- คำนำ (เล่ม ๑)
- แจ้งความ (เล่ม ๑)
- คำนำ (เล่ม ๒)
- แจ้งความ (เล่ม ๒)
- แจ้งความ (เล่ม ๓)
- คำนำ (เล่ม ๓)
- แจ้งความ (เล่ม ๔)
- คำนำ (เล่ม ๔)
- รูปภาพ
- ๑
- ๒
- ๓
- ๔
- ๕
- ๖
- ๗
- ๘
- ๙
- ๑๐
- ๑๑
- ๑๒
- ๑๓
- ๑๔
- ๑๕
- ๑๖
- ๑๗
- ๑๘
- ๑๙
- ๒๐
- ๒๑
- ๒๒
- ๒๓
- ๒๔
- ๒๕
- ๒๖
- ๒๗
- ๒๘
- ๒๙
- ๓๐
- ๓๑
- ๓๒
- ๓๓
- ๓๔
- ๓๕
- ๓๖
- ๓๗
- ๓๘
- ๓๙
- ๔๐
- ๔๑
- ๔๒
- ๔๓
- ๔๔
- ๔๕
- ๔๖
- ๔๗
- ๔๘
- ๔๙
- ๕๐
- ๕๑
- ๕๒
- ๕๓
- ๕๔
- ๕๕
- ๕๖
- ๕๗
- ๕๘
- ๕๙
- ๖๐
- ๖๑
- ๖๒
- ๖๓
- ๖๔
- ๖๕
- ๖๖
- ๖๗
- ๖๘
- ๖๙
- ๗๐
- ๗๑
- ๗๒
- ๗๓
- ๗๔
- ๗๕
- ๗๖
- ๗๗
- ๗๘
- ๗๙
- ๘๐
- ๘๑
- ๘๒
- ๘๓
- ๘๔
- ๘๕
- ๘๖
- ๘๗
- ๘๘
- ๘๙
- ๙๐
- ๙๑
- ๙๒
- ๙๓
- ๙๔
- ๙๕
- ๙๖
- ๙๗
- ๙๘
- ๙๙
- ๑๐๐
๕๓
ฝ่ายพระถังซัมจั๋งเดินมาได้ยินเสียงร้องเรียกก็ตกใจ แลไปเห็นพระภูมิเจ้าที่เจ้าเขา ยกบาตรเข้ามาพูดว่า บาตเข้านี้เปนบาตเข้าของท่านอาจาริย์ คือท่านให้เห้งเจียไปบิณฑบาต เพราะท่านทั้งหลายไม่เชื่อฟังคำเห้งเจีย จึงได้รับความเดือดร้อนเพราะปิศาจร้ายกระทำให้เธอได้ทุกข์ยากเหลือเกินหาที่เปรียบมิได้ จนวันนี้จึงได้แก้เอาออกมาได้ นิมนต์ท่านฉันเสียก่อนแล้วจึงค่อยไปเถิด อย่าให้เสียความกตัญญูของท่านเห้งเจียเลย พระถังซัมจั๋งพูดว่า ซึ่งอาตมภาพทำให้เห้งเจียได้ความยากลำบากนั้น แม้ว่ารู้เปนการเช่นนี้จะออกจากวงไปทำไมให้ได้ความเดือดร้อนถึงเพียงนี้ เห้งเจียพูดว่าเปนเหตุเพราะอาจาริย์ไม่เชื่อวงนั้น จึงให้ข้าพเจ้าไปรับทุกข์ทรมาห่วงของปิศาจ ทั้งน่าแค้นอ้ายกลับกลอกโป๊ยก่ายมึงแกล้งทำเล่น ให้พระอาจาริย์ไปต้องไภยใหญ่แลให้เราต้องขึ้นฟ้าลงดิน เชิญพลเทพบุตรทั้งไฟทั้งน้ำ แม้พระพุทธเจ้าให้ยากิมตันมาก็ยังไม่สามารถจะปราบปิศาจได้ อาไศรย์พระพุทธเจ้าทรงชี้แจงเหตุผลให้ จึงไปเชิญท่านท้ายเสียงเล่ากุนลงมาจับจึงได้ อันปิศาจนั้นคือโคเขียวของท่านท้ายเสียงเล่ากุนหนีลงมาเปนปิศาจร้าย
พระถังซัมจั๋งได้ยินเห้งเจียเล่าความดังนั้น ก็มีความรู้ศึกได้สะติคิดถึงความดีของเห้งเจีย จึงพูดแก่สานุศิษย์ว่า การที่เปนแล้วก็พ้นมาได้แล้ว ต่อไปภายน่าต้องเชื่อคำแนะนำของเห้งเจีย พูดดังนั้นแล้วก็ฉันจังหัน เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งก็แบ่งกันรับประทาน เห้งเจียเห็นเข้ายังร้อน ๆ จึงถามว่าเข้านี้ก็หลายเวลาแล้วทำไมยังร้อนอยู่เล่า พระภูมิเจ้าที่คุกเข่าลงบอกว่า ข้าพเจ้าเห็นท่านใต้เซียจะสำเร็จการจึงได้เอาเข้าร้อนมาให้กิน ครั้นกินข้าวอิ่มแล้วก็เก็บเข้าของเสร็จแล้วก็ลาพระภูมิเจ้าที่ พระถังซัมจั๋งขึ้นม้าออกเดิน ตัดมรรคาข้ามเขาใหญ่หมายทิศปราจิณ เดินมาหลายเวลาในฤดูนั้นเปนเดือนสามเดือนสี่ กำลังเดินมาก็พบลำคลองน้อยน้ำใสสีเขียวเยือกเย็น