- คำนำ (เล่ม ๑)
- แจ้งความ (เล่ม ๑)
- คำนำ (เล่ม ๒)
- แจ้งความ (เล่ม ๒)
- แจ้งความ (เล่ม ๓)
- คำนำ (เล่ม ๓)
- แจ้งความ (เล่ม ๔)
- คำนำ (เล่ม ๔)
- รูปภาพ
- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
๖๐
เห้งเจียว่าที่นี่งู่ม่ออ๋องเห็นจะทิ้งไฟไว้ สมมุติว่าเขาฮ้วยเอี้ยมซัวดอกกระมัง เจ้าเขาพูดว่าไม่ใช่ๆ ท่านใต้เซียหากยอมยกโทษให้แก่ข้าพเจ้า ๆ จะบอกตามตรง เห้งเจียว่าท่านมีโทษอะไรที่ไหนจงพูดเถิดอย่าวิตกเลย เจ้าเขาจึงพูดว่าอันไฟนี้เหตุเดิมนั้นท่านใต้เซียทิ้งเอง เห้งเจียได้ยินดังนั้นก็โกรธว่าทำไมจึงพูดเลอะเทอะดังนั้น เราหรือจะเปนคนทิ้งไฟ
เจ้าเขาว่าท่านเห็นจะจำข้าพเจ้าไม่ได้เสียแล้ว ที่ตำบลนี้เดิมไม่มีเขา เหตุเมื่อห้าร้อยปีก่อนนั้น ท่านทำจลาจลรบแก่เทพบุตรทั้งหลายบนสวรรค์ เวลานั้นท่านพรหมท้ายเสียงเล่ากุนเอาตัวท่านไปใส่ในเบ้าโป๊ยก่วยหลอม เวลาเปิดฝาท่านกระโดดขึ้นเหยียบปากเบ้า เตาล้มทลายอิฐเตาก็ตกลงสองสามก้อน ไฟติดลงมาจึงเกิดเปนภูเขาไฟอยู่บัดนี้ ข้าพเจ้าอยู่บนชั้นดุสิตเปนผู้รักษาเตา ท้ายเสียงเล่ากุนปรับโทษว่าข้าพเจ้าไม่ดูแล จึงปรับโทษให้ข้าพเจ้าลงมาเปนเจ้าเขาฮ้วยเอี้ยมซัว เห้งเจียว่าเดิมตัวก็เปนพวกเต้าสือแล้วมาเปลี่ยนแปลงเปนเจ้าเขา เห้งเจียเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างจึงพูดว่า ตัวพูดว่าตัวจะไปหางู่ม่ออ๋องทำไมหรือ
เจ้าเขาพูดว่า งู่ม่ออ๋องนั้นคือสามีของนางล่อซั่ว งู่ม่ออ๋องบัดนี้ก็ทิ้งนางไม่ได้ไปมานานแล้ว บัดนี้ไปอยู่ที่เขาเจ๊กลุ่ยซัวถ้ำม่อหุ้นต๋อง เดิมมีบ้านส่วยเห้าอ๋อง ครั้นเห้าอ๋องตายแล้ว ยังมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อเง็กมิ่นก๋งจู๊ยังไม่มีสามี ทรัพย์สมบัติเข้าของเงินทองมั่งคั่งไม่มีผู้ชายดูแล นางได้ยินว่างู่ม่ออ๋องมีฤทธาอานุภาพ ก็ยอมยกมรฎกให้งู่ม่ออ๋องตัวนางก็ยอมเปนภรรยา งู่ม่ออ๋องก็ทิ้งนางล่อซั่วเสียนานแล้วมิได้ไปมาหาสู่กัน แม้ใต้เซียไปหางู่ม่ออ๋องเชิญเธอมาพูดขอยืมจึงจะได้พัดมาดับไฟแล้วส่งอาจาริย์ข้ามพ้นไป ทั้งได้ดับไฟร้ายสัตว์ทั้งหลายจะได้รอดชีวิตร ทั้งตัวข้าพเจ้าก็จะได้พ้นโทษกลับไปสวรรค์ตามเดิม
เห้งเจียจึงถามว่า เขาเจ๊กลุ่ยซัวนั้นอยู่ที่ไหนทางนั้นประมาณไกลสักเท่าใด เจ้าเขาตอบว่าไปตรงทิศอาคะเนทางไกลประมาณสามพันโยชน์ เห้งเจียได้ฟังดังนั้นจึงสั่งให้โป๊ยก่ายซัวเจ๋งอยู่รักษาอาจาริย์ แลสั่งเจ้าเขาให้อยู่เปนเพื่อนด้วย สั่งแล้วเห้งเจียก็เหาะไปทางทิศอาคะเน เหาะไปประมาณครึ่งชั่วโมง แลไปข้างน่าเห็นมีภูเขาสูง เห้งเจียก็เหาะลงที่ยอดภูเขาสูง พิจารณาดูเขาแล้วก็เดินลงไปหาทาง