ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก

๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมณฑาสวรรค์ สถิตที่แท่นสุวรรณบรรจถรณ์
แต่ธิดาสามีจากนคร เป็นทุกข์ร้อนโศกซ้ำระกำกรอม
เสวยยาอย่างไรก็ไม่หาย ถึงปีปลายโศกรูปจนซูบผอม
ชันษาห้าสิบสามยังงามพร้อม เหมือนแก่หง่อมเต็มประดาด้วยอาดูร
พอได้ข่าวราวกับว่าได้ยาทิพย์ มายกหยิบโรคร้ายให้หายสูญ
ทรงภูษาพาพระวงศ์พงศ์ประยูร มาพร้อมมูลคอยท่าอยู่หน้าแพ
ฝ่ายสุรางค์นางสนมที่ตรมจิต สำคัญคิดว่าเสด็จมาด้วยแน่
บ้างผัดหน้าทาขมิ้นร่ำกลิ่นแพร ลงมาแพนั่งพับเพียบดูเรียบเรียง
เหล่าเสนาสามนต์คนทั้งหลาย ทั้งหญิงชายสาวแก่ออกแซ่เสียง
มาคอยรับคับคั่งนั่งเคียงเคียง ดูพร้อมเพรียงไพร่ฟ้าเสนาใน ฯ
๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์เศร้าหมองไม่ผ่องใส
เผยพระแกลแลดูปราสาทชัย จะขาดใจเสียด้วยคิดถึงบิดา
พระชลนัยน์ไหลหลั่งนั่งสะอื้น อุตส่าห์ขืนใจชวนโอรสา
ทั้งอรุณรัศมีศรีโสภา ให้สองราสรงสนานสำราญใจ
แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์พรายพร่างสว่างไสว
นางทรงแต่งภูษาผ้าสไบ ชวนสาวใช้พรั่งพร้อมล้อมลีลา
เห็นองค์พระอภัยมณีศรีสุวรรณ อยู่พร้อมกันเก๋งใหญ่ใจประหม่า
ประณตนั่งบังคมก้มพักตรา พระอนุชาไหว้นางอย่างทุกที
นางรับหัตถ์ตรัสสนองพระน้องนาถ ขอลาบาทบงกชบทศรี
ไปในวังบังคมพระชนนี ต่อพรุ่งนี้จึงจะพากันมาเชิญ
อันคุณของสององค์พระทรงเดช ดังบิตุเรศรักบุตรสุดสรรเสริญ
ทั้งอุตส่าห์มาส่งจงเจริญ อย่าเพ่อเหินห่างให้อาลัยลาน
สักเดือนหนึ่งจึงค่อยกลับไปนคเรศ จงโปรดเกศน้องรักพักทหาร
ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มเอื้อนโองการ กระหม่อมฉานดอกนะจะทูลลา
นางเข้าใจไม่ตอบคำพระน้อง ทูลสนองบทเรศพระเชษฐา
สินสมุทรแม่อรุณจะทูลลา จะเมตตาหรือจะไม่ให้ไปตาม
๏ พระอภัยได้ฟังนั่งชม้าย เห็นนางอายอางขนางระคางขาม
จึงตรัสตอบปลอบประโลมนางโฉมงาม ใครห้ามปรามเมื่อไรเล่าเยาวมาลย์
ถึงมาดแม้นแค้นขัดตัดผู้ใหญ่ จะจงใจช่วยปลูกแต่ลูกหลาน
อันตัวพี่นี้จะเกณฑ์เข้าเวรงาน หรือจะหาญหักบาญชีเป็นชีเว ฯ
๏ นางกลั้นยิ้มพริ้มพรายภิปรายสนอง มิใช่น้องนี้จะแกล้งมาแสร้งเส
เมื่อแรกมาท่าทางกลางทะเล เหมือนอยู่เคหาไกลมิได้มา
จะจากเรือเผื่อองค์พระทรงฤทธิ์ จะเคืองจิตเจียมตัวกลัวหนักหนา
คาดพระทัยไม่ถูกจึงทูลลา พระเมตตาเหมือนกระนี้น้องดีใจ
ซึ่งจะอยู่บูรีจงตรีตรึก ฉวยเกิดศึกทรงฤทธิ์จะคิดไฉน
อุศเรนเป็นกันเองไม่เกรงใจ หรือจะให้พึ่งพาบารมี
แล้วทูลลาพาลูกกับหลานเลี้ยง ประคองเคียงซ้ายขวามารศรี
ลงเรือน้อยลอยแล่นเข้าธานี ประทับที่ตำหนักแพแลชำเลือง
เห็นพระวงศ์พงศาคณาสนม ต่างระทมทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง
ฝืนดำรงองค์นางค่อยย่างเยื้อง มาเฝ้าเยื้องบาทยุคลพระชนนี
ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราก คิดถึงยากยามเข็ญปิ้มเป็นผี
สะอื้นอั้นกันแสงไม่สมประดี วิสัญญีภาพนิ่งไม่ติงกาย
พระมารดรกรกอดพระลูกรัก เห็นซบพักตร์นิ่งไปก็ใจหาย
สะอื้นร่ำน้ำพระเนตรลงพรั่งพราย เป็นไรสายสวาทไม่ไหวกายา
เออผิดแล้วแก้วตาของแม่เอ๋ย นี่ทรามเชยสิ้นชีวังกระมังหนา
สะอื้นแอบแนบชิดพระธิดา นางพระยานิ่งซบสลบไป
ฝ่ายแสนสาวชาวแม่ต่างแซ่ซ้อง ประคองร้องกรีดกราดเสียงหวาดไหว
บ้างนวดเคล้นเส้นพระศอสองอรไท ก็กลับได้สมประดีค่อยมีมา ฯ
๏ นางมณฑาว่าแต่พรากไปจากแม่ เฝ้าตั้งแต่คอยคอยละห้อยหา
สายสุดใจได้คืนมาพารา พระบิดาไปอยู่หนตำบลใด ฯ
๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร สะอื้นอ้อนทูลแจ้งแถลงไข
เหมือนเรื่องหลังครั้งไปปะพระอภัย แล้วใช้ใบกลับมาในวาริน
พอเรือแตกแยกย้ายในสายสมุทร พระราชบุตรแบกว่ายแหวกสายสินธุ์
