๒๕

หลวงจีนถังซัมจั๋งเห็นศิษย์มาพร้อมกันแล้วจึงถามว่า ใครไปลักผลไม้ยิ่นเซียมก๊วยของเขากินจงบอกมาตามจริง โป๊ยก่ายได้ฟังพระอาจาริย์ถามดังนั้นจึงตอบว่า ข้าพเจ้าคนซื่อไม่รู้ไม่เห็น

เชงฮองแลเห็นเห้งเจียยืนหัวเราะอยู่ จึงชี้ว่าคนที่ยืนหัวเราะนั้นแลตัวการ เห้งเจียตวาดว่า ข้าพเจ้าเกิดมาเปนคนขี้หัวเราะ ทำไมเจ้าต้องห้ามข้าด้วยหรือ หลวงจีนถังซัมจั๋งจึงพูดว่า เราทั้งหลายเปนคนถือศีลอย่าพูดคำกลับกลอก อย่ากินของที่มืดมัว แม้ว่าได้กินของเขาแล้ว จงรับเขาโดยดีขอขะมาโทษเสียจึงจะพ้นความผิด จะไปพูดทำยอกย้อนกันทำไม เห้งเจียเห็นพระอาจาริย์พูดถูกต้องตามธรรมเนียม จึงรับตามจริงว่า ขอพระอาจาริย์ได้ทราบ ข้าพเจ้ามิได้เกี่ยวข้องเลย เพราะโป๊ยก่ายบอกให้ข้าพเจ้าเก็บมาแบ่งกันคนละผล

เม่งง้วยว่า ขะโมยมาสี่ผลบอกว่าขะโมยมาแต่สามผล คนถือศีลพูดเท็จหย่างนี้หรือ พิเคราะห์ดูก็เหมือนอ้ายโจรนั้นแล โป๊ยก่ายพูดว่าสี่ผลได้มาแต่สามผลยังอีกผลหนึ่งอยู่ที่ไหน โป๊ยก่ายพูดบ่นไม่หยุด

เชงฮองเม่งง้วยถามได้ความจริงก็ยิ่งโกรธ ด่าว่าด้วยถ้อยคำอันอยาบช้าต่าง ๆ เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็มีความโกรธดังไฟกัลป์ ขยับเขี้ยวเคี้ยวฟันไนยตาพอง คิดในใจว่าจำกูจะทำลายเสียอย่าให้มันกินอีกต่อไป คิดดังนั้นแล้วก็ถอนขนเพ็ชร์ออกเส้นหนึ่ง เศกเปนรูปเห้งเจียปลอมให้ยืนอยู่กับโป๊ยก่ายซัวเจ๋ง บังตัวเหลื่อมออกไปยังหลังสวน ถึงต้นยิ่นเซียมก๊วยปีนขึ้นบนต้นแล้ว ชักกระบองออกฟาดซ้ายฟาดขวา กิ่งก้านหักไปทั้งสิ้น แล้วแผลงฤทธิ์โค่นต้นล้มลงกับพื้นพสุธา เห้งเจียเที่ยวค้นหาผลยิ่นเซียมก๊วยแต่สักผลเดียวก็มิได้เห็นมีเลย ด้วยของสิ่งนี้แม้ถูกธาตุทองคำก็ย่อมฉิบหายไปสิ้น แลกระบองเหล็กของเห้งเจียสองข้างก็หุ้มทองคำ เพราะฉนั้นของกายสิทธิ์นี้จึงฉิบหายละลายไปโดยธรรมดาธาตุที่แพ้กัน เมื่อเห้งเจียค้นหาผลไม้มิได้แล้วก็ร้องว่าดีแล้ว ๆ แล้วกลับมายังน่าหอเรียกขนเพ็ชร์เข้าตัวไปตามเดิม เข้าไปยืนอยู่มิได้มีผู้ใดรู้ เชงฮองเม่งง้วยทั้งสองด่าว่าอยู่นานแล้ว เชงฮองพูดว่าคนเหล่านี้มีความโกรธด้วยเราด่าว่า แต่เขาก็รับแล้วว่าได้ลักมากินจริง หรือใบก้านกิ่งจะปิดบังอยู่เราจะดูไม่เห็น จึงพากันไปที่สวน แลไปเห็นต้นยิ่นเซียมก๊วย โค่นล้มลงอยู่กับพื้น รากเง่าหลุดถอนไปหมด คนทั้งสองเห็นดังนั้นก็สิ้นสติล้มลงกับพื้น พูดจาพล่ำเผลอดุจคนเปนใบ้บ้าจึงร้องบอกกันว่าจะทำอย่างไรดี มันทำลายยาวิเศษของพวกเราเสียหมดแล้ว ท่านอาจาริย์เรากลับมาเราจะพูดแก่ท่านว่าอย่างไรเล่า