พระถังซัมจั๋งยอม้าพิจารณาดูเห็นต้นไม้ผลิดอกออกช่ออระชรงดงามน่าพึงชม มีเรือนกระท่อมน้อย ๆ อยู่ใต้ร่มไม้สองสามหลังเห้งเจียชี้ว่า ที่มีบ้านคนอยู่นั้นเห็นจะเปนคนรับจ้างส่งข้ามเปนแน่ โป๊ยก่ายก็วางหาบร้องเรียกว่า เจ้าเรือโวยเอาเรือมารับข้ามฟากทีเถิด เรียกซ้ำสองสามคำก็เห็นคนค้ำเรือเกะกะออกมา บัดเดี๋ยวก็ค้ำข้ามมาถึงฝั่งตวันออก ร้องถามว่าผู้ที่จะข้ามฟากนั้นอยู่ที่ไหนมา พระถังซัมจั๋งขยับม้ามาริมฝั่ง แลไปก็เห็นหญิงเฒ่าค้ำเรือมา เห้งเจียถามว่าแม่เฒ่าหรือเปนคนส่งเรือจ้าง หญิงนั้นรับว่าข้าพเจ้าเอง เห้งเจียถามว่า ก็ท่านตาไปไหนเล่าจึงไม่มา ใช้ให้ท่านยายส่งอย่างนี้ หญิงนั้นหัวเราะยิ้ม ๆ แล้วก็ไม่ตอบว่ากระไร พระถังซัมจั๋งกับศิษย์ก็จูงม้ายกหาบลงเรือ หญิงนั้นก็ค้ำเรือออกจากท่าข้ามถึงฝั่ง พระถังซัมจั๋งก็ขึ้นบกสั่งให้โป๊ยก่ายแก้เอาเงินให้เจ้าของเรือจ้างแล้ว
เวลานั้นพระถังซัมจั๋ง อยากน้ำเห็นน้ำใสเย็นก็นึกอยากกิน เรียกโป๊ยก่ายให้เอาบาตไปตักน้ำสักครึ่งบาต โป๊ยก่ายพูดว่าข้าพเจ้าก็อยากกินเหมือนกัน โป๊ยก่ายฉวยได้บาตก็ลงไปตักน้ำขึ้นมาส่งให้อาจาริย์ พระถังซัมจั๋งรับบาตมาฉันเข้าไปจนอิ่ม แล้วก็ส่งให้โป๊ยก่าย ๆ ก็กินเข้าไปจนอิ่มอิกคนหนึ่ง แล้วก็พะยุงพระถังซัมจั๋งขึ้นม้าจึงพากันเดินไปเดินมายังไม่ทันครึ่งชั่วโมง พระถังซัมจั๋งบ่นว่าปวดท้อง โป๊ยก่ายเดินตามอยู่ข้างหลังก็บ่นว่าเจ็บในท้อง ซัวเจ๋งพูดว่าเห็นจะถูกน้ำดอกกระมังพูดยังไม่ทันขาดคำ พระอาจาริย์ร้องว่าเจ็บกระชั้นยิ่งหนักขึ้นทุกที โป๊ยก่ายก็ร้องกระชั้นเข้าอาจาริย์กับศิษย์เจ็บเหลือที่จะทนได้ ท้องก็โตขึ้นทุกที เอามือคลำดูจุดก้อนโลหิตเคลื่อนไปเคลื่อนมา ในกายตัวพระถังซัมจั๋งไม่เปนปรกติ แลไปข้างริมทางก็เห็นมีหมู่บ้าน เห้งเจียพูดว่าดีแล้วอาจาริย์ที่ข้างนั้นมีโรงงานขายสุรา เราพากันเข้าไปบิณฑบาตน้ำร้อนให้อาจาริย์ฉัน แล้วถามดูบางทีจะมียาให้เจียดกินแก้เจ็บท้อง พระถังซัมจั๋งได้ฟังดังนั้นก็ดีใจจึงพากันเข้าไปครั้นถึงพระถังซัมจั๋งก็ลงจากม้า แลไปเห็นที่นอกประตูบ้านมียายเฒ่านั่งอยู่ที่พื้นดินกำลังมัดปอ เห้งเจียก็เดินเข้าไปไกล้ ปราไสยถามว่าท่านยายสะบายอยู่หรือ พวกข้าพเจ้ามาจากประเทศทิศบูรพา อาจาริย์ของข้าพเจ้าเปนพระเจ้าน้องยาเธอ ของสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินใต้ถัง เพราะเมื่อเวลาข้ามคลองมากินน้ำในคลองเข้าไปมีอาการให้เจ็บในท้องเปนกำลัง