แล้วกุมารผลาญโจรใจทมิฬ ไปบุรินทร์รมจักรนัครา
จึงยกทัพกลับเที่ยวเลี้ยวตลบ มาพานพบอุศเรนตระเวนหา
เข้ารบรับจับได้ไว้ชีวา แล้วกลับมารบแตกแยกกันไป
บัดนี้สองกษัตราก็มาส่ง แต่พระองค์ยังอยู่ลำกำปั่นใหญ่
นางทูลตามความยากลำบากใจ แล้วสอนให้ลูกหลานกราบมารดา ฯ
๏ นางกษัตริย์ตรัสเรียกเจ้าพี่น้อง เคียงประคองข้างกายทั้งซ้ายขวา
พลางกอดจูบลูบหลังกุมารา ได้ตามมาทำคุณเพราะบุญเคย
โอ้สงสารท้าวไทใครจะช่วย เห็นมอดม้วยมรณานิจจาเอ๋ย
สิ้นพระชนม์จนพระศพไม่พบเลย เวราเคยทำไว้ให้ไกลกัน
เจ้าประคุณทูลกระหม่อมของเมียแก้ว เห็นม้วยแล้วเดือนเก้ามาเข้าฝัน
ผิดพระรูปซูบผอมลงครันครัน เพราะทรงธรรม์ทุกข์ยากลำบากกาย
นางครวญคร่ำร่ำสะอึกสะอื้นอ้อน พระกรข้อนพระอุราเกศาสยาย
ทั้งแสนสาวท้าวนางท่านขรัวนาย ต่างฟูมฟายชลนาโศกาลัย
ครั้นโศกสร่างนางกษัตริย์ตรัสประภาษ แก่องค์ราชธิดาอัชฌาสัย
จะพาวงศ์พงศาเสนาใน ไปเชิญองค์พระอภัยมาพารา
แม่จะมอบขอบเขตประเทศสถาน เชิญพระผ่านไอศวรรย์ให้หรรษา
ดำรัสพลางนางสั่งขุนเสนา จงตรวจตราเรือที่นั่งทั้งดั้งกัน
กับคู่แห่แตรสังข์ให้เสร็จสรรพ จะไปรับพระอภัยมาไอศวรรย์
กรมวังทั้งตำรวจราชมัล แต่งสุวรรณปรางค์มาศดาดเพดาน
ดูซ่อมแปลงแต่งถนนฉนวนน้ำ ช่วยกันทำแผ้วกวาดราชฐาน
แล้วชวนราชธิดายุพาพาล พากุมารมาปราสาทในราชวัง ฯ
๏ ฝ่ายเสนามาเกณฑ์เวรสมทบ ต่างเตรียมครบเครื่องแห่ทั้งแตรสังข์
บ้างยกเรือสุวรรณใส่บัลลังก์ พระที่นั่งศรีอเนกเอกชัย
คนประจำลำเรือใส่เสื้อหมวก เป็นพวกพวกธงทิวปลิวไสว
บ้างตีฆ้องร้องเรียกกันเพรียกไป มาเตรียมไว้พร้อมหน้าในสาคร ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมณฑาสวรรค์ กับสุวรรณมาลีศรีสมร
สถิตแท่นแว่นฟ้าสถาพร ครั้นทินกรไตรตรัสจำรัสเรือง
พาพี่น้องสององค์สรงสนาน สุคนธ์ธารขัดสีฉวีเหลือง
สำอางองค์ทรงภูษาล้วนค่าเมือง ประดับเครื่องเนาวรัตน์ชัชวาล
แล้วชวนวงศ์พงศาคณาญาติ สาวสุรางค์นางนาฏในราชฐาน
มาลงเรือพระที่นั่งทั้งกุมาร เหล่าทหารขานโห่เป็นโกลา
ออกจากแพแซ่สำเนียงเสียงสนั่น ถึงกำปั่นทอดท้ายทั้งซ้ายขวา
ทั้งสองนางย่างเยื้องขึ้นเภตรา พร้อมบรรดาสาวสนมกรมใน ฯ
๏ สินสมุทรนำนางต่างตำรวจ เอาไม้หวดพลรบหลบไสว
ถึงเก๋งท้ายฝ่ายสองพระภูวไนย องค์พระอภัยมณีศรีสุวรรณ
เห็นนงคราญมารดาออกมารับ น้อมคำนับโฉมฉายเชิญผายผัน
ขึ้นบัลลังก์นั่งแท่นที่ต้นจันทน์ อภิวันท์คอยระวังฟังสุนทร ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ชนนีนาถ เห็นสองราชบพิตรอดิศร
ขนงเนตรเกศกรรณพระกายกร สำอางอ่อนเอี่ยมอิ่มดูพริ้มพราย
พระพี่ขาวราวกับเพชรไพฑูรย์เทียบ พระน้องเปรียบบุษยรัตน์จำรัสฉาย
โฉมแฉล้มแย้มยิ้มก็พริ้มพราย เหมือนละม้ายรูปจริตไม่ผิดกัน
นางยินดีที่จะได้ไว้เป็นเขย จนหลงเลยลืมวิโยคที่โศกศัลย์
จึงยกย่องสององค์พระทรงธรรม์ ช่วยป้องกันน้องยามาธานี
พระคุณล้ำโลกาสุธาวาส เชิญพระบาทบงกชบทศรี
เป็นปิ่นเกล้าชาวประชาทั้งธานี จะพึ่งพาบารมีพระสืบไป ฯ
๏ พระโฉมยงทรงสดับอภิวาท เชิงฉลาดยิ้มย่องสนองไข
พระมารดาปรานีมีอาลัย พระคุณใหญ่หลวงล้นพ้นประมาณ
แต่ข้านี้มิได้ทำซึ่งความชอบ ไม่ควรมอบสมบัติพัสถาน
ด้วยเดิมข้ามาอยู่เกาะแก้วพิสดาร ได้โดยสารพระบิดามาธานี
จนเรือแตกแยกไปได้มาปะ โดยสารพระธิดามารศรี
อันคุณของน้องสุวรรณมาลี ก็ยังมีอยู่กับข้าสัจจาจริง
ด้วยกำปั่นบรรดาโยธาหาญ ของกุมารกับของแม่น้องหญิง
อันตัวข้ามาถึงได้พึ่งพิง เป็นความจริงลูกนี้จนพระชนนี
ถึงรบรับทัพลังกาข้ามาด้วย มิได้ช่วยพระธิดามารศรี
จนมีผิดติดพันทุกวันนี้ พระบุตรีกริ้วโกรธเป็นโทษทัณฑ์
ขอพระองค์ทรงถามทรามสงวน ลูกไม่ควรที่จะได้ไอศวรรย์
เป็นผู้น้อยพลอยอาสามากระนั้น ถึงเขตคันแล้วก็ข้าขอลาไป ฯ
๏ นางยิ้มเยื้อนเอื้อนอรรถตรัสสนอง เหมือนหนึ่งน้องนางผิดคิดไฉน