เม่งง้วยว่าอย่าบ่นว่าอะไรเลย ซึ่งการนี้อ้ายหน้าขนนี่เองไม่ต้องสงไสย ถ้าจะโต้ตอบก็จะเกิดตีด่ากันขึ้น เราสองคนเขาถึงสี่คนจะสู้เขาไม่ได้ เราทำเปนหลอกว่าพวกเรานับผลไม้ผิดไป เราทำใจดีเอาเครื่องแจเล็กน้อยให้กิน เวลาเธอเข้าไปนั่งกินเราปิดประตูชั้นนอกชั้นในใส่กุญแจเสียทุกประตูขังไว้ถ้าท่านอาจาริย์เรามา ตามแด่ท่านจะว่ากระไร

เชงฮองได้ฟังเมงง้วยพูดดังนั้นจึงพูดว่า ท่านคิดอย่างนี้ดีแล้วจึงพากันกลับมายังสำนักขึ้นบนหอนั่ง เข้ามาเคารบหลวงจีนถังซัมจั๋ง แล้วพูดว่าข้าพเจ้าทั้งสองขอขะมาโทษท่านอย่าได้ถือโกรธข้าพเจ้าเลย

หลวงจีนถังซัมจั๋งเห็นคนทั้งสองเข้ามาพูดดังนั้น จึงถามว่าท่านทั้งสองว่ากระไรหรือ เชงฮองเม่งง้วยพูดว่า ผลยิ่นเซียมก๊วยนั้นมิได้หายดอก ข้าพเจ้ากลับไปดูก็อยู่ครบบริบูรณ์ดี เพราะใบก้านปิดบังไว้ข้าพเจ้าไม่ทันเห็น

เห้งเจียยืนอยู่ที่นั่นได้ยินดังนั้นจึงนึกในใจว่า ต้นยิ่นเซียมก๊วยเราโค่นลงอยู่กับดินด้วยมือเรา ทำไมอ้ายสองคนนี้จึงมาพูดอย่างนี้หรือต้นไม้นั้นจะฟื้นขึ้นดอกกระมัง หลวงจีนถังซัมจั๋งได้ฟังเม่งง้วยเชงฮองทั้งสองพูดดังนั้นก็ยุติ จึงเรียกสานุศิษย์ให้ยกเข้ามากินแล้วจะได้ออกเดินต่อไป

โป๊ยก่ายจึงยกเข้ามาประเคนให้พระอาจาริย์แล้ว เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งก็พร้อมกันนั่งกินแห่งเดียวกัน เชงฮองเม่งง้วยเห็นศิษย์อาจาริย์กำลังกินก็รีบไปยกน้ำชาแลเครื่องแจมาถวาย แล้วก็ยืนเฝ้าปะฏิบัติอยู่สองข้าง เชงฮองเม่งง้วยเห็นอาจาริย์กับศิษย์นั่งกินเพลินก็วิ่งไปปิดประตูทุก ๆ ประตูแล้วเอากุญแจลั่นเสียทุกประตู

โป๊ยก่ายเห็นดังนั้นหัวเราะแล้วพูดว่า ผิดธรรมเนียมกินเข้าทำไมต้องปิดประตู เม่งง้วยพูดว่ากินแล้วจึงค่อยเปิด เชงฮองจึงพูดว่า อ้ายพวกโจรหัวโล้นยังไม่รู้สึกตัว ลักขะโมยผลไม้กินแล้วมิหนำซ้ำทำลายขุดทั้งรากเง่า ยังจะมีหน้าอ้าปากพูดอะไรอิกเล่า หลวงจีนถังซัมจั๋งได้ฟังเชงฮองเม่งง้วยพูดดังนั้น ก็ทิ้งชามเข้าจับเอาก้อนหินตีเข้าที่น่าอก

ฝ่ายเชงฮองเม่งง้วย ครั้นลั่นกุญแจทุกประตูแล้วก็ยืนอยู่นอกประตู ด่าว่าอยาบช้าจนเวลาบ่าย หลวงจีนถังซัมจั๋งคิดแค้นใจเห้งเจียจึงพูดว่า มึงไปถึงไหนมึงก็ทำแต่ความชั่วทุกหนทุกแห่งไปอย่างนี้ อยากลักผลไม้ของเขากินก็ให้เขาด่าว่าก็แล้วกัน เหตุไรจึงไปโค่นต้นของเขาลงอย่างนี้ หากว่าถึงฟ้องถึงร้องยังโรงศาลจะเอาอะไรมาแก้ตัวโต้ตอบกะเขาเล่า

