วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ดร

บ้านซินนามอน ปีนัง

วันที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๓

ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ

ลายพระหัตถ์เวรฉบับลงวันที่ ๑๑ มิถุนายน มาถึงหม่อมฉันแล้วโดยเรียบร้อย คราวนี้เขาส่งเร็วขึ้นได้รับในวันศุกร์ที่ ๑๔ เวลาบ่าย

ทูลสนองความในลายพระหัตถ์

๑) ได้ทราบว่าพระเจนจีนอักษรป่วย อาการมาก ออกวิตกและเป็นห่วง อายุแกเห็นจะพอเข้า ๗๐ แต่ร้ายอยู่ที่ตัวแกท้อใจเสียด้วย ถ้าท่านเสด็จไปเยี่ยมคงจะเกิดความปีติยินดีอาจจะช่วยให้แกสบายได้บ้าง

๒) เห่ช้าลูกหลวง นั้นเป็นเรื่องน่าพิจารณา หม่อมฉันกำลังจะตั้งต้นเขียนวินิจฉัยตามบทที่มีอยู่ที่นี่ นึกขึ้นได้ว่าหม่อมฉันเคยรวมบทเห่กล่อมให้หอพระสมุดฯ พิมพ์ครั้ง ๑ ได้ขอฉบับเข้าไปแล้ว เมื่อได้มาจะรวมวินิจฉัยเขียนถวายทั้งเรื่อง

๓) เรื่องโบสถ์แพนั้น “เห็นจะเป็นคติซึ่งพวกพระที่ไปบวชลังกาพาเข้ามา เพราะที่ในเมืองลังกาตั้งแต่ต้องย้ายราชธานีหนีข้าศึกลงมาตั้งทางข้างใต้ชอบใช้นทีสีมา มีปรากฏมาแต่ในจารึกกัลยาณีของพระเจ้าหงสาวดีธรรมเจดีย์ (ร่วมสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถครองกรุงศรีอยุธยา) ว่าเมื่อให้พระเถระมอญออกไปบวชแปลงเป็นลังกาวงศ์ พระเจ้าภูวเนกพาหุตั้งเมืองชัยวัฒนเป็นราชธานี อยู่ใกล้เมืองโคลัมโบเดี๋ยวนี้ โปรดฯให้ผูกเรือขนานทอดทำเป็นโบสถ์อุปสมบทพระเถระมอญในนทีสีมากลางแม่น้ำกัลยาณี เพราะฉะนั้นจึงขนานนามโบสถ์ ซึ่งพระเจ้าธรรมเจดีย์ทรงสร้างใหม่ว่า กัลยาณีสีมา เลยมาเป็นชื่อของศิลาจารึกด้วย แท้ที่จริงเห็นจะเป็นเพราะไม่มีโบสถ์หรือมีแต่ไม่ได้ผูกพัทธสีมาอันปราศจากความรังเกียจ จึงให้ทำสังฆกรรมในที่สีมาให้สิ้นสงสัย เหมือนอย่างเมื่อแรกตั้งนิกายธรรมยุตก็ทำพิธีอุปสมบทกันในโบสถ์แพ จอดที่หน้าวัดราชาธิวาสจนนี้โบสถ์ผูกสีมา หมดความรังเกียจแล้วก็ไปทำสังฆกรรมกันในโบสถ์บนบก

๔) เรื่องการเชิญด้วยบัตร ใบดำใบแดง ที่ตรัสเล่ามาคิดดูอยู่ข้างจะขันที่พระญาณโสภณจัดการเผาผีไม่มีญาติพร้อมกัน ๒๕๐ ศพนั้นก็เป็นการกุศลอย่างแปลกอันไม่เคยมีในวัดนั้น หรือแม้วัดอื่นๆ มาแต่ก่อน ตัวท่านคงเห็นเป็นการใหญ่โต คงจะมีคนรับช่วย และมีคนไปดูกันมาก จึงประสงค์เลยไปถึงจะให้มีพระบรมวงศ์ผู้หลักผู้ใหญ่ไปประทานเพลิงให้เป็นเกียรติยศแก่งานนั้น ไม่ได้นึกถึงมูลของการเผาศพ ส่วนใบแดงที่นายอำเภอบางกรวยส่งมาถวายคล้ายกับเชิญเสด็จไปช่วยบวชนายสละ เจิดสวัสดิ์ นั้นก็ไม่รู้มูลของการนั้นอย่างเดียวกัน ดูเป็นบัตรประเภทเกิดขึ้นใหม่ น่าเรียกว่า “ใบเหลือง”