พิเคราะห์ดูเงียบสงัดไม่มีวี่แววอะไร แลไปที่ใต้ต้นสน เห็นมีหญิงสาวสวยมายืนอยู่ที่ใต้ต้นสน มือถือธูปหอมเดินตรงมา เห้งเจียก็เข้าแอบซ่อนในซอกศิลาคอยพิจารณาดู หญิงนั้นก็เดินใกล้เข้ามา เห้งเจียจึงย่อตัวปราไสยถามว่าแม่นางจะไปข้างไหน หญิงนั้นเหลียวไปเห็นเห้งเจียก็ตกใจ ด้วยหน้าเห้งเจียผิดมนุษย์ ร่างกายนางสั่นรัวไปทั้งตัว แล้วแข็งใจถามว่านี่แกอยู่ที่ไหน จึงสามารถมาอยู่ที่นี่ประสงค์จะมาหาใคร
เห้งเจียแกล้งหลอกว่า ข้าพเจ้ามาจากเขาจุ๊ยหุ้นซัว ยังไม่เคยมาถึงที่ตำบลนี้ไม่รู้จักทางปราถนาจะใคร่ถามแม่นางว่า ที่นี่ใช่เขาเจ๊กลุ่ยซัวหรือมิใช่ หญิงนั้นตอบว่าที่นี่แลเขาเจ๊กลุ่ยซัวถูกแล้ว เห้งเจียถามต่อไปอิกว่า ถ้ำม่อหุ้นต๋องอยู่ข้างไหน หญิงนั้นจึงถามว่า จะไปหาถ้ำม่อหุ้นต๋องนั้นทำไม เห้งเจียตอบว่าข้าพเจ้าคืออยู่ที่เขาจุ๊ยหุ้นซัวถ้ำปอเจียวต๋อง นางล่อซั่วก๋งจู๊ใช้ให้มาเชิญงู่ม่ออ๋อง
หญิงนั้นเมื่อได้ฟังเห้งเจียบอกดังนั้น ให้บังเกิดโทสะจนใบหูออกแดง ก็ออกปากด่าว่าอีชาติค่ายังไม่รู้สึก งู่ม่ออ๋องตั้งแต่มาอยู่บ้านของเราสองปีมาแล้วก็ไม่เห็นฝากอะไรมาให้สักสิ่งหนึ่ง เอาไว้ใช้สรอยเองตามสบายใจ ยังจะกลับมาเชิญเอาไปทำไม เห้งเจียก็นึกรู้ว่าคือนางเง็กมิ่นก่งจู๊ ก็ชักตะบองเหล็กออกร้องตวาดว่า อีชาติชั่วมึงเอามรฎกเงินทองมาฬ่องู่ม่ออ๋องไว้ คือเอาเงินไปซื้อผัวเขามาไว้ไม่มีความอาย ยังจะว่าเขาไม่อายอิกเล่า หญิงนั้นตกใจวิ่งหนีหกล้มคุกคลานไป เห้งเจียก็ไล่ติดตามมา หญิงนั้นก็หนีข้ามดงมาถึงถ้ำม่อหุ้นต๋อง ถึงประตูก็กระโดดไปในถ้ำได้แล้วก็ปิดประตูแน่น เห้งเจียเห็นเช่นนั้นก็เอาตะบองซ่อนเสียแล้ว เดินพิจารณาดูรอบคอบ
ฝ่ายนางนั้นวิ่งหนีมาเหงื่อโซมตัวหอบแทบจะหายใจไม่ทัน นางก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือ ที่งู่ม่ออ๋องกำลังนั่งดูหนังสืออยู่ในห้องนั้น นางเข้าไปถึงก็ล้มเข้าในอกงู่ม่ออ๋องกลิ้งเกลือกร้องไห้ งู่ม่ออ๋องก็หัวเราะพูดว่า เจ้ามีทุกข์โทมนัศอย่างไรก็จงบอกมาให้พี่รู้ หญิงนั้นก็โลดเต้นทุ่มทิ้งกายปากก็ด่าว่าอ้ายมารระยำทำแก่กู งู่ม่ออ๋องหัวเราะแล้วถามว่าทำไมเจ้าจึงด่าพี่ดังนี้ นางพูดว่าเพราะเราไม่มีพ่อแม่แลพี่น้องที่พึ่ง จึงได้ไปหาตัวมารักษาป้องกันซึ่งชีวิตรเรา ชาวชนเขาลือว่าตัวเปนคนเก่งนี่เหมือนคนขี้ขลาดไม่สู้ใคร
งู่ม่ออ๋องเข้าประคองนางแล้วถามว่า พี่มีความผิดที่ข้อไหนจงแสดงให้เข้าใจบ้างพี่จะทำขวัญให้ นางจึงบอกว่าเมื่อตะกี้นี้ข้าเที่ยวเดินเก็บดอกไม้ที่ดงไม้สน มีคนหนึ่งหน้าขนรุงรังดุจรามสูรเดินมาคำนับทำให้ข้าพเจ้าตกใจ ก็ค่อยสกดใจถามว่ามาจากไหน เธอบอกว่านางล่อซั่วก๋งจู๊ให้เธอมาเชิญงู่ม่ออ๋อง ข้าพเจ้าว่าประชดเธอสองคำ เธอด่าว่าอยาบช้ากับเรา แล้วเอาตะบองไล่ตีเรา หากว่าเราวิ่งหนีทัน หาไม่ชีวิตรเราก็คงเปนอันตราย