เห้งเจียพูดว่าพระอาจาริย์อย่าร้อนใจ ให้มันไปนอนแล้วเราจึงคอยลอบหนีไปในเวลากลางคืนก็ได้ ซัวเจ๋งจึงถามว่ามันลั่นกุญแจไว้ทุกประตูแล้ว ทำอย่างไรจึงจะออกไปได้เล่า เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่า ไม่ต้องเปนธุระพี่จะทำโดยวิชาก็คงจะไปได้ดังประสงค์ โป๊ยก่ายถามว่าพี่เห้งเจียมีวิชาจะทำแต่ลำพังตัวเอง เปลี่ยนแปลงเปนสัตว์ยุงริ้นบินลอดไปตามช่องน้อยก็ไปได้ ข้าพเจ้าทั้งหลายบินไม่ได้จะมิต้องทนทุกข์อยู่ในนี้หรือ

หลวงจีนถังซัมจั๋งจึงพูดว่า ถ้าทำมิให้ออกพร้อมกันได้ อาตมจะภาวนาให้มงคลรัดศีศะ จะทนเจ็บปวดได้ก็ทนไป โป๊ยก่ายถามพระอาจาริย์ว่า ข้าพเจ้ายังไม่ทราบว่า คาถาอะไรที่ภาวนาแล้วจะให้พี่เห้งเจียปวดศีศะจนทนไม่ได้

เห้งเจียบอกว่าน้องยังไม่รู้เรื่องตลอด อันมงคลที่ใส่อยู่บนหัวพี่นั้น คือเปนของที่พระโพธิสัตว์กวนอิม ให้พระอาจาริย์ใส่ศีศะเรา ถ้าเราดื้อดึงดุร้ายว่าไม่ฟังแล้ว ให้ภาวนาเราก็ปวดศีศะจนทนไม่ได้ มงคลนี้เรียกว่า (กิ๊มซือยี้จู)  สำหรับบังคับเรา ว่าแล้วเห้งเจียก็พิจารณาดูตามช่องฝา เห็นแสงเดือนขึ้นแล้ว ก็ชักกระบองออกจากหูร่ายพระเวทคาถาสะเดาะกุญแจออกทุกกญแจเปิดประตูได้แล้ว ก็เข้าไปนิมนต์พระอาจาริย์ เรียกโป๊ยก่ายซัวเจ๋งยกหาบจูงม้าออกเดินมาทางใหญ่หมายใจตรงไปยังปราจิณทิศ เห้งเจียจึงบอกแก่โป๊ยก่ายแลซัวเจ๋งว่า เราจะกลับไปสะกดให้หนุ่มน้อยสองคนนั้นหลับอยู่ตั้งเดือน เจ้าจงนำพระอาจาริย์เดินไปพลาง พูดดังนั้นแล้วเห้งเจียก็กลับไปยังสำนักนั้น เวลานั้นหนุ่มน้อยทั้งสองยังกำลังหลับอยู่ เห้งเจียก็เอายาโรยที่หน้าให้ยาเข้าจมูกคนทั้งสอง ๆ ก็หลับมิได้รู้สึกสมประดี

ฝ่ายหลวงจีนถังซัมจั๋งกับโป๊ยก่ายซัวเจ๋งตั้งหน้าเดินไปยังรุ่ง มิได้หยุดพักจนท้องฟ้าขาวใกล้สว่าง หลวงจีนถังซัมจั๋งจึงพูดว่า ชาติลิงแล้วคงหาเหตุให้เกิดขึ้นจนเราได้ความยากลำบากอย่างนี้ ส่วนมันกินสบายอร่อยฅอมัน ส่วนเราได้ความเดือดร้อนสาหัส เห้งเจียจึงพูดว่าขอพระอาจาริย์อย่าได้มีความโทมนัศบ่นว่าไปเลย รอพอให้สว่างแล้วจึงค่อยหยุดพักเอากำลังเถิด ครั้นสว่างขึ้นแล้วหลวงจีนถังซัมจั๋งก็ลงจากม้าแวะเข้าข้างทางใต้ร่มต้นไม้สน โป๊ยก่ายวางหาบลงแล้วก็ปัดกวาดจัดแจงปูลาดให้พระอาจาริย์นอนพัก โป๊ยก่ายก็นอนอยู่ข้าง ๆ พระอาจาริย์ ซัวเจ๋งพาม้าไปผูกไว้กับต้นไม้แล้วก็พักนอน

ฝ่ายเห้งเจียเปนนิไสยวานรค่อนอยู่ข้างจะซุกซน ก็ปีนขึ้นไปนอนอยู่บนกิ่งไม้ อาจาริย์แลศิษย์ก็นอนหลับมิได้รู้สึกสมประดี

