๔๓

ฝ่ายพระโพธิสัตว์ร่ายพระคาถาสองรอบสามรอบ ก็หยุดปิศาจก็หายเจ็บปวด จึงลุกขึ้นแลดูในตัวที่ฅอแลมือแลเท้าทั้งสองข้างใส่ห่วงทองคำรึงรัดเจ็บปวดเหลือที่จะทน จะถอดออกก็อย่าพึงนึกเลยว่าจะถอดได้ คือห่วงนั้นกระทบเนื้อก็มีรากขึ้น ยิ่งถอดดึงก็ยิ่งเจ็บ

เห้งเจียเห็นแล้วก็หัวเราะพูดว่า พระโพธิสัตว์วิตกว่าจะเลี้ยงเจ้าไม่ใหญ่ จึงให้เจ้าใส่วงแหวน อั้งฮั้ยยี้ได้ฟังดังนั้นก็ร้อนใจวุ่นวาย ฉวยทวนไล่แทงเห้งเจีย ๆ ก็หลบอยู่ที่ข้างพระโพธิสัตว์ ร้องเรียกพระโพธิสัตว์ให้ร่ายพระคาถา พระโพธิสัตว์จึงเอายอดสนจุ้มน้ำมนต์พรมไปทีหนึ่ง ร้องให้ประนมมือทวนนั้นก็หล่นไป สองมือก็ประนมเข้าหว่างอก ก็เลยเปิดไม่ออก

ฝ่ายท่งจื๊อเปิดมือไม่ออกจะจับทวนก็ไม่ได้ จึงรู้สึกว่าอำนาจพระบารมีของพระโพธิสัตว์นั้นเชี่ยวชาญใหญ่กล้า ไม่รู้แห่งที่จะแก้ได้ด้วยประการใด จึงได้ก้มศีศะลงเคารพต่อพระโพธิสัตว์ ๆ จึงร่ายพระคาถาเอาขวดมะนีน้ำมนต์ เทกลับคืนไปยังทะเลใหญ่ ไม่เหลือสักหยดหนึ่ง แล้วพระโพธิสัตว์จึงบอกแก่เห้งเจียว่า ปิศาจนี้มันก็ยอมแล้ว แต่จิตรของมันยังไม่เรียบได้ อาตมภาพจะต้องธรมานมันให้เดินก้าวหนึ่งไหว้ทีหนึ่ง กว่าจะถึงเขาพ่อซัวจึงจะถอนอาคมให้มัน แต่เห้งเจียจงรีบไปแก้อาจาริย์ออกเถิด เห้งเจียได้ฟังพระโพธิสัตว์ตรัสดังนั้น ก็มีความยินดี ฝ่ายปิศาจก็กระทำความเคารพต่อพระโพธิสัตว์สามสิบห้าที

ฝ่ายซัวเจ๋งนั่งอยู่ในดงไม้สน คอยท่าเห้งเจียหายไปยังไรจึงไม่เห็นกลับมา ก็ยกหาบวางลงบนหลังม้าแล้ว เดินออกจากดงตั้งตาแลไปทางทิศอาคเณ สักประเดี๋ยวก็แลเห็นเห้งเจียเดินมาดูกิริยารื่นเริง ซัวเจ๋งออกต้อนรับถามว่า พี่ไปเชิญพระโพธิสัตว์ป่านนี้จึงมาถึง เห้งเจียจึงเล่าเรื่องที่พระโพธิสัตว์ปราบปิศาจให้ซัวเจ่งฟังทุกประการ ซัวเจ๋งก็ดีใจ ทั้งสองคนเก็บหาบจูงม้าเข้าไปยังประตูถ้ำ เข้าไปในถ้ำ ตีขนาบเข้าไป จนพวกปิศาจบริวารล้มตายหมดสิ้น ก็เข้าไปแก้โป๊ยก่ายออกจากถุงแล้ว เลยเข้าไปแก้พระอาจาริย์ออก แล้วเห้งเจียจึงเล่าเรื่องที่พระโพธิสัตว์มาช่วยจับปิศาจได้พระถังซัมจั๋งฟังทุกประการ พระถังซัมจั๋งก็คุกเข่าลงนมัศการเนื่องไปยังน่ำไฮ้ แล้วจึงสั่งซัวเจ๋งให้หาเข้าแจ อาจาริย์กับสานุศิษย์กินอาหารเสร็จแล้วก็ออกจากถ้ำ หมายปราจิณทิศออกเดินไปตามลำดับ ครั้นมาได้ประมาณสักเดือนเศษ ในเวลากำลังเดินอยู่นั้น ได้ยินเสียงน้ำดังกระทบหูพระถังซัมจั๋งเรียกสานุศิษย์ถามว่า นั่นเสียงน้ำอะไรดังอยู่ที่ไหน เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่า อาจาริย์นี้สงไสยมากเรื่องเดินมาด้วยกันสี่คนไม่มีใครได้ยิน ท่านได้ยินแต่ผู้เดียว พระอาจาริย์เอาคัมภีร์ชิมเกงไปทิ้งลืมเสียวรรคหนึ่งแล้ว