งู่ม่ออ๋องได้ฟังดังนั้น ก็ปลอบโยนเอาใจนางเห็นนางค่อยคลายความอาดูลแล้ว งู่ม่ออ๋องจึงพูดว่า เจ้าอย่ามีความสงไสยพี่ไม่หลอกลวง ซึ่งที่ถ้ำปอเจียวต๋องนั้นเปนที่ศุขสำราญระงับเงียบไม่วุ่นวาย เมียพี่อยู่ที่นั่นก็รักษาตัวบวชเรียนแต่เล็ก จนสำเร็จเปนนางเซียนนึ้ง ที่นั้นมัทยัดเรียบร้อยในนั้นชั้นแต่เด็กชายน้อยก็ไม่มี ที่ไหนจะมีคนรูปร่างน่ากลัวดุจรามสูรนี้ให้มาเชิญ เราเห็นผิดปลาดนัก พี่คิคดูเห็นจะเปนปิศาจยักษ์ร้ายที่ไหนมาปลอมหลอกกระมัง บางทีจะคิดแอบแฝงมาไต่ถามอะไรเราบ้างดอกกระมังเปนแน่ พี่จะออกไปดู งู่ม่ออ๋องก็ออกจากห้องหนังสือเอาเครื่องเกราะสรวมใส่ตัวแล้ว มือก็ถือพลองเหล็กเดินออกไปร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า ใครที่ไหนจึงไม่มีความยำเกรงเราบ้างเลย
เห้งเจียแลไปเห็นผิดรูปร่างแต่ก่อน ด้วยนานนักกว่าห้าร้อยปีมาแล้ว เห้งเจียก็เข้ามาคำนับร้องขอรับด้วยเสียงอันดัง แล้วพูดว่าพี่เห็นจะจำน้องไม่ได้เสียแล้ว งู่ม่ออ๋องคำนับตอบแล้วถามว่า ซีเทียนใต้เซียมิใช่หรือ เห้งเจียรับว่าใช่นานแล้วมิได้มาคำนับ พึ่งมาถึงที่นี่ ถามหญิงคนหนึ่งจึงได้พบพี่มีความสมบุญยิ่งขึ้นกว่าเก่า งู่ม่ออ๋องตวาดว่าเจ้าอย่าพูดดีไป ข้าได้ยินว่าไปทำจลาจนรบพุ่งชิงไชยอยู่บนสวรรค์ ถูกพระยูไลยจับเอาเขาเง้าเห้งซัวทับไว้ ก็ได้รอดพ้นไภยไปตามรักษาพระถังซัมจั๋งไปไซทีอาราธนาพระธรรม ไปถึงถ้ำฮ้วยหุ้นต๋องจับเอาอั้งฮั้ยยี้บุตรเราไปฆ่าดังนั้น ความร้อนอันนี้ก็อยู่กับตัวเจ้าทำไมเจ้ากลับมาหาเราทำไม เห้งเจียเคารบแล้วพูดว่า พี่อย่าเพ่อเคืองข้าพเจ้าก่อน เวลาบุตรของพี่จับอาจาริย์ข้าพเจ้าไว้จะใคร่กินเนื้อ ข้าพเจ้าใกล้เธอไม่ได้ จึงได้ไปพึ่งพระกวนอิมชักนำให้บุตรท่านกลับใจ ไปถือตามสัมมาทิฐิได้เปนเสี้ยนใช้ท่งจื๊อ หากจะคิดดูความงามเจริญของพี่ยิ่งขึ้นทั้งความศุขก็บริบูรณ์ อย่างนี้จะมาถือโทษโกรธครึ่งข้าพเจ้าด้วยเหตุไร งู่ม่ออ๋องด่าว่าอ้ายลิงปากดีทำแก่บุตรเราแล้วมึงจะมาพูดแก้ให้กลายกลับเปนดีไปได้หรือ ยังมิหนำซ้ำมาไล่ตีเมียกูจนกระทั่งประตูบ้านนี่เปนอย่างไร เห้งเจียหัวเราะพูดว่า เพราะด้วยข้าพเจ้าจะกราบเท้าหาพี่ จึงได้กราบเท้าหญิงนั้นถามข่าวคราว ข้าพเจ้าก็หาได้ทราบว่าพี่สะไภ้ไม่ เพราะด้วยเธอด่าข้าพเจ้า จึงได้เกิดโทโสกระทำให้พี่สะไภ้ขัดใจ ข้อนั้นขอพี่ยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าเถิด งู่ม่ออ๋องพูดว่าถ้าดังนั้น เราเห็นแก่ที่ได้ผูกสมรรครักใคร่กันมาแต่เดิม เรายกโทษให้จงกลับไปเถิด เห้งเจียพูดว่า ซึ่งพี่ยกโทษให้ดังนี้ขอบพระคุณเปนที่สุด แต่ยังมีธุระอีกอย่างหนึ่งขอพี่ได้กรุณาช่วยด้วยสักครั้งหนึ่ง งู่ม่ออ๋องว่าอ้ายลิงยกโทษให้แล้วยังไม่รู้สึกยังพัวพันธ์แก่เราอีกจะให้ช่วยอะไรที่ไหนอีกเล่า