ฝ่ายฤๅษีติ๋นหงวนต้ายเซียน ครั้นเลิกประชุมแล้วก็พาสานุศิษย์กลับลงมายังสำนัก ครั้นถึงเห็นประตูหอใหญ่ก็เปิดบนที่บูชาธูปเทียนก็ไม่มีทั้งคนก็เงียบสงัด ติ๋นหงวนต้ายเซียนเห็นดังนั้น ก็เดินเลยไปที่ห้องเชงฮองเม่งง้วย เห็นปิดประตูนอนกรนอยู่เรียกเท่าใดก็ไม่ฟื้น บันดาสานุศิษย์ก็เข้าช่วยกันคัดบานประตูออก จึงแลเห็นสองคนนอนหลับไม่รู้ตัว พากันเข้าผลักปลุกก็ไม่ตื่น ติ๋นหงวนต้ายเซียนเห็นดังนั้นก็หัวเราะ แล้วจึงว่าความปฏิบัติในทางฤๅษีสำเร็จมูลภาควิญญาณจิตรมิได้เคลิบเคลิ้มในการง่วงเหงาหาวนอน แต่คนทั้งสองนี้เหตุใดจึงอ่อนเปลี้ยไปไม่รู้สึกตัวอย่างนี้เล่า ชะรอยจะมผู้ใดทำให้หลัลใหลไปดอกกระมัง พูดดังนั้นแล้วจึงเรียกสานุศิษย์ให้ตักน้ำเย็นมาคนโทหนึ่ง ติ๋นหงวนต้ายเซียนจึงยกคนโทน้ำขึ้นเศกด้วยพระคาถา แล้วเอาน้ำมนต์พ่นหน้าเชงฮองเม่งง้วยก็หายหาวนอน ในเวลานั้นก็รู้สึกผวาตื่นลืมตา เห็นอาจาริย์ใหญ่กับเซียนพี่ทั้งหลาย เชงฮองเม่งง้วยเห็นดังนั้นก็ลุกลงจากเตียงนอนมาคำนับอาจาริย์ แลเซียนทั้งหลายแล้วจึงพูดว่า ท่านอาจาริย์สั่งว่า คนรู้จักอะไรที่ไหนที่ประเทศตวันออกมา ดูพวกสงฆ์เหล่านี้ล้วนแต่หัวขะโมยสิ้นทั้งนั้น ทั้งดุร้ายเหลือเกินด้วย

ติ๋นหงวนต้ายเซียนถามว่าเปนอย่างไรหรือ เชงฮองเม่งง้วยก็เล่าตั้งแต่ต้นจนจบปลาย ให้อาจาริย์ฟังทุกประการแล้วก็ร้องไห้

ติ๋นหงวนต้ายเซียนได้ฟังศิษย์เล่าให้ฟังแล้ว จึงบอกว่าเจ้าทั้งสองอย่าร้องไห้ไปเลย เจ้าไม่รู้เหตุของเห้งเจีย ๆ คนนี้คือดาวท้ายเป๊กแบ่งภาคจุติลงมามีฤทธิ์อานุภาพมาก เคยทำสงครามบนสวรรค์เมื่อครั้งก่อน บัดนี้มาทำลายโค่นล้มต้นไม้วิเศษของเราเสียสิ้น เจ้าจำตัวได้หรือไม่ เชงฮองเม่งง้วยบอกว่าจำได้ ติ๋นหงวนต้ายเซียนจึงบอกว่า ถ้ากระนั้นเจ้าทั้งสองจงตามข้าไป แล้วสั่งพวกสานุศิษย์ทั้งหลายให้จัดแจงเกรียมเชือกไว้ คอยเมื่อข้าจับตัวมาได้จะได้ลงโทษ

ฝ่ายพวกสานุศิษย์ทั้งหลายรับคำสั่งของอาจาริย์แล้ว ก็พร้อมกันเหาะขึ้นบนอากาศหมายทิศปราจิณ จะไปตามจับหลวงจีนถังซัมจั๋ง เหาะมาบัดเดี๋ยวใจประมาณทางได้พันโยชน์ ติ๋นหงวนต้ายเซียนแลไปข้างหน้าฝ่ายทิศตวันตกก็ไม่เห็นหลวงจีนถังซัมจั๋ง กลับหันหน้ามาดูข้างทิศตวันออก เชงฮองชี้บอกว่าหลวงจีนถังซัมจั๋งอยู่ใต้ต้นไม้โน่นแน่ ต้ายเซียนแลเห็นแล้วก็สำรวมกิริยาแปลงกายเปนคนถือศีลเดินทาง แล้วก็ลดลงยังพื้นดินเข้ามาใกล้พระถังซัมจั๋งที่นั่งพักอยู่นั้น จึงยกมือคำนับหลวงจีนถังซัมจั๋งก็คำนับตอบ ติ๋นหงวนต้ายเซียนจึงถามว่าท่านอาจาริย์มาจากไหน

