- คำนำ (เล่ม ๑)
- แจ้งความ (เล่ม ๑)
- คำนำ (เล่ม ๒)
- แจ้งความ (เล่ม ๒)
- แจ้งความ (เล่ม ๓)
- คำนำ (เล่ม ๓)
- แจ้งความ (เล่ม ๔)
- คำนำ (เล่ม ๔)
- รูปภาพ
- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
๖๖
เห้งเจียเมื่อสิ้นคิดดังนั้น จึงเหาะไปหาบู๊ตึงซัวจะได้มาแก้พระถังซัมจั๋ง เห้งเจียลอยมากลางอากาศได้วันหนึ่ง แลไปก็เห็นภูเขาที่สำนัก อันท่านบู๊ตึงซัวนี้ เดิมเจ้าเมืองเจงลักก๊กกับนางเสียมเส่งฮองเฮ้า นิมิตฝันเห็นพระอาทิตย์สว่าง ตั้งแต่นั้นก็มีครรภได้สิบสี่เดือน ปีมะโรงเดือนห้าขึ้นหนึ่งค่ำ เวลาเที่ยงกลางวันก็คลอดในพระราชวัง เมื่อยังเยาว์ก็ทรงกำลังพะลังมากเข้มแข็ง ครั้นเติบใหญ่จิตรภาคศักสิทธิ์ไม่อยากเปนเจ้า ชอบทางปฏิบัติบวชเรียนทางวิปัสนาญาณชาญกล้าอยู่ที่เขานี้ ต่อภายหลังก็สำเร็จมรรคผล เง็กเซียงฮ่องเต้ประทานนามให้ชื่อว่าจินบู๊ คอยกำจัดปิศาจอสุระยักษ์มารร้ายอยู่ทุก ๆ กัป์ไป เห้งเจียลอยพิศดูภูมิสำนักเซียน ก็มาถึงประตูสวรรค์ที่สามตำหนักทั้ยฮั้วเกง แลไปก็เห็นมีรัศมีศรีแสง มีเทพยดาออกมารับถามว่าที่มานี้คือใคร เห้งเจียตอบว่าข้าพเจ้าคือซีเทียนใต้เซีย อยากจะมาหาท่านพระผู้เปนเจ้า โดยมีกิจธุระอันสำคัญ หมู่เทพยดาก็เข้าไปบอกแก่ท่านโจ๊ซือแล้ว ท่านก็ออกมาเชิญเข้าไปข้างใน เห้งเจียกระทำความเคารพแล้ว พูดว่าข้าพเจ้ามีกิจธุระร้อนจึงได้มาหาท่านโจ๊ซือ ท่านบู๊ตึงซัวถามว่ามีธุระร้อนอย่างไร เห้งเจียจึงยกเรื่องอึ้งไบ๋ปิศาจขึ้นเล่าให้ท่านฟังทุกประการ ทั้งบอกว่าข้าพเจ้าก็สิ้นปัญญา จึงได้มากราบเท้าท่านโจ๊ซือได้โปรดช่วยสักครั้งหนึ่งเถิด
จินบู๊โจ๊ซือได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า เมื่อครั้งก่อนข้าพเจ้าได้รับอำนาจตำแหน่งจินบู๊ ได้กำจัดพวกปิศาจยักษ์ร้ายทั้งหลาย เพราะมีรับสั่งของเง๊กเซียงฮ่องเต้ ต่อภายหลังรับตำแหน่งเง้าลุ้ยสินเจี่ยงคอยกำจัดหมู่สัตว์ร้ายนาคร้ายทั้งหลาย ฝ่ายทิศบูรพาแลอุดร เพราะได้รับอำนาจของท่านง่วนซุ้ยทีจุน บัดนี้รับที่บู๊ตึงซัวที่ชมภูทวีปแลอุดรทวีปทั้งสองนี้ ผีปิศาจมารยักษ์ร้ายก็สงบเงียบแล้ว เวลานี้ท่านใต้เซียมาเชิญข้าพเจ้า ขัดด้วยเง็กเซียงฮ่องเต้มิได้รับสั่ง ไม่อาจลุอำนาจได้ ข้าพเจ้าเห็นแก่ใต้เซียแต่จะไม่เปนที่พอใจของท่านผู้อื่น ข้าพเจ้าตรองเห็นว่าทางไซที หากจะมีมารร้ายก็ไม่สู้จะรุนแรงนัก ข้าพเจ้าจะให้นายทหารทั้งสอง คือกูเจียงกุน จั๋วเจียงกุน กับหมู่นาคทั้งห้า ไปช่วยเปนกำลังใต้เซีย กำจัดพวกปิศาจเหล่านั้นคงจะเสร็จธุระ ก็จะช่วยอาจารย์ของท่านให้พ้นไภยไปได้