เห้งเจียเคารพแล้วพูดว่า อันความจริงข้าพเจ้าไม่กล้าหลอนหลอกพี่ดอก เหตุข้าพเจ้ารักษาพระอาจาริย์บัดนี้มาติดเขาฮ้วยเอี้ยมซัวไปไม่ได้ ได้ข่าวว่าพี่ล่อซั่วมีพัดวิเศษเล่มหนึ่งอาจดับไฟนั้นได้ อยากจะใคร่ขอยืมไปทำธุระเสร็จแล้วก็จะนำมากราบท้าวคืนให้ ข้าพเจ้าได้ไปถึงแล้วเธอไม่ยอมให้มา เพราะเหตุนี้จึงต้องมากราบท้าวพี่ขอพี่ได้โปรดช่วยไปขอยืมพัดนั้นดับไฟแล้วจะคืนให้ งู่ม่ออ๋องได้ฟังดังนั้นในใจดุจไฟลุกขึ้นทันที จึงด่าว่าเจ้าพูดแก้ตัวว่าไม่ผิดก็เจ้าไปหาเมียเรา ๆ ไม่ยอมให้เจ้าจึงมาไล่เมียน้อยของเราดังนี้ คำโบราณท่านย่อมว่าพี่น้องของเพื่อนไม่กล้าดูถูก เมียของเพื่อนจนเมียน้อยก็ไม่ควรกำจัด นี่เจ้ามาทำอย่างนี้ไม่เสียธรรมเนียมดอกหรือ งู่ม่ออ๋องว่าเจ้าจงมากินพลอลเสียสักทีก่อน เห้งเจียว่าอันความรบพุ่งต่อตีนั้นข้าพเจ้าไม่ต้องกลัว อันความจริงของข้าพเจ้าอยากแต่จะได้พัดวิเศษเท่านั้น ขอพี่ได้โปรดให้เถิด
งู่ม่ออ๋องพูดว่าเจ้าจงลองดูสักสามเพลงก่อน แม้ว่าชะนะเรา ๆ จะไปขอยืมพัดนั้นมาให้ แม้ว่าสู้เราไม่ได้เราตีตายก็เหมือนเราได้แก้แค้นที่เจ้าทำแก่ลูกเรา งู่ม่ออ๋องพูดดังนั้นแล้วก็จับพลองตีลงที่ศีศะเห้งเจีย ๆ ก็ยกตะบองขึ้นรับ ทั้งสองก็ออกกำลังต่อสู้กันไปมาได้ประมาณร้อยเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน โดยเวลานั้นยากที่จะถอยจะสู้ พอได้ยินเสียงร้องเรียกบนยอดเขาว่าท่านงู่ม่ออ๋อง นายข้าพเจ้าให้มาเชิญท่านไปให้ทันเวลาเข้าโต๊ะ งู่ม่ออ๋องได้ยินดังนั้นก็ยกพลองรับตะบองเห้งเจียไว้ แล้วพูดว่าอ้ายลิงมึงหยุดก่อนคอยเราจะไปกินเลี้ยงสักประเดี๋ยวแล้วจะกลับมารบแก่เจ้าอิกใหม่ พูดดังนั้นแล้วก็ชักพลองกลับเข้าถ้ำพูดแก่เมียว่า อ้ายหน้าขนรามสูรนั้นคือผู้ชายชื่อหงอคงถูกเราเอาพลองตีหนีไปแล้ว มันไม่กล้ากลับมาอิกจงวางใจเถิดอย่ากลัวมันเลย เราจะไปบ้านเพื่อนกินโต๊ะแล้วจะกลับมา งู่ม่ออ๋องก็เอาหมวกสรวมใส่เสร็จแล้ว ก็ออกจากประตูขึ้นขี่หลังสัตว์กิมเจง แล้วก็สั่งคนใช้ให้ระวังประตู งู่ม่ออ๋องก็เหาะไปยังทิศตวันออกเฉียงเหนือ เห้งเจียอยู่บนยอดเขาก็นึกในใจว่า งู่ม่ออ๋องจะมีเพื่อนอยู่ที่ไหนจะไปทางใดเราจะต้องตามไปดู คิดแล้วเห้งเจียก็แปลงกายเปนสายลมติดตามไปพร้อมกัน บัดเดี๋ยวก็ถึงภูเขาหนึ่งงู่ม่ออ๋องก็หายไปไม่เห็น