ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก

๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ พร้อมพระญาติเผ่าพงศ์พวกวงศา
ต่างนัดหมายถึงกันให้สัญญา แต่บรรดาพลรบสมทบกัน
ยกเข้าล้อมป้อมปราการชานสมุทร ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน
พอฤกษ์ดีตีกลองฆ้องสำคัญ โห่สนั่นครั่นครื้นยิงปืนไฟ ฯ
๏ ฝ่ายพหลพลรบที่ในด่าน อลหม่านเรียกกันเสียงหวั่นไหว
บ้างขึ้นป้อมพร้อมพรั่งระวังภัย ลากปืนใหญ่ขึ้นเชิงเทินเนินกำแพง
ท้าวโกสัยให้ทหารชำนาญรบ เร่งสมทบโรมรันด้วยขันแข็ง
ทั้งปีกซ้ายปีกขวาประดาแซง คอยต่อแย้งฟาดฟันประจัญบาน
พระมังคลาพาทหารออกต้านหลัง ไม่รอรั้งขึ้นม้าด้วยกล้าหาญ
ถือง้าวทวนวิ่งโลดโดดทะยาน เข้าต่อต้านชิงชัยทั้งไพร่นาย ฯ
๏ ฝ่ายพหลพลลังกาอาณาจักร เข้าพร้อมพรักรบพุ่งยุ่งใจหาย
พวกฝรั่งหลอมตะกั่วทั้งคั่วทราย เอาสาดปรายเทลงมาหน้าเชิงเทิน
พวกทัพไทยคอยบังเอาหนังปิด ตรงเข้าชิดไล่วกระหกระเหิน
บันไดพาดดาษดาหน้าเชิงเทิน เอาพะเนินตีฝรั่งพังเสมา
ทหารพวกวาโหมเข้าโจมจับ ฝรั่งรับยิงพื้นแต่ปืนผา
พวกวาโหมคงทนด้วยมนตรา ตีประดาเข้าไปได้ในปราการ
ท้าวโกสัยมังคลานราราช ไล่พิฆาตพวกพหลพลทหาร
ชักกระบี่ตีม้าอาชาชาญ ต้อนทหารกองแซงแกว่งสาตรา
ทั้งกองหลังมลายูธนูศิลป์ ปืนคาบหินเขนทองกองอาสา
ถือเสน่าหลาวโล่โตมรา เครี่องสาตราถ้วนทั่วทุกตัวคน
เข้ารับรองป้องกันกระชั้นชิด สำแดงฤทธิ์พุ่งสาตราดั่งห่าฝน
ตะลุมบอนต้อนขับถึงอับจน แต่พวกพลข้างฝรั่งไม่ตั้งกาย
ดีแต่รบห่างห่างทางปืนใหญ่ แม้นเข้าใกล้เต็มทีต้องหนีหาย
จะยิงปืนไม่ถนัดกระจัดกระจาย พลนิกายแตกยับถอยทัพมา
บ้างแตกกลาดดาษดาถูกอาวุธ ที่สิ้นสุดดับชีวังถึงสังขาร์
ทั้งเจ็ดทัพคับคั่งประดังมา เข้าพาราด่านได้ดั่งใจปอง
พระมังคลาพาพหลพลทหาร ออกนอกด่านไปกับเมียเสียข้าวของ
แตกตะเพิ่นเยินยับทุกทัพกอง เห็นเป็นรองถอยไปไกลทะเล
พวกกำปั่นเทวสินธุ์นรินทร์รัตน์ จึงให้จัดเรือกำปั่นออกหันเห
แล่นเข้าไปชายหาดคาดคะเน คอยเอาเภตราประทับจะรับพล ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง ถอยมาตั้งชายทะเลระเหระหน
กับท่านท้าวโกสัยแลไพร่พล คิดผ่อนปรนที่จะกลับกองทัพไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง แกนั่งง่วงอยู่ท้ายเรือเหลือวิสัย
ทั้งหิวหอบบอบช้ำระกำใจ พอคลื่นใหญ่ค่อยสงบกระทบเรือ
คลานออกมาจากห้องเดินซ่องแซ่ง สิ้นเรี่ยวแรงยืนหันให้ฟั่นเฝือ
ร้องเรียกคนพลไพร่ที่ในเรือ ให้ขนเสื้อขนผ้าออกมากอง