หลวงจีนถังซัมจั๋งตอบว่า อาตมภาพมาจากประเทศจีนจ้างทิศตวันออก ได้รับคำสั่งของพระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้ให้ไปมัชฌิมประเทศ อาราธนาพระไตรปิฎกธรรม ติ๋นหงวนต้ายเซียนทำเปนถามว่าท่านเดินมาได้แวะพักที่ภูเขาสำนักข้าพเจ้าหรือเปล่า

หลวงจีนถังซัมจั๋งจึงถามว่าสำนักของท่านอยู่ที่ไหนข้าพเจ้ายังไม่ทราบเรื่อง ติ๋นหงวนต้ายเซียนบอกว่าที่เขาบ้วนซีวซัวเหงาจึงกวนสำนักนั้นและ เปนที่อยู่แห่งข้าพเจ้า

เห้งเจียนั่งอยู่ข้างนั้นได้ฟังดังนั้นก็ชิงบอกว่า ข้าพเจ้าเดินมาตามทางใหญ่มิได้แวะที่ตำบลนั้น ติ๋นหงวนได้เซียนได้ฟังเห้งเจียบอกว่ามิได้แวะดังนั้น จึงชี้หน้าเห้งเจียว่าอ้ายสัตว์วานร พวกมึงไม่แวะก็คือใครเล่าแวะเข้าไปอาไศรย แล้วมิหนำขะโมยกินแล้วก็ทำลายหักโค่นต้นเสียด้วย แล้วแอบหนีมาในเวลากลางคืน ยังจะมีสำนวนเถียงเลี่ยงหลีกไปข้างไหนอีกเล่า เจ้าอย่าหนีไปจงทำให้ต้นยิ่นเซียมก๊วยของเราคืนเปนขึ้นจึงจะไปได้

เห้งเจียได้ฟังคำติ๋นหงวนต้ายเซียนพูดดังนั้น ก็โกรธดุจไฟกัลป์ ชักระบองตีติ๋นหงวนตายเซียน ติ๋นหงวนต้ายเซียนหลบทัน ก็เหาะขึ้นไปบนอากาศกลับเปนรูปเดิม

ฝ่ายเห้งเจียไล่ตามมาไม่รู้ผิดถูก ติ๋นหงวนต้ายเซียนเห็นได้ทีจึงเอาถุงวิเศษร่ายมนต์คว่างไป ถุงก็ขยายออกกว้างแล้วรวบรัดเอาหลวงจีนถังซัมจั๋งเห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งเข้าไว้ในถุงได้ทั้งสี่คน ทั้งม้าแลเข้าของก็เข้าอยู่ในถุงด้วยทั้งสิ้น ติ๋นหงวนต้ายเซียนก็เรียกถุงกลับมายังสำนัก ครั้นถึงก็ขึ้นบนน่าหอเรียกศิษย์ทั้งหลายมาพร้อมกันสั่งให้เอาถุงไปเทให้คอยระวังจับตัวทั้งสี่คน มัดผูกไว้ที่โคนต้นไม้ต้นละคน จูงม้าเข้าไปผูกข้างในเข้าของหาบก็ยกมาเก็บข้างใน ติ๋นหงวนต้ายเซียนบอกให้เอาเชือกหนังมาเฆี่ยนทั้งสี่คนแก้แค้นต้นไม้ยิ่นเซียมก๊วย พวกศิษย์จึงเอาเชือกมาจะเฆี่ยน แล้วถามอาจาริย์ว่าจะให้เฆี่ยนคนไหนก่อน

ติ๋นหงวนต้ายเซียนจึงสั่งให้เฆี่ยนหลวงจีนถังซัมจั๋งก่อน เพราะเปนอาจาริย์ไม่สั่งสอนศิษย์ให้เรียบร้อย เห้งเจียได้ฟังว่าจะเฆี่ยนอาจาริย์จึงร้องบอกว่า ท่านต้ายเซียนเฆี่ยนอาจาริย์ข้าพเจ้าก่อนนั้นผิดไป ขะโมยผลไม้กินแลหักโค่นต้นไม้ลงมานั้นข้าพเจ้าทำทั้งสิ้น จะต้องเฆี่ยนข้าพเจ้าก่อนจึงจะถูก เพราะข้าพเจ้าเปนต้นเหตุ

ติ๋นหงวนต้ายเซียนได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นก็หัวเราะพูดว่า อ้ายลิงนี้มันมีคำพลิกแพลง ถ้ากระนั้นจงเฆี่ยนมันเสียก่อน พวกศิษย์ถามว่าจะเฆี่ยนมันสักเท่าใด ต้ายเซียนว่าให้เฆี่ยนตามกำหนดผลไม้สามสิบที เซียนน้อยจึงยกไม้เรียวหนังจะหวดลง เห้งเจียแขม่วท้องร่ายคาถาแปลงขนแปลงเปนเหล็กสองแท่งรับที่ขา แล้วนิ่งให้เซียนน้อยเฆี่ยนกว่าจะครบสามสิบทีเวลานั้นก็จวนเย็น ต้ายเซียนจึงสั่งให้เฆี่ยนหลวงจีนถังซัมจั๋ง ข้อที่ไม่สั่งสอนสานุศิษย์ให้อยู่ในยุติธรรมจึงได้เกิดวุ่นวาย