ช่วยสอนสั่งบ้างเถิดอย่าถือใจ น้องจะได้พึ่งพาบารมี
อนึ่งแม่แก่เกือบจะมอดม้วย พ่ออยู่ด้วยจะได้ฝากซึ่งซากผี
อย่าห่างเหินเชิญสำราญผ่านบุรี เป็นโมลีโลกาให้ถาวร
แม่อุตส่าห์มารับจงยับยั้ง ไปอยู่วังให้สุโขสโมสร
แล้วเตือนราชธิดาพะงางอน ไม่ว่าวอนเชษฐาน่ารำคาญ ฯ
๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ สุดจะขัดมารดาจึงว่าขาน
ถวายเมืองเครื่องของไม่ต้องการ จะไปผ่านเมืองสวรรค์ชั้นโสฬส
ถึงกระนั้นกรุณาเมตตาน้อง อย่าเพ้อฟ้องถมทับให้อัปยศ
เป็นสตรีนี้จะงอนจนอ่อนชด ถึงงอนรถก็ไม่สู้ภูวไนย
แล้วแกล้งวานหลานเลี้ยงกับลูกน้อย ช่วยวอนหน่อยเถิดแม่อ้อนวอนไม่ไหว
อรุณน้อยพลอยว่าประสาใจ เสด็จไปหน่อยเถิดคะพระบิตุลา ฯ
๏ นางสาวสวรรค์กลั้นยิ้มขยดหนี พระชนนีรับขวัญด้วยหรรษา
พระยิ้มเยื้อนเอื้อนตรัสกับนัดดา แม่ว่าป้าแม่เสียบ้างเถิดอย่างนั้น
ให้เคลื่อนคลายหายโทษที่โกรธขึ้ง แล้วลุงจึงจะเข้าไปไอศวรรย์
อรุณรับกลับหน้ามาว่าพลัน อย่าโกรธท่านเลยนะจ๋าป้าฉันดี
นางอายจิตปิดโอษฐ์อรุณน้อย แล้วค่อยค่อยว่าอย่าว่าน่าบัดสี
นางรู้เท่าเข้าใจอยู่ในที พระชนนีแย้มสรวลชวนลีลา
มาลงเรือพระที่นั่งตั้งตาริ้ว เป็นแถวทิวธงรายทั้งซ้ายขวา
เสียงสังข์แตรแห่โห่เป็นโกลา ให้เคลื่อนคลาครื้นลั่นสนั่นดัง
พิณพาทย์ฆ้องกลองประโคมเสียงโครมครื้น ระดะดื่นดาษดาทั้งหน้าหลัง
ถึงแพจอดทอดท่าตรงหน้าวัง พร้อมสะพรั่งนักสนมกรมใน
พระมารดาพาเดินดำเนินนาด มาปราสาทเนาวรัตน์จำรัสไข
จึงมอบราชสมบัติทั้งฉัตรชัย ให้อยู่ในปราสาททองอันรองเรือง
แล้วเลือกเหล่าสาวสุรางค์นางน้อยน้อย ที่เรียบร้อยรุ่นราวทั้งขาวเหลือง
เป็นโมงยามปรนนิบัติไม่ขัดเคือง ทั้งงานเครื่องงานกลางสำอางตา
ศรีสุวรรณนั้นอยู่เป็นเพื่อนสถาน ช่วยว่าการนคเรศพระเชษฐา
นางอรุณรัศมีกับพี่ยา อยู่กับป้าที่สถานพระมารดร ฯ
๏ พระอภัยได้เสวยเศวตฉัตร พูนสวัสดิ์สว่างจิตอดิศร
แต่ยังไม่ได้ภิเษกสยุมพร ให้อาวรณ์ถวิลหาสุมาลี
เชยสุรางค์นางอื่นพอชื่นจิต แล้วกลับคิดถึงสุดามารศรี
ถวิลหวังฟังยุบลพระชนนี ก็ยังมิโปรดประทานรำคาญใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ คิดจะผัดผ่อนหาอัชฌาสัย
อยู่อย่างนี้มิได้พ้นพระอภัย จะแก้ไขขัดขวางให้ห่างกัน
เอาการบุญทูลลารักษากิจ โปรดพระบิดาให้ไปสวรรค์
นางนิ่งนึกตรึกความเห็นงามครัน อภิวันท์ชนนีชลีลา
ด้วยบนตัวกลัวกรรมจำจะบวช ถือศีลสวดมนต์อยู่ที่ภูผา
สนองคุณทูลกระหม่อมจอมประชา ตามประสานารีเป็นชีไพร ฯ
๏ ฝ่ายนางนาฏมาตุรงค์ทรงสดับ เห็นความลับแกล้งถามตามสงสัย
จะบวชตัวผัวจะอยู่กับผู้ใด เมื่อจะใกล้แต่งงานการวิวาห์
ขึ้นเดือนสี่นี้จะสั่งตั้งอภิเษก เป็นองค์เอกอัคเรศพระเชษฐา
ถ้าตัวเปล่าเล่าก็ตามแต่ศรัทธา นี่เดือนหน้าก็จะอยู่กับคู่ครอง ฯ
๏ นางคำนับอภิวันท์รำพันพลอด ลูกได้รอดก็เพราะบุญหนุนสนอง
จึงศรัทธาอาลัยในใจปอง อุตส่าห์ครองตัวมาถึงธานี
อยู่กำปั่นนั้นเธอเฝ้าแต่เข้าหา ยังอุตส่าห์มิให้พบเที่ยวหลบหนี
แม้นหมายมาดปรารถนาตรงสามี ป่านฉะนี้ก็เป็นเมียเธอเสียแล้ว
เดี๋ยวนี้เล่าสาวสนมเป็นไหนไหน เห็นจะไม่พันผูกถึงลูกแก้ว
จงทรงพระอนุญาตอย่าคลาดแล้ว จงผ่องแผ้วภิญโญโมทนา ฯ
๏ นางกษัตริย์อัดอั้นให้ตันจิต สุดจะคิดขัดคำจึงร่ำว่า
วิสัยวงศ์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ย่อมตรึกตราจะบำรุงซึ่งกรุงไกร
เดี๋ยวนี้เล่าชาวลังกาเป็นข้าศึก ช่างไม่ตรึกตรองหาที่อาศัย
จะบวชเรียนเพียรผัดตัดอาลัย ข้าเบื่อใจไม่รู้ที่จะเจรจา
อันลูกเต้าเผ่าพงศ์เราปลงจิต ให้เป็นสิทธิ์พระอภัยจงไปหา
เธอยอมใจไม่ห้ามตามอัชฌา อย่ามาลาข้าเลยเจ้าไม่เข้าใจ ฯ
๏ นางกราบกรานมารดรอ่อนศิโรตม์ สมประโยชน์ยินดีจะมีไหน
มาสั่งเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน จัดดอกไม้ธูปเทียนเจียนประจง