เห้งเจียได้ฟังโจ๊ซือพูดดังนั้น กราบเคารพขอบคุณแล้ว ก็มาพร้อมด้วยกูเจียงจั๋วเจียงสองนายทหารกับหมู่นาคทั้งหลาย กับหมู่พลทหารที่แข็งแรงยกลงไปยังวัดเซี้ยวลุ่ยอิมยี่ ครั้นถึงก็ตรงมายังประตูวัดร้องท้ารบ ปิศาจอึ้งไบ๋ประชุมบริวารพูดว่า เห้งเจียสองวันแล้วไม่เห็นมา ไม่รู้ว่าจะไปหาพลทหารที่ไหน พูดยังไม่ทันจะขาดคำลงพวกปิศาจก็เข้ามาบอกว่า เห้งเจียไปพาพวกเต่างูนาคที่ไหนมาท้ารบอยู่ที่น่าประตู อึ้งไบ๋ใต้อ๋องได้ฟังดังนั้น ก็แต่งตัวสรวมเกราะถือป้ายเหล็กพาพวกบริวารออกมาจากประตูร้องถามว่า เฮ้ยพวกเทพาอารักษ์รักษาถนนอาจสามารถมาที่เราทำไม เง้าเล้งนาคทั้งห้ากับกูจั๋วสองทหารร้องตวาดว่าอ้ายมารร้าย มึงอย่าดูถูกเราคือเปนทหารอยู่ที่เขาบู๊ตึงซัวตำหนักทั้ยฮั้วเกง ท่านฮุ่นหงวนก๋าจู๊ตั้วหม้อทีจุน เพราะท่านใต้เซียไปหาท่านจึงใช้ให้พวกเรามาจับเจ้า มึงจงเร่งส่งพระถังซัมจั๋งโดยเร็ว แลหมู่ดาวเทพยดาทั้งหลายจะยกชีวิตรให้เจ้า มิดังนั้นตัวของเจ้าก็จะต้องละเอียดเปนละอองผง สำนักก็จะเปนเถ้าไฟไปทั้งสิ้น อึ้งไบ๋ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ร้องด่าว่าอ้ายพวกสัตว์มึงจะมีฤทธานุภาพสักเพียงใดจึงได้มาพูดอ้างอวดดังนี้ ถ้าดีจริงแล้วจงมาลองป้ายดูสักที พูดดังนั้นแล้วอึ้งไบ๋ก็กระโจมตี เง้าเล้งนาคทั้งห้าก็บันดานทำให้มืดฟ้ามัวฝน กูเจียงกุน จั๋วเจียงกุนทหารทั้งสองก็บันดานทำเปนดินซายซัดสาด ต่างก็ถืออาวุธหอกดาบเข้าระดมรบ เห้งเจียก็ถือตะบองเข้าตีขนาบหลัง ประมาณได้ครึ่งชั่วโมง
ฝ่ายปิศาจอึ้งไบ๋ก็แก้ถุงออกจากเอวถืออยู่กับมือ เห้งเจียแลเห็นก็ร้องบอกว่าพวกเราคอยระวังให้ดี พวกนั้นก็มิได้รู้ว่าเหตุอะไรต่างก็ละมือรอรบอยู่ อึ้งไบ๋ก็จับถุงคว่างไปเห้งเจียก็ปาฏิหารขึ้นไปอยู่บนเมฆเสียได้ ถุงนั้นก็รวบเอาเง้าเล้งแลกูเจียงกุนจั๋วเจียงกุนนายไพร่เข้าในถุงทั้งสิ้น อึ้งไบ๋ปิศาจมีไชยชนะแล้วก็พาบริวารกลับเข้าวัด จึงเอาเชือกมามัดไว้ทุกคนแล้วให้เอาไปวางไว้ในหลุมดิน