เซียนน้อยก็ถือไม้เรียวหนังจะมาเฆี่ยนหลวงจีนถังซัมจั๋ง เห้งเจียจึงร้องบอกว่าท่านต้ายเซียนจะเฆี่ยนอาจาริย์ข้าพเจ้านั้นไม่ถูก ผลไม้นั้นข้าพเจ้ากินเอง อาจาริย์ข้าพเจ้าไม่รู้เห็นด้วย ท่านจะให้เฆี่ยนอาจาริย์ข้าพเจ้านั้นหาเปนยุติธรรมถูกต้องไม่ เหตุการเหล่านี้พวกข้าพเจ้าพี่น้องทำเอง แม้จะเฆี่ยนอาจาริย์ข้าพเจ้า ๆ เปนสานุศิษย์จะต้องขอรับโทษแทนอาจาริย์ ขอท่านจงเฆี่ยนข้าพเจ้าแทนอาจาริย์เถิด

ติ๋นหงวนต้ายเซียนจึงพูดว่าอ้ายลิงตัวนี้มันซุกซนก็จริง แต่มันมีความกะตัญญูต่อครูบาอาจาริย์ของมัน ถ้ากระนั้นก็ให้เฆี่ยนมันอิกสามสิบที เซียนน้อยก็มาเฆี่ยนเห้งเจียอิกสามสิบที เห้งเจียก็ยืนนิ่งให้เฆี่ยน ๆ สักเท่าใดก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไร

ดี๋นหงวนต้ายเซียนจึงสั่งให้เอาเชือกหนังแช่น้ำไว้พรุ่งนี้จึงจะเฆี่ยนใหม่ พวกศิษย์ทั้งหลายก็กลับไปยังห้องหลับนอน

ฝ่ายหลวงจีนถังซัมจั๋งมีความเสียใจโทมนัศคิดแค้นสานุศิษย์ทั้งสามไปก่อเหตุพาให้ต้องโทษทรมานอยู่อย่างนี้จะคิดทำประการใด

เห้งเจียได้ฟังพระอาจาริย์บ่นว่าดังนั้นจึงพูดว่าขอพระอาจาริย์อย่าได้ทุกข์โทมนัศเสียใจไปเลย เราคิดตรึกตรองหนีคงจะได้ พูดแล้วเห้งเจียก็ร่ายมนต์ให้ตัวเล็กลอดออกมาจากเชือกได้ แล้วเดินมาที่พระอาจาริย์บอกว่าไปเถิด จึงแก้มัดที่อาจาริย์แลโป๊ยก่ายซัวเจ๋งช่วยกันเก็บสิ่งของแลม้าพากันออกจากสำนักแล้ว เห้งเจียบอกโป๊ยก่ายให้เอาไม้สนถากสี่ท่อน โป๊ยก่ายทำแล้วเห้งเจียจึงเอาไม้สนสี่ท่อนนั้นไปไว้ที่มัดวางแห่งละท่อน ๆ แล้วเสกคาถาให้เห็นเปนรูปอาจาริย์แลเหงเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋ง เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งก็รีบออกเดินมิได้พักจนสว่าง หลวงจีนถังซัมจั๋งอยู่บนหลังม้าง่วงนอนสับปะหงก เห้งเจียเห็นดังนั้นจึงพูดว่าพระอาจาริย์เหนื่อยอ่อนไม่เปนปรกติ จงหยุดพักสักประเดี๋ยวก่อนจึงค่อยไป พูดดังนั้นแล้วอาจาริย์กับสานุศิษย์ก็พากันเข้านั่งพักอาไศรยอยู่ข้างทาง

