๕๑

ฝ่ายเห้งเจียเวลานั้น รบกับต๊อกกั๊กปิศาจธานฤทธิ์ต๊อกกั๊กไม่ไหว ทั้งเสียตะบองเหล็กไปด้วย เห้งเจียสิ้นอาวุธก็ล่าหนีแอบข้างหลังเขากิมเง่ซัวนั่งร้องไห้คร่ำครวญ ถึงอาจาริย์ว่าเพระเหตุร้อนใจกับท่านปราถนาจะให้สำเร็จมักผล จึงได้อุสาหะมิได้คิดแก่ชีวิตร มาบัดนี้ก็สิ้นอาวุธเสียแล้ว จะทำประการใดจึงจะแก้อาจาริย์ออกมาได้เล่า เห้งเจียนั่งคร่ำครวญอยู่แต่ผู้เดียวแล้วนึกขึ้นมาได้ว่า อ้ายปิศาจร้ายนี้ มันพูดว่าจำเราได้เมื่ออยู่บนสวรรค์ ฉรอยจะเปนดาวร้ายบนสวรรค์จุติลงมาเปนแน่ จำเราจะขึ้นไปตรวจดูจึงจะดี คิดดังนั้นแล้วก็เหาะขึ้นไปยังชั้นดาวดึง เข้าไปข้างในปราสาทเล่งเซียวเต้ยแลเห็นเทพยดาองค์ใหญ่ คือหลินก๊าดเซียนกงหนึ่ง เค้าเซียงเอี้ยงหนึ่ง กูวั่งเจ่หนึ่ง แลซีใต้เซียนก็อยู่พร้อมกันยังน่าปราสาทแลเห็นเห้งเจียเดินเข้ามา ก็พร้อมกันมาคำนับรับกัน เห้งเจียยกมือขึ้นคำนับตอบแล้วหมู่เทพยดาผู้ใหญ่จึงถามเห้งเจียว่า ท่านใต้เซียมามีกิจธุระสิ่งใดหรือ

เห้งเจียตอบว่า ข้าพเจ้ามีธุระสำคัญจึงต้องขึ้นมา ขอท่านใต้เซียนโปรดนำความกราบทูลด้วย ซีใต้เซียนซือได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นจึงนำเห้งเจียเข้าเฝ้า เห้งเจียตามใต้เซียนเข้าไปแลเห็นเง็กเซียงฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์แล้ว ก็ย่อตัวลงทำความเคารพแล้ว จึงทูลว่าขอพระองค์ได้ทราบ ซึ่งข้าพเจ้าป้องกันรักษาพระถังซัมจั๋งไปไซที หนทางก็กันดารไกลมากความร้ายก็มากกว่าความดี แต่กระนั้นก็ไม่ต้องพรรณา มาบัดนี้พวกข้าพเจ้าเดินทางมาพบปิศาจร้ายออกสกัด จับเอาพระถังซัมจั๋งไปซ่อนไว้ในถ้ำ ข้าพเจ้าเที่ยวค้นหามาถึงยังประตูถ้ำ ปิศาจร้ายออกต่อสู้รบกัน มันมีฤทธานุภาพมาก เรียกเอาตะบองเหล็กของข้าพเจ้าไปได้แลปิศาจนั้นพูดว่าจำข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้ามีความสงไสยว่าจะเปนหมู่ดาวบนสวรรค์จุติลงไป เพราะฉนั้นข้าพเจ้าจึงมากราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ ขอพระองค์ให้ผู้รักษาการตรวจดู จะเปนดาวร้ายดวงใดลงไปแน่ ขอให้ยกพลเทพยดาลงไปกำจัดเสียให้สิ้นสัตว์บาป ข้าพเจ้าจะมีความขอบพระคุณหาที่เปรียบมิได้