ฝ่ายเห้งเจียเมื่อเห็นปิศาจกลับไปแล้ว ก็ลงยังยอดเขานั่งพักสิ้นปัญญาสิ้นสติเผลอตัวก็หลับตาดุจนอนหลับ ได้ยินเสียงแว่วที่หูมีคนมาร้องเรียกว่า ใต้เซียอย่านอนหลับจงรีบไปช่วยชีวิตรอาจาริย์สักประเดี๋ยวก็จะได้รอด เห้งเจียลืมตาผุดลุกขึ้นเห็นเจ้าประจำวันคือเช่ากง เห้งเจียตวาดว่า ตัวเจ้าเมื่อแรกไปอยู่ที่ไหนจึงไม่มาชี้แจง ไว้วันนี้จึงมากระทำให้เราตกใจ เจ้าเช่ากงตกใจก็คำนับพูดว่า ข้าพเจ้ารับคำสั่งพระโพธิสัตว์คอยรักษาพระอยู่ข้างเคียงทุกเวลาไม่อาจห่างได้จึงมิได้มาหาใต้เซีย ข้าพเจ้าเห็นใต้เซียเงียบไปสองวันไม่ได้ข่าวคราว มาวันนี้พวกปิศาจจับพวกเง้าเล้งแลกูเจียงกุน จั๋วเจียงกุนมาก็รู้ได้ว่าใต้เซียไปหามา เพราะฉนั้นข้าพเจ้ามาเที่ยวค้นหาใต้เซีย ขอใต้เซียอย่าเห็นแก่ความยากลำบากเหน็ดเหนือยเลย จงรีบไปหามาช่วยอาจาริย์เถิด เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็ร้องไห้พูดแก่เจ้าเช่ากงว่า ข้าพเจ้าจะไปสวรรค์ก็มีความละอาย จะไปหาพระโพธิสัตว์ก็เปนที่ยำเกรง จะไปหาพระยูไลยก็เปนที่รำคาญ ที่ปิศาจพึ่งจับไปนั้นคือคนของท่านจินบู๊โจ๊ซือให้มาช่วย บัดนี้เราก็สิ้นแห่งที่จะไปหาใครได้อีก
เจ้าเช่ากงพูดว่าท่านใต้เซียอย่าเปนทุกข์ ข้าพเจ้านึกได้มีอยู่แห่งหนึ่งเข้มแข็ง หากไปเชิญมาคงจะกำจัดได้เปนแน่ คือที่ตำบลเขาบู๊ตึงซัวชมภูทวีปมีพวกทหารที่เข้มแข็งนั้น อยู่ในชมภูทวีปเหมือนกัน แต่ที่ตำบลเขากันท่ายซัวเมืองปินเซี้ย มีพระอาจาริย์ก๊กซือโพธิสัตว์มีอภินิหารฤทธาอานุภาพมาก เธอมีสานุศิษย์คนหนึ่งนามเรียกว่าเจียงทั้ยจื้อ แลมีเจ้าทั้งสี่เมื่อก่อนเคยกำจัดปราบนางจุ๊ยโบ๊เนี่ยเนี้ย หากท่านใต้เซียไปเชิญแม้เธอยอมมาก็จะจับปิศาจได้ อาจาริย์ก็จะรอดพ้นจากที่ทุกข์ได้ เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็ดีใจจึงพูดว่าถ้าดังนั้นเจ้าเช่ากงจงกลับไปรักษาอาจาริย์ไว้ ข้าพเจ้าจะไปเชิญว่าแล้วเห้งเจียก็เหาะไปยังเขากันท่ายซัว เหาะข้ามแม่น้ำมาถึงเมืองปินเซี้ยก๊กไปยังวัดต้ายเซี้ยเสียนยี่ เดินเข้าในประตูชั้นนอก พิจารณาดูโบถรามกุฎีวิหารงามสอาดมีพระเจดีย์ระยับระย้า เห้งเจียเดินพลางแลดูพลางเข้าประตูชั้นที่สอง