ฝ่ายติ๋นหงวนต้ายเซียนครั้นรุ่งแจ้งแล้วก็ออกมาน่าหอ เรียกศิษย์สั่งว่าวันนี้เอาไม้เรียวเฆี่ยนหลวงจีนกับศิษย์ พวกศิษย์ได้ฟังอาจาริย์สั่งดังนั้น จึงเอาไม้เรียวมาแล้วบอกพระถังซัมจั๋งว่าเราจะเฆี่ยน ไม้รูปพระถังซัมจั๋งก็พูดว่าจะเฆี่ยนหรือ เซียนน้อยก็หวดพักหนึ่งสามสิบทีแล้วตรงมาที่โป๊ยก่ายซัวเจ๋งบอกว่าจะเฆี่ยน ไม้รูปแปลงวาจะเฆี่ยนหรือ เซียนน้อยก็เอาไม้เรียวหวดสามสิบที แล้วตรงมาที่เห้งเจียจะเฆี่ยน เห้งเจียว่าวานนี้ก็เฆี่ยนเราแล้วทำไมวันนี้จะเฆี่ยนเราอิกเล่า รูปคนที่ท่านเฆี่ยนเปนรูปไม้เราทำปลอมไว้ทั้งนั้น ว่าแล้วเห้งเจียก็คลายมนต์หนีไป รูปคนเหล่านั้นก็กลายเปนไม้ไปหมดทั้งสี่ท่อน

เซียนน้อยเห็นดังนั้นก็โยนไม้เรียวเสีย วิ่งไปบอกแก่อาจาริย์ว่าเมื่อตะกี้นี้ท่านให้เฆี่ยนนั้นเปนไม้สนทั้งสี่ท่อนมิใช่คนดอก ติ๋นหงวนใต้เซียนได้ฟังศิษย์พูดดังนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า อ้ายลิงตัวนี้มันดีจริงทำกลรูปไม้ไว้แทนแล้วตัวมันก็หนีไป เราจะไปตามจับมาให้จงได้ พูดแล้วก็เหาะขึ้นบนอากาศตามไปข้างทิศตวันตกขะเม่นมองไปข้างหน้า ก็พอแลเห็นหลวงจีนถังซัมจั๋งกับศิษย์ทั้งสามคนกำลังเดินไป ติ๋นหงวนใต้เซียนเห็นดังนั้น ก็รีบเหาะเข้ามาใกล้แล้วก็ลงยังพื้นพะสุธาร้องเรียกว่าเห้งเจียเจ้าจะหนีไปข้างไหนเจ้าจงใช้ยิ่นเซียมก๊วยให้เราเสียก่อน

โป๊ยก่ายได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่ามาพบกันเข้าอิกแล้ว เห้งเจียจึงพูดแก่พระอาจาริย์ว่า ท่านจงประพฤติทางอันชอบธรรม ข้าพเจ้าจะต่อสู้แก่เขาเองเพื่อจะได้พ้นความอันตราย

หลวงจีนถังซัมจั๋งได้ฟังดังนั้นก็ให้กลัวจนตัวสั่นพูดไม่ออก เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งทั้งสามคน ออกช่วยกันระดมตีติ้นหงวนต้ายเซียน ติ้นหงวนต้ายเซียนถือไม้แซ่ยุงปัดปัดป้องไปมาประมาณครึ่งชั่วโมง ติ้นหงวนต้ายเซียนจึงร่ายมนต์ปล่อยถุงให้กว้างออกล้อมจับอาจาริย์กับศิษย์ทั้งสามคน รวบเข้าอยู่ในถุงทั้งม้าแลเข้าของ ติ้นหงวนต้ายเซียนเรียกถุงมาแล้วก็รีบเหาะกลับมายังสำนัก ขึ้นบนหอน่าร่ายมนต์แก้ปากถุงเอาหลวงจีนถังซัมจั๋งออกผูกมัดไว้ที่โคนต้นไม้ข้างริมหอน่า โป๊ยก่ายซัวเจ๋งผูกไว้คนละข้าง เอาเห้งเจียมัดมือมัดเท้าทิ้งไว้ริมบันใด ติ้นหงวนต้ายเซียนสั่งศิษย์ให้เอาผ้าขาวมาสิบพับ เห้งเจียเห็นดังนั้นจึงพูดแก่โป๊ยก่ายว่า ตาติ้นหงวนต้ายเซียนนี้เห็นจะคิดเอาผ้าขาวมาห่อเราเปนแน่ พวกศิษย์ของติ้นหงวนต้ายเซียนก็ขนเอาผ้าขาวมากองไว้ตามสั่ง ต้ายเซียนจึงบอกให้เอาผ้าขาวพันหลวงจีนถังซัมจั๋งแลโป๊ยก่าย ซัวเจ๋งให้รอบตัวเหลือไว้แต่ศีศะ เห้งเจียเห็นดังนั้นจึงพูดว่า ติ้นหงวนต้ายเซียนวันนี้ทำตราสังใหญ่แล้ว ครั้นพวกศิษย์เอาผ้าขาวพันเสร็จแล้ว ต้ายเซียนบอกให้เอาน้ำรักมาทาให้ตลอดตัวไว้แต่ศีศะ ต้ายเซียนสั่งให้เอากระทะใหญ่มาตั้งเตาขึ้นแล้วเอาน้ำมันมาใส่ลงในกระทะ ก่อไฟให้ติดต้มน้ำมันให้ร้อนเดือด ครั้นน้ำมันเดือดแล้ว เซียนน้อยจึงบอกแก่อาจาริย์ว่า น้ำมันเดือดแล้ว ติ้นหงวนต้ายเซียนสั่งให้เอาเห้งเจียใส่กระทะ