ขณะที่เห้งเจียกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้อยู่นั้น มีเทพยดาก๊าดเซียนกงอยู่ที่นั่น จึงถามเห้งเจียว่า แต่ก่อน ๆ นั้นดูแข็งแรงทำไมบัดนี้จึงทำอ่อนน้อมเล่า เห้งเจียตอบว่าบัดนี้สิ้นอาวุธแล้วจะแขงแรงไปอย่างไรได้เล่า เง็กเซียงฮ่องเต้ได้ทรงฟังเห้งเจียกราบทูลร้องทุกข์ดังนั้น จึงรับสั่งให้เทพบุตรทั้งสองคือกัวหั้นซีหนึ่งตีเต๋าหนึ่งให้ออกไปตรวจดูให้รอบในชั้นดาวดึงว่า จะมีดาวดวงใดจุติลงไปบ้าง เทพบุตรทั้งสองได้ฟังรับสั่งดังนั้นก็ถวายบังคมลารีบออกไปตรวจรอบทั้งนอกในชั้นดาวดึงก็ไม่มีขาด ดาวประจำก็อยู่คงที่ทุก ๆ ดวง เทพบุตรทั้งสองก็กลับมาเฝ้ากราบทูลว่า ข้าพเจ้าทั้งสองได้ไปตรวจตามรับสั่งโดยละเอียด ก็ไม่มีดาวดวงใดขาดคงพร้อมอยู่ตามน่าที่ทุก ๆ ดาว ขอพระองค์ได้ทรงทราบ เง็กเซียงฮ่องเต้ ได้ทรงฟังกัวหั้นซีตีเต๋าเทพบุตรกราบทูลดังนั้น จึงตรัสแก่เห้งเจียว่าถ้ากระนั้นก็ให้เห้งเจียเลือกดูทหารเอกที่มีฝีมือเข้มแข็งคุมพลเทพบุตรลงไป กำจัดจับปิศาจร้ายเสียให้ได้

ฝ่ายซีใต้เทียนซือเทพบุตร เมื่อได้ฟังเง็กเซียงฮ่องเต้รับสั่งดังนั้นจึงออกมาจากปราสาทเล่งเซียวเต้ย บอกแก่เห้งเจียให้ทราบตามรับสั่ง เห้งเจียจึงพูดขึ้นว่า อันทหารเทพบุตรนั้นเดิมข้าพเจ้าขึ้นมารบ ก็ไม่เห็นเทวะดาองคใดจะดีกว่าข้าพเจ้า ส่วนปิศาจมีฝีมือเข้มแขงทั้งฤทธิเดชก็มากที่ไหนจะเอาไชยชำนะได้ เทพบุตรเค้าเซียงเอี้ยงพูดแก่เห้งเจียว่าอันเวลาการนั้นผิดกัน มีรับสั่งมาดังนี้แล้วไม่ควรขัดขืน ตามแต่พอใจของท่านจะเลือกเอา ควรท่านผู้ใดจะต่อสู้ได้จะได้ยกลงไปช่วยปราบปราม

เห้งเจียพูดว่า ถ้าดังนั้นท่านช่วยโปรดกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ให้ทรงทราบว่า ข้าพเจ้าจะขอท่านถักทะลีทีอ๋องแลโลเฉียท้ายจื๊อ เพราะเธอมีอาวุธหกอย่างอาจปราบปิศาจยักษ์มารได้ ท่านทั้งสองนี้ยกพลลงไปบางทีจะจับปิศาจได้ เทียนซือเทพบุตรได้ฟังดังนั้น ก็นำความเข้าไปกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ ๆ ได้ทรงฟังดังนั้น จึงรับสั่งให้ถักทะลีทีอ๋องกับโลเฉียท้ายจื้อคุมพลเทพบุตรลงไปช่วยเห้งเจีย ถักทะลีทีอ๋องครั้นได้ฟังรับสั่งดังนั้น ก็คำนับลาออกมาจัดแจงเกณฑ์พลพร้อมกับเห้งเจีย ๆ จึงบอกแก่เทียนซือว่า ข้าพเจ้ายังมีธุระอีกอย่างหนึ่ง อยากจะได้พวกรามสูรไปช่วย ถ้าเวลารบกันจะให้รามสูรคอยอยู่บนอากาศผ่าลงศีศะปิศาจให้ตายอย่างนี้จึงดี เทียนซือได้ฟังดังนั้นก็กลับเข้าไปกราบทูลเง็กเซียงฮ่องเต้ ๆ จึงมีรับสั่งให้บอกรามสูรยกมาสมทบ ครั้นพร้อมเสร็จแล้วก็พากันยกออกจากประตูน่ำทีหมึง ถักทะลีทีอ๋องก็ขับพลมายังเขากิมเง่ซัวรอทัพอยู่บนอากาศ