ฝ่ายท่านก๊กซือโพธิสัตว์ล่วงรู้ก่อน จึงให้เจียงทั้ยจื๊อออกไปรับยังประตูต่างก็คำนับกันแล้ว เห้งเจียก็เข้าไปกระทำความเคารพท่านก๊กซือโพธิสัตว์แล้วพูดว่า บัดนี้ข้าพเจ้าไม่มีที่พึ่งที่อาไศรยแล้ว จึงได้มาเชิญพระโพธิสัตว์ไปแผ่อำนาจอะภินิหาร ให้เจ้าเจียงกุนที่ปราบนางเนี่ยเนี้ยนั้นไปช่วยอาจาริย์ข้าพเจ้าให้พ้นไภยสักครั้งหนึ่ง พอได้ไปอาราธนาพระธรรม ณประเทศไซที ไปประดิษฐาน ณประเทศทิศตวันออกเพื่อศุขประโยชน์แก่ประชุมชนสิ้นกาละนาน
ฝ่ายท่านก๊กซือโพธิสัตว์เมื่อได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นจึงตอบว่า ซึ่งธุระของเห้งเจียมาในเวลาวันนี้ ก็นับว่าเปนทางในการบำรุงพระพุทธสาสนาย่อมเปนนิไสยอันใหญ่ยิ่ง ควรอาตมภาพจะไปเองแต่ขัดด้วยฤดูนี้น้ำฝนจะท่วมใหญ่พึ่งจะเกิดน้ำใหม่ ๆ ท่านใต้เซียมาเชิญไปไกลมาก วิตกอยู่ข้างหลังจะเกิดขึ้นจะเปนไภยใหญ่จะมีผู้ใดคุ้มได้ อาตมจะให้ศิษย์ไปช่วยปราบปิศาจให้สำเร็จการ เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็กระทำเคารพแล้ว พร้อมด้วยเจียงไท้จื๊อกับเจ้าเจียงกุนทั้งสี่ เหาะมายังวัดเซี้ยวลุ่ยอิมยี่ ครั้นถึงไท้จื๊อถือทวนเจ้าเจียงกุนทั้งสี่ถือพลองเหล็กสมทบกันกับเห้งเจีย มายังประตูร้องท้าปิศาจอึ้งไบ๋ให้ออกรบ พวกปิศาจบริวารวิ่งเข้าไปบอกนาย ปิศาจอึ้งไบ๋ก็พาพวกออกมานอกประตูโห่ร้องกึกก้อง แล้วร้องด่าเห้งเจียว่า อ้ายชาติลิงมึงไปพาใครมาอิกเล่า อึ้งไบ๋พูดยังไม่ทันขาดคำ เจียงไท้จื๊อก็ขยิบตาให้เจ้าเจียงกุนทั้งสี่ร้องด่าว่า อ้ายปิศาจมารร้ายมึงไม่รู้จักหรือ เราคือสานุศิษย์ของท่านก๊กซือโพธิสัตว์อยู่วัดเสียนเซ่งเซียนยี่ ให้พวกเรายกมาจับเจ้าไม่รู้ดอกหรือ
อึ้งไบ๋ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า เจ้าทารกเล็ก ๆ จะมาอวดฤทธิ์แก่ใคร อยู่รักษาน้ำร้ายที่ลำแม่น้ำฮ่วยฮ้อนั้นก็ดีแล้ว ทำไมจึงไปฟังอ้ายเห้งเจียข้ามน้ำข้ามทะเลเอาชีวิตรมาทิ้งเสีย เจียงไท้จื๊อได้ฟังดังนั้นก็มีความโกรธ ยกทวนแทงไปตรงหน้าปิศาจ เจ้าเจียงกุนทั้งสี่ก็เข้าระดมฟันฟาด เห้งเจียตรงเข้าไปเอาตะบองเหล็กตีอึ้งไบ๋ก็มิได้หวั่นหวาด แกว่งป้ายเข้ารบรับสับประยุดชุลมุนเปนตลุมบอนยังไม่แพ้ชะนะกัน อึ้งไบ๋ก็ถอดถุงออกจากเอ็ว เห้งเจียเห็นแล้วก็ร้องบอกว่า พวกเราระวังให้ดี ไท้จื๊อกับเจียงกุนทั้งสี่ก็ไม่รู้ว่าจะระวังอะไร