จะเผาไฟเสียให้สิ้นมลทินโทษ เพราะพระโกรธพวกเราจึ่งเศร้าหมอง
บันดาลให้มืดมัวขนหัวพอง จำจะต้องเผาไฟให้ไหม้โชน
จึ่งจะสิ้นเคราะห์กรรมเหมือนคำกล่าว อันเรื่องราวเช่นเขาว่าตำราโหร
เอาผ้าผ่อนเผาไฟให้ไหม้โชน แล้วหยิบโยนเสียในน้ำดั่งตำรา
กูเห็นจะบางเบาบรรเทาโทษ พระคงโปรดพวกเราเอาเถิดหวา
แม้นกลับไปได้ถึงฝั่งเกาะลังกา ทั้งเสื้อผ้าถมไปคงได้การ ฯ
๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น จึ่งว่าท่านสนทนาดั่งว่าขาน
ข้าพเจ้าคนจนเหลือทนทาน หนาวสะท้านยังไม่คลายวายอาวรณ์
เมื่อเกณฑ์มาผ้าเสื้อใช่เหลือล้น จะได้ขนเผาไฟให้ไหม้หมอน
แม้นมิถึงลังกาเหมือนอาวรณ์ จะมินอนหนาวตายในทะเล
บาทหลวงโกรธโกรธาด่าโขมง อ้ายพวกโกงนี่กระไรพูดไพล่เผล
ไม่อยู่ในถ้อยคำทำเกเร พูดโว้เว้ขัดกูผู้เป็นนาย
แม้นมิถอดเสื้อผ้าออกมาเผา พระเป็นเจ้าท่านจะริบมึงฉิบหาย
เหมือนเราว่าจะสะเดาะให้เคราะห์คลาย ตามอุบายมีไว้ในตำรา
พวกต้นหนคนเหล่านั้นหันมาถาม ว่าเคราะห์นามใครลำคุณเจ้าขา
กระผมเป็นพลไพร่เขาใช้มา อันเสื้อผ้าของท่านเล่าเผาเหมือนกัน
หรืออย่างไรโปรดให้ข้าแจ้งก่อน ที่ทุกข์ร้อนโดยจริงทุกสิ่งสรรพ์
บาทหลวงโกรธโกรธาตาเป็นมัน แกดุดันด่าเปรี้ยงขึ้นเสียงอึง
กูจะเผาทำไมใช่ธุระ กูเป็นพระเป็นครูกูรู้ถึง
จะดับทุกข์ให้สะดวกที่พวกมึง จึ่งรำพึงโดยฉบับตำหรับตำรา ฯ
๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น จึงว่าท่านจะมาสั่งยังกังขา
จะให้เผาเสื้อไพร่ที่ใส่มา แต่บรรดาคนทั้งหลายเขาไม่ยอม
ถึงจะตายไปก็ตามเมื่อยามเข็ญ จะยากเย็นมิได้กลัวจะคั่วหลอม
สะเดาะเคราะห์เช่นนี้ข้ามิยอม จะรอมชอมเผาจี่เช่นชีเปลือย
กลัวเปลี่ยวดำจับตายวายชีวิต คุณช่างคิดให้ลำบากยากใจเหือย
แม้นมิสมว่าไว้เช่นไก่เดือย มิขันเจื้อยอยู่เปล่าเปล่าหรือเจ้าคุณ ฯ
๏ บาทหลวงโกรธเต็มประดาแกด่าโผง อ้ายพวกโกงขาดเหลือไม่เกื้อหนุน
กูคิดซึ่งการดีจะมีคุณ เดชะบุญจะได้ไปเหมือนใจจง
อันตัวกูผู้แม่ทัพบังคับขาด ใครองอาจจะกระจุยเป็นผุยผง
เอากฎหมายใส่บทถึงปลดปลง กูจะลงโทษมึงให้ถึงตาย ฯ
๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนพลทหาร จึงว่าขานโดยคดีไม่หนีหาย
อาญาศึกย่อมรู้เป็นผู้ชาย แต่กฎหมายบทนี้ยังมิเคย
ครูที่ไหนที่จะให้เอาเสื้อเผา ผิดสำเนาผู้มีบุญเจ้าคุณเอ๋ย
อาญาทัพอย่างไรยังไม่เคย ผิดก็เลยกฎหมายถึงวายปราณ ฯ
๏ บาทหลวงแค้นเต็มประดาเหมือนยาพิษ แต่จนจิตร้อนเริงดั่งเพลิงผลาญ
แม้นมังคลามาด้วยได้ช่วยการ จะล้างผลาญอ้ายเหล่านี้ที่ไม่กลัว