เห้งเจียพูดว่า ท่านทั้งหลายคิดดูว่าท่านผู้ใดจะเข้าไปต่อสู้ก่อน ถักทะลีทีอ๋องพูดว่า จะต้องให้โลเฉียบุตรข้าพเจ้าเข้าไปรบก่อน เพราะเธอมีอาวุธวิเศษสำหรับปราบปิศาจ จะต้องให้เธอออกก่อน เห้งเจียว่าถ้ากระนั้น ข้าพเจ้าจะนำท้ายจื๊อไปร้องท้าทายให้มันออกรบ โลเฉียก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้วพร้อมกับเห้งเจียเดินมาน่าถ้ำ แลไปก็เห็นปิดประตูไว้แน่นหนา เห้งเจียเห็นดังนั้นก็ร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า อ้ายปิศาจร้ายมึงจงรีบเปิดประตูส่งอาจาริย์ของกูออกมาโดยเร็ว

ฝ่ายพวกปิศาจที่เฝ้าประตูได้เห็นดังนั้น จึงรีบเข้าไปบอกนายว่า บัดนี้เห้งเจียพาเด็กหนุ่มที่ไหนมาท้าชวนรบอยู่น่าประตูถ้ำขอใต้อ๋องได้ทราบ ปิศาจต๊อกกั๊กได้ทราบดังนั้น ก็จับทวนรีบเดินออกมาดู แลไปเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างสง่างาม ปิศาจก็หัวเราะแล้วพูดว่า นี่เจ้าเปนบุตรของถักทะลีทีอ๋องคือโลเฉียหรือ เหตุใดจึงมายังน่าประตูถ้ำของเราแล้วยังทำฮึกฮักดังนี้ โลเฉียพูดว่าเพราะมึงอ้ายมารร้ายคิดทำลายพระถังซัมจั๋ง มีรับสั่งเง็กเซียงฮ่องเต้ให้เรามาจับตัวเจ้า ๆ ยังไม่รู้ศึกหรือ ต๊อกกั๊กได้ฟังดังนั้นก็โกรธพูดว่า นี่เจ้าเห็นจะเปนเห้งเจียไปเชิญมาหรือ เราคือเปนตัวมารของพระถังซัมจั๋งเจ้าจงเร่งรู้เถิด จงคิดดูให้ดีเจ้าเปนทารกเด็กเล็กน้อยจะมีฝีมือสักเพียงไร ต๊อกกั๊กพูดดังนั้นแล้วก็ยกทวนแทงโลเฉีย โลเฉียก็เอาเกี่ยมวิเศษขึ้นรับไว้ ต่างต่อสู้กันไปมาโดยสามารถ เห้งเจียเห็นดังนั้น จึงเรียกพวกรามสูร ๆ ก็ขึ้นบนอากาศคอยได้ถ้าก็จะผ่าปิศาจ เห็นโลเฉียกำลังแผลงฤทธิ์แปลงเปนสามเศียรหกกรมือถืออาวุธหกอย่าง เข้าโจมตีปิศาจอยู่