ฝ่ายปิศาจเอาถุงแกว่งแล้วก็คว่างไป ถุงนั้นก็รวบเอาเจียงกุนทั้งสี่กับไท้จื๊อเข้าอยู่ในนั้นทั้งสิ้น เห้งเจียคอยระวังอยู่เหาะหนีไปได้ ฝ่ายอึ้งไบ๋มีไชยชะนะแล้วก็พาบริวารกลับเข้าวัด แล้วเอาเชือกมัดทุกคนไปใส่หลุมดินปิดไว้ ฝ่ายเห้งเจียก็ลดลงยังชายเขายืนร้องไห้อยู่แต่ผู้เดียว โดยความโทมนัศน้อยใจ แลไปข้างตวันออกเฉียงใต้ เห็นม้วนเมฆมีสีแสงตกลงที่ยอดเขา มีดอกไม้โปรยลงมาเปนห่าฝน มีเสียงร้องเรียกว่าซึงหงอคง รู้จักเราหรือไม่
เห้งเจียแลไปก็เห็นคือพระศรีอาริยเมตไตรยโจ๊ซือ เห้งเจียเห็นแน่แล้ว ก็เข้ามาทำความเคารพคุกเข่าลงกับพื้นถามว่า พระผู้เปนเจ้าจะไปแห่งใด ข้าพเจ้าไม่ทันหลีกขอได้โปรดอนุญาตให้อะไภยแก่ข้าพเจ้าเถิด พระศรีอาริยเมตไตรยจึงตรัสว่า อาตมตั้งใจมาที่วัดเซี้ยวลุ่ยอิมยี่ ประสงค์ด้วยปิศาจร้าย เห้งเจียว่าขอพระเปนเจ้าได้โปรดปิศาจร้ายนั้นอยู่ที่ไหน มันมีถุงนั้นคือของวิเศษอันใด ขอพระองค์ได้โปรดชี้แจงให้ข้าพเจ้าทราบด้วย
พระศรีอาริยเมตไตรยจึงตรัสว่า ปิศาจนั้นคือเปนพนักงานตีระฆังของอาตมภาพ คืออึ้งไบ๋ท่งจื๊อ เมื่อวันเดือนห้าขึ้นสามค่ำ อาตมภาพไปที่ประชุมหงวนสุยทีจุน ให้เฝ้าตำหนักมันลักเอาถุงวิเศษนั้นหนีมาแปลงทำเปนพระพุทธเจ้า อันถุงนั้นคือไถ้ล้อมฟ้า อีกชื่อหนึ่งเรียกว่าพืชน์มะนุษย์ไถ้ ที่ป้ายมันถือนั้นคือไม้เฆาะระฆัง เห้งเจียได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า อ่อนี่คือสานุศิษย์ของท่านหนีมา ทำเปนบ้าหลังว่าเปนพระพุทธเจ้า แลทำร้ายข้าพเจ้าได้ความเดือดร้อน โทษนี้ก็ไม่พ้นผู้เลี้ยงดู เพราะปล่อยให้เที่ยวกระทำความเดือดร้อนให้แก่คนทั้งหลาย
พระศรีอาริย์ตรัศว่า คือไม่ดูแลจึงให้คนมีคำพูดได้ อาจาริย์กับศิษย์พวกท่าน ยังไม่สิ้นเคราะห์ร้าย เพราะฉะนั้นจึงบังเอินให้ของร้ายลงมาเปนพระเจ้า บัดนี้อาตมภาพจะมาช่วยจับเอาไปเสียให้พ้น เห้งเจียพูดว่าปิศาจมันมีฤทธาอานุภาพกว้างใหญ่ พระผู้เปนเจ้าไม่มีเครื่องมือสิ่งไรมา จะเอาอันใดต่อสู้แก่มันจึงจะจับมันได้ พระศรีอาริย์จึงตรัสว่า อาตมภาพจะอยู่ที่ชายเขานี้แปลงกายเปนคนปลูกแตง ให้เห้งเจียไปฬ่อชวนรบ ให้มันไล่ตามมา จงทำเปนแพ้อย่าเอาชะนะ แม้มันไล่มาจนถึงไร่แตงแล้วมันคงจะกินแตง อาตมภาพก็จะเอาแตงผลนั้นให้มัน ถ้ามันกินเข้าไปในท้องแล้ว เห้งเจียจะทำอย่างไรแก่มันก็ตามแต่ใจ เมื่ออาตมภาพได้ของวิเศษคืนแล้ว จึงค่อยผ่อนผันให้แก่มัน