แล้วนุ่งห่มโขมพัตถ์กระหวัดพับ เครื่องประดับขาวล้วนนวลหง
ชวนกุมารหลานสาวเหล่าอนงค์ มาเฝ้าองค์พระอภัยที่ไพชยนต์
ประณตนั่งตั้งธูปเทียนบุปผา แล้ววันทาทูลถวายฝ่ายกุศล
ข้าขอบังคมลาฝ่ายุคล ด้วยได้บนตัวมาในวารี
จะไปบวชตรวจน้ำให้บิตุเรศ อยู่ขอบเขตเขารุ้งริมกรุงศรี
พระโฉมยงจงสำราญผ่านบุรี ให้เป็นที่พึ่งพาประชากร ฯ
๏ พระอภัยได้ยินสิ้นสติ เหลือลัทธิที่จะห้ามปรามสมร
ด้วยบนกายหมายประโยชน์โปรดบิดร ให้คิดอ่อนอกใจอาลัยแล
ไม่เหมือนคิดผิดคาดประหลาดหนอ เห็นรอมร่อหรือมาร้างให้ห่างแห
จึงว่าพี่นี้ชะรอยบุญน้อยแท้ จะตั้งแต่ตรอมตรมระทมทวี
ถึงพาราว่าจะสมอารมณ์คิด หรือดวงจิตจะมาอางขนางหนี
เมื่อโฉมยงทรงพรตดาบสินี ก็ตัวพี่นี้จะอยู่กับผู้ใด ฯ
๏ นางฟังคำทำเหมือนจะเยื้อนยิ้ม ประไพพริ้มพจนาอัชฌาสัย
อยู่พร้อมพรักนักสนมกรมใน พลไพร่นับแสนทั้งแดนดิน
ทั้งแสนสาวชาวแม่ออกแซ่ซ้อง แต่ตัวน้องดอกจะลารักษาศีล
ไม่ไกลใกล้ไปมาริมธานินทร์ ใช่จะสิ้นคืนวันดังบัญชา
บวชใช้บนพ้นแล้วไม่แคล้วคลาด คงรองบาทบทเรศพระเชษฐา
แต่เรือแตกแยกทางกลางคงคา ยังกลับมาพานพบประสบกัน
พระก็ทราบบาปบุญทั้งคุณโทษ เหมือนหนึ่งโปรดน้องให้ไปสวรรค์
อันข้าบาทมาตุรงค์ทั้งพงศ์พันธุ์ ก็หมายมั่นพึ่งพาบารมี ฯ
พระฟังนางทางเปรียบประเทียบถ้อย ล้วนเรียบร้อยรื้อว่ามารศรี
อันตัวพี่ฝีปากไม่อยากดี จะพาทีห้ามปรามก็ขามใจ
แต่จะถามตามจริงสักสิ่งหนึ่ง จะถือโทษโกรธขึ้งไปถึงไหน
หากจะว่าถ้าพี่มิให้ไป จะขืนใจหรือสมรจะผ่อนตาม
นางนบนอบตอบว่าถ้าเช่นนั้น กระหม่อมฉันก็ต้องสนองถาม
ว่าเกี่ยวข้องน้องไฉนในใจความ จึงห้ามปรามโปรดเล่าให้เข้าใจ
พระยิ้มพลางทางสนองว่าน้องรัก ที่รมจักรเจ้าไปเล่าบอกเขาไฉน
นางว่าเล่าเขาก็จริงทุกสิ่งไป แต่จริงใจนั้นจริงยิ่งกว่าคำ
นี่แน่น้องต้องอย่างว่าช้างล้ม ย่อมนิยมจะเอางาราคาขำ
คนเจรจามาเล่าเขาก็จำ เอาถ้อยคำแม่รู้อยู่ด้วยกัน
นิจจาพระจะมานึกทึกเอาว่า นึกก็น่าใคร่หัวเราะเพราะเคราะห์ฉัน
ก็เป็นไรไม่เอาคำที่รำพัน จะหวงกันกายาไว้ว่าไร
พระว่าคำสำหรับกับรูปร่าง ใช่อยู่ต่างกายามาแต่ไหน
ธรรมดาว่าคำของผู้ใด ก็ย่อมได้ตัวคนนั้นเหมือนสัญญา
นางยิ้มพลางทางตอบว่าชอบอยู่ ใครเป็นผู้เล่าเหตุพระเชษฐา
ไยมิเอาคนนั้นมาบัญชา เมื่อน้องว่าให้พระฟังเมื่อครั้งไร
จะทำบุญทูลถวายฝ่ายกุศล มิผ่อนปรนเปรียบเปรยเฉลยไข
พระก็ทราบบาปกรรมน้ำพระทัย จะห้ามได้เจียวหรือองค์พระทรงยศ
พระว่าพี่นี้ก็จะอนุญาต แต่จะปรารถนาคำเป็นกำหนด
อันข้อที่จะลารักษาพรต จะได้จดจำไว้ในอุรา
นางแกล้งว่าน่ารำคาญด้วยผ่านเกล้า มีแต่เซ้าซี้ซักเสียหนักหนา
ฉวยบวชไปไม่ถึงวันที่สัญญา เป็นวาจากรรมเปล่าไม่เข้าการ
แม้นน้องมิทำวลด้วยบนไว้ ก็ไม่ไปจากเขตนิเวศน์สถาน
นางกล่าวแกล้งแสร้งไว้อาลัยลาน พระสงสารแสนสะอื้นกลืนน้ำตา
แล้วอวยพรพูนสวัสดิ์มธุรส เจริญพรตพรหมจรรย์ให้หรรษา
หยิบพานทองรองเครื่องที่ทูลลา ขอสมาเสร็จส่งให้นงเยาว์
แล้วว่าที่ศีขรินทร์นั้นถิ่นฐาน มีกุฎีวิหารหรือโฉมเฉลา
นางนบนอบตอบความตามสำเนา เป็นกุฏิ์เปล่าก่อไว้แต่ไรมา
สำหรับกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ออกทรงพรต ยังพร้อมหมดมีอยู่ที่ภูผา
พรุ่งนี้เช้าเกล้ากระหม่อมจะทูลลา พระตรัสว่าพี่จะช่วยไปอวยชัย ฯ
๏ นางรับคำบังคมบรมนาถ ลาลีลาศกลับมาที่อาศัย
จึงถามเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน ใครจะไปบวชบ้างเหมือนอย่างเรา
สาวสุรางค์ต่างตามเสด็จหมด รักษาพรตอดอารมณ์ได้ชมเขา
อรุณน้อยพลอยคำนับลงกับเพลา ฉันจะเอาบุญบ้างเป็นนางชี
สินสมุทรว่ากระนั้นฉันจะบวช จะได้สวดมนต์กับน้องเป็นสองศรี
นางรับคำสำรวลชวนพาที ทำบาญชีฉีกผ้าขาวให้สาวใช้