พระถังซัมจั๋งพูดว่า ชิมเกงคัมภีร์นี้ ของท่านอาจาริย์โอเซ้าสอนให้เราต่อปาก ทุกวันนี้เราภาวนาอยู่เสมอเปนนิตย์ เห้งเจียรู้ว่าเราลืมวรรคไหน เห้งเจียตอบว่า ลืมวรรคที่ว่าโบ้งั้นฮี้พี้อี๊ซินอี่ คือตาหูจมูกลิ้นกายใจ อันวิไสยคนบวชเรียนในทางสมณะกิจ ตาอย่าไปดูรูปสวยงาม หูอย่าไปฟังเสียงที่เพราะหวาน จมูกอย่าไปสูดดมกลิ่นที่หอมหวน ลิ้นอย่าไปเลียลิ้มรศ กายอย่าไปสัมผัสถูกต้องรูป จิตรอย่าไปน้อมนึกอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านอย่างนี้จึงเรียกว่าเปลื้องโจรทั้งหกได้ ท่านอาจาริย์ทุกวันนี้ ตั้งใจจะไปอาราธนาพระธรรม กลัวปิศาจมารร้ายไม่ยอมสละกาย มีความอยากในรศกังวลแก่ลิ้นพอใจแก่กลิ่นอันหอม ไปฟังเสียงสดุ้งหวาดไปเห็นซึ่งรูปสีจิตรก็ให้ฟั่นเฟือนไปต่าง ๆ โจรทั้งหกก็เข้ากลุ้มรุมในดวงจิตร ทำไมจึงจะไปถึงไซที เห็นพระพทธเจ้าได้เล่า พระถังซัมจั๋งได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้น ก็นิ่งนึกอยู่ในใจสักครู่หนึ่ง จึงพูดว่าตั้งแต่ออกจากพระเจ้าแผ่นดินมา ใจก็รีบร้อนระมัดระวัง ไม่รู้ว่าเวลาใดจึงจะเต็มบริบูรณทั้งสามได้ ไปรับธรรมของพระพุทธเจ้ามาได้

เห้งเจียได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า อันที่จริงพระอาจาริย์มีความคิดถึงบ้านเมืองยากที่จะหยุดได้ แม้ว่าจะใคร่ให้สามบริบูรณจะยากอะไร ยังมีคำกล่าวว่า แม้ทำให้ถึงก็สำเร็จอยู่เอง โป๊ยก่ายพูดว่าพี่แม้จะคิดตามซึ่งมีมารร้ายนั้น จะไปพันปีก็ไม่สำเร็จการ ซัวเจ๋งพูดว่าพี่ทั้งสองคิดเห็นเหมือนข้าพเจ้าคิด ตามประสาคนโง่โง่ เอาแต่บ่าลับฝนไปไม่หยุด ไปภายน่าก็สำเร็จได้อยู่เอง อาจาริย์กับศิษย์เดินพูดกัน แลไปข้างน่าเห็นมีกระแสน้ำดำขึ้นโอบฟ้าม้าเดินไม่ได้ พระถังซัมจั๋งก็ลงจากม้า ถามศิษย์ว่าน้ำนี้ทำไมจึงดำดังนี้ เห้งเจียพูดว่าเห็นใครจะทิ้งอะไรดอกกระมัง จะมิใช่ดำเองโดยธรรมดาน้ำ ซัวเจ๋งพูดว่า หรือใครเอาหมึกลงไปล้างดอกกระมังจึงได้ดำอย่างนี้ เห้งเจียว่าอย่าพูดเลอะเทอะไป จะคิดทำอย่างไรให้พระอาจาริย์ข้ามไปได้