ที่จริงลักษณะบอกแขกในการเผาศพ แต่งงานและบวชนาคต่างกันเพราะมูลของการบอกแขกเผาศพนั้นเพื่อให้โอกาสแก่คนเคยรู้จักกับคนตาย โดยเป็นญาติหรือมิตรหรือแม้เป็นสัตรู ซึ่งอาจจะมีเวรกรรมต่อกันมาแต่หนหลังจะได้ไปขมาศพในวาระที่สุดให้เป็นอโหสิกรรม เจ้าภาพจะเชิญหาควรไม่ ควรแต่บอกให้รู้ว่าจะเผาศพเมื่อวันนั้น การที่จะไปหรือไม่ไปแล้วแต่ใจแขกเขาจะตัดสิน ถ้าเขานึกว่ามีเวรกรรมกับผู้ตายเขาก็ไปขมา ที่เขาไม่รู้จักกับผู้ตายไม่มีกรรมเวรต่อกันก็ไม่ไป เพราะไม่มีกิจที่จะต้องไปขมา แต่เจ้าภาพมักเข้าใจว่า ถ้ามีคนสำคัญไปช่วยเผาศพเป็นเกียรติยศ เป็นการเข้าใจผิดทั้งเรื่อง

ใบแดงที่เชิญแขกแต่งงานสมรสนั้น ที่จริงก็ควรเชิญแต่สมาชิกในสกุลฝ่ายเจ้าบ่าวกับสกุลฝ่ายเจ้าสาวแต่ ๒ สกุลเท่านั้น เพื่อให้ทั้ง ๒ สกุลยอมรับผู้ที่เป็นเขยหรือเป็นสะใภ้ เข้าเป็นสมาชิกในสกุลต่อไป การรดน้ำเดิมก็เห็นจะรดแต่เฉพาะผู้เป็นหัวหน้าใน ๒ สกุลนั้น แสดงกิริยายินยอม เพราะฉะนั้น ที่เชิญผู้อื่นนอกสมาชิกในสกุลเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวนั้นโดยเข้าใจผิด ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆ ไม่ช้านัก ถ้าเชิญแต่เจ้านายหรือผู้หลักรู้ใหญ่ที่อยู่ในสกุลหรือฐานะปกครองเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็พอควร

ใบเหลืองที่บอกแขกบวชนาค หม่อมฉันเพิ่งได้ยินครั้งแรกจากตรัสมาในลายพระหัตถ์ ตามประเพณีเดิมถ้าใครจะบวช ผู้นั้นก็เอาดอกไม้ธูปเทียนมาลาเอง หรือถ้ายังไม่เคยรู้จักกันญาติผู้ใหญ่ก็พามาลา ที่จะเป็นแต่ส่งใบบัตรมาบอกว่าจะบวช หรือให้ผู้อื่นจะมาลาแทนผู้บวชหามีไม่ ข้างฝ่ายเราก็ตั้งเป็นธรรมเนียม ถ้าใครมาลาบวช ถึงจะเป็นคนเคยรู้จักหรือไม่รู้จักก็ถวายเครื่องบริขารช่วยทุกคน ไปถวายเองบ้าง ให้คนอื่นไปแทนบ้าง แต่ถ้าใครไม่มาลาถึงจะเคยรู้จักก็ไม่ไปช่วยและไม่ไปถวายบริขาร ผู้อื่นที่ไปช่วยงานบวชนาคก็คงเป็นเพราะเจ้านาคได้อำลา ผิดกันแต่ให้ดอกไม้ธูปเทียนบ้างและไม่ให้บ้าง ว่าโดยย่อกิจที่เผาศพกับที่รดน้ำแต่งงานและบวชนาค มูลผิดกันทั้งนั้น แต่กลายมาเป็นออกใบดำ ใบแดง ใบเหลือง โดยประสงค์แต่จะให้เป็นเกียรติด้วยมีคนไปช่วยมากเป็นประมาณ จึงดูขันอยู่

๕) จะทูลเลยไปถึงการที่ถวายดอกไม้ธูปเทียนกันในกรณีต่างๆ หม่อมฉันได้เคยคิดว่า มูลจะมาแต่อะไร คิดไปเห็นเหตุอย่างเดียว ที่จะปรับเข้ากับการถวายดอกไม้ธูปเทียน ในกรณีต่างๆ ได้ คือ “บอกการเปลี่ยนฐานะของผู้ถวาย” ดังบรรยายต่อไปนี้ คือ