แล้วอดใจยับยั้งช่างมันก่อน พอหายร้อนกูจะมัดจับตัดหัว
ให้สมแค้นแน่นใจที่ไม่กลัว แกหมองมัวใจจิตคิดรำพึง
พอพบอ้ายมังคลาสานุศิษย์ จะจับผิดมันให้ได้เมื่อไปถึง
ปรึกษาโทษที่มันดื้อไม่อื้ออึง พอไปถึงกูจะทำให้หนำใจ
ครั้นจะขืนแข็งขันมันก็มาก แล้วก็ยากที่จะคิดผิดวิสัย
เพราะกูเป็นแต่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ ด้วยมิใช่ถิ่นฐานในบ้านเมือง
จำจะต้องชวนชี้เอาดีต่อ แล้วจึงก่อไปข้างหน้าให้ตาเหลือง
คงจะคิดตอบแทนที่แค้นเคือง ยกเอาเรื่องอาญาศึกค่อยตรึกตรอง
พอจวนรุ่งสุริยาภาณุมาศ ที่อากาศค่อยสว่างกระจ่างหมอง
ลมค่อยเลิกไม่สู้แรงเห็นแสงทอง อาทิตย์ส่องในนภางค์เหมือนอย่างเย็น
พวกพหลพลไกรในกำปั่น ก็ชวนกันเซ็งแซ่เพราะแลเห็น
ค่อยสบายคลายคราวที่หนาวเย็น จึงค่อยเว้นวายวิตกในอกใจ ฯ
๏ บาทหลวงค่อยอิ่มเอมเกษมสุข บรรเทาทุกข์นึกพะวงให้สงสัย
เอาแผนที่คลี่วางตรวจทางไป หลงมาไกลเต็มประดาสักห้าวัน
แกสั่งให้ไพร่พลคนทั้งหลาย ทั้งนายท้ายรีบร้อนเร่งผ่อนผัน
ให้ตั้งเข็มไว้ให้คงตรงตะวัน แม้นสุริย์ฉันฉายส่องท้องนภางค์
ให้ชักใบใส่รอกออกกำปั่น จงพร้อมกันเร่งรัดอย่าขัดขวาง
พอสุริเยนทร์เด่นดวงช่วงนภางค์ แจ่มกระจ่างทั่วชลาในสาคร
บาทหลวงค่อยบางเบาบรรเทาทุกข์ เกษมสุขภิญโญสโมสร
ได้ลมดีมีมาในสาคร ให้รีบร้อนชักใบในเภตรา
แล่นสลับคับคั่งตั้งแต่เช้า ได้ลมว่าวพัดผันต่างหรรษา
ต่างแล่นรายหมายจำเพาะเกาะลังกา บาทหลวงว่าแก่ทหารชาญณรงค์
นี่หากว่าพระเป็นเจ้าของเราช่วย จะไม่ม้วยมรณาพากันหลง
เพราะกูสวดอวยชัยให้พระองค์ จึ่งได้คงชีวามาด้วยกัน
บาทหลวงเฒ่าเข้าห้องนอนตรองตรึก จะทำศึกเอาให้ได้ไอศวรรย์
ผลาญอ้ายพวกปัจจามิตรมาติดพัน เอาให้มันย่อยยับอัปรา
แล้วลุกจากห้องหับจับเอากล้อง เขม้นมองดูพลันด้วยหรรษา
เห็นไรไรแถวละเมาะเกาะลังกา ให้ล้าต้าต้นหนคนในเรือ
เอาเข็มตั้งข้างอิสานต่อบูรพทิศ แล่นไปชิดคุ้งใหญ่ข้างฝ่ายเหนือ
แล้วดูลมติดใบข้างท้ายเรือ ไปข้างเหนือลมจัดถนัดใบ
พอจวนค่ำย่ำแสงพระสุริยง จะอัสดงลับเงาเขาไสว
กำปั่นแล่นตามเรียงเคียงกันไป เกือบจะใกล้ฟากฝั่งเกาะลังกา ฯ
๏ บาทหลวงจับเอากล้องมองเขม้น พอแลเห็นเรือทอดจอดนักหนา
ให้รอรั้งฟังกระบวนจวนเวลา แม้นเสียท่าจะวิบัติกำจัดไกล
เห็นกำปั่นนั้นก็มากที่ปากน้ำ ทอดประจำรายเรียงเคียงไสว
เราหยุดยั้งฟังดูอยู่แต่ไกล ฉวยเข้าไปปัวเปียจะเสียเชิง
ฉวยมันบุกรุกรบหลบไม่ได้ จะแตกไปร้างเริศเตลิดเหลิง
เข้าแอบเกาะฟังดูคงรู้เชิง จะแล่นเหลิงเข้าไปใกล้ถ้าไม่ดี