พระถังซัมจั๋งถามว่าลำแม่น้ำนี้ จะกว้างสักเท่าใดจะรู้ได้หรือไม่ โป๊ยก่ายพูดว่าประมาณกว้างสักห้าสิบเส้น พระถังซัมจั๋งถามว่าให้คิคดูทั้งสามคนนี้ คนใดจะให้อาตมขี่ข้ามไปได้บ้าง เห้งเจียว่าโป๊ยก่ายให้อาจาริย์ขี่ข้ามไปได้ โป๊ยก่ายว่าไม่ได้ แม้จะให้ขี่เหาะเหินก็ไม่พ้นดินสามศอก โบราณท่านย่อมว่า แบกมนุษย์คนหนึ่ง ดุจภูเขาพระสุเมรุ์ แม้ว่าจะขี่ข้าพเจ้าข้ามน้ำไป จะพาข้าพเจ้าจมน้ำไปด้วย อาจาริย์กับศิษย์กำลังหาฤๅกันอยู่ แลไปก็เห็นคนค้ำเรือล่องลงมา พระถังซัมจั๋งเห็นก็ดีใจ เอามือชี้บอกพวกศิษย์ว่ามีเรือจ้างลงมาแล้ว ซัวเจ๋งจึงตะโกนเรียกว่า ที่ค้ำเรือมานั้นโปรดช่วยข้ามส่งพวกข้าพเจ้าด้วย แม้มิใช่เรือจ้างก็จะให้ค่าจ้างรางวัลแก่ท่าน คนค้ำเรือเมื่อได้ยินซัวเจ๋งเรียกก็ค้ำเรือเข้ามาใกล้ตลิ่ง บอกว่าเรือข้าพเจ้าเล็ก ทำไมจะบันทุกหมดเล่า พระถังซัมจั๋งก็เดินมาใกล้เรือ แต่เรือนั้นคือท่อนไม้เขาเอามาเจาะทำเฉภาะ นั่งได้แต่สองคนเท่านั้น พระถังซัมจั๋งพูดว่าทำอย่างไรจึงจะดี

ซัวเจ๋งจึงพูดว่าจะต้องเปนสองเที่ยว ข้ามไปเที่ยวละสองคน โป๊ยก่ายจะใคร่ข้ามไปกับพระอาจาริย์ก่อน จึงเข้าพยุงอาจาริย์ลงเรือ เจ้าของเรือก็ค้ำเรือออกจากตลิ่ง ไปพอถึงกลางน้ำก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาทีหนึ่ง ดุจฟ้าลั่นก็เกิดละลอกขึ้น แลไปไม่เห็นอะไรมืดมัวหมด มีลมพยุห์ใหญ่พัดกล้าน่ากลัว แลไปเห็นพระถังซัมจั๋งกับโป๊ยก่ายจมลงไปในน้ำกับทั้งเรือ ซัวเจ๋งเห้งเจียเห็นดังนั้น ก็ตกใจ ซัวเจ๋งว่าเห็นเรือจะคว่ำไปแล้วดอกกระมัง เห้งเจียว่ามิใช่เรือคว่ำ แม้เรือคว่ำโป๊ยก่ายถนัดในทางน้ำ คงพาอาจาริย์ขึ้นมาได้ เมื่อกี้นี้พิเคราะห์ดูเจ้าของเรือจะไม่สุจริต ชะรอยจะทำลมพะยุห์เอาอาจาริย์ทิ้งลงไปในน้ำ ซัวเจ๋งว่าทำไมพี่ไม่พูดไม่บอกเสียแต่แรก กระนั้นพี่จงดูม้าไว้ ข้าพเจ้าจะลงไปค้นดู พูดแล้วก็ผลัดผ้าเสื้อกางเกง มือก็จับพลองวิเศษ ยกขึ้นตีบนหลังน้ำทีหนึ่ง ร่ายพระคาถาแล้วก็เดินไป เวลากำลังลมคลื่นเดินมานั้นก็ได้ยินเสียงคนพูด ซัวเจ๋งจึงแอบฟังแลไปในที่นั้น มีศาลเจ้ามีหนังสือแปดอักษรคือตำบล (ชวนเฮียกก๊อก) ลำแม่น้ำ (เฮ๊กจุ๊ยฮ้อ) ศาล (สินฮู้) ได้ยินเสียงปิศาจนั่งอยู่กลางพูดว่า มีความลำบากคราวหนึ่ง บัดนี้จึงได้มาถึงมือ อันพระสงฆ์นี้สิบชาติมาแล้วบวชเรียนก็บริสุทธิดี แม้ได้กินเนื้อก้อนหนึ่งอายุก็ยืนยาวไม่แก่ เราก็อดมานานวันแล้ว ได้ปิศาจบริวารเปิดเอาออกจากกรงเหล็กไล่กะทะต้มให้สุก แล้วไปเชิญ (อะยี่กู๋) น้ามากินอายุจะได้ยืนยาว ซัวเจ๋งแอบได้ยินดังนั้นดุจเอาไฟเข้าจุดหัวใจ จึงยกพลองขึ้นตีซ้ายป่ายขวาลุกไล่เข้าไปในประตูมิได้รั้งรอ ร้องด่าว่าอ้ายพวกปิศาจ มึงจงรีบส่งอาจาริย์กูออกมาโดยเร็ว