เห้งเจียได้ฟังพระศรีอาริย์ตรัสดังนั้น จึงพูดว่าพระผู้เปนเจ้าคิดอุบายอย่างนี้ดีชอบแล้ว ถ้าหากมันไม่ตามมาจะทำประการใด พระศรีอาริยเมตไตรยหัวเราะแล้วพูดว่า ท่านจงส่งมือมานี้ เห้งเจียก็ส่งมือซ้ายมาให้พระศรีอาริย์ ๆ เอานิ้วชี้มือขวาอมเข้าไปในปาก เอาน้ำลายกายสิทธิ์ออกเขียนในฝ่ามือเห้งเจีย เปนอักขระตัวหนึ่งคือตัว (คุ้ม) แล้วสั่งเห้งเจียว่าให้เอาตบบนศีศะ เมื่อเข้ารบกับมันก็จะไล่ตามมาเอง เห้งเจียครั้นได้ฟังพระศรีอาริย์แนะนำสั่งสอนให้ดังนั้นแล้ว สองมือก็แกว่งตะบองวิ่งไปยังประตูวัด ร้องท้าให้ปิศาจออกมารบว่า ปิศาจอึ้งไบ๋พ่อของเองมาอีกแล้ว เองจงเร่งออกมารบให้แพ้แลชะนะกันเถิด
ฝ่ายปิศาจอึ้งไบ๋เมื่อได้ยินเห้งเจียมาร้องท้าทายดังนั้น ก็จัดแจงแต่งตัวมือถือป้ายเดินออกมานอกประตูวัดร้องถามว่าซึงหงอคงสิ้นความฝ่าฝืนแล้วหรือ เห้งเจียด่าว่าอ้ายมารร้าย เหตุใดกูจะได้สิ้นความฝ่าฝืน ปิศาจอึ้งไบ๋พูดว่า เราเห็นเจ้ามาแต่คนเดียว ชะรอยจะไม่มีใครมาด้วยได้แล้ว จึงได้อุสาหะมาต่อสู้แต่ผู้เดียวดังนี้ หากเราจับได้เจ้าจะได้ใครมาแก้ไขให้เจ้าเล่า เห้งเจียด่าว่าอ้ายมารร้ายมึงอย่ากำเริบ มึงยังไม่รู้จักความตายว่าจะมาถึงตัวมึงเข้าเมื่อไร เองอย่าพูดให้มากไป จงมาลองตะบองของเราดูสักทีหนึ่งว่าจะมีรสชาติเปนประการใด ว่าแล้วก็ต่างตนเข้าต่อสู้กัน เห้งเจียก็เอามือที่เขียนอักขระตัว (คุ้ม) ตบบนศีศะทีหนึ่ง แล้วก็เข้ารบรุกบุกบัน อึ้งไบ๋ถูกจังงังคุ้มกันก็มิได้คิดจะถอยหนี ถุงวิเศษก็มิได้นึกจะคว่าง มัวแต่ตั้งใจไล่บุกรุกเห้งเจียมาจนถึงชายเขา เห้งเจียเห็นไร่แตงก็หายตัวมุดเข้าไปในไร่แตง แปลงกายเปนผลแตงโมสุกผลหนึ่ง ปิศาจไล่มาก็ยั้งตัวค้นหามิได้เห็นเห้งเจีย จึงไปค้นหาในกะท่อมน้อย ถามว่านี่แตงของใครปลูก
พระศรีอาริย์อยู่ในกระท่อมแปลงเปนตาแก่คนหนึ่ง เดินออกมาบอกว่าแตงของข้าพเจ้าปลูกเอง อึ้งไบ๋จึงพูดว่า ขอให้สักผลหนึ่งกินแก้อยากน้ำจะได้หรือไม่ ตาแก่แปลงก็ไปเก็บเอาผลแตงที่เห้งเจียแปลงนั้นมาส่งให้ ปิศาจก็รับผลแตงนั้นมาอ้าปากกลืนลงไปในท้อง เห้งเจียเมื่อลงไปในท้องได้แล้ว ก็กระทำอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ คือถีบแลบิดหยิกทึ้งกระทำให้สาหัศ