เห้งเจียได้ยินดังนั้นก็ยินดีอยู่ในใจว่า ตัวเราตั้งแต่มาก็ยังมิได้อาบน้ำเลย เนื้อตัวมีแต่เหงื่อไคลมาก วันนี้ต้ายเซียนมีแก่ใจจะเอาเราอาบน้ำ เรามีความขอบใจมาก ๆ เห้งเจียยังวิตกอยู่ว่า ต้ายเซียนจะทำวิชาใช้น้ำมันเศกด้วยเวทมนต์คาถา คิดแล้วก็ขยับตัวใกล้บันใด เหลือบไปเห็นสิงห์โตหินอยู่บนแท่นตัวหนึ่ง เห้งเจียก็ร่ายคาถากัดปลายลิ้น เศกพ่นโลหิตเข้าไปที่ตัวสิงห์โตหินร้องเรียกให้สิงห์โตหินแปลงเปนรูปเห้งเจียแทนตัว เห้งเจียก็เหาะขึ้นไปอยู่บนอากาศ พวกศิษย์ของต้ายเซียนก็พากันมาสี่คนยกเห้งเจียปลอมก็ไม่ขึ้น เติมเข้าช่วยกันอีกสี่คนยกก็ไม่ขึ้น รวมสิบสองคนแล้วก็ยกไม่ขึ้น พวกเซียนพูดว่า อ้ายลิงนี้มันกบดานแล้วจึงยกไม่ขึ้น ต้ายเซียนเห็นดังนั้น จึงสั่งให้เข้าช่วยกันอีกยี่สิบคน ยกหามขึ้นทุ่มลงไปในกระทะน้ำมันดังเสียงตูม น้ำมันกำลังเดือดก็กระเด็นขึ้นกระจายถูกหน้าพวกเซียนทั้งหลายเหล่านั้น แสบร้อนทุก ๆ คนไป แล้วแลเข้าไปเห็นที่ก้นเตาไฟ ก็ยิ่งลุกขึ้นออกฮือโหมกระทะก็ทะลุก้นน้ำมันก็ไหลแห้งไปหมด เซียนทั้งหลายเดิมไม่รู้ว่าเปนสิงห์โตหินหมายว่าเห้งเจีย ครั้นโยนลงไปในกระทะก็กลายเปนสิงห์โตศิลาไปแล้วทะลุก้นกระทะลงไปอยู่ในเตาไฟ

ติ๋นหงวนต้ายเซียนเห็นดังนั้น ก็ยิ่งมีความโกรธจึงพูดว่า อ้ายลิงนี้ไม่มีดี หนีได้ก็ให้หนีไปยังมิหนำทำลายเตาไฟเสียด้วย ฤทธิ์เดชของมันมากราวกับจับลม จะต้องตั้งเตาใหม่ จับหลวงจีนถังซัมจั๋งใส่ต้มแก้แค้นแทนต้นยิ่นเซียมก๊วยที่ตายนั้น

เห้งเจียอยู่บนเมฆได้ยินติ๋นหงวนต้ายเซียนพูดดังนั้นก็ลงมายังพื้นเดินขึ้นไปยังหอน่าพนมมือคำนับต้ายเซียนแล้วพูดว่า ขอท่านติ๋นหงวนต้ายเซียนอย่าจับอาจาริย์ข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้ากลับมาแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าลงกระทะเถิด ติ๋นหงวนต้ายเซียนเห็นเห้งเจียมาพูดดังนั้นก็ด่าว่าอ้ายสัตว์เดรฉาน ทำไมมึงจึงได้แผลงฤทธิ์ทำลายเตาของกูให้เสียไปอย่างนี้

เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่า ท่านถามแล้วก็ต้องบอก ด้วยเวลานั้นข้าพเจ้าจวนจะผายลม ครั้นว่าจะผายลมในน้ำนั้นก็วิตกเกรงจะโสโครกแก่น้ำมันของท่านไป เพราะว่าบางทีจะได้เอาไว้ผัดผักฝักถั่วกินบ้างก็จะไม่บริสุทธิ์ บัดนี้ข้าพเจ้าไปอุจจาระเครื่องปฏิกูลออกแล้วจึงกลับมาจะขอลงกระทะ ขอท่านอย่าได้จับอาจาริย์ข้าพเจ้าใส่ลงกระทะเลย ติ๋นหงวนต้ายเซียนครั้นได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นแล้วก็หัวเราะ ผุดลุกจากเก้าอี้มาจับยึดเห้งเจียไว้

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