เห้งเจียก็กลายกลับเปนรูปเดิมเข้าไปในเขาเที่ยวค้นหา อันภูเขานั้นน่าหนึ่งมีบึงใหญ่น้ำลึก ข้างบึงมีเสาศิลาข้างบนมีอักขระใหญ่หกตัวคือเขาล่วนเจี๊ยซัวบึงเพ๊งปอท้ำ เห้งเจียเห็นดังนั้นก็นึกใจใจว่า งู่ม่ออ๋องเห็นจะลงน้ำไปเปนแน่ ถ้าอยู่ในถ้ำคงจะเปนนาคหรือเต่าตะภาพน้ำจำเราจะลงไปดูให้รู้แน่ คิดดังนั้นแล้วก็ร่ายคาถาแปลงกายเปนเปี้ยวตัวหนึ่งกระโจนลงในน้ำจมลงไปก้นบึง แลไปก็เห็นสำนักสูงตระหง่านมีหอเรียงราย เห้งเจียก็คลานเข้าไปใกล้ประตู พิจารณาดูเห็นมีพวกมะโหรีพิณพาทย์ขับร้อง ที่บนหอนั้นงู่ม่ออ๋องนั่งอยู่กลาง สองข้างมีพวกนาคสามสี่นาค ข้างน่ามีนาคใหญ่นั่งอยู่สองข้างนั่งเรียงรายกันเปนลำดับ คือนาคลูกนาคหลานนาคยายนาคเมีย เห้งเจียก็คลานเข้าไปในประตู นาคใหญ่เห็นก็ร้องให้จับตัวเปี้ยวนั้นมา เปี้ยวแปลงก็พูดเปนภาษามะนุษย์ร้องว่าขอชีวิตรเถิด นาคใหญ่ถามว่าตัวอยู่ที่ไหนจึงสามารถมาถึงนี่ เจ้าจงรีบบอกมาโดยเร็วจึงจะยกโทษให้หาไม่จะฆ่าเสีย
เห้งเจียจึงตอบว่าขอท่านจงได้กรุณาข้าพเจ้าเปนสัตว์เล็กน้อย เดินขวางๆ รีๆ มาไม่รู้จักขนบธรรมเนียม จึงได้ล่วงเกินเข้ามาผิดพลั้งดังนี้ขอท่านได้โปรดเถิด ในที่ประชุมได้ฟังเปี้ยวพูดดังนั้นก็มีความสงสารจึงพร้อมกันพูดว่า ขอท่านได้ยกโทษปล่อยเปี้ยวน้อยไปเถิด เพราะมันไม่รู้ผิดแลชอบ นาคใหญ่ได้ฟังท่านทั้งหลายขอดังนั้น ก็สั่งให้ปล่อยเปี้ยวนั้นออกไปนอกประตู เห้งเจียเห็นเขาปล่อยแล้วก็ค่อย ๆ คลานออกมาจากประตูแลไปเห็นสัตว์กิมเจงของ งู่ม่ออ๋องผูกไว้ข้างนั้น ก็คิดอุบายขึ้นได้ทันที จึงแปลงกายกลับมาอย่างเดิม เข้าแก้เอาสัตว์กิมเจงนั้นจูงออกมาแล้ว เห้งเจียก็กระโดดขึ้นหลังจับบังเหียนชักให้ขึ้นพ้นน้ำแล้วเห้งเจียก็แปลงกายเปนงู่ม่ออ๋อง ขับกิมเจงเหาะขึ้นบนอากาศตรงมายังเขาจุ๊ยหุ้นซัวถ้ำปอเจียวต๋อง เห้งเจีย่ขี่กิมเจงเข้าใกล้ประตูถ้ำร้องเรียกให้เปิดประตูรับ พวกนางสาวใช้ก็เปิดประตูรับ แลเห็นเห้งเจียแปลงคิดว่างู่ม่ออ๋องนายของตัว ก็วิ่งเข้าไปบอกนางว่า บัดนี้ใต้อ๋องกลับมาแล้วอยู่นอกประตู นางล่อซั่วได้ฟังสาวใช้บอกดังนั้น ก็รีบใส่เสื้อแต่งตัวเดินออกมารับ เห้งเจียก็ลงจากกิมเจงให้คนดูเฝ้าไว้แล้ว ฝ่ายนางล่อซั่วก็หารู้ไม่สำคัญว่างู่ม่ออ๋องสามี จึงจับมือพากันเดินเข้าถ้ำ ครั้นถึงข้างในก็นั่งบนเก้าอี้ให้สาวใช้ยกน้ำร้อนน้ำชามารับประทาน ในถ้ำนั้นทุกคนเห็นนายของตัวมาก็พากันยินดี ครั้นกินน้ำร้อนน้ำชาสบายแล้วก็พูดจาปราไสยว่านานแล้วมิใด้มานางเปนศุขสะบายอยู่ดอกหรือ นางล่อซั่วตอบว่าใต้อ๋องมีบุญมากแลมีใจเอื้อเฟื้อที่มีใหม่ ทิ้งคว่างข้าพเจ้าเสียไม่เหลียวแลแต่วันนี้เหตุไฉนจึงมาได้
เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่า ข้าพเจ้าที่ไหนจะอาจทิ้งคว่าง เพราะนางเง็กมิ่นก๋งจู๊ได้ฝากแก่ข้าพเจ้า แลมีธุระกิจการมากเพื่อนฝูงไปมาเยี่ยมเยือนไม่มีเวลาว่าง เพราะฉนั้นช้าวันจึงมิได้มา ครั้นบัดนี้จัดธุระเสร็จแล้วจึงได้มาได้ เห้งเจียถามว่าได้ยินว่าหงอคงรักษาพระถังซำจั๋งจะไปไซที มาใกล้เขาฮ้วยเอี้ยมซัววิตกกลัวจะมาขอยืมพัดไป เราจึงรีบมาด้วยแค้นมันทำให้ลูกเราจากไป ถ้าหากมันมาที่นี่จงให้คนไปบอกเรา ๆ จะจับตัวมันฟันเสียสักหมื่นท่อนแก้ความเจ็บใจของเราทั้งสอง นางล่อซั่วได้ฟังดังนั้นก็ร้องไห้บอกว่า คำโบราณท่านย่อมว่า ชายไม่มีเมียทรัพย์ไม่มีเจ้าของ หญิงไม่มีผัวกายตัวไม่มีเจ้าของ ชีวิตรข้าพเจ้าเกือบจะวอดวาย ถูกอ้ายเห้งเจียมันมาทำร้ายเอา เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็ทำเปนโกรธด่าว่าอ้ายชาติลิงมันหนีไปเสียแล้วหรือ นางล่อซั่วบอกว่ามันยังไม่ทันจะข้ามไป วานนี้มาที่นี่เรียกข้าพเจ้าว่าพี่สะใภ้ มันพูดว่าใต้อ๋องกับมันเมื่อห้าร้อยปีก่อนนั้นได้ผูกสมรรคเปนมิตรสหายแก่มัน
เห้งเจียพูดว่าจริง นางล่อซั่วว่าข้าพเจ้าจะด่าว่ามันก็ไม่โต้ตอบ ข้าพเจ้าเอาพัดโบกมันทีหนึ่งไม่รู้ว่ามันปลิวไปถึงไหน แล้วกลับมาไม่รู้ว่ามันไปได้ยาวิเศษที่ไหนมาคุ้มห้ามลม มาร้องท้าถึงน่าประตูอิก ข้าพเจ้าก็เอาพัดโบกอิกมันก็ไม่หวั่นไหว ข้าพเจ้าเอาเกี่ยมฟันมันจึงได้เกิดรบกัน ข้าพเจ้าทานกำลังมันมิได้หนีเข้าถ้ำไม่รู้ว่ามันทำอย่างไรจึงเข้ามาอยู่ในท้องข้าพเจ้าได้ ทำให้ข้าพเจ้าได้ความเจ็บปวดสาหัศ ข้าพเจ้าเรียกมันอา ๆ สองคำขอร้องเอาพัดส่งให้มันไปมันจึงได้ไป
เห้งเจียได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ทำเปนโกรธเอามือทุบอกร้องว่ากรรม ๆ น่าเสียดายพัด ทำไมเจ้าจึงเอาของวิเศษให้มันไปเล่า จะทำร้อนใจให้เราแล้ว นางล่อซั่วหัวเราะแล้วพูดว่าใต้อ๋องอย่าเพ่อโกรธก่อน พัดที่ข้าพเจ้าให้ไปนั้น คือพัดปลอมเอาให้มันไป เห้งเจียถามว่าก็พัดจริงนั้นอยู่ที่ไหนเล่า นางล่อซั่วพูดว่าท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าเก็บรักษาไว้ดีแล้ว นางจึงเรียกสาวใช้ให้ยกกับเข้าแลสุรามาตั้งบนโต๊ะ แล้วนางรินสุรายกสองมือส่งให้เห้งเจียพูดว่าใต้อ๋อง ได้ขันหมากใหญ่เลี้ยงโต๊ะรื่นเริง ได้ที่ใหม่ขออย่าลืมซึ่งได้ผูกพันธ์กันแต่เก่าก่อน ขอได้ดื่มสุวาของข้าพเจ้าสักอึกหนึ่งเถิด