ที่ของนางอย่างเอกเศวตพัสตร์ ให้เย็บตัดแต้มทองล้วนผ่องใส
ต่างหนังเสือเผื่อสองพระหน่อไท เป็นไตรไตรเตรียมการใส่พานทอง
สาวสุรางค์ต่างคนก็เขียนผ้า เอาน้ำยาลงจิ้มแล้วยิ้มย่อง
เหมือนหนังสือเรื่อเหลืองเป็นเครื่องครอง จนย่ำฆ้องเคาะระฆังยังนั่งเล็ม
บ้างเก็บพุทธรักษาหามะกล่ำ ทำประคำน้อยน้อยร้อยด้วยเข็ม
บ้างขาดสายหลายใบยังไม่เต็ม เที่ยวเก็บเล็มเลือกหาในราตรี ฯ
๏ ครั้นรุ่งรางนางกษัตริย์สรงสนาน กับกุมารพี่น้องทั้งสองศรี
น้ำกุหลาบอาบสิ้นทั้งอินทรีย์ ขัดฉวีวรรณเปล่งดังเพ็งจันทร์
นุ่งภูษาค่าเมืองเรืองจำรัส คาดเข็มขัดรัดพระองค์ทรงกระสัน
ทรงสร้อยนวมสวมประสานสังวาลวรรณ ทองกรกัญจน์จุกงามอร่ามเรือง
ฝ่ายพระน้องสององค์ทรงกรอบพักตร์ เยาวลักษณ์ทรงมงกุฎบุษย์น้ำเหลือง
ธำมรงค์ลงยาล้วนค่าเมือง อร่ามเรืองนิ้วพระหัตถ์จำรัสพลอย
ครั้นเสร็จสรรพกับสองดรุณราช สนมนาฏนางในเคยใช้สอย
ที่นุ่งขาวห่มขาวนั้นราวร้อย ล้วนน้อยน้อยน่ารักลักขณา
จากบัลลังก์พรั่งพร้อมล้อมลีลาศ มาปราสาททรงเดชพระเชษฐา
เห็นพร้อมพรั่งทั้งพระอนุชา นางทูลลาทั้งพี่น้องสองกุมาร ฯ
๏ พระอภัยใจคอให้ท้อแท้ ชำเลืองแลดูพระนุชสุดสงสาร
ศรีสุวรรณแย้มเยื้อนเอื้อนโองการ ร้องเรียกหลานลูกยามาพาที
พระเจ้าป้าลาบวชเพราะบนไว้ ไม่อาลัยปรางค์มาศปราสาทศรี
ก็พี่น้องหมองใจกับใครมี จึงจะหนีบวชบ้างเป็นอย่างไร
นางขวยเขินเมินหน้าไม่ว่าขาน แต่กุมารพี่น้องสนองไข
หม่อมฉันรักพระเจ้าป้ากว่าใครใคร จะไปไหนไปด้วยได้ช่วยกัน
พระยิ้มพลางทางว่าพระป้าบวช มีแต่สวดมนต์เย็นเพลก็ฉัน
พระเจ้าลุงจะเป็นไข้ไปทุกวัน ไม่ผ่อนผันช่วยบ้างหรืออย่างไร
อรุณน้อยทูลว่าถ้าฉันบวช แล้วจะกรวดน้ำถวายให้หายไข้
ต่างสำรวลส่วนสุดาจะลาไป พระอภัยพักตร์เศร้าเปล่าอุรา
ถอนสะอื้นฝืนชวนพระน้องนาฏ จากปราสาทนำนางไปข้างหน้า
พวกขอเฝ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา มาพร้อมหน้ากราบก้มบังคมคัล ฯ
๏ ทั้งสององค์ทรงที่นั่งยานุมาศ พระหน่อนาถทรงเสลี่ยงเคียงเคียงคั่น
นางโฉมยงทรงวอจรจรัล ฝูงกำนัลพรั่งพร้อมล้อมลีลา
ตำรวจเวรเกณฑ์แห่ทั้งดาบหอก อยู่ริ้วนอกเรียงรายทั้งซ้ายขวา
เสียงเซ็งแซ่แออัดรัถยา ออกนำหน้าด่วนเดินบนเนินดิน
ร่มระรื่นพื้นไม้ใบชอุ่ม สระประทุมดาษดาพฤกษาสินธุ์
พระพายพาสาโรชมารินริน ระรื่นกลิ่นหอมหวนรัญจวนใจ
แล้วเข้าป่ามาลีมีต่างต่าง สองข้างทางดอกดวงพวงไสว
พิกุลแก้วแถวกระทุ่มชอุ่มใบ มะเฟืองไฟตูมตาดดาษเดียร
ถึงธารถ้ำลำเนาภูเขารุ้ง ดูเรืองรุ่งราวกับลายระบายเขียน
บ้างเขียวขาววาวแววแก้ววิเชียร ตะโล่งเลี่ยนเลื่องเหลืองเรืองระยับ
กุฏิ์น้อยน้อยร้อยเศษสังเกตนับ เครื่องสำหรับกุฎีก็มีพร้อม
ต้นไม้ดอกออกลูกปลูกริมกุฏิ์ ต้นสายหยุดพุดลำดวนให้หวลหอม
ที่กุฏิ์ใหญ่ไทรเรียงเคียงพะยอม ทอดกิ่งค้อมข้ามหลังคาดูน่าชม
สองกษัตริย์ทัศนารุกขาเขา มาตามเงาเงื้อมผาริมอาศรม
ทั้งห้าองค์ลงเดินเนินจงกรม ระรื่นร่มรุกขาน่าสำราญ ฯ
๏ ถึงที่สุดกุฏิ์ใหญ่ยอดบรรพต รูปดาบสปั้นไว้ในวิหาร
พระหยุดยั้งนั่งที่ศิลาลาน นางชวนหลานลูกยาอุ้มผ้าไตร
เข้าในกุฏิ์จุดธูปเทียนประณต พรดาบสบรเมศตามเพศไสย
ต่างตั้งสัตย์ตัดบ่วงไม่ห่วงใย แล้วครองไตรบริบูรณ์มุ่นชฎา
ประณตนั่งตั้งนโมได้สามจบ ขอเคารพรับบัญญัติซึ่งสิกขา
ว่าดังดังตั้งต้นแต่ปาณา ถึงอิมาทะสะเสร็จสำเร็จการ
บรรดาเหล่าสาวสุรางค์อยู่ข้างหลัง ประณตนั่งแน่นมาหน้าวิหาร
คอยว่าตามสามกษัตริย์นมัสการ สมาทานถือพรตดาบสนี ฯ
๏ นางโฉมยงทรงประคำปทัมราช ชวนหน่อนาถนัดดาลาฤๅษี
แล้วพาเหล่าสาวสุรางค์ล้วนนางชี มากุฎีหลังใต้ต้นไทรทอง
สถิตแท่นแผ่นผาที่หน้าฉาน พระกุมารเคียงนั่งอยู่ทั้งสอง
ตั้งมหาวาหุดีอัคคีกอง ตามทำนองนักพรตดาบสนี
ตามบรรดาสานุศิษย์ทั้งร้อยเศษ อยู่กุฏิ์รอบขอบเขตคิรีศรี
