๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๘ ยส

กรมศิลปากร

๑๒ เมษายน ๒๔๗๘

กราบทูลฝ่าพระบาท ทรงทราบ

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๑๑ เดือนนี้ประทานสำเนาเรื่องคำว่า ฉัน มายังเกล้า ฯ นั้น เป็นพระเดชพระคุณมาก รู้สึกด้วยเกล้า ฯ ว่าสนุกมาก และได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีก

เกล้าฯ นึกอยู่เสมอว่า ถ้าได้รวบรวมและสอบสวนถึงเรื่องคำใช้แทนชื่อในภาษาไทยได้ตลอดแล้ว จะทำให้ได้ความรู้ขึ้นอีกมาก เมื่อปีกลายนี้ พระสารประเสริฐนำเอาข้อรับสั่งถามของสมเด็จ ฯ กรมพระนริศ ฯ มาให้เกล้า ฯ เรื่องคำว่า “เขา” เป็นบุรุษที่ ๑ มีอยู่ในภาษาไทยพวกไหนบ้าง เกล้า ฯ ได้ลองค้นดูในภาษาไทยนอกสยาม ปรากฎว่า คำสำหรับใช้แทนชื่อในบุรุษที่ ๑ เอกพจน์เป็น เก๋า ทุกพวก ยกเว้นแต่ไทยสยาม หรือไทยทางลานนาที่ใช้คำว่า กู บางทีจะเลือนมาจากคำ เก๋า ก็เป็นได้ ส่วน เก๋า นั้น เห็นจะมาเลือนเป็นคำว่า เขา ในภาษาไทยสยาม เพราะบางทีเราก็ใช้พูดเขาในบุรุษที่ ๑ เช่นเด็ก ๆ มักจะเคยเรียกตนเองว่า เขา แทนคำว่า ฉัน และในอนันตวิภาค ก็มีคำว่า เค้า แปลว่า ข้า ฉัน ซึ่งคงจะเป็นคำเดียวกับคำว่า เก๋า นี่เอง ส่วนคำปากตลาดที่ว่า ขี้เค้า ก็เห็นจะเป็น ขี้ข้า นั่นเอง เกล้า ฯ ได้ค้นสืบต่อไป พบคำว่า ตู ซึ่งในภาษาไทยทางตะวันตกหมายความว่า เรา ซึ่งไม่ได้รวมถึงผู้ที่พูดถึงด้วย ถ้ารวมผู้ที่พูดถึงด้วยแล้ว ก็ใช้ว่า เฮา หรือ เรา เป็นอันเห็นได้ว่า ในศิลาจารึกพระเจ้ารามกำแหงใช้คำว่า กู ตู และ ข้อย ถูกต้องตามที่ได้ใช้กันมาแต่เดิม เพราะฉะนั้น ถ้าได้มีการสอบสวนค้นคว้าในเรื่องนี้แล้ว ก็น่าจะได้ความรู้แปลก ๆ ดังที่กราบทูลมานี้อีก

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

<อนุมาน>

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