ฝ่ายปิศาจอึ้งไบ๋ได้ความเจ็บปวดสาหัศสุดสิ้นสะติกำลังที่จะทนทาน ก็ล้มกลิ้งอยู่ที่ไร่แตง ดิ้นรนจนแผ่นดินราบไปราวกับน่ากลอง ปากก็ร้องว่าท่านผู้ใดจงมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด จึงพระศรีอาริยเมตไตรย์ก็กลายกลับเปนรูปเดิม หัวเราะแล้วพูดว่าอ้ายสัตว์ตะบาปมึงจำได้ว่าเราคือใคร อึ้งไบ๋เงยหน้าขึ้นดูเห็นแล้วก็จำได้ จึงคุกเข่าลงกับพื้นแล้วพูดว่า พระผู้เปนเจ้าได้โปรดยกโทษไว้ชีวิตรให้ข้าพเจ้าเถิด ภายหลังไม่อาจกระทำต่อไปอิกแล้ว พระศรีอาริย์จึงแก้เอาไถ้วิเศษกับป้ายนั้นออกแล้ว จึงเรียกเห้งเจียให้ออกมา แล้วว่าจงเห็นแก่อาตมภาพเถิด
ฝ่ายเห้งเจียมีความแค้นมากก็แกล้งกระทำอาระวาดกระทุ้งกระแทก ปิศาจเจ็บปวดเหลือที่จะทนได้ก็กลิ้งเกลือกไปมา พระศรีอาริย์มีความเมตตาจึงร้องขอโทษเห้งเจียว่า อย่าทำให้มันได้ความลำบากเลย ด้วยมันสารภาพรับผิดแล้ว เห้งเจียจึงว่าถ้าดังนั้นก็ให้มันอ้าปากออกเถิด ข้าพเจ้าจะได้ออกไป ปิศาจจึงอ้าปากออกเห้งเจียก็กระโดดออกมาจากปากกลายกลับเปนรูปเดิมเงื้อตะบองจะตีปิศาจ พระศรีอาริย์ก็เรียกปิศาจเข้าถุงเสียก่อนแล้วเอามาผูกไว้กับบั้นเอ็ว มือก็ถือป้ายด่าว่าอ้ายสัตว์เดรฉานยังฉาบนั้นเอาไปไว้ที่ไหน ปิศาจอยู่ในไถ้ร้องบอกว่าฉาบนั้นเห้งเจียทุบเสียแตกหมดแล้ว พระศรีอาริย์ว่าฉาบแตกแล้วก็เอาทองมาคืนให้อาตมภาพ ปิศาจบอกว่าทองนั้นเก็บไว้บนหอสูง พระศรีอาริย์จึงเรียกเห้งเจียว่าจงมาไปกับเรา เห้งเจียก็ตามพระศรีอาริย์ไปยังวัดเห็นประตูปิดแน่น พระผู้เปนเจ้าก็เอานิ้วมือชี้ทีหนึ่งประตูก็เปิดจึงเดินเข้าไป พวกปิศาจทั้งหลายก็รู้ว่านายของตัวต้องถูกจับก็ขยับจะหนี เห้งเจียเอาตะบองตีตายเสียทั้งสิ้น
ฝ่ายพระศรีอาริย์ครั้นเก็บได้ฉาบแตกแล้ว ก็เป่าทีหนึ่งฉาบแตกก็รวมเข้าติดกันเปนฉาบดีไปตามเดิม แล้วเสด็จปาฏิหารกลับไปยังสฐานที่เดิม เห้งเจียก็เข้าไปแก้พระอาจาริย์แลหมู่เทพบุตรลักเตงลักกะแลหมู่ดาวทั้งหลาย กับกูจั๋วเจียงกุนเง้าเหลงทั้งห้า กับเจียงไท่จื๊อกับเจียงกุนทั้งสี่แลโป๊ยก่ายซัวเจ๋งออกแล้ว ก็พากันออกมาข้างหอน่า พระถังซังจั๋งก็หันหน้านะมัศการไปยังอากาศคำนับขอบคุณท่านที่ได้มาช่วย เห้งเจียก็คำนับส่งเทพบุตรแลเทพารักษ์แลดาวทั้งหลายก็คำนับลากลับไปยังสฐานที่เดิม
ฝ่ายอาจาริย์กับศิษย์พักอยู่ครึ่งวันแล้วก็พากันออกเดิน เห้งเจียก็เอาไฟเผาห้องหอเหล่านั้นเสียทั้งสิ้น ตั้งหน้าหมายปราจิณทิศ