ยายเฒ่าได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วถามว่า นี่ท่านไปกินน้ำในลำคลองนั้นมาหรือ เห้งเจียรับว่ากินมา ยายเฒ่าว่าเห็นจะเกิดสนุกขึ้นแล้ว พวกท่านจงเข้ามาข้าพเจ้าจะเล่าให้ท่านฟัง เห้งเจียก็ออกไปพยุงพระถังซัมจั๋งเข้ามา ซัวเจ๋งก็พยุงโป๊ยก่ายเข้ามา พระถังซัมจั๋งก็ร้องครางหน้านิ่วคิ้วย่นด้วยเจ็บท้องเหลือที่จะทนได้ เห้งเจียร้องขอน้ำร้อนยายเฒ่าจะให้อาจาริย์กิน ยายเฒ่าก็ไม่ให้น้ำร้อนหัวเราะแล้วก็เดินไปหลังบ้านเรียกหญิงกลางคนออกมาสามสี่คน มองพระถังซัมจั๋งแล้วก็พากันหัวเราะ เห้งเจียเห็นดังนั้นก็โกรธขยับเขี้ยวตวาดด้วยเสียงอันดัง พวกหญิงเหล่านั้นก็พากันตกใจ ต่างหกคว่ำคะมำหงายพากันวิ่งหนีเข้าไปหลังบ้าน เห้งเจียวิ่งมายึดไว้พูดว่าจงไปต้มน้ำร้อนเราจะปล่อย ฝ่ายยายเฒ่าตัวสั่นงกๆ งันๆ บอกว่าน้ำร้อนนั้นแก้ไม่ได้ ท่านจงปล่อยข้าพเจ้าจะเล่าให้ฟัง เห้งเจียก็ปล่อยยายเฒ่า ๆ บอกว่าที่เมืองนี้มีนามเรียกว่าไซเหลียงก๊ก ล้วนแต่หญิงทั้งเมืองไม่มีผู้ชาย เพราะฉนั้นเห็นพวกท่านมาก็มีความชื่นชม อาจาริย์ของท่านกินน้ำผิด ลำคลองนั้นเรียกว่าจื๊อป๊อฮ้อ คือคลองน้ำแม่ลูกนอกจากกำแพงเมือง มีหอรับลมอากาศ ที่ประตูมีสระเรียกส่องท้องสระชาวเมืองนี้ แม้อายุได้ยี่สิบปีกว่า จึงกล้ากินน้ำในคลองจื๊อป๊อฮ้อ ครั้นกินแล้วท้องเจ็บไปได้สามวันก็ตั้งครรก็ แล้วก็ไปที่หอกินลมอากาศ แล้วก็มายืนที่ปากสระส่องดูเงา แม้ว่ามีเงาคู่ก็มีครรภ์ อาจาริย์ท่านได้กินน้ำในคลองนั้นแล้ว ก็จะมีครรภ์กำหนดว่าจะมีบุตร อันน้ำร้อนที่ไหนจะแก้ได้
พระถังซัมจั๋งได้ฟังยายเฒ่าพูดดังนั้นก็ตกใจถามเห้งเจียว่า ถ้าดังนั้นจะทำประการใด โป๊ยก่ายก็ค่อยประคองท้องเดินมาถามว่า หากจะมีลูกพวกเราไม่มีทวารลูกจะออกทางไหน เห้งเจียหัวเราะว่า เขาย่อมว่าแตงสุกก็หล่นเอ็ง อันท้องนั้น ครั้นถึงเวลาก็แยกชายโครงมีทางลูกก็ออกมาเอ็ง โป๊ยก่ายได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นก็ยิ่งมีความเจ็บปวดมากขึ้น ซัวเจ๋งหัวเราะว่าพี่อย่าดิ้นรนไปท้องลูกจะช้ำชอกจะเกิดเจ็บปวดมากขึ้น โป๊ยก่ายเสียใจร้องไห้ จับเห้งเจียไว้แล้วพูดว่าพี่จ๋า พี่ช่วยถามยายเฒ่านั้นดูว่าที่ไหนจะมีหมอตำแยรับมาสำรองสักสองสามคน ถึงเวลาจะได้ช่วยนวดเคล้น ซัวเจ๋งหัวเราะพูดว่าพี่อย่านวดเคล้นนักกะเพาะลูกจะแตกตาย พระถังซัมจั๋งถามว่าท่านยาย ที่ตำบลนี้มียาแก้บ้างหรือไม่ จะได้ให้สานุศิษย์ไปเจียดมาจะได้กินแก้ให้ท้องลดเสีย
ยายเฒ่าจึงบอกว่า ถึงจะกินยาก็แก้ไม่ได้ ที่ตำบลนี้ไปทางทิศอาคะเนมีภูเขาหนึ่ง นามเรียกว่าเขาเก๊ยเอี่ยงซัว มีถ้ำเรียกว่ากั้วยี้ต๋อง ในถ้ำนั้นมีสระน้ำเรียกว่าสระโละทัยจั๊ว ถ้าได้น้ำในสระนั้นมากินสักอึกหนึ่ง ท้องลูกนั้นก็ยุบหายไปเปนปรกติเหมือนอย่างเดิม แต่ในประจุบันนี้จะเอาน้ำนั้นไม่ได้เสียแล้ว เมื่อปีก่อนมีเต้าหยินคนหนึ่ง ตั้งนามว่ายู่อี่จินเซียม มาจองเอาถ้ำนั้นเปนของตน แปลงนามเรียกว่า สำนักจิ๋วเซียนอาน แลปกครองรักษาสระนั้นไม่ให้ผู้ใดมาตักน้ำได้โดยง่าย หากผู้ใดจะต้องการก็ต้องมีของกำนัน เป็ดไก่เล่าแลของหวานต่าง ๆ แลเงินด้วยถ้ามีให้ดังนั้น จึงจะให้น้ำไป ก็ท่านอาจาริย์มาจากทางไกล จะเอาของกำนันที่ไหนไปให้เขาได้เล่า จะต้องคอยรอตามเวลาเมื่อคลอดเถิด