พวกต้นหนคนประจำเรือกำปั่น ให้แล่นหันเข้าไปทางหว่างวิถี
เห็นเกาะขวางกลางวนชลธี ก็แล่นรี่เข้าจอดทอดเภตรา
ทั้งเรือรบเรือไล่เข้าไปแอบ ที่ช่องแคบชายกระสินธุ์บังหินผา
บาทหลวงให้พวกพหลพลเภตรา ถือปืนผาคอยระวังทั้งนั่งยาม
ผลัดกันนั่งผลัดกันนอนได้ผ่อนพัก หยุดสำนักเข้าไปทอดจอดออกหลาม
พอเดือนแจ้งแสงดาวขึ้นวาววาม แสงอร่ามจับละเมาะตามเกาะเกียน
บาทหลวงออกนอกห้องมองเขม้น เห็นเมฆเด่นสีขาวราวกับเขียน
เป็นรูปสัตว์มัจฉาปลาตะเพียน ฉวัดเฉวียนบนอากาศดาษดา
ขึ้นลอยเด่นเห็นข้างบูรพทิศ เป็นนิมิตที่ในทางกลางเวหา
แกเปิดแผนที่ดูรู้ตำรา อันเมฆคือนิมิตพิสดาร
เขาทำนายทายว่าประจามิตร ที่ในทิศบูรพาทิศาศาน
จะกล้าแข็งแรงฤทธิ์คิดรำคาญ เมฆบันดาลบนนภางค์กลางโพยม
พิเคราะห์ดูในตำราว่าข้าศึก จะหาญฮึกแรงนักเข้าหักโหม
จำจะคิดคลึงเคล้าค่อยเล้าโลม แม้นรุกโรมจะได้รับกองทัพชัย
แกตรองตรึกนึกจะแก้ค่อยแปรผัน ที่ในชั้นเชิงตรองให้ผ่องใส
คงจะคิดผ่อนปรนให้พ้นภัย ตามที่ในกลศึกค่อยตรึกตรอง
ไม่หลับนอนร้อนใจจนไก่ขัน คิดผ่อนผันจะแก้กลที่หม่นหมอง
ดูตำนานการศึกนั่งตรึกตรอง คีตหาช่องในตำหรับไม่หลับนอน
จนเกือบรุ่งรางรางน้ำค้างหยัด พระพายพัดโรยรินกลิ่นเกสร
บุปผาสดรสจรุงฟุ้งขจร บนสิงขรกลางวนชลธาร
ฝูงวิหคนกร้องก้องสนั่น ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกหวาน
โกกิลากาสักบนคัคนานต์ เสียงประสานกึกก้องท้องชลา
ทั้งเหมหงส์ส่งเสียงสำเนียงแจ้ว ดุเหว่าแว่วร่ำร้องก้องเวหา
ภุมรินบินเคล้าเฝ้าผกา พระสุริยาไขสีรวีวรรณ
กระจ่างแจ้งแสงทองส่องอากาศ ภาณุมาศลอยสว่างทางสวรรค์
พวกพหลคนตื่นฟื้นขึ้นพลัน ก็ชวนกันหุงหาข้าวปลากิน
บ้างขึ้นเกาะเสาะหาผลาผล ที่ลางคนลงท่าชลาสินธุ์
จับปูหอยมัจฉาในวาริน ขึ้นมากินตามประสงค์จำนงปอง ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชชาติอังกฤษ แกนั่งคิดหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง
ลุกออกจากท้ายบาหลีให้ตีกลอง โดยทำนองคนประจำทุกลำเรือ
แล้วเรียกหานายกองรองฝรั่ง เข้ามาสั่งเองจงไปข้างฝ่ายเหนือ
ไปสืบข่าวให้ได้ความดูตามเรือ เห็นล้นเหลือแต่กำปั่นสักพันลำ
เองจะไปให้เขาเห็นเป็นลูกค้า ไปพูดจาลวงล่อเอาข้อขำ
ให้จงได้ในประสงค์แล้วจงจำ เอาข้อคำนั้นมาแจ้งอย่าแพร่งพราย
จงรีบรัดจัดแจงแปลงเป็นแขก ให้มันแปลกเหมือนกับมาเที่ยวค้าขาย
เอาให้ได้เหตุผลกลอุบาย ฟังแยบคายเร่งไปให้ได้การ
กูจะคอยอยู่ที่นี่เห็นลี้ลับ จงกำชับพวกเราเหล่าทหาร
แกสั่งเสร็จโดยพลันมิทันนาน พวกทหารถอนสมอขันช่อใบ