พวกปิศาจที่เฝ้าประตูได้ฟังดังนั้นก็ตกใจวิ่งเข้าไปบอก ปิศาจใต้อ๋องได้ฟังดังนั้นก็แต่งตัวใส่เกราะ มือถือพลองทองแดงรีบเดินออกมายังประตูร้องถามว่า อ้ายคนไหนอาจสามารถมาตีประตูของกูเองไม่กลัวความตายหรือ ซัวเจ๋งพูดว่าอ้ายปิศาจมึงทำไมจึงอาจสามารถทำอุบายเปนลมพยุห์ใหญ่ลักเอาอาจาย์ของกูลงมาไว้ เองจงรีบส่งมาเสียโดยเร็วจะยกโทษให้สักครั้งหนึ่ง ปิศาจได้ฟังก็หัวเราะแล้วพูดว่า อ้ายคนนี้มาพูดจาจองหองหารู้จักความตายไม่ อันอาจาริย์ของเจ้าเราจับมาได้จะใคร่ต้มให้สุก จะได้เชิญพวกพ้องมากินให้อะร่อยสักมื้อหนึ่ง เจ้ามาอิกคนหนึ่งก็ดีแล้ว จงมาเถิดเราจะจับไว้อิกคนหนึ่งจะได้ต้มเสียทั้งสองคนทีเดียว กินเสียให้หมดอย่าได้นึกว่าจะได้ไปไซทีเลย

ซัวเจ๋งได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งบันดานโทษะ แกว่งกระบองโจมตีปิศาจ ปิศาจก็ยกพลองขึ้นรับต่อสู้รบกันอยู่ใต้น้ำ ได้สามสิบเพลงกำลังก็เสมอกัน ซัวเจ๋งคิดอยู่ในใจว่า อ้ายปิศาจนี้มันมีฝีมือเสมอเท่าแก่เราจะเอาไชยชะนะมันมิได้ ก็จะป่วยการรบแก่มัน อย่าเลยเรารบฬ่อขึ้นบนน้ำให้พี่เห้งเจียแกตีมันจึงจะดี คิดดังนั้นแล้วทำทีตีไปแล้วก็ลากพลองหนี ปิศาจก็มิได้ไล่ตามพูดว่าเจ้าไปเถิดข้าไม่รบกับเจ้า เราจะจัดแจงเขียนหนังสือไปเชิญพวกพ้องมากินเนื้อถังซัมจั๋งดีกว่า ซัวเจ๋งได้ฟังดังนั้นก็รีบกลับขึ้นพ้นน้ำ มาบอกแก่เห้งเจียตามเรื่องที่ได้พบรบแก่ปิศาจให้เห้งเจียฟังทุกประการ