ล้วนเคร่งครัดมัสการกองอัคคี ตามวิธีไสยศาสตร์ไม่คลาดคลาย ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ชวนน้องรักศรีสุวรรณแล้วผันผาย
เดินมาทางนางชีกุฎีราย เที่ยวถวายธูปเทียนเวียนลงมา
ศรีสุวรรณนั้นเด็ดดอกรักไว้ เที่ยวเลือกให้ดาบสที่หมดหน้า
นางฤๅษีหนีองค์พระอนุชา ตลอดมาจนถึงกุฏิ์พระบุตรี
นางกษัตริย์ตรัสเชิญพระภูวนาถ ให้นั่งอาสน์เอกเอี่ยมเทียมฤๅษี
กระซิบสอนนัดดากุมารี ไปพาทีทักทายถวายพร
สองกษัตริย์ตรัสโมทนาสนอง เอาเทียนทองมาถวายสายสมร
แล้วว่าขอปวารณาสถาวร อนุสรณ์สิทธิ์ขาดเป็นญาติโยม
บวชแต่สักสามวันเท่านั้นเถิด อย่าให้เกิดโรคซูบเสียรูปโฉม
ถ้าถือเคร่งเร่งรุดมักทรุดโทรม เอ็นดูโยมบ้างเถิดคุณพระมุนี ฯ
๏ นางนิ่งนั่งฟังคำพระร่ำสอน ถวายพระพรตามจริตกิจฤๅษี
ตามแต่บุญวาสนาบารมี มิรู้ที่รูปจะว่าล่วงหน้าไป
พระอนุชาว่าจิตฉันคิดคาด เป็นสังฆราชมั่นคงไม่สงสัย
อันเขารุ้งกรุงผลึกน้องนึกไว้ เห็นจะไม่ขาดคนริมหนทาง
นางฟังคำทำขึงแล้วจึงว่า ตามศรัทธาสารพัดไม่ขัดขวาง
พระอภัยนั้นมิใคร่จะไกลนาง แต่ระคางครหาเป็นราคี
จึงอำลาดาบสโอรสหลาน มาเกณฑ์การให้รักษามารศรี
ทั้งไพร่นายรายรอบขอบคีรี มิให้มีเภทภัยสิ่งใดพาน
แล้วชวนพระอนุชากับข้าเฝ้า กลับคืนเข้าพระนิเวศน์เขตสถาน
จึงออกท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล ดำรัสการกับมหาเสนาใน
อุศเรนเห็นจะกลับมาทำศึก เหมือนเรานึกมั่นคงอย่าสงสัย
เร่งตั้งป้อมซ่อมแปลงกำแพงไว้ เกณฑ์พวกไพร่พลหัดให้จัดเจน
ทั้งม้ารถคชสารทหารรบ ให้รู้ครบท่าทางทั้งดั้งเขน
ทั้งปากใต้ฝ่ายเหนือเร่งกะเกณฑ์ ออกตระเวนแว่นแคว้นแดนบุรี
ให้อาลักษณ์แต่งทำคำรับสั่ง ไปปิดทั้งประตูบูรีศรี
แล้วบอกไปให้เมืองเอกโทตรี ว่าใครมีวิทยาวิชาการ
ทั้งล่องหนทนคงเข้ายงยุทธ์ เพลงอาวุธเข้มแข็งกำแหงหาญ
รู้ตำราฟ้าดินสิ้นชำนาญ ประกอบการกลศึกที่ลึกลับ
ให้มาเป็นข้าเฝ้าเราจะเลี้ยง ให้ชื่อเสียงรุ่งเรืองเครื่องประดับ
ต่างเห็นชอบนอบนบเคารพรับ เสด็จกลับเข้าปราสาทราชวัง ฯ
๏ ฝ่ายเสนามาทำทุกตำแหน่ง อาลักษณ์แต่งเรื่องความตามรับสั่ง
เขียนลิขิตปิดทวารทุกบานบัง แจกไปทั้งหัวเมืองตามเรื่องความ
บ้างก่อป้อมซ่อมแปลงกำแพงใหญ่ บ้างฝึกไพร่หัดลองที่ท้องสนาม
กองตระเวนเกณฑ์นาวาอาสาจาม เที่ยวตรวจตามอ่าวสมุทรจนสุดแดน ฯ
๏ ฝ่ายฝูงคนชนบททุกบ้านช่อง ย่อมเนืองนองนับโอดเป็นโกฏิ์แสน
ทั้งขอบคันจันต์ประเทศทุกเขตแคว้น อเนกแน่นใต้เหนือเหลือประมาณ
รู้รับสั่งหนังสือที่ลือเล่า ว่าผ่านเกล้าเกลี้ยกล่อมซ้อมทหาร
ต่างเหิมฮึกศึกษาวิชาการ จะคิดอ่านเอาเจียดเกียรติยศ
บรรดาคนทนคงณรงค์รบ รู้หลีกหลบล่องหนมนต์สะกด
มาขอเข้าเกลี้ยกล่อมน้อมประณต กระทำทดลองได้ให้รางวัล
ทั้งเสื้อผ้าสารพัดเบี้ยหวัดแจก ตามแผนกพวกพ้องเป็นกองขัน
ล้วนคนดีมีวิชาสารพัน มาทุกวันมิได้วายถวายตัว ฯ
๏ อยู่ภายหลังยังมีสตรีหนึ่ง อายุถึงสามสิบสี่ไม่มีผัว
ชื่อวาลีสีเนื้อนั้นคล้ำมัว รูปก็ชั่วชายไม่อาลัยแล
ทั้งกายาหางามไม่พบเห็น หน้านั้นเป็นรอยฝีมีแต่แผล
เป็นกำพร้ามาแต่หล่อนยังอ่อนแอ ได้พึ่งแต่ตายายอยู่ปลายนา
เป็นเชื้อพราหมณ์ความรู้ของผู้เฒ่า แต่ก่อนเก่าเดิมบุราณนานหนักหนา
เป็นมรดกตกต่อต่อกันมา นางอุตส่าห์เรียนเล่าจนเข้าใจ
รู้ฤกษ์พาฟ้าดินสำแดงเหตุ ทั้งไตรเพทพิธีคัมภีร์ไสย
ครั้นเจนแจ้งแกล้งเอาเข้าเผาไฟ มิให้ใครพบปะพระคัมภีร์
ถึงหน้านาฟ้าฝนจะชุกแล้ง ช่วยบอกแจ้งตายายให้ย้ายที่
จนได้ผลคนลือนางวาลี เป็นหมอดีดูแลแน่สุดใจ
ใครไปมาหาของกำนัลฝาก พอเลี้ยงปากตามประสาอัชฌาสัย
ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ จะใคร่ได้ผัวดีที่มีบุญ
ทั้งทรวดทรงองค์เอวให้อ้อนแอ้น เป็นหนุ่มแน่นน่าจูบเหมือนรูปหุ่น
แม้นผัวไพร่ไม่เลยแล้วพ่อคุณ แต่คร่ำครุ่นครวญหาทุกราตรี