๑. ถวายเมื่อลาโกนจุก หมายว่าเปลี่ยนฐานะจากเด็กเป็นหนุ่มสาว

๒. ถวายเมื่อลาบวช หมายว่าเปลี่ยนฐานะจากคฤหัสถ์เป็นบรรพชิต

๓. ถวายเมื่อแต่งงาน หมายว่าเปลี่ยนฐานะจากเป็นโสดเป็นผู้มีครัว

๔. ถวายเมื่อถวายตัว หมายว่าเปลี่ยนฐานะจากเป็นอิสระเป็นบริวารชน

๕. ถวายเมื่อรับกรม หมายว่าเปลี่ยนฐานะจากเป็นพระราชกุมาร เป็นเจ้าครองเมือง หรือครองกรม

๖. ถวายเมื่อทูลลาไปรับราชการหัวเมือง หมายว่าเปลี่ยนฐานะจากเป็นข้าราชการในกรุงไปเป็นข้าราชการหัวเมือง

ยังคิดไม่เห็นเหตุอย่างเดียวแต่ถวายดอกไม้ธูปเทียนในงานเฉลิมพระราชมณเฑียร นออกจากนั้นไปก็เป็นเครื่องบูชาและเครื่องขมา อย่างนี้ไม่มัดธูปเทียนเป็นแพ ขอให้ทรงพิจารณาดูเถิด

ปกิรณกะ

๒) จะทูลบรรเลง เรื่องใบเสมาโบสถ์ เป็นอนุสนธิต่อกับเรื่องโบสถ์ที่ได้ทูลไปในจดหมายเวรฉบับก่อน นานมาแล้วหม่อมฉันอ่านหนังสือเรื่องเมืองไทย ที่มองสิเออ เดอลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส เข้ามาครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่งไว้ ในตอนพรรณนาว่าด้วยวัด เขาบอกอธิบายว่า ถ้าเป็นวัดหลวงมีใบเสมาหินซ้อน ๒ ใบ ถ้าเป็นวัดราษฎร์ มีใบเสมาหินแต่ใบเดียว หม่อมฉันสงสัยไปพิจารณาดูใบเสมาวัดหลวง เช่นวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนและวัดสุทัศน์ ก็เป็น ๒ ใบซ้อนกันทุกวัด วัดราษฎร์นั้นได้เห็นก็เป็นเสมาใบเดียวจริงเหมือนเช่นว่า แต่ก็ยังคิดไม่เห็นว่า เพราะเหตุใดจึงทำให้ผิดกันเช่นนั้น ต่อมาหม่อมฉันขึ้นไปเที่ยวเมืองสรรคโลกสุโขทัย เจ้าพระยาสุรบดินทร (พร จารุจินดา) เป็นสมุหเทศาภิบาลอยู่ในเวลานั้น พาหม่อมฉันไปดูวัดเขารังแร้งที่เมืองสัชนาลัย วัดนั้นมีโบสถ์ขนาดย่อมๆ เจ้าพระยาสุรบดินทรชี้ให้หม่อมฉันดูว่าวัดนี้มีใบเสมาซ้อนกัน ๓ ใบ แปลกกับวัดอื่น พอหม่อมฉันเห็นก็นึกขึ้นในขณะนั้น ว่าที่โบสถ์มีใบเสมาใบเดียวหรือหลายใบซ้อนกัน เห็นจะเป็นด้วยพระสงฆ์ต่างนิกายผูกพัทธสีมา นิกายไหนผูกก็ปักใบเสมาของนิกายนั้นไว้เป็นสำคัญ เพราะผูกหลายคราวใบเสมาจึงมีซ้อนกันเป็นหลายชั้น ต่อมาหม่อมฉันขึ้นไปเมืองเชียงใหม่ ไปพิจารณาดูสีมาโบสถ์ที่นั่น เขาทำเป็นสลักหินไม่ทำเป็นใบเสมาเช่นที่เมืองสวรรคโลก สุโขทัย แต่โบสถ์ต่างวัดมีหลักเสมาขนาดต่างกันปักเรียงซ้อนถึง ๓ ชั้น ๔ ชั้น ก็มี ก็แน่ใจว่า โบสถ์ที่มีใบเสมาซ้อนเป็นเพราะพระต่างนิกายผูกพัทธสีมาต่างคราวกัน ได้ทูลความตามที่คิดเห็นแก่สมเด็จพระมหาสมณะฯ ท่านตรัสว่า เสมา ๓ ใบซ้อนที่วัดเขารังแร้งนั้นท่านก็ได้เคยทอดพระเนตรเห็น แต่ไม่ได้ทรงพระดำริถึงเหตุที่ทำอย่างนั้น ด้วยเวลานั้นมีพระประสงค์จะทรงตรวจแต่ลูกนิมิตรของโบราณว่าทำอย่างไร ได้ให้ขุดชันสูตรตรงที่เสมาพังหมดแล้วแห่งหนึ่ง ค้นเท่าไรก็ไม่พบลูกนิมิตร จึงเข้าพระทัยว่าแต่โบราณเห็นจะถือเอาหินใบเสมาเองเป็นนิมิตร ทรงรับรองวินิจฉัยของหม่อมฉันในเรื่องใบเสมาว่าถูกเป็นแน่ และตรัสกำชับว่าให้เขียนวินิจฉัยนั้นลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่าให้ความสูญเสีย ความที่ทูลมาเพียงนี้ เป็นเรื่องเดิม