เห้งเจียถามว่ารู้ว่ามันเปนปิศาจอะไร ซัวเจ๋งว่าคล้ายกับตะพาบน้ำ เห้งเจียว่าไม่รู้ว่าน้าชายของมันคือใครที่ไหน พูดกระนั้นยังหาทันสิ้นความไม่ ในคุ้งน้ำนั้นผุดขึ้นมาเปนตาแก่เดินคำนับมาแต่ไกล คุกเข่าพูดว่าใต้เซียข้าพเจ้าอยู่ในแม่น้ำนี้ ขอทำความเคารพท่าน เห้งเจียถามว่านี่คือปิศาจที่ค้ำเรือจะมาฬ่อลวงอิกหรือ

คนผู้เฒ่านั้นคำนับแล้วน้ำตาก็ไหลพร่างพรายลงพูดว่า ข้าพเจ้าหาใช่ปิศาจผีร้ายไม่ ข้าพเจ้าคือเจ้าซึ่งสถิตย์อยู่ในลำแม่น้ำนี้ เหตุว่าเมื่อปีกลายนี้เดือนเจ็ดที่ทะเลทิศตวันตกทำน้ำท่วมมาที่นี้ ปิศาจได้ต่อสู้แก่ข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าอายุมากกำลังน้อยสู้ปิศาจมิได้ มันจึงแย่งศาลเจ้าของข้าพเจ้าเข้าอาไศรยอยู่จนทุกวันนี้ ข้าพเจ้าไม่รู้แห่งที่จะทำอย่างไรจึงได้ฟ้องแก่เล่งอ๋องทะเลทิศตวันตก เล่งอ๋องนั้นคือน้าชายของมันก็ไม่ชำระให้แก่ข้าพเจ้ามันจึงอยู่ที่ศาลเจ้านั้น ข้าพเจ้าจะใคร่ฟ้องแก่เง๊กเซียงฮ่องเต้ก็เกรงด้วยข้าพเจ้ามีตำแหน่งเล็กน้อย วันนี้ข้าพเจ้าได้ทราบว่าใต้เซียมาถึงนี้จึงมาบอกให้ท่านทราบ ขอใต้เซียได้เปนธุระแก้แค้นให้ข้าพเจ้าด้วย

เห้งเจียได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า เล่งอ๋องทะเลทิศตวันตกนี้ต้องโทษ เห้งเจียจึงบอกแก่เจ้าว่า ขอท่านจงอยู่เปนเพื่อนซัวเจ๋ง ข้าพเจ้าจะไปจับตัวไซฮั้ยเล่งอ๋องมาให้เธอจับปิศาจร้ายตนนี้ เจ้าคงคาว่าขอบพระคุณท่านแล้ว เห้งเจียก็เหาะไปยังทิศตวันตกมหาสมุทใหญ่ ครั้นถึงกลางทะเลก็ร่ายพระคาถาแซกน้ำเดินลงไปยังบาดาน ครั้นถึงแลไปเห็นปิศาจปลากา ถือหีบเล็กใส่หนังสือถือเดินมาจากท้ายน้ำรีบเดินโดยเร็ว เห้งเจียเดินมาสะกัดหน้าตบเอาทีหนึ่งปิศาจก็ล้มลง เห้งเจียเอากระบองกระทุ้งหัวทีหนึ่ง มันในสมองก็ทะเล้นออกมา เห้งเจียก็ทะลึ่งขึ้นพ้นน้ำ จึงเปิดหีบดูเห็นในนั้นมีหนังสือฉบับหนึ่ง มีจ่าน่าว่าหลาน คือกูเคียดคำนับถึงน้าทั้งสอง เง่าเล้าใต้ยิ้นเมื่อก่อนได้พึ่งท่าน บัดนี้ข้าพเจ้าจับได้สองสัตว์ คืออยู่ทิศตวันออกเปนพระสงฆ์สองรูป คือในใต้หล้านี้หายากหลานไม่อาจกินเองแต่ลำพัง เพราะคิดถึงท่านน้า ขอเชิญมาเปนกิริยาพรอายุจะได้ยืนยาวเปนที่รื่นเริง ขอจงรีบมาให้ทันเวลาด้วยเทอญ