พอรู้ข่าวเจ้าเมืองผลึกใหม่ พระอภัยพูนสวัสดิ์รัศมี
งามประโลมโฉมเฉิดเลิศโลกีย์ นางวาลีลุ่มหลงปลงฤทัย
ครั้นรู้ว่าหาทหารชำนาญศึก ก็สมนึกยินดีจะมีไหน
อันสงครามความรู้เราเรียนไว้ จะเข้าไปเป็นห้ามพระทรามเชย
แต่พระนุชบุตรีจะอภิเษก ถ้าหาไม่ก็เป็นเอกเจียวอกเอ๋ย
ยิ่งคิดไปใจปลื้มไม่ลืมเลย ลุกขึ้นเผยฝาแฝงเห็นแสงทอง
ลงอาบน้ำซ้ำเอาผ้าเมล็ดงาถู แล้วแลดูเนื้อตัวยังมัวหมอง
มาผัดหน้าทาขมิ้นดินสอพอง ให้กลบร่องรอยฝีไม่มีรอย
แล้วเปิดกลี่หวีผมให้คมสัน ติดน้ำมันตำราใหญ่ตั้งใจสอย
นุ่งสุหรัดจัดกลีบจีบตะบอย ให้เรียบร้อยแลราวกับชาววัง
แล้วก็ห่มชมพูมีพู่ติด เห็นมิดชิดชื่นชมด้วยสมหวัง
มาสู่ห้องสองเฒ่าเล่าให้ฟัง ฉันลาไปในวังถวายตัว
แม้นโปรดปรานหลานสมอารมณ์นึก จะตั้งตึกแทนคุณแม่ทูนหัว
เฒ่าทั้งสองป้องหน้าด้วยตามัว เห็นแต่งตัวเต็มดีสีชมพู
หัวร่อร่าว่าอุแหม่เจ้าแม่เอ๋ย กระไรเลยเหลือดีเหมือนอีหนู
ถวายตัวเป็นอะไรจะใคร่รู้ ไม่พิศดูรูปร่างหรืออย่างไร ฯ
๏ นางบอกว่าข้าจะไปเป็นหม่อมห้าม คงสมความปรารถนาอย่าสงสัย
ทั้งเมียผัวหัวร่ององอไป ร้องเรียกให้เพื่อนบ้านช่วยวานแล
หลานข้าเจ้าเขาจะไปเป็นหม่อมห้าม มันเหลืองามอยู่เพียงนี้แล้วอีแม่
กูเห็นการท่านจะเอาไว้เป่าแตร ไฉนแน่กระนี้มาข้าขอฟัง ฯ
๏ นางขัดใจไม่พูดแล้วผันผาย คนทั้งหลายนึกว่าเป็นบ้าหลัง
ที่รู้จักทักปรอให้รอรั้ง ไม่หยุดยั้งย่างเยื้องชำเลืองไป
ตามถนนคนเห็นไม่เว้นถาม แม่นี้งามสุดอย่างไปข้างไหน
นางวาลีมิได้พูดด้วยผู้ใด ตรงเข้าในเมืองมาหน้าพระโรง
พวกขุนนางต่างพินิจสะกิดเพื่อน อีนั่นเหมือนตอตะโกทำโอ่โถง
บ้างก็ว่าหน้าเง้าแต่เขาโง้ง ตะติ๋งโหน่งนั่งเล่นก็เป็นไร
นางรู้ว่าข้าเฝ้าเข้าไปนั่ง กรมวังถามว่ามาแต่ไหน
นางแจ้งความตามจริงทุกสิ่งไป ข้าจงใจจะมาเฝ้าเจ้าแผ่นดิน
ขุนเสนาว่าธุระสิ่งไรเจ้า นางก็เล่าตามจิตคิดถวิล
เขาลือข่าวฉาวไปข้าได้ยิน ว่าพระปิ่นโลกาประชาชน
ให้หาผู้รู้วิชาข้างรบพุ่ง จะกันกรุงเตรียมศึกให้ฝึกฝน
ข้าเจ้าดีมีวิชายิ่งกว่าคน รู้ผ่อนปรนปราบศึกได้ลึกซึ้ง
ท่านโปรดด้วยช่วยทูลให้ทราบเหตุ แม้นโปรดเกศก็จะเฝ้าเข้าให้ถึง
เสนานั่งฟังนางต่างตะลึง แล้วก็จึงซักถามดูตามแคลง
ซึ่งวิชาว่าดีไม่มีคู่ อย่างไรอยู่ยังไม่สิ้นที่กินแหนง
เป็นเวทมนตร์ทนตีหรือมีแรง หรือฟันแทงไม่เข้าจงเล่าความ
นางฟังคำทำหัวเราะเยาะอำมาตย์ ว่าท่านทาสปัญญาอย่ามาถาม
วิสัยคนทนคงเข้าสงคราม เป็นแต่ความรู้ไพร่เขาใช้แรง
อันวิชาข้านี้ดีกว่านั้น ของสำคัญใครเขาจะเล่าแถลง
แม้นพระองค์ทรงศักดิ์จักแสดง มิควรแพร่งพรายให้ไพร่ไพร่ฟัง ฯ
๏ พวกเสนาว่าทหารใช่การหญิง จะมาชิงอาสาเหมือนบ้าหลัง
มิพรายแพร่งแจ้งจิตทำปิดบัง จะพาเข้าเฝ้ายังไม่ควรการ
นางตอบคำอำมาตย์ด้วยอาจจิต ท่านนี้ติดแต่จะโง่ด้วยโวหาร
อันสงครามตามบทพระอัยการ ใครผิดผลาญชีวันให้บรรลัย
ใครทำชอบกอบให้เป็นใหญ่ยิ่ง ถึงชายหญิงก็ไม่ว่าหามิได้
ว่าใช่การท่านเห็นเป็นอย่างไร หรือหญิงไปฆ่าชายไม่วายวาง
ดีหรือบ้าตาดูให้รู้แน่ เมื่อมีแต่ปากนิดก็กีดขวาง
จะอาสาพากันพูดกั้นกาง ทำให้ค้างแล้วข้าจะลาไป
พวกเสนาว่าหยอกเล่นดอกเจ้า จะพาเฝ้าเดี๋ยวนี้หนีไปไหน
แล้วซักถามนามนางกระจ่างใจ พาเข้าไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ ฯ
๏ จึงทูลความตามนางอ้างอาสา อวดวิชายวดยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
พระทรงฟังสั่งให้พาเข้ามาพลัน เห็นผิวพรรณพักตรานางวาลี
เหมือนคุลาหน้าตุเหมือนปรุหนัง แลดูดังตะไคร่น้ำดำหมิดหมี
แต่กิริยามารยาทประหลาดดี เห็นจะมีความรู้อยู่ในใจ
จึงแย้มเยื้อนเอื้อนโอษฐโปรดประภาษ เจ้าเป็นปราชญ์ปรีชาจะหาไหน
จะอยู่ด้วยช่วยบำรุงซึ่งกรุงไกร เราขอบใจจะเลี้ยงให้เที่ยงธรรม์
แต่วิชาวาลีมีไฉน อย่าถือใจแจ้งจริงทุกสิ่งสรรพ์