ทีนี้จะทูลวินิจฉัยเหตุที่โบสถ์วัดหลวงทำใบเสมาซ้อน ๒ ใบมาจนในสมัยกรุงรัตนโกสินทรนี้ ในทำเนียบพระสงฆ์เรียกเป็น ๒ ฝ่ายมาแต่โบราณ คือ พระสงฆ์คามวาสี แปลว่า อยู่ในละแวกบ้าน ฝ่าย ๑ พระสงฆ์อรัญวาสี แปลว่า อยู่ชายป่า ฝ่าย ๑ วินิจฉัยความว่า พระสงฆ์คามวาสีสังวรคันถธุระ จึงอยู่ในบ้านเมืองอันเหมาะแก่ภาระ ส่วนพระสงฆ์อรัญวาสีสังวรวิปัสนาธุระอันต้องอาศัยที่สงัดจึงออกไปอยู่ตามชายป่า ข้อที่ถือวัตรปฏิบัติต่างกันนั้น เป็นมูลของนิกายต่างกัน โบสถ์วัดของนิกายไหนนิกายนั้นก็ผูกพัทธสีมา มีใบเสมาชั้นเดียวเป็นสำคัญเหมือนกันทั้ง ๒ นิกาย แต่โบสถ์ของพระสงฆ์คามวาสีมักอยู่ในบ้านเมือง โบสถ์ของพระสงฆ์อรัญวาสีก็อยู่ในที่อรัญญิก ใครบวชในนิกายไหนก็ไปทำอุปสมบทกรรมในโบสถ์ของนิกายนั้น มีเรื่องตัวอย่างในศิลาจารึก เมื่อพระมหาธรรมราชา พระยาลิไท ละราชสมบัติออกทรงผนวช ทรงบรรพชาในพระราชมณเฑียรแล้วเสด็จไปอุปสมบทที่วัดป่ามะม่วง ในอรัญญิก อันเป็นที่สถิตของพระมหาสวามีสังฆราชซึ่งมาจากเมืองลังกา การที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จทรงผนวชคงเป็นปัจจัยให้คนนิยมเอาอย่างเป็นธรรมดา อย่างไรก็ดี เมื่อมีคนนิยมบวชกันแพร่หลายก็เกิดการสร้างโบสถ์มากขึ้น ความลำบากด้วยเรื่องสีมาจึงเกิดขึ้น เพราะพระอรัญวาสีรังเกียจสีมาโบสถ์ฝ่ายคามวาสี พระคามวาสีก็รังเกียจสีมาโบสถ์ฝ่ายอรัญวาสีเช่นเดียวกัน พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้างโบสถ์วัดหลวง จึงทรงอาราธนาพระสงฆ์ให้ผูกพัทธสีมาทั้ง ๒ นิกาย มิให้เป็นที่รังเกียจแก่นิกายใด โบสถ์วัดหลวงจึงมีใบเสมาปักซ้อนเป็น ๒ ชั้นด้วยประการฉะนี้ แต่วัดราษฎร์ยังคงทำอย่างเดิมจึงมีใบเสมาใบเดียว เลยเป็นแบบต่อมาจนในสมัยเมื่อพระสงฆ์คามวาสีและอรัญวาสีเป็นนิกายเดียวกันแล้ว

โบสถ์ที่มีใบเสมากว่า ๒ ใบขึ้นไป เช่นที่วัดเขารังแร้งและที่เมืองเชียงใหม่ ก็คงเป็นเพราะมีพระสงฆ์นิกายอื่นมาจากลังกาเมื่อภายหลัง มีตัวอย่างดังเช่นนิกายลังกาแก้ว ลังการาม ลังกาชาติ ลังกาเดิม ที่มีชื่ออยู่ ณ เมืองนครศรีธรรมราช มารังเกียจพัทธสีมานิกายอื่นผูกไว้แต่ก่อน เจ้าของวัดก็ให้ผูกซ้ำใหม่ และปักเสมาเพิ่มขึ้นทุกครั้ง จึงมีเสมาซ้อนกันมากเช่นนั้น

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