เห้งเจียได้ฟังยายเฒ่าพูดดังนั้นก็ดีใจ จึงถามว่าท่านยายระยะทางตั้งแต่นี้ไปถึงเขาเก๊ยเอี่ยงซัวนั้น หนทางประมาณสักเท่าใด ยายเฒ่าบอกว่าสามพันโยชน์เสศ เห้งเจียว่าดีแล้ว ๆ จึงบอกแก่พระอาจาริย์ว่า ท่านอย่าวิตกเลยจงวางใจเถิด ไว้ธุระข้าพเจ้าจะไปเอาน้ำนั้นมาให้ท่านฉัน เห้งเจียก็ยืมขวดยายเฒ่าใบหนึ่งถือออกจากบ้าน เหาะขึ้นบนอากาศไปยังเขาเก๊ยเอี่ยงซัว ยายเฒ่าเห็นเห้งเจียเหาะเหินได้ดังนั้นก็ยกมือขึ้นเคารพ พูดว่าท่านผู้นี้มีฤทธิ์อานุภาพมากเชี่ยวชาญแท้ จึงเรียกหญิงในบ้านออกมาสองสามคน มาทำความเคารพพระถังซัมจั๋ง ต่างสรรเสริญว่าเปนพระอัศจรรย์ ทุกคนก็พากันไปหาข้าวแจมาถวาย
ฝ่ายเห้งเจียเหาะมาประเดี๋ยวก็ถึงเขาเก๊ยเอี่ยงซัว จึงลงยังยอดเขาเที่ยวสอดส่องแลไป ก็เห็นข้างหลังเขามีสำนัก เห้งเจียก็เดินเข้าไปยังประตู แลเข้าไปดูเห็นมีตาเฒ่าคนหนึ่งนั่งอยู่น่าลาน เห้งเจียก็ลงกับพื้นแล้ว ก็เดินเข้าไปใกล้กระทำความคำนับปราไสย
ฝ่ายตาเฒ่าก็ทำคำนับตอบแล้วถามว่า ท่านมาจากไหน มาถึงที่นี้มีธุระ ประสงค์สิ่งใดหรือ เห้งเจียตอบว่าข้าพเจ้ามาจากเมืองใต้ถังเพราะมีรับสั่งพระเจ้าถังไทจงฮ่องเต้ ให้ไปประเทศไซทีอาราธนาพระไตรยปิฎกธรม อาจาริย์ข้าพเจ้ากินน้ำในลำคลอง จื๊อป๊อฮ้อเข้าไปก็ให้ปวดท้องเหลือที่จะทนได้ ถามชาวบ้านบอกว่ากินน้ำนั้นเข้าไปก็มีครรภ์เหลือที่จะแก๊ได้ จึงสืบถามชาวบ้านนั้น เขาบอกว่าเขานี้มีสระน้ำทำลายครรภ์ ให้เอาน้ำสระนี้กินจึงจะแก้ได้ เพราะฉนั้น ข้าพเจ้ามาหาท่านยู่อี่จินเซียม ขอน้ำนั้นไปแก้ไขอาจาริย์ข้าพเจ้า ขอท่านได้ช่วยนำไปชี้สระให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
ตาเฒ่าเต้าหยินได้ฟังเห้งเจียเล่าบอกดังนั้นก็หัวเราะ แล้วพูดว่าที่ตำบลนี้เดิมเรียกว่า กั๊วยี้ต๋องบัดนี้เรียกว่า (จิ๋วเซียนอาน) ข้าพเจ้าเปนสานุศิษย์ของยู่อี่จีนเซียน ก็ท่านมีนามกรชื่อใด เราจะได้บอกให้ท่านทราบ เห้งเจียตอบว่าข้าพเจ้าเปนศิษย์ใหญ่ของพระถังซัมจั๋งมีนามเรียกว่าซึงหงอคง ตาเฒ่าถามว่าก็ของกำนันเป็ดหมูไก่เล่าแลเครื่องตามเคยมีครบแล้วหรือ
เห้งเจียตอบว่าพวกข้าพเจ้าเดินทางไกลมีแต่ความกันดาร จะเอาหมูเป็ดไก่แลสุราของกำนันมาแต่ไหน ตาเฒ่าได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่าท่านอาจาริย์ทำไมจึงโง่อย่างนั้นเล่า ท่านอาจาริย์ของข้าพเจ้าปกครองรักษาสระน้ำนี้ ก็หาได้ให้ท่านผู้ใดไปเปล่า ๆ ไม่ ท่านจงกลับไปหาของมาก่อนเราจึงจะนำความเข้าไปบอกให้ ถ้ามิฉนั้นก็จงเชิญท่านกลับไปเสียเถิด อย่าพึงนึกว่าจะได้เลย เห้งเจียพูดว่ามนุษย์จิตรกว้างใหญ่ดุจฟ้า ท่านโปรดนำชื่อข้าพเจ้าเข้าไปบอกท่านคงจะมีจิตรเมตาบางทีจะให้บ้างดอกกระมัง เต้าหยินก็นำความเข้าไปบอก