เห้งเจียครั้นดูรู้เหตุดังนั้นแล้ว จึงหัวเราะว่าหนังสือนี้มันเชิญกันมากินเนื้อพระอาจาริย์ คิดดังนั้นแล้วก็พับใส่ในมือเสื้อ เดินไปเดินมาประเดี๋ยว มีพวกพลตระเวนในน้ำมาพบเห้งเจียก็รีบกลับเข้าไปบอก พระยาเล่งอ๋องเง่าสูนก็เดินออกมารับเห้งเจียเชิญเข้าไปนั่งในที่สมควรแล้วก็ยกน้ำชามาเลี้ยง เห้งเจียพูดว่าข้าพเจ้ายังไม่กินน้ำชาของท่าน ท่านไปกินน้ำเหล้าของข้าพเจ้าก่อน เง่าสูนเล่งอ๋องหัวเราะแล้วพูดว่า ท่านไปถือศีลแล้วน้ำเหล้าแลสดคาวก็ไม่ต้องพูดถึง แลท่านจะเชิญข้าพเจ้าไปกินเวลาใด เห้งเจียว่าท่านไม่ได้กินแต่ต้องมีโทษผิดด้วยบริวาร พูดแล้วเห้งเจียก็นำหนังสือออกมาจากมือเสื้อส่งให้เง่าสูนเล่งอ๋อง ๆ รับมาดูก็ตกใจสิ้นสติตลึงไป แล้วคุกเข่าลงคำนับพูดว่า ใต้เซียจงยกโทษข้าพเจ้าด้วย มันคือบุตรที่เก้าของน้องสาวข้าพเจ้า เพราะสามีของน้องนั้นทำผิดด้วยแปรเวลาลดน้ำฝนให้น้อยลง ไม่ตรงแก่คำสั่งของเง็กเซียงฮ่องเต้ ๆ มีรับสั่งให้เพ็ชฆาฎ งุยเต็งขุนนางผู้ใหญ่เอาไปประหารชีวิตรเสีย ทิ้งอ้ายหลานคนนี้ไว้ ข้าพเจ้าจึงให้ไปปฏิบัติรักษากายอยู่ในลำน้ำเฮกฮ้อนั้น ไม่ทราบเลยว่ามันคิดทำการชั่วร้ายอย่างนี้ไว้ ข้าพเจ้าจะให้คนไปจับตัวมา พูดแล้วจึงเรียกบุตรชายไท้จื๊อ (มอหงัง) สั่งว่าให้เลือกคัดทหารที่แขงแรงห้าสิบคนรีบไปจับตัวอ้ายกูเคียดมาชำระ เห้งเจียก็ลาเล่งอ๋องไปพร้อมด้วยมอหงังไท้จื๊อ ยกพลออกจากไซไฮ้ทะเลแล้ว มายังแม่น้ำเฮ๊กฮ้อ ครั้นถึงมอหงังจึงให้คนเข้าไปบอกปิศาจให้รู้ก่อนว่า ไซไฮ้เล่งอ๋อง ไท้จื๊อ มอหงังมาแล้ว

ปิศาจได้ฟังในใจก็นึกสงไสย ด้วยเราใช้ให้ปลากาเอาหนังสือไปเชิญเล่าเลงอ๋องก็ยังไม่เห็นกลับมาบอก ทำไมท่านน้าเล่งอ๋องไม่มาใช้ให้ท่านไท้จื้อมา ปิศาจกำลังคิดอยู่ในใจก็พอแลเห็นทหารมาบอกว่า ใต้อ๋องที่ในลำแม่น้ำนั้นมีพลทหารมาด้วย

ปิศาจพูดว่าพี่ไท้จื๊อมากินเลี้ยงทำไมเอาทหารมาด้วยเล่า เห็นจะมีเหตุเปนแน่ จึงให้ปิศาจบริวารเข้าไปเอาเกราะแลพลองทองแดงออกมาคอยสำรอง แล้วก็เดินออกไปยังนอกประตู แลไปเห็นมีทหารนั่งกองอยู่ ปิศาจก็เดินเข้าไปใกล้ ร้องเรียกด้วยเสียงอันดังว่า พี่ไท้จื๊อน้องมานี่แล้ว ไท้จื๊อมือถือเหล็กสามเหลี่ยมเดินออกไป ถามว่าจะเชิญท่านน้ามาทำไมหรือ ปิศาจพูดว่า ข้าพเจ้าได้พี่งคุณของท่านน้า จึงได้อยู่ในที่ตำบลนี้เปนศุข ยังไม่มีอะไรที่จะตอบแทนพระคุณท่าน เมื่อวานนี้ข้าพเจ้าจับพระสงฆ์ได้รูปหนึ่งมาจากเมืองใต้ถัง ข้าพเจ้าได้ยินว่าสิบชาติมาแล้ว เธอได้บวชมาโดยความสุจริต แม้ผู้ใดได้กินเนื้อเธออายุยืนยาว เพราะฉนั้นข้าพเจ้าจึงให้ไปเชิญให้ท่านน้ามา

