหากมีแต่เลิกเรียกกันไปเสียแล้วก็จะไม่ประหลาดเลย เพราะหนังเดี๋ยวนี้เขาเลิกเล่นกันเสียแล้ว ย้ายไปเล่นหน้าจอ คือโขนหน้าจอ คงมีหนังอยู่แต่ในงานหลวงซึ่งเรียกกันว่า หนังหมาย เจ้าพนักงานงัดเอาหมายเมื่อ ๕๐ ปีก่อนมาดู มีอย่างไรก็ลอกหมายออกไปอย่างนั้น ไม่ต้องรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้ได้รับหมายก็จำใจต้องจัดมาเล่น จัดมาอย่างคำที่พูดกันว่า พอเปนราชการ คือเอาหนังมาสองสามตัว ไม่ต้องเปลืองแรงขนและไม่เปลืองแรงคนเชิด ฉันไม่เคยดู หนังหมาย เคยดูแต่หุ่น จะบอกได้ว่าเขาจัดเล่นอย่างไร เขาเล่นตอนนางลอย เมื่อหนุมานจับเบญกาย เอาหุ่นไปสองตัวแต่ลิงกับนางเท่านั้น คนเชิดก็คนเดียว เมื่อถึงบทเบญกายก็เอาสิงเสียบไว้ มาชักเบญกาย ถึงบทหนุมาน ก็เอานางเสียบไว้ มาชักหนุมาน เล่นพูดกันลากันไปตั้งแต่เช้าจนค่ำ พอเปนราชการ จะมีคนดูหรือไม่มีก็ช่าง ที่จริงหนังนั้นเขาจัดดำเนินทางเล่นไม่เหมือนกับโขน เห็นได้ว่าเก่ามาก ลางทีโขนแต่ก่อนก็จะเล่นเหมือนหนัง แต่ความเปลี่ยนแปลงไปย่อมไม่เห็นรอย

เคยได้ยินตลกอาชีพเขาพูดว่า เล่นตลกหนังนั้นเล่นยากนัก เพราะจะให้ขันได้ก็อาศรัยแต่ด้วยคำพูด จะเอาท่าทางเข้าประกอบให้ขันด้วยไม่ได้ เหตุด้วยมืดไม่แลเห็นอะไร

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