วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๘๓

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์เวรซึ่งลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ได้รับแล้วในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ช้ากว่าที่ควรจะได้รับไปวันหนึ่ง แต่ก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรวิปริตตามเคย จะกราบทูลสนองความในลายพระหัตถ์นั้นแต่ลางข้อต่อไปนี้

สนองความลายพระหัตถ์

เรื่องวันเกิดนั้นชอบกล แม้ถามกันก็ถามเอาอายุเป็นที่ตั้ง ถ้าเป็นเด็กผู้บอกก็นับถี่ถ้วน แต่เมื่อโตขึ้นแล้วก็ลืม นับเอาปี ปีก็นับเก๊ เกิดปีชวดก็นับลงนิ้วที่ปีชวดเอาเป็นหนึ่ง ซึ่งจะต้องเกินไปเสมอ ลงรอยที่กรมหมื่นมหิศรเคยทูลเล่นอยู่ว่า “เกิดได้สองวันอายุได้สองขวบ” เมื่อเขาบอกอายุแล้วต้องถามปีเกิดว่าปีไร เพื่อสอบการบอกอายุด้วยจึงจะทราบเป็นแน่ได้ เรื่องศักราชนั้นไม่มีใครเอื้อที่จะรู้ ดูเป็นธุระของนักปราชญ์ ที่จะพึงคิด อันปีรัชกาลคือเลขทับศกนั้น ได้ทราบว่าทูลกระหม่อมทรงพระราชดำริให้ใช้ขึ้น ก่อนนั้นไม่มี เห็นจะเอาอย่างประเพณีข้างจีนมาก

ในการลงศุภมาศวันคืนนั้น ถึงเขาไม่ได้ศักราชก็มีบอกศักราชตัวท้ายอยู่แล้วเช่น “ปีชวดเอกศก” ก็คือเลขท้ายศักราช ๑ หมายถึงจุลศักราช ซึ่งเรากำลังใช้อยู่เพียงเท่านั้น ก็พอที่นักปราชญ์จะคิดได้แล้วว่าชวดไหน กี่ปีมาแล้ว ดูก็ออกจะพอๆ

“กระต่ายติดแร้ว ยายแก้วตีกลอง” ตามที่ตรัสพยากรณ์ว่าเป็นคำเด็กร้องเล่นนั้นถูกทีเดียว เหมือน “จิงโจ้มา (มัน) โล้สำเภา” ซึ่งได้เคยทรงจัดให้แต่งขึ้นเป็นกลอนดอกสร้อยสำหรับให้เด็กร้องเล่น

คำสุภาษิตที่มีความว่าจวักไม่รู้รสแกงนั้น เกล้ากระหม่อมก็เคยได้ยินอยู่ แต่ที่เอามาใช้กับเสือว่า “เสือสิ้นจวัก” นั้น ไม่เหมาะเลย เข้าใจไม่ได้ ถ้าเหมือนอย่างตรัสว่า “เสือสิ้นป่า” แล้วจะเข้าใจได้ดี

เรื่องจารึกที่บานมุกวิหารพระชินราชพิษณุโลกนั้น ได้จัดการให้เขาขอกันไปแล้ว หวังว่าคงจะได้มา แต่จะเป็นเมื่อไรนั้นประมาณไม่ถูก มีจะทูลถวายอีกแห่งหนึ่ง ที่วังบางขุนพรหมในห้องที่เราไปนั่งประชุมปรึกษากฎหมายมีตู้อยู่ ๒ ใบ เป็นเอาบานประตูมาตัดใส่ ใบเล็กเป็นลายเต็ม ใบใหญ่เป็นลายช่อง (เรียกตามที่ตรัสเรียก) ทีจะเป็นบานวัดบรมพุทธารามที่ไฟไหม้ตัดเอาไว้แต่ที่เหลือยังดี บานตู้ใบเล็กถูกเจียนมาก แต่ใบใหญ่นั้นถูกเจียนน้อยจะมีจารึกหรือไม่ก็ไม่ทราบ และเดี๋ยวนี้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบ เห็นแต่คิดว่าจะอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานจะสืบดู

ในการที่จะทรงพระดำเนินลุยน้ำฝนเมื่อเสด็จกลับจากพิธีตรุษไปจนถึงวังนั้น ดูจะเป็นบังเอิญแต่เพียงครั้งเดียว ด้วยแต่ก่อนใช้รถม้า เป็นธรรมเนียมที่ในพิธีตรุษเขามักไล่รถให้กลับบ้านไปเสียก่อนที่ปืนจะยิง เพราะกลัวม้าจะตื่นปืนพาเอารถไปชนอะไรเข้า ใช้เดินกลับบ้านกัน คนรถของฝ่าพระบาทคงจะถือเอาธรรมเนียมนั้นจึงเอารถกลับวังเสีย ในการที่ต้องทรงพระดำเนินกลับวังนั้นเป็นการปกติ แต่ที่ฝนตกนั้นเป็นการมาแขก จึงว่ามีการบังเอิญแต่เพียงครั้งเดียว ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้จะลำบากเช่นนั้นไม่ได้ เพราะรถยนต์ไม่รู้จักดินปืน ถึงมหาดเล็กเอารถกลับวังเสีย ก็อาจตรัสเรียกรถสามล้อให้ไปส่งเสด็จถึงวังได้