ฝ่ายยู่อี่จินเซียม ยังไม่ทันฟังเหตุการตลอด ได้ยินออกชื่อซึงหงอคง ก็บันดารโทสะมีจิตรร้ายเกิดขึ้น ก็ผุดลุกขึ้นเรียกเอาเสื้อมาเปลี่ยน มือก็ถืออาวุธไม้ตะขอเหล็กเดินออกมาข้างนอกประตูร้องถามว่าอ้ายซึงหงอคงอยู่ที่ไหน เห้งเจียแลเห็นก็ยกมือขึ้นคำนับ พูดว่าข้าพเจ้าเองคือหงอคง ยูอี่จินเซียนพูดว่าตัวคือหงอคงจำเราได้หรือไม่ เห้งเจียพูดว่าข้าพเจ้าเข้ารับปฏิบัติตามทางพระพุทธสาสนาแล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องที่รู้จักกันมาแต่เดิม ก็ห่างเหินมิได้ไปมาหาสู่กันนานแล้ว บัดนี้มีธุระติดตามอาจาริย์ ขึ้นเขาลงห้วยก็ไม่ว่าง ที่รู้จักกันก็ลืมไปบ้าง บัดนี้ข้ามลำคลองจื๊อป๊อฮ้อ ถามชาวบ้านไซเหลียงบอกชื่อท่านจึงได้ทราบว่าท่านอยู่ที่นี้ ยู่อี่จินเซียมได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า ตัวจงไปตามทางของตัว ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติตามทางของข้าอย่ามาเกี่ยวข้องกันเลย
เห้งเจียพูดว่าเพราะอาจาริย์ของข้าพเจ้ากินน้ำในลำคลองจื๊อป๊อฮ้อเข้าไปก็เจ็บท้องตั้งครรภ์ ข้าพเจ้าจึงได้มาถึงสำนักท่านจะใคร่ขอน้ำสักขวดหนึ่ง ช่วยอาจาริย์ข้าพเจ้าให้พ้นจากไภย ยู่อี่จินเซียมได้ฟังดังนั้นไนยตาลุก ถามว่าอาจาริย์ของตัวชื่อถังซัมจั๋งมิใช่หรือ เห้งเจียว่านั่นและ จินเซียมกัดฟันว่าพวกเจ้าได้ พบปะเซี้ยเอ็งใต้อ๋องบ้างหรือเปล่า เห้งเจียพูดว่าเธออยู่ที่ถ้ำฮ้วยหุ้นต๋องนามเรียกว่าอั้งฮั้ยยี้ปิศาจนั่นหรือ ท่านกับเธอเปนอะไรกันดอกกระมัง ยู่อี่จินเซียมพูดว่าอั้งฮั้ยยี้นั้นคือหลานของเรา งู่หม้ออ๋องนั้นคือพี่น้องของเรา ครั้งก่อนเธอได้ให้ข่าวมาให้เราว่า ถังซัมจั๋งมีสานุศิษย์ใหญ่ชื่อซึงหงอคงถือตัวว่ามีฤทธิ์ฆ่าเธอเสียแล้ว เราจะใคร่แก้แค้นบัดนี้เจ้าจะมาขอน้ำอะไร
เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่า ท่านอาจาริย์เห็นจะผิด งู่หม้ออ๋องพี่ของท่านนั้น เดิมได้คบเปนมิตรสหายแก่ข้าพเจ้า แต่ตัวท่านข้าพเจ้าหาได้รู้จักไม่ บัดนี้หลานของท่าน อั้งฮั้ยยี้ก็ได้ดีแล้วเปนสานุศิษย์พระกวนอิม นามเรียกว่า (เสียนใช้ท่งจื๊อ) พวกข้าพเจ้าก็ยังไม่เท่าเธอ ทำไมท่านอาจาริย์จึงมีความเคืองแค้นข้าพเจ้าเล่า ยู่อี่จินเซียมตวาดว่า อ้ายลิงยังมาพูดกลับกลอก หลานของเราอยู่แต่ลำพังตามสะบาย ต้องไปตามหลังเปนข้าเขาจะดีอะไร เจ้าอย่าทำล่วงเกินจงมาลองกินขอเหล็กสักทีหนึ่ง จะมีรศชาติอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็ยกตะขอเหล็กขึ้นจะตีเห้งเจีย ๆ ก็ยกตะบองขึ้นรับหยุดพูดว่าอย่าพูดเรื่องรบพุ่งกันเลย ขอน้ำให้ข้าพเจ้าไปเถิด