เห้งเจียไม่อาจรับก็หัวเราะ ถือถ้วยอยู่กับมือแล้วพูดว่านางกินก่อน เพราะเราไปจัดแจงนอกบ้านได้ทิ้งห่างมานานแล้ว ได้พึ่งเจ้าอยู่คุ้มครองบ้านเรือนเคหาจึงได้ปรกติ ขออาไศรยเวลานี้คำนับคุณของเจ้าจงดื่มก่อน นางรับแล้วกลับส่งยื่นคืนไปว่า คำโบราณย่อมว่า เมียนั้นคือความเสมอเรียบ ผัวนั้นเปนบิดาเลี้ยงร่างกาย ใต้อ๋องจะมาขอบคุณข้าพเจ้าทำไมต่างก็ส่งไปมาปราไสยกัน แล้วก็พากันเข้านั่งโต๊ะเห้งเจียไม่กล้ากินเนื้อสัตว์ กินแต่ผลไม้นั่งสนทนากันไปมา นางล่อซั่วรู้สึกเมาก็เกิดความกำหนัดเข้านั่งชิดเห้งเจียแอบอิงกระทำการยี่ยวนยั่วหยอกจับมือลูบคลำพูดจาเล้าโลมเคล้าคลึง เห้งเจียก็ผ่อนตามใจต่างก็อิงแอบแนบกายกัน
เห้งเจียเห็นท่านางเมาสุรามากแล้ว จึงแคะไค้ไต่ถามว่า เจ้าเอาพัดนั้นเก็บไว้ที่ไหนจงเก็บไว้ให้ดี วิตกด้วยเห้งเจียมันแปลงเปลี่ยนได้หลายประการจะมาหลอกลวงเอาไปได้ นางล่อซั่วหัวเราะแล้วสำรอกพัดออกมาจากปาก ดูสักเท่าใบมะม่วงอ่อน หยิบส่งให้เห้งเจียว่านี่มิใช่หรือพัดของวิเศษ เห้งเจียรับมากับมือแต่ไม่เชื่อ นึกในใจว่าของเท่านี้จะพัดอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะดับไฟได้กลัวจะเปนของปลอม นางล่อซั่วเห็นเห้งเจียพิเคราะห์ดูของนั้นเปนช้านานนางก็อดไม่ได้ เอาแก้มมาพิงที่หน้าเห้งเจียเรียกว่า พี่ ๆ เอาของนั้นเก็บเสียมากินสุราเถิด จะนั่งคิดตรึกตรองไปทำไมให้เสียเวลาเล่า
เห้งเจียพูดว่าของเล็ก ๆ เท่านี้ทำไมจึงดับไฟได้เปนแปดร้อยโยชน์ นางล่อซั่วเมาสุรามากสะติก็ฟั่นเฟือนจึงไขวิชาออกให้เห้งเจียฟังว่า ใต้อ๋องข้าพเจ้าห่างท่านได้สองปีเสศ เห็นใต้อ๋องไปอยู่กับนางเง็กมิ่นก๋งจู๊ทั้งกลางวันกลางคืนมิได้ห่างกัน จึงได้ฟั่นเฟือนของวิเศษอยู่กับบ้านจึงได้ลืมไปหมดดังนี้ คือของวิเศษนั้น ต้องเอานิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายจับก้านแล้ว ก็ร่ายอาคมว่า ไซ้ฮือคากิ๊มฮีเป่าไปก็ยาวออกกว่าสองศอก พัดก็เปลี่ยนแปลงไปได้ต่าง ๆ จะกลัวทำไมกับไฟแปดร้อยโยชน์โบกทีเดียวก็จะดับไปทั้งหมด
เห้งเจียได้ฟังดังนั้น ก็จำอาคมนั้นไว้จงเอาพัดนั้นอมไว้ในปากแล้ว เอามือเกาที่คางร่างกายกลับเปนรูปเดิม ร้องเรียกอีนางล่อซั่วมึงจำกูได้หรือไม่ มึงทำกลมายี่ยวนชวนสังวาศโดยความกำหนัดในการเสน่หาไม่มียางอายเท่าเส้นผม ใครจะชมเชยมึงได้เล่า นางล่อซั่วแลเห็นเห้งเจียก็เสียใจสิ้นสะติล้มลงกับฟื้นมีความอายอย่างที่สุด ร้องว่าฆ่าเราแล้ว ๆ เห้งเจียก็เดินออกจากถ้ำเหาะขึ้นบนเวหา ในเมื่อเหาะมานั้น ก็คายของวิเศษออกจากปากทำวิธีเอาหัวแม่มือซ้ายจับที่ก้านพัดร่ายอาคมว่าไซ้ฮือคากิ๊มฮี เป่าไปพัดก็ยาวออกหกศอก เห้งเจียพิจารณาดูโดยละเอียดเห็นว่าพัดเล่มปลอมกับพัดเล่มนี้ผิดกันมาก เล่มนี้ดูมีรัศมีเปล่งออกมาต่าง ๆ เห้งเจียได้แต่ทำให้ยาวใหญ่ อันจะทำให้เล็กนั้นหาได้ถามไม่ แล้วก็แบกพัดใส่บ่าลดลงยังพื้นดินเดินกลับมาทางเก่า