“พระพิธีธรรม” เพิ่งจะได้ทราบความว่าชื่อนี้มีขึ้นในรัชกาลที่ ๔ พระราชดำรัสกริ้วพัชนี อันเป็นเหตุให้เกิดพัดรองขึ้นนั้นก็ได้อ่านทราบความมาแล้ว อันพัดยศนั้นเห็นจะไม่ได้มาตรงจากพัดใบตาล เคยเห็นฝรั่งเศสเขาทำรูปพระไทยเหนือรับบิณฑบาตมาก่อนถือพัดด้วย พัดนั้นใช้แผงตัดเป็น ๖ เหลี่ยม แต่ ๒ เหลี่ยมข้างบนตัดให้ยาว จึงมีรูปคล้ายพัดแฉก คาบไม้ตับตลอดทั้งผืน ที่แผงนั้นทำมีลายเป็นวงเป็นชั้นอย่างพัดแฉกด้วย แต่จะเป็นทาสีหรือหุ้มผ้าปิดกระดาษอย่างไรก็ไม่ทราบได้ พอเห็นเข้าก็นึกทีเดียวว่าอ้ายนี่เองที่สืบมาเป็นพัดแฉกประจำยศของเรา พัดที่พระไทยเหนือถือนั้นก็จะต้องสืบมาแต่พัดใบตาลนั้นเอง

พระพรหมมุนีออกมาปีนังก็ได้เห็นเขาลงหนังสือพิมพ์ ยังได้นึกว่าฝ่าพระบาทจะได้ทรงทราบหรือไม่ เมื่อได้ทรงพบกับท่านแล้วก็เป็นการดี ตามที่ตรัสสั่งให้นิมนต์สมเด็จพระวันรัตออกมาปีนังนั้น ก็ได้เรียนแก่ท่านแล้ว ท่านบอกว่าฝ่าพระบาทก็ได้มีลายพระหัตถ์ไปถึงท่านแล้ว

มีความยินดีที่ได้ทราบความว่า ในการที่เสด็จขึ้นไปบนเขานั้นได้พระอนามัยมาโดยสมควร หลานๆ ดิศกุลที่ผลัดเปลี่ยนกันออกมาเฝ้าฝ่าพระบาทนั้นดีมาก เป็นเหตุนำไปให้ทรงรู้สึกสำราญพระหฤทัย

ย้อนหลัง

พระยาพหลส่งรูปพระเจดีย์ ๓ องค์มาให้อีก เป็นรูปที่พระพิพิธสาลีฉายมา ขนาดโปสการ์ด ๒ แผ่น กับรูปที่กรมแผนที่ฉายมาแผ่น ๑ ได้ส่งมาทอดพระเนตรแต่รูปฉายของพระพิพิธสาลี ๒ แผ่น รูปที่กรมแผนที่ฉายนั้นใหญ่โตโลกังมาก ถึงแม้จะส่งมาถวายทอดพระเนตรก็ไม่ลำบากเกินไป แต่ไม่ได้ส่งเพราะเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ เห็นชัดอยู่แต่องค์กลาง แม้กระนั้นก็ถูกเขียนแต้มเติมเสียแล้วเห็นของจริงไม่ได้ ส่วนองค์ในแดนไทยนั้น เป็น “แมวดำ” องค์ในแดนมอญนั้นต้นไม้บัง ตกลงเห็นอะไรไม่ได้ทั้งนั้น รูปของพระพิพิธสาลีนั้นแผ่นที่มี ๓ องค์ก็เป็นแมวดำ แต่แผ่นที่มีแต่องค์กลางองค์เดียวนั้นชัดเจนดี เห็นปรากฏมียอดปูนขึ้นไปสูง ยิ่งทำให้รู้สึกได้ว่าเป็นมอญทีเดียว และได้ปีที่ฉายมาด้วย เป็น พ.ศ. ๒๔๖๔ ที่พระยาพหลไปฉายเมื่อปีกลายนั้นยอดปูนหักตกลงเสียแล้ว ฉัตรก็ปรากฏเป็นมีมาแต่เดิม หากใครเก็บเอาฉัตรขึ้นครอบค้ำไว้ รูปของกรมแผนที่นั้นไม่ได้ปีฉาย และไม่ได้เหตุว่าทำไมต้องเขียนแต่ง แต่เวลาฉายคงไม่ห่างไกลกับพระยาพิพิธสาลีมากนัก เพราะยังเห็นยอดมีอยู่ยาว

ได้สติในคำทักของพระยาอนุมานราชธน เขียนเป็นความเห็นมาในบันทึกเรื่องลูกประคำ ว่าพวกธิเบตนั้นถือผีอยู่ก่อน ครั้นได้พระพุทธศาสนาเข้าไปก็เอาศาสนาใหม่ปนกับเก่า เห็นเป็นความเห็นที่ถูกต้อง แต่แรกเกล้ากระหม่อมคิดไม่เห็น ว่าทำไมพระพุทธศาสนาจึงปนกับผีถึงเพียงนั้น การที่ธิเบตถือผีนั้นก็ไม่ประหลาดอะไร เพราะธรรมดามนุษย์ก็ย่อมถือผีด้วยกันทั้งนั้น

ข่าวกรุงเทพ ฯ

เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม สำนักพระราชวังส่งหมายวิสาขบูชามาให้ เกล้ากระหม่อมได้จัดแบ่งส่งใบพิมพ์มาถวาย เพื่อจะได้ทรงทราบรายการละเอียดด้วยฉบับหนึ่งในคราวนี้แล้ว การอื่นก็ไม่มีอะไรนอกจากใบดำใบแดง ซึ่งไม่สำคัญพอที่จะกราบทูลรายละเอียดมาให้ทรงทราบ

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