ฝ่ายปิศาจเห็นดังนั้น ก็แปลงเปนสามเศียรหกกร มือถือทวนหกเล่มยกขึ้น รับ โลเฉียก็สำแดงวิธีอาวุธหกอย่าง คอเกี่ยมหนึ่ง ดาบหนึ่ง เชือกวิเศษหนึ่ง ตะบองวิเศษหนึ่ง จักรไฟหนึ่ง ตะกร้อวิเศษหนึ่ง ของหกอย่างนี้อาจปราบปิศาจยักษ์ร้ายได้ โลเฉียร้องด้วยเสียงอันดังว่าให้แปลง ของวิเศษหกอย่างก็แปลงออกตั้งหมื่นแสนดุจเม็ดฝนตกลงมาจากอากาศฟาดฟันปิศาจยักษ์ ปิศาจต๊อกกั๊กแลเห็นดังนั้น ก็มิได้มีความสดุ้งหวาดหวั่น จึงชักห่วงวิเศษออกขว้างไปบนอากาศร้องว่าเก็บ ของวิเศษห่วงนั้นก็เก็บของวิเศษเหล่านั้นเข้ามาได้ทั้งสิ้น ต๊อกกั๊กก็เรียกห่วงกลับคืน โลเฉียเห็นดังนั้นก็ตกใจล่าหนีกลับมายังที่ ฝ่ายปิศาจได้ไชยชะนะก็กลับไปยังถ้ำ

ฝ่ายเทพบุตรรามสูญทั้งสอง เห็นโลเฉียล่าหนีกลับมาก็มาบอกว่า เห็นท่านแผลงฤทธิ์แผ่อำนาจอยู่ ข้าพเจ้าทั้งสองไม่อาจคว่างขวานลงไป บัดนี้ปิศาจมันเอาของวิเศษไปหมดแล้ว ท่านจะคิดประการใดต่อไป เห็นจะต้อง กลับไปหาท่านแม่ทัพก่อน พูดกันดังนั้นแล้วก็พร้อมกันทั้งโลเฉียมมาหาถักทะลีทีอ๋อง บอกว่าปิศาจนั้นมันมีอิทธิฤทธิ์มากจะเอาไชยชะนะมันมิได้

เห้งเจียว่า มันมีอานุภาพร้ายแรงที่ห่วงไม่รู้ว่าห่วงนั้นเปนของวิเศษอย่างไร มันโยนขึ้นก็รวบเอาของๆ เราไว้ได้ทั้งสิ้น ถักทะลีทีอ๋องได้ฟังดังนั้น จึงพูดว่าถ้ากระนั้นจะทำอย่างไรจึงจะปราบได้ เห้งเจียว่าตามแต่ท่านทั้งหลายจะคิดอ่านเหตุสำคัญที่ห่วง แม้ว่าสิ่งใดมันเรียกเอาไปไม่ได้แล้ว ก็คงจะจับตัวมันได้ ถักทะลีทีอ๋องพูดว่า สิ่งที่มันจะเรียกไปไม่ได้ก็มีอยู่แต่ไฟกับน้ำ ด้วยคำโบราณท่านย่อมว่าไฟกับน้ำไม่มีวิญญาณ

เห้งเจียพูดว่า ท่านคิดดังนั้นเห็นจะถูกต้องท่านคอยอยู่ที่นี่ข้าพเจ้าจะรีบไปบนสวรรค์ ไปเชิญพระเพลิงมาช่วยปล่อยไฟให้เผาปิศาจยักษ์ บางทีจะพลอยเผาถุงนั้นได้ด้วย ลองดูอิกสักครั้งหนึ่งบางทีจะเอาของวิเศษของเรากลับคืนได้ ท่านทั้งหลายก็จะได้พากันกลับไปสวรรค์ แลจะได้แก้พระอาจาริย์ให้พ้นไภยได้ โลเฉียได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีแล้วพูดว่า ถ้ากระนั้นท่านใต้เซียจงรีบไปรีบมา เห้งเจียก็เหาะขึ้นมาบนอากาศไปยังประตูสวรรค์น่ำทีหมึง ครั้นถึงก็เดินตัดไปยังตำหนักแพฮวยเกง ครั้นถึงหน้าตำหนักพระเพลิง (ฮ้วยเต๊กแชกุน) แลเห็นเห้งเจียมาก็จัดแจงแต่งตัวออกมารับคำนับ พระเพลิงจึงพูดว่า เมื่อวานนี้ท่านกัวหั้นซีมาตรวจถึงตำหนักนี้ก็ไม่มีผู้ใดจุติลงไป