ฝ่ายงู่ม่ออ๋องครั้นกินโต๊ะเสร็จแล้ว ก็ลากลับออกมานอกประตูไม่เห็นสัตว์กิมเจง นาคใหญ่จึงให้ตรวจค้นว่าใครลักเอากิมเจงของใต้อ๋องไป พวกคนใช้คุกเข่าลงคำนับแล้วพูดว่า เมื่อเวลาเลี้ยงโต๊ะพวกข้าพเจ้าคอยรับใช้พร้อมกันไม่มีผู้ใดจะได้ออกมาข้างนอก เห็นแต่เปี้ยวตัวหนึ่งคลานเข้ามา หรือเปี้ยวตัวนั้นจะเปนคนแปลงมาลักสัตว์กิมเจงไปดอกกมัง
งู่ม่ออ๋องได้ฟังดังนั้นก็นึกขึ้นได้จึงพูดว่า ท่านทั้งหลายไม่ต้องร้อนใจข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว เมื่อกลางวันมีอ้ายลิงหงอคงมันรักษาพระถังซัมจั๋งไปไซที บัดนี้มาติดอยู่ที่เขาฮ้วยเอี้ยมซัว มันมาขอยืมพัดของเราจะเอาไปดับไฟ เราไม่ให้มันจึงได้เกิดรบพุ่งกันยังหาแพ้ชะนะกันไม่ เพื่อนก็ให้คนไปเชิญเรา ๆ จึงได้พูดผัดแก่มันว่า มากินโต๊ะแล้วจะกลับไปรบแก่มันใหม่ อ้ายลิงตัวนี้มันมีสติปัญญาสามารถนัก แปลงกายได้หลายประการ มันจึงตามมาลักเอากิมเจงไปฉนี้ คงจะย้อนไปหาภรรยาเราเพื่อจะหลอกลวงเอาพัดเปนแน่ พวกนาคได้ฟังดังนั้นพากันหวาดเสียวสะดุ้งกลัวตัวสั่นสะท้านไปทุกคนแล้ว ถามงู่ม่ออ๋องว่าที่ทำวุ่นวายบนสวรรค์คนนั้นหรือมิใช่ งู่ม่ออ๋องว่าคนนั้นและ จึงพูดแก่พวกนาคว่า ข้าพเจ้าจะขอลาไปก่อนว่าแล้วก็ออกจากประตูแซกน้ำขึ้นมา แล้วเหาะขึ้นบนเวหาตรงไปเขาจุ๊ยหุ้นซัวถ้ำปอเจียวต๋อง ครั้นถึงก็เข้าไปในถ้ำ ได้ยินนางล่อซั่วกำลังร้องไห้ตีอกชกศีศะคร่ำครวญอยู่ งู่ม่ออ๋องจึงร้องให้เปิดประตูแลไปเห็นสัตว์กิมเจงผูกอยู่ข้างประตู งู่ม่ออ๋องร้องถามด้วยเสียงอันดังว่า อ้างซึงหงอคงมันไปทางไหน
พวกสาวใช้เห็นงู่ม่ออ๋อง ต่างคนก็คุกเข่าลงคำนับว่าท่านใต้อ๋องมาแล้ว นางล่อซั่วเห็นงู่ม่ออ๋องมา ก็วิ่งเขามาเอาศีศะกะแทกกับอกงู่ม่ออ๋องร้องไห้ว่า อ้ายแก่ทำไมมาทำแก่เราดังนี้ ทำไมไม่ระไวระวังกิมเจงไว้ ให้อ้างลิงมันลักมาขี่แปลงปลอมเปนท่านมาหลอกลวงเราฉนี้ งู่ม่ออ๋องได้ฟังภรรยาบอกดังนั้น มีความแค้นหาที่สุดมิได้ จึงถามว่ามันไปข้างทิศไหน นางล่อซั่วว่าอ้ายลิงมันหลอกข้าพเจ้าได้แล้ว มันจะไปข้างทิศไหนข้าพเจ้าไม่ทราบ งู่ม่ออ๋องปลอบภรรยาว่าเจ้าอย่าเสียใจ พี่จะไปตามจับมันคืนเอาของวิเศษของเรามา แล้วจะถลกหนังสับฟันมันเสียสักหมื่นท่อน ลากเอาตับปอดออกมาแก้แค้นให้จงได้ แล้วสั่งให้เอาเครื่องแต่งตัวมาให้ คนใช้ว่าเครื่องอาวุธของท่านมิได้อยู่ที่นี่ งู่ม่ออ๋องว่าให้เกี่ยมของนางมาให้ยืมก่อน สาวใช้ก็เข้าไปเอาเกี่ยมสองอันออกมาส่งให้งู่ม่ออ๋อง ๆ แต่งตัวแล้ว มือถือเกี่ยมก็ออกจากประตูเหาะหมายเขาฮ้วยเอี้ยมซัว ก็พอมาทันเห้งเจียเข้า