ออกกำปั่นแล่นมาจากหน้าเกาะ ข้ามละเมาะล่องตามสายน้ำไหล
เห็นกำปั่นทอดเคียงเรียงแต่ไกล จึงเข้าไปส่งภาษามลายู ฯ
๏ ฝ่ายพวกท้าวรายาชวาแขก เห็นเรือแปลกพูดเพราะเสนาะหู
จึ่งปราศรัยไต่ถามพวกล่ามดู ว่าท่านผู้นายกำปั่นจะสัญจร
ไปเมืองไหนบอกให้เราแจ้งเหตุ อยู่ประเทศทิศใดใกล้สิงขร
หรือมาเที่ยวในทะเลพเนจร หรือการร้อนจะไปหนตำบลใด ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งแปลงกายเป็นชายแขก เห็นพูดแปลกกิริยาอัชฌาสัย
จึงสั่งพวกล้าต้าให้ซาใบ แอบเข้าไปทอดเคียงพอเรียงลำ
พวกชวาปราศรัยแล้วไต่ถาม จึ่งแจ้งความว่าจะไปเมืองไหหลำ
เห็นท่านทอดจอดรายอยู่หลายลำ แต่ล้วนกำปั่นรบสมทบกัน
จะมาตีลังกาอาณาเขต หรือมีเหตุสิ่งไรในไอศวรรย์
ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความพลัน เราเป็นพรรค์ลูกค้าเที่ยวหากิน ฯ
๏ ประเทศใดเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน ก็ผันผ่อนเที่ยวไปดั่งใจถวิล
ไปค้าขายจ่ายแจกเที่ยวแลกกิน ตามแถวถิ่นที่ประสงค์ในคงคา ฯ
๏ ฝ่ายพวกแขกเมืองชวาอาณาเขต จึ่งเล่าเหตุให้ฟังที่กังขา
อันกำปั่นท่านท้าวเจ้าชวา เสด็จมากับหลานผ่านบุรินทร์
จากประเทศเขตพาราเมืองกาหวี กษัตริย์ศรีทรงพระนามเทวสินธุ์
พระอนุชาที่สองครองบุรินทร์ เทพจินดารัตน์กษัตรา
องค์ที่สามราเมศเกศมงกุฎ กษัตริย์สุดเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
กับไทท้าวเจ้าประเทศเขตชวา ท้าวเธอพาพระเจ้าหลานในว่านเครือ
มาตามองค์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง ไปเที่ยวทั้งปากใต้ทั้งฝ่ายเหนือ
พอมาพบรบรันกันเป็นเบือ จึ่งรอเรือคอยท่าในสาคร
แม้นข้าศึกใดมาจากท่าน้ำ ให้ประจำชายตลิ่งริมสิงขร
สั่งให้คอยป้องกันหน้าสันดอน จะคอยต้อนรบรับกองทัพไทย
พวกเรือใช้ได้ความตามประสงค์ สมจำนงยินดีจะมีไหน
จึ่งเสแสร้งแกล้งว่าขอลาไป อยู่ไม่ได้รบพุ่งกันรุงรัง
ข้าพเจ้าเล่าก็เป็นแต่ลูกค้า เกิดรบราพวกน้อยต้องถอยหลัง
ขอลาท่านไปให้พ้นจากวนวัง แล้วถอยหลังเรือออกนอกสันดอน
พวกชวาว่าไปเสียให้ลับ จงรีบกลับไปแอบอิงริมสิงขร
แล้วข้ามไปเสียให้ไกลเขตนคร เขาราญรอนรบกันจะบรรลัย
อันเรือเราเล่าก็เล็กเหมือนเด็กน้อย กระจ้อยร่อยรีบไปหาที่อาศัย
ก็พากันรีบกลับไปฉับไว แล้วใช้ใบแล่นมาจากท่าพลัน
ถึงละเมาะเกาะขวางหนทางแอบ เข้าช่องแคบปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
บาทหลวงเห็นเภตรากลับมาพลัน แกลุกหันออกมานั่งจะฟังความ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