ยู่อี่จินเซียมด่าว่าอ้ายลิงมึงไม่รู้จักตาย จงมาลองดูสักสามสี่เพลง ถ้าเจ้าชะนะเรา ๆ จะยอมให้น้ำไป ถ้าแพ้เรา ๆ จะฆ่าเจ้าเสียเพื่อแก้แค้นแทนหลานเรา เห้งเจียขัดใจจึงว่าอ้ายนี่ ไม่รู้จักพระกาฬมึงอยากจะแพ้ชะนะก็จงมาลองดู ว่าแล้วก็แกว่งตะบองตรงมาจะตี ยู่อี่จินเซียมยกขอเหล็กรัมรบกันได้ยี่สิบเพลง เห้งเจียแกว่งตะบองดุจกังหันตีบุกบั่นมิได้ยั้งมือ ยู่อี่จินเซียมอ่อนกำลังลงรับไม่อยู่ ก็ผละหนีขึ้นบนเขา เห้งเจียไล่ตามไปไม่ทันแล้วก็กลับมาที่สำนัก เต้าหยินแลเห็นดังนั้นก็ปิดประตู เห้งเจียฉวยขวดก็ลงมาถีบประตูหักลงไปที่บ่อน้ำ แลเห็นตาเฒ่าเต้าหยินนอนซ่อนอยู่ข้างบ่อน้ำ เห็นเห้งเจียเข้ามาก็วิ่งหนีไป เห้งเจียก็เอาถังหย่อนลงไปจะตักน้ำ ยู่อี่จินเซียมก็ย้อนแอบเข้ามาเอาตะขอเหล็กตีหลังเห้งเจียทีหนึ่งก็ล้มคว่ำลงกับพื้น เห้งเจียลุกขึ้นได้เอาตะบองไล่ตียู่อี่จินเซียม ๆ ก็วิ่งตลบหนีอยู่ข้างบ่อ แล้วพูดว่าเจ้าทำอย่างไรก็ตักน้ำไปไม่ได้ เห้งเจียพูดว่ามึงจะมาตีกู ๆ จับได้จะทำมึงให้สาหัศ ยู่อี่จินเซียมก็ไม่อาจจะเข้ามาใกล้ คอยระวังมิให้เห้งเจียตักน้ำได้ มือขวาเห้งเจียถือตะบองมือซ้ายจับเชือก หย่อนถังลงไปลากน้ำขึ้นมา ยู่อี่จินเซียมก็เอาไม้ขอเหล็กมาเกี่ยวเชือกมิให้ลากขึ้น ต่างดึงกันไปมา เชือกก็หลุดจากมือเห้งเจียถังตกลงไปในบ่อน้ำ เห้งเจียขัดใจจับไม้ตะบองไล่มาตีตะบมไม่เลือกว่าหัวหู ยู่อี่จินเซียมก็วิ่งหนีไป เห้งเจียจะกลับมาเอาน้ำก็ไม่มีถังจะตัก แลวิตกว่าอ้ายยู่อี่จินเซียมจะเอาขอมาเกี่ยวอิกคิดขึ้นได้ว่า จำจะต้องไปเรียกซัวเจ๋งมาช่วยจึงจะได้ คิดดังนั้นแล้วก็เหาะกลับมายังบ้านที่พัก เห้งเจียลดลงยังพื้นเดินเข้าไปเรียกซัวเจ๋ง ข้างในบ้านก็ได้ยินพระอาจาริย์กับโป๊ยก่ายร้องครางไม่หยุด ซัวเจ๋งได้ยินเสียงเห้งเจียเรียกก็ออกมารับ เห้งเจียเข้าไปหาพระอาจาริย์แล้วเล่าให้ฟังทุกประการ พระถังซัมจั๋งได้ฟังดังนั้นก็โทมนัศร้องไห้แล้วพูดว่า ถ้าดังนั้นจะทำอย่างไรดี เห้งเจียพูดว่าข้าพเจ้ากลับมาเพื่อพาซัวเจ๋งไปช่วยกัน คือข้าพเจ้าจะคอยต้อนตีอ้ายยู่อี่จินเซียมไว้ แม้ได้ช่องให้ซัวเจ๋งเข้าตักน้ำ พระถังซัมจั๋งว่าไปทั้งสองคนแล้ว อาตมภาพกับโป๊ยก่ายก็เจ็บจะได้ผู้ใดปฏิบัติรักษาเล่า
ฝ่ายยายเฒ่าเจ้าของบ้านจึงพูดว่า ท่านผู้เปนเจ้าขอจงวางใจเถิด พวกข้าพเจ้าจะขอรับดูแลเอง พวกท่านก็จวนเวลาการที่จะคลอด ข้าพเจ้ามีความสงสารแก่ท่าน จะมีความลำบากมาก พวกข้าพเจ้าเห็นฤทธาอานุภาพสานุศิษย์ของท่านเชี่ยวชาญ เหาะเหินเดินอากาศได้ พวกข้าพเจ้าก็ทราบว่าท่านเปนผู้มีอะภินิหารบารมีธรรมมากแก่กล้าเปนอันขาดพวกข้าพเจ้าไม่อาดทำร้ายท่าน เห้งเจียร้องเอ๊ะพวกท่านเปนผู้หญิงจะคิดฆ่าใครได้ ยายเฒ่าหัวเราะแล้วพูดว่า นี่หากพวกท่านพากันมาที่บ้านข้าพเจ้าก่อน ถ้าหากว่าเลยไปหมู่บ้านที่สองก็จะลอดไปไม่พ้น