ไท้จื๊อได้ฟังดังนั้นจึงตวาดว่า เจ้าชั่งมีจิตรแน่นหนาจริง ๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระสงฆ์นั้นคือใคร ปิศาจพูดว่าเธอคือพระเจ้าแผ่นดินใต้ถังรับสั่งให้ไปไซทีอาราธนาพระธรรม ไท้จื๊อพูดว่าเจ้ารู้จักแต่พระถังซัมจั๋ง เจ้าไม่รู้จักสานุศิษย์ของเธอ ปิศาจพูดว่ามึคนหนึ่งข้าพเจ้าจับได้แล้วจะใคร่ต้มพร้อมแก่พระถังซัมจั๋ง เมื่อวารนี้มาทวงอาจาริย์อีกคนหนึ่ง ถูกข้าพเจ้าตีก็หนีไป ไม่ทราบว่าใครจะมีฝีมืออีก ไท้จื๊อพูดว่าเจ้าไม่รู้อะไร ถังซัมจั๋งยังมีศิษย์อีกคนหนึ่ง เมื่อห้าร้อยปีก่อนทำจุลาจลบนสวรรค์ คือชื่อซีเทียนใต้เซีย บัดนี้นามเรียกว่า (ซึงเห้งเจีย) เจ้าทำไมจึงหาไภยใส่ตัวดังนั้น เธอเดินไปกลางทะเล เจ้าให้คนไปเชิญบิดาไปพบเธอเข้าเอาหนังสือไปต่อว่าแก่บิดาเราดังนี้ เจ้าจงรีบแก้ถังซัมจั๋งกับโป๊ยก่ายส่งออกมาจะได้ขอโทษให้เจ้า ชีวิตรจะได้รอดพ้นจากความตาย แม้ว่าเจ้าขัดขืนก็อย่าพึงนึกว่าจะรอดพ้นจากความตาย

ปิศาจได้ฟังดังนั้นก็โกรธแล้วพูดว่า ตัวเปนวงษ์ญาติแก่เรากลับไปเข้าแก่คนอื่น ที่จะให้ส่งถังซัมจั๋งแลโป๊ยก่ายนั้น ไม่มีตำราแล้ว ไท้จื๊อกลัวเขาแล้ว จะมาให้เราพลอยกลัวเขาด้วยหรือ แม้ว่าเขามีฤทธาอานุภาพอย่างไร ก็เชิญมาลองฝีมือกันดูสักสองสามเพลง ถ้าชะนะเรา ๆ จึงจะส่งอาจาริย์ให้มันไป แม้ไม่ชะนะเรา ๆ จะรวมทั้งสามคนมาต้มกินให้อร่อยแก่โคนลิ้น สิ้นวงษ์ญาติเราไม่ต้องไปเชิญผู้ใดมา จะปิดประตูกินคนเดียวให้สะบายใจเรา ไท้จื๊อร้องด่าว่าอ้ายเดียระฉาน มึงชั่งไม่มีความยำเกรง ไม่ต้องเห้งเจียสู้รบ มึงลองฝีมือดูกับกูก็แล้วกัน ปิศาจพูดว่าถ้าจะเปนคนเก่งก็ไม่ต้องเว้นว่าใครหมดจะต้องกลัวกันทำไม จึงเรียกบริวารให้เอาเกราะแลอาวุธมาแต่งถืออยู่ ต่างตีกลองสัญญาม้าฬ่อเข้าประจันบานกัน ไท้จื๊อถือเหล็กสามเหลี่ยมตีลงทีหนึ่ง ปิศาจหลบไม่ทันถูกบ่าซ้ายก็ล้มคว่ำลงกับพื้น พวกทหารตรูกันเข้าจับมัดมือไพล่หลัง เอาเชือกเหล็กสอดร้อยกระดูกสันหลังลากขึ้นมาบนบกต่อหน้าเห้งเจีย ไท้จื๊อจึงให้เห้งเจียพิพากษาโทษ เห้งเจียพูดว่ามึงทำไมไม่ฟังคำสั่ง น้าของเจ้าเธอให้เจ้าอยู่ที่นี่รักษาตัวโดยชอบธรรม เจ้าทำไมจึงแย่งชิงศาลของเจ้าคงคา อวดดีทำดุร้าย หลอกเอาอาจาริย์แลน้องเราไป ควรจะตีด้วยกระบองสักทีหนึ่ง