เห้งเจียพูดว่า ข้าพเจ้าทราบแล้ว บัดนี้ท่านถักทะลีทีอ๋อง กับบุตรชายโลเฉีย ยกพลเทพยดาลงไปก็ปะราไชยพ่ายแพ้ เสียของวิเศษปิศาจเก็บเอาไปหมดสิ้น เพราะฉนั้นข้าพเจ้าจึงต้องมาเชิญท่านให้ลงไปช่วย เพราะปิศาจมันมีห่วงวิเศษอาจเรียกของอื่น ๆ ไปได้ทั้งสิ้น ก็หารู้ว่าจะเปนของวิเศษอะไรไม่ ท่านถักทะลีทีอ๋องเห็นว่าไฟเปนของเผาสิ่งอื่น ๆ ได้ แต่ที่เรียกไปนั้นไม่ได้ เพราะฉนั้นจึงให้ข้าพเจ้ามาเชิญท่านแชกุนลงไปปล่อยไฟเผาปิศาจยักษ์เสียให้สิ้น จะได้ช่วยพระอาจาริย์ข้าพเจ้าออกให้พ้นไภย

พระเพลิง ครั้นได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นก็รีบจัดพวกบริวารไฟพร้อมด้วยเห้งเจียออกจากประตูน่ำทีหมึง เหาะลงมายังเขากิมเง่ซัวครั้นถึงก็มาพบแก่ท่านแม่ทัพถักทะลีทีอ๋อง แลโลเฉียรามสูรต่างก็คำนับกันแล้ว ถักทะลีทีอ๋องบอกแก่เห้งเจียว่าให้ไปท้าชวนรบล่อปิศาจออกมา ข้าพเจ้าจะเข้ารบดูก่อน แม้ได้ทีก็ให้ฮ้วยเต๊กแชกุนปล่อยไฟออกเผามัน เห้งเจียก็ไปยังประตูถ้ำร้องท้าด้วยเสียงอันดัง ปิศาจต๊อกกั๊กได้ยินก็พาพวกบริวารถืออาวุธออกมา เห็นเห้งเจียก็ด่าว่าอ้ายชาติลิง มึงไปหากองทัพที่ไหนมาอิกหรือ

ถักทะลีทีอ๋องร้องตวาดว่าอ้ายพวกมารร้าย มึงจำกูไมได้หรือต๊อกกั๊กปิศาจได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า ท่านถักทะลีทีอ๋องจะแก้แค้นให้บุตรชายหรือ แลจะใคร่ได้เอาอาวุธวิเศษคืนดอกกระมัง ถักทะลีทีอ๋องตอบว่า ข้อหนึ่งเราจะแก้แค้นเอาของวิเศษคืน ข้อสองเราจะจับตัวเจ้าแก้พระถังซัมจั๋งออก ว่าแล้วก็ยกง้าวขึ้นฟัน ปิศาจต๊อกกั๊กก็ยกทวนขึ้นรับ รบกันด้วยกำลังอันเข้มแข็ง ต่อสู้กันอยู่ที่น่าถ้ำ เห้งเจียจึงร้องให้ ฮ้วยเต๊กแชกุนปล่อยไฟพวกพระเพลิงก็จัดไฟพร้อมกัน

ฝ่ายถักทะลีทีอ๋อง กำลังรบเห็นปิศาจชักถุงออก ถักทะลีทีอ๋องถอยกระโดดหนี พวกอัคคีอยู่บนยอดภูเขาสูงก็ปล่อยไฟลงมาเผาปิศาจ ต๊อกกั๊กปิศาจแลเห็นไฟลุกโหมมาก็มิได้มีความหวั่นหวาด มือก็หยิบเอาถุงคว่างไปบนอากาศเสียงเปรี้ยง ไฟต่าง ๆ เหล่านั้นถุงก็หอบเอาไปทั้งสิ้น ปิศาจมีไชยชำนะแล้วก็กลับเข้าไปยังถ้ำ