จะรอนราญการณรงค์คงกระพัน จะรับรองป้องกันประการใด ฯ
๏ นางวาลีปรีชาวันทาแถลง อันเรี่ยวแรงวิ่งเต้นเห็นไม่ไหว
แม้นผ่านเกล้าเอาแต่ที่ให้มีชัย เห็นจะได้ดังประสงค์พระทรงธรรม์
พระฟังคำร่ำว่าค่อยน่ารัก ล้วนแหลมหลักลิ้นลมคมขยัน
จึงตรัสว่าถ้าจะให้มีชัยนั้น จะผ่อนผันคิดอ่านประการใด
นางนบนอบตอบสนองต้องทำเนียบ ภิปรายเปรียบด้วยปัญญาอัชฌาสัย
ศึกไม่มีที่จะว่าล่วงหน้าไป ก็ยังไม่ต้องตำราวิชาการ
แม้นเมื่อไรไพรีมีมาบ้าง ดูกำลังข้าศึกซึ่งฮึกหาญ
จึงปราบปรามตามกระบวนพอควรการ จะคิดอ่านเอาแต่ใจก็ไม่เคย
พระยินคำล้ำลึกนึกสรรเสริญ ฉลาดเกินรูปร่างช่างเฉลย
จึงแสร้งซักยักย้ายภิปรายเปรย ว่าไม่เคยนั้นก็ควรของนวลนาง
แต่หากว่าข้าศึกมาสิบแสน ถึงด้าวแดนดูถนัดไม่ขัดขวาง
จะคิดสู้ผู้เดียวแต่ตัวนาง หรือคิดอย่างไรเล่าให้เข้าใจ
นางฟังคำซ้ำซักเห็นสบช่อง จึงยิ้มย่องเคลือบแฝงแถลงไข
ข้าพเจ้าเล่าเรียนความรู้ไว้ ไม่ใช้ไพร่พลมากลำบากกาย
ขอแต่ผู้คู่คิดสักคนหนึ่ง แต่พอพึ่งพูดได้ดังใจหมาย
จะผันแปรแก้กันอันตราย มิให้อายอัปราปัจจามิตร ฯ
๏ พระทรงฟังยังให้สงสัยนัก จึงซ้ำซักจะใคร่แจ้งที่แคลงจิต
จะปรารถนาหาผู้เป็นคู่คิด คนสนิทไฉนนางอย่าพรางกัน
นางเกรงบาปกราบกรานประทานโทษ แม้นมิโปรดโทษาถึงอาสัญ
จะทูลขอแต่องค์พระทรงธรรม์ ให้ผ่อนผันตามจิตที่คิดการ
ไม่ขัดข้องต้องตำราซึ่งข้าทราบ ก็จะปราบได้สิ้นทุกถิ่นฐาน
พระแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พจมาน เจ้าว่าขานเข้าแบบเห็นแยบคาย
จะเลี้ยงไว้ได้เป็นที่ปรึกษา ช่วยตรึกตราตรองงานการทั้งหลาย
จะเป็นที่พี่เลี้ยงเจ้าขรัวนาย หรือรักฝ่ายกรมท่าเสนาใน
นางนบนอบตอบรสพจนารถ คุณพระบาทกรุณาจะหาไหน
แต่ยศศักดิ์จักประทานประการใด ไม่ชอบใจเจตนามาทั้งนี้
ด้วยเปลี่ยวใจไม่มีที่จะเห็น จะขอเป็นองค์พระมเหสี
แม้นโปรดตามความรักจะภักดี ถ้าแม้นมิเมตตาจะลาไป
พวกขุนนางต่างหัวร่อข้อประสงค์ ทั้งพระองค์สรวลสันต์ไม่กลั้นได้
จึงตรัสว่าวาลีมีแก่ใจ มารักใคร่ครั้นจะชังไม่บังควร
แต่รูปร่างยังกระไรจะใคร่รู้ พิเคราะห์ดูเสียด้วยกันอย่าหันหวน
จะควรเป็นมเหสีหรือมิควร จงใคร่ครวญนึกความให้งามใจ ฯ
๏ นางทูลว่าข้าน้อยนี้รูปชั่ว ก็รู้ตัวมั่นคงไม่สงสัย
แต่แสนงามความรู้อยู่ในใจ เหมือนเพชรไพฑูรย์ฝ้าไม่ราคี
แล้วหมายว่าฝ่าพระบาทก็มีห้าม ล้วนงามงามเคยประณตบทศรี
แต่หญิงมีวิชาเช่นข้านี้ ยังไม่มีไม่เคยเลยทั้งนั้น
จึงอุตส่าห์มายอมน้อมประณต ให้พระยศใหญ่ยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
บรรดาผู้รู้วิชาสารพัน จะหมายมั่นพึ่งพาบารมี
แม้นทรงศักดิ์รักโฉมประโลมสวาท ไม่เลี้ยงปราชญ์ไว้บำรุงซึ่งกรุงศรี
ก็ผิดอย่างทางทำเนียบประเวณี เห็นคนดีจะไม่มาสาพิภักดิ์
ขอพระองค์ทรงตรึกให้ลึกซึ้ง เป็นที่พึ่งแผ่ไปทั้งไตรจักร
อันรูปหญิงพริ้งเพริศล้ำเลิศลักษณ์ ดีแต่รักรอนราญการโลกีย์ ฯ
๏ พระฟังนางช่างเปรียบเห็นเฉียบแหลม จึงยิ้มแย้มยกย่องให้ผ่องศรี
ซึ่งมุ่งมาดปรารถนาของวาลี จะเป็นที่อัคเรศเกศสุรางค์
แต่ความรู้ผู้ใดยังไม่เห็น จะเสกเป็นปิ่นกษัตริย์ยังขัดขวาง
จะเลี้ยงไว้ใช้สอยอยู่พลางพลาง เป็นเพียงนางพระสนมให้สมรัก
แล้วสั่งเหล่าเถ้าแก่หลวงแม่เจ้า ให้รับเข้าวังในไปตำหนัก
เครื่องสำอางอย่างหม่อมก็พร้อมพรัก เป็นเอกอัครสนมนายอยู่ฝ่ายใน ฯ
๏ แต่นั้นมาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ ประชาราษฎร์รู้แจ้งแถลงไข
ว่าทรงฤทธิ์คิดบำรุงซึ่งกรุงไกร น้ำพระทัยรักผู้รู้วิชา
ข้าแผ่นดินยินดีเป็นที่ยิ่ง ชั้นผู้หญิงก็ยังรักเสียหนักหนา
เห็นวาลีที่พระองค์ทรงเมตตา ต่างนึกว่าจะใคร่พบประสบองค์
ทั้งห้ามแหนแผ่นดินท้าวสิลราช แสนสวาทพระอภัยจนใหลหลง
บ้างอดข้าวเอารูปให้ซูบทรง ต่างประจงแต่งตัวให้