ปิศาจว่าใต้เซีย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าท่านมีชื่อเสียงเกียรติยศอานุภาพแขงแรงเช่นนั้นแลย ข้าพเจ้าทำผิดพี่ข้าพเจ้าจึงตีจับมา ขอใต้เซียได้โปรดยกโทษให้ข้าพเจ้าสักครั้งหนึ่ง จะมีความขอบคุณท่านหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้ามัดอาจาริย์ท่านอยู่ในศาล ถ้าท่านปล่อยข้าพเจ้า ๆ จะไปแก้อาจาริย์มาส่งให้แก่ท่าน ไท้จื๊อพูดว่าใต้เซียปล่อยไม่ได้ เพราะจิตรมันกลับกลอก แม้ปล่อยมันมันจะคิดร้ายทันที ซัวเจ๋งพูดว่าข้าพเจ้าจำได้ ข้าพเจ้าจะไปพาอาจาริย์ขึ้นมาเอง จึงพร้อมด้วยเจ้าคงคาแซกน้ำลงไปยังศาล เห็นบานประตูเปิดไม่เห็นมีปิศาจเล็กน้อยอะไร ก็เข้าไปข้างใน แลไปก็เห็นอาจาริย์กับโป๊ยก่ายต้องมัดอยู่ ซัวเจ๋งกับเจ้าคงคา ก็แก้มัดถังซัมจั๋งโป๊ยก่ายออกแล้ว ก็อุ้มเดินขึ้นมาบนบกทั้งสองคน โป๊ยก่ายแลเห็นปิศาจก็โกรธ ชักคราดมาจะสับปิศาจ ด่าว่าอ้ายสัตว์เดียระฉาน มึงกินกูไม่ได้แล้ว เห้งเจียห้ามโป๊ยก่ายว่า พี่ได้ยกโทษตายให้มันแล้ว เห็นแก่เล่งอ๋องไท้จื๊อพ่อลูกทั้งสอง ไท้จื๊อมอหงังจึงมาคำนับเห้งเจียว่าข้าพเจ้าอยู่ช้าไม่ได้ จะขอเอาปิศาจนี้ไปหาบิดา แม้ท่านยกโทษตายให้มัน บิดาคงจะไม่ยกโทษเปนให้มัน เห้งเจียพูดว่าถ้ากระนั้นไท้จื๊อจงพาไปหาบิดาเถิด จงบอกด้วยว่าข้าพเจ้าขอบคุณเปนอันมาก ไท้จื๊อก็คำนับลาแลพาปิศาจไปยังทะเลไซยฮั้ย เจ้าคงคาก็คำนับขอบคุณเห้งเจีย ที่ได้ช่วยเอาศาลคืนให้ พระถังซัมจั๋งถามว่าจะท่าอย่างไรจึงจะข้ามไปได้ เจ้าคงคาบอกว่าท่านอย่าวิตก ขอนิมนต์ขึ้นม้าข้าพเจ้าจะเปิดทางน้ำให้ท่านข้ามไป พระถังซัมจั๋งขึ้นม้า เจ้าคงคาจึงทำวิธีกั้นน้ำหยุดข้างบน บัดเดี๋ยวน้ำก็แห้งบันดานเปนหนทางใหญ่ อาจาริย์กับศิษย์ก็พากันเดินข้ามฟากไปถึงฝั่งแล้ว จึงขอบคุณเจ้าคงคาแล้วก็พากันออกเดินต่อไป

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