ฝ่ายฮวยเต๊กแชกุนเมื่อปล่อยไฟไปก็หาทำอะไรแก่ปิศาจได้ไม่ จึงพาพวกพ้องบริวารกลับมาพร้อมกันอยู่ที่ยอดเขากิมเง่ซัว ถักทะลีทีอ๋องจึงพูดแก่เห้งเจียว่า บัดนี้เราก็เสียทีมันรวบเอาไฟไปได้แล้วเราจะทำประการใดดี เห้งเจียพูดว่าจะมาคร่ำครวญวิตกทำไม เสียไฟไปแล้วก็จะต้องเอาน้ำมาทำลายให้จงได้ ท่านทั้งหลายจงพักคอยข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะไปเชิญจุ๊ยเต๊กแชกุนมาทำน้ำท่วมมันจึงจะเอาไชยชะนะได้ สิ่งของนี้เราเสียคงจะได้คืน ว่าแล้วเห้งเจียก็เหาะขึ้นบนเวหาตรงไปยังประตูสวรรค์ปักทีหมึงทิศอุดร เข้าไปในตำหนักเจี๊ยวห้าวเกง

ฝ่ายจุ๊ยเต๊กแชกุนเห็นเห้งเจียเดินเข้ามา ก็ออกไปเชิญเข้ามาข้างในนั่งที่อันสมควรแล้ว จุ๊ยเต๊กแชกุนพูดว่าวันก่อนท่านกวหั้นซีมาตรวจวิตกในพวกข้าพเจ้านี้ว่าจะจุติลงไปบ้าง ท่านมิได้ไปตรวจในท้องพระมหาสมุท จะเปนปิศาจยักษ์ร้ายอะไรที่ไหน เห้งเจียพูดว่าอันปิศาจนั้นก็หาใช่อยู่ในท้องพระมหาสมุทไม่ ข้าพเจ้าได้ไปเชิญฮ้วยเต๊กแชกุนลงไปช่วยปล่อยไฟเผามัน มันก็เอาถุงคว่างขึ้นเรียกไฟเข้าถุงไปสิ้น ข้าพเจ้าคิดว่าของสิ่งที่ไม่กลัวไฟคงจะแพ้น้ำ เพราะฉนั้นข้าพเจ้ามาเชิญท่านลงไปปล่อยน้ำท่วมปิศาจให้ตาย ช่วยอาจาริย์ข้าพเจ้าออกให้พ้นไภย

จุ๊ยเต๊กแชกุนได้ฟังดังนั้นก็รีบรวมบริวารน้ำพร้อมเสร็จแล้ว ก็ออกจากตำหนักพร้อมด้วยเห้งเจียเหาะไปยังเขากิมเง่ซัว เห้งเจียถามจุ๊ยเต๊กแชกุนว่าท่านจะเอาอะไรใส่น้ำ จุ๊ยเต๊กแชกุนจึงล้วงเอาขวดเล็กออกจากมือเสื้อขวดหนึ่ง แล้วบอกว่านี่แลข้าพเจ้าใส่น้ำ เห้งเจียถามว่าขวดเล็ก ๆ เท่านี้จะใส่น้ำได้สักเท่าใด จุ๊ยเต๊กแชกุนตอบว่าน้ำในลำแม่น้ำอึงฮ้อนั้นจะใส่ครึ่งลำแม่น้ำ ถ้าเต็มขวดก็หมดทั้งแม่น้ำ เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็ดีใจพูดว่าครึ่งขวดก็ดีแล้ว

ฝ่ายจุ๊ยเต๊กแชกุนออกจากสวรรค์ ก็เอาขวดวิเศษตักน้ำในลำแม่น้ำอึงฮ้อครึ่งขวดแล้วก็ตามเห้งเจียมา ครั้นถึงเขากิมเง่ซัวก็เข้าคำนับถักทะลีทีอ๋องหมู่เทพยดา ก็เล่าการที่รบสู้ให้จุ๊ยเต๊กแชกุนฟังทุกประการ เห้งเจียพูดว่าอย่าพูดให้ช้าไป ขอท่านได้ตามข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าจะเรียกพวกปิศาจให้เปิดประตูท่านไม่ต้องรอให้มันออก แม้เห็นมันเปิดประตูจงเทน้ำตรอกเข้าไปในถ้ำให้ท่วมทั้งถ้ำ มันตายหมดแล้วข้าพเจ้าจะได้รับอาจาริย์ออกต่อภายหลัง จุ๊ยเต๊กแชกุนกับเห้งเจียก็พร้อมกันไปที่น่าถ้ำเห้งเจียเรียกว่า อ้ายพวกมารร้ายมึงเร่งเปิดประตูออกมา