โป๊ยก่ายกำลังครางอยู่ได้ยินดังนั้น ถามว่าจะลอดไม่พ้นจะเปนอย่างไร ยายเฒ่าบอกว่าในบ้านข้าพเจ้านี้มีห้าหกคนก็มีอายุมากด้วยกันทุกคน แลความกำหนัดในการประเวณีย์ก็หมดสิ้นฤดูแล้ว เพราะฉนั้นจึงไม่คิดความที่จะทำลายท่านได้ หมู่บ้านที่สองนั้นอายุก็กำลังรุ่นเรี่ยวแรงด้วยความกำหนัดในการประเวณีย์ ที่ไหนเลยจะยอมให้ท่านลอดพ้นไปได้ คงจะจับไว้รวมประเวณีย์แก่พวกเขาเปนแน่ แม้พวกท่านไม่ยอมก็จะช่วยกันจับฆ่าเสีย แลตัดเพศในตัวท่านไปที่ไหนเลยชีวิตรจะได้ลอดไปได้ โป๊ยก่ายพูดว่าถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าคงไม่เปนไรเพราะเนื้อข้าพเจ้าเปนหมู จะตัดเอาไปก็เหม็นคาว ถ้าเห็นดังนั้นจะตัดเอาของข้าพเจ้าไปทำไม เห้งเจียหัวเราะว่าอย่าพูดให้มากไปจงฝ่าฝืนกำลังไว้จะได้ออกลูก เห้งเจียก็ยืมถังเอาเชือกของยายเฒ่าส่งให้ซัวเจ๋งพร้อมกันเหาะไปบัดเดี๋ยวก็ถึงเขาเก๊ยเอี๊ยงซัวลงยังพื้น เห้งเจียจึงสั่งซัวเจ๋งว่าน้องจงส้อนแอบคอยดู แม้พี่ฬ่อมันออกนอกแล้วเวลารบกันชุลมุน ก็รีบไปที่บ่อตักเอาน้ำไปก่อน เห้งเจียสั่งซัวเจ๋งเสร็จแล้ว ก็ถือตะบองมายังประตูถ้ำ ร้องเรียกให้เปิดประตู ตาเฒ่าเต้าหยินก็วิ่งเข้าไปบอก
ฝ่ายยู่อี่จินเซียมได้ฟังก็โกรธถือขอเหล็กออกมาที่ประตูถ้ำ ตวาดว่าอ้ายลิงมึงจะมาทำไมอิกเล่า เห้งเจียตอบว่าเราจะมาเอาน้ำ ยู่อี่จินเซียมพูดว่า อันบ่อนี้เปนบ่อของเราได้ปกครองเปนเจ้าของรักษามาช้านาน แม้ว่าพระยามหากระษัตริยเจ้านายขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยจะต้องการ ก็ต้องมีเครื่องของกำนันหมูเป็ดไก่เล่าคาวหวานมาคำนับเราจึงจะได้ไป อันตัวเจ้ากับเราเปนผู้ไม่ชอบกัน จะขืนมามือเปล่าจะให้เจ้าอย่างไรได้ เห้งเจียถามว่าเอ็งจะไม่ยอมให้เราแน่ละหรือ ยู่อี่จินเซียมว่า ข้าไม่ยอมให้เจ้าเปนแน่แล้ว เห้งเจียแกว่งตะบองกระโจมตี จินเซียมยกขอเหล็กขึ้นรับรบกันไปมาที่น่าประตูถ้ำ ฬ่อไล่กันไปข้างชายเขา ซัวเจ๋งเห็นได้ที ก็ตรงเข้าไปในถ้ำ เดินมาที่บ่อแลไปเห็นตาเฒ่าเต้าหยินออกมากั้นถามว่าเจ้าคนนี้มาแต่ไหนเข้ามาทำไมที่นี่ จะเข้ามาตักน้ำหรือ
ซัวเจ่งก็วางถังลงชักพลองออกตีตาเฒ่าทีหนึ่งถูกที่แขนขวาหักล้มลงร้องดินร้องฟ้าอึกกะทึกแล้วก็คลานหนีไปข้างใน ซัวเจ๋งก็เอาถังลงไปในบ่อตักน้ำได้แล้วก็หิ้วออกพ้นประตูสำนักแล้วก็เหาะไปร้องตะโกนเห้งเจียว่าพี่ปล่อยมันเสียเถิด ข้าพเจ้าตักน้ำได้แล้ว เห้งเจียได้ยินซัวเจ๋งร้องบอกดังนั้น ก็ยั้งมือพูดว่า จินเซียมจงฟังข้าพูด เราตั้งใจจะตีเจ้าให้สิ้นชีวิตร เพราะเจ้าทำผิดแต่ยังไม่ถึงที่ตาย เพราะข้ารู้อยู่ว่าเจ้าเปนพี่น้องของงู่หม้ออ๋อง บัดนี้น้องเราก็เอาน้ำทำได้แล้วเรายกโทษให้เจ้า แม้ว่าภายหลังมีผู้ใดมาจะเอาน้ำ เจ้าอย่าได้ขัดขืนอย่างนี้ต่อไป จินเซียนก็ไม่เชื่อฟังตรงเข้ามายกตะขอเหล็กจะตีเห้งเจีย เห้งเจียหลบทันกระโดดรุกเข้าใกล้กระชากแย่งเอาตะขอเหล็กมาได้ก็หักเสียเปนสองท่อนแล้ว รวมเข้าสองท่อนหักเสียอีกเปนสี่ท่อนโยนทิ้งลงกับพื้นแล้วพูดว่า อ้ายสัตว์เดรฉาน มึงอาจสามารถถึงอย่างนี้หรือ จินเซียมเห็นดังนั้น มีความอดสูเปนที่สุดร่างกายสั่นระเทิ้มไปทั้งกาย เห้งเจียหัวเราะแล้วก็เหาะตามซัวเจ๋งมา เห้งเจียซัวเจ๋งพากันเหาะมาบัดเดี๋ยวก็ถึงบ้านที่พักอาไศรยเดินเข้าไปในบ้าน เห็นโป๊ยก่ายนั่งพิงประตูกุมท้องร้องคราง เห้งเจียถามว่าเมื่อไรโป๊ยก่ายจะอยู่ไฟ โป๊ยก่ายว่าพี่อย่าหัวเราะเยาะเลยพี่ไปได้น้ำมาหรือเปล่า ซัวเจ๋งเดินตามหลังมาบอกว่าได้น้ำมาแล้ว พระถังซัมจั๋งพูดว่าทำให้ศิษย์ทั้งสองได้ความลำบากมาก
ฝ่ายยายเฒ่าในบ้านก็พากันดีใจพูดสรรเสริญ เห้งเจียว่าศิษย์อย่างนี้หายากนัก ยายเฒ่าก็เอาถ้วยอย่างงามตักเอาน้ำที่เอามานั้นถวายพระถังซัมจั๋งให้ฉัน แล้วบอกว่าท่านอาจาริย์ค่อย ๆ ฉันเถิด สักถ้วยหนึ่งท้องนั้นก็จะยุบหายไปเอง
โป๊ยก่ายว่าข้าพเจ้าไม่ต้องเอาถ้วยชามใส่ดอก จะกินทั้งถังอย่างนั้นก็ได้ ยายเฒ่าพูดว่าท่านกินอย่างนั้นจะมิฆ่าตัวเสียหรือ แม้ว่ากินหมดทั้งถังก็จะไหลออกมาทั้งสิ้น โป๊ยก่ายตกใจพูดว่า ถ้ากระนั้นข้าพเจ้าไม่กล้ากินมาก ขอครึ่งถ้วยก็พอ โป๊ยก่ายก็กินเข้าไปครึ่งถ้วย สักประเดี๋ยวพระถังซัมจั๋งทั้งโป๊ยก่ายท้องก็ลั่นครืดคราดไปพักหนึ่ง โป๊ยก่ายอดทนไม่ได้ทั้งอุจาระปัศสาวะก็ไหลออกมา พระถังซัมจั๋งคิดจะออกไปนอกบ้านหาที่ลับถ่ายอุจาระ เห้งเจียห้ามว่าอย่าออกไปเลย วิตกจะไปต้องลมร้ายโรคจะกำเริบขึ้น จะทำให้เกิดความเดือดร้อนมากไป
ยายเฒ่าเจ้าของบ้านไปเอาถังมาสองใบตั้งไว้สำรอง บัดเดี๋ยวใจพระถังซัมจั๋งกับโป๊ยก่ายในท้องก็หายเจ็บ ที่ก่อเปนก้อนโลหิตก็หายยุบท้องก็เล็กไปเหมือนอย่างเดิม ยายเฒ่าก็ไปต้มเข้าต้มน้ำแล้วก็ยกมาให้กินแก้ระหวย โป๊ยก่ายพูดว่าท่านยายขอน้ำให้สะล้างก่อนแล้วกินเข้าต้มจึงจะดี ยายเฒ่าก็ไปต้มน้ำร้อนยกมาตั้งไว้ พระถังซัมจั๋งกับโป๊ยก่ายก็มาอาบน้ำชำระกายแล้วก็ฉันเข้าต้ม พระถังซัมจั๋งฉันได้สองชาม โป๊ยก่ายกินได้ถึงสิบสี่สิบห้าชาม เห้งเจียหัวเราะพูดว่า อ้ายหมูอย่ากินมากนักท้องจะครากตาย ยายเฒ่าเห็นโป๊ยก่ายกินได้มากจึงสั่งให้จัดแจงหุงข้าวมาเติมอิก
ยายเฒ่าบอกแก่พระถังซัมจั๋งว่า น้ำที่เหลือนั้นขอไว้ให้ข้าพเจ้าเถิด เห้งเจียจึงอะนุญาตว่า ท่านยายจะเอาไว้ทำอะไรก็ตามแต่ใจท่านยายเถิด ยายเฒ่าก็เอาขวดใส่แล้วนำไปฝังไว้ในบ้าน บอกว่าน้ำในขวดนี้ข้าพเจ้าจะเอาไว้ใส่โลง คนทั้งหลายต่างมีความยินดี ครั้นเข้าสุกแล้วก็จัดยกมาถวาย พระถังซัมจั๋งกับศิษย์กินเสร็จแล้วก็พักอยู่คืนหนึ่ง พอรุ่งแจ้งฉันแล้วอาจาริย์กับศิษย์ต่างก็ลายายเฒ่าแลคนในบ้านใหญ่น้อยทุก ๆ คนแล้วก็ออกจากบ้านเดินไป