ต๊อกกั๊กได้ยินดังนั้นก็หยิบถุงวิเศษกระโดดออกมาเปิดประตู จุ๊ยเต๊กแชกุนก็เอาขวดน้ำวิเศษเทตรอกเข้าไปในถ้ำ น้ำก็ไหลอู้เข้าไป ต๊อกกั๊กเห็นดังนั้น ก็เอาถุงส่องตรงสายน้ำ ๆ ก็ไหลย้อนกลับออกไปปากถ้ำ เห้งเจียจุ๊ยเต๊กแชกุนเห็นดังนั้นก็ตกใจกระโดดถอยหนีขึ้นยอดเขา ฝ่ายถักทะลีทีอ๋องกับหมู่เทวดาก็เหาะขึ้นกลางอากาศคอยดูเห็นน้ำไหลเปนคลื่นละลอกซัดออกฉาดฉาน เห้งเจียเห็นดังนั้นก็ร้องว่าไม่เปนการ น้ำท่วมไร่นาชาวบ้านเสียไปหมด ปิศาจก็สบายอยู่ไม่ร้อนใจไม่รู้ที่ว่าจะทำประการใดได้ จึงบอกจุ๊ยเต๊กแชกุนให้เรียกน้ำกลับคืน จุ๊ยเต๊กแชกุนว่าข้าพเจ้าทำได้แต่ปล่อยจะเรียกคืนกลับทำไม่ได้ (คำโบราณว่าน้ำเทแล้วกลับคืนเข้าไม่ได้) อันเขานั้นแม้จะสูงถ้าน้ำท่วมเขาขึ้นเขานั้นก็ต่ำลง สักประเดี๋ยวน้ำก็ไหลลงคลองหมด แลเห็นที่น่าถ้ำมีปิศาจกระโดดโลดเต้นตบมือเยาะเย้ย ถักทะลีทีอ๋องพูดว่าน้ำก็ไม่เข้าไปในถ้ำได้เสียเวลาเปล่า ๆ ไม่เปนผล เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็ละอายแก่ใจ กำหมัดวิ่งมาร้องว่าอ้ายมารร้ายมึงอย่าหนีกูกูจะตีมึงให้ตาย

ปิศาจบริวารเหล่านั้นก็พากันวิ่งหนีเข้าถ้ำ ไปบอกแก่ต๊อกกั๊กว่าอ้ายลิงมันไล่ตีมาอีกแล้ว ต๊อกกั๊กได้ยินดังนั้นก็ฉวยทวนวิ่งออกมาตวาดด้วยเสียงอันดังว่า อ้ายนี่มึงแพ้หลายครั้งแล้วยังจะเอาชีวิตรมาทำลายเสียอีกหรือ เห้งเจียว่าอ้ายลูกน้อยมึงอย่าพูดโอหังมึงจงมากินหมัดตาสักทีหนึ่งเถิด ต๊อกกั๊กได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า อ้ายลิงมันอุส่าห์มาต่อสู้ มันมือเปล่ากำหมัดมวยใหญ่เสมอเมล็ดชมภู่ทำไมมันจึงมาอวดเก่ง พูดดังนั้นแล้วก็ร้องว่าเราจะวางทวนเสียเอามือเปล่า ลองเล่นมวยกับเจ้าสักพักหนึ่งให้เห็นฝีมือ ว่าแล้วก็วางทวน มือก็ถกกางเกงขึ้นผูกเชือกเอวแน่นดีแล้ว ก็ออกท่าตรงเข้ามายกกำหมัดขึ้นดุจลูกตุ้มเหล็ก เห้งเจียก็ขยับท่าคอยระวังทอได้ทีก็เข้าประจันบานต่างออกกำลังโดยเข้มแขงด้วยกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายถักทะลีทีอ๋องโลเฉียหมู่เทพยดาอยู่บนยอดเขา แลเห็นก็ลงมาจะเข้าช่วยเห้งเจีย

ฝ่ายพวกปิศาจต่างก็ถือทวนหอกดาบอาวุธต่าง ๆ เต้นลำโห่ร้องตีกลองม้าฬ่อกึกก้องสนั่นหวั่นไหว พากันเข้าล้อมเห้งเจีย ๆ เห็นไม่ได้ท่าก็ถอนขนออกกำมือหนึ่ง คว่างไปบนอากาศร้องว่าแปลงก็แปลงเปนลิงน้อยห้าหกสิบตัวตรูกันเข้าล้อมจับต๊อกกั๊กบ้างเข้าจับแข้งจับขากอดบั้นเอวบ้างก็ควักลูกตา ปิศาจตกใจจึงควักถุงวิเศษออก เห้งเจียถักทะลทีอ๋องกับเทวะดาทั้งหลายเห็นปิศาจชักเอาถุงวิเศษออกก็พากันล่าถอยหนีออกขึ้นภูเขา ปิศาจคว่างถุงวิเศษไปเสียงเปลี้ยงก็รวบเก็บลิงแปลงนั้นเข้าถุงทั้งสิ้น ปิศาจมีไชยชำนะแล้วก็พาบริวารเข้าถ้ำปิดประตู

ฝ่ายเห้งเจียถักทะลีทีอ๋องกับเทวดาทั้งหลายนั่งปฤกษากันว่า อ้ายปิศาจมารร้าย มันมีฤทธิ์ที่ถุงนั้นยากที่จะกำจัดได้ ฮ้วยเต๊กกับจุ๊ยเต๊กพูดว่า ถ้าได้ถุงวิเศษมาแล้วจึงจะปราบลงไปได้ เห้งเจียพูดว่า ทำอย่างไรจึงได้ถุงวิเศษของมันเล่า นอกจากจะขะโมยเปนไม่ได้ เทพบุตรทั้งหลายพูดว่า นอกจากท่านเห้งเจียก็ไม่เห็นใครผู้ใดจะเอาได้ เมื่อครั้งก่อนลักชมภู่ลักยาไม่มีผู้ใดเสมอ มาวันนี้จะต้องลักถุงวิเศษ เห้งเจียได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่าท่านทั้งหลายช่างพูด ถ้ากระนั้นรอให้ข้าพเจ้าไปแอบดูลาดเลาก่อนจึงจะดี เห้งเจียพูดแล้วก็กระโดดลงจากเขาเดินมาถึงน่าถ้ำ ก็แปลงเปนแมลงวันหัวเขียวตัวน้อยบินเบา ๆ เข้าไปในถ้ำ แลไปก็เห็นหมู่ปิศาจนั่งอยู่ทั้งสองข้าง ปิศาจต๊อกกั๊กใต้อ๋องนั่งอยู่หัวโต๊ะ บนโต๊ะก็ตั้งเรี่ยรายล้วนเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เนื้องูเนื้อเสือเนื้อกวาง ปิศาจนั่งกินตามสะบาย เห้งเจียลงยังพื้นแปลงเปนตัวเหาน้อย ค่อยคลานเลียบเคียงเข้าข้างโต๊ะสอดในตาด้อมมองหา ก็มิได้เห็นถุงวิเศษ ค่อย ๆ คลานเลยไปข้างหลังโต๊ะแลขึ้นไปบนราวก็เห็นแขวนอยู่ มังกรไฟม้าไฟแลตะบองเหล็ก เห้งเจียแลเห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ก็ลืมนึกแปลงรูปเดิมกระโดดขึ้นกระชากตะบองลงมาได้ก็แกว่งกวัดตีขนาบออกมา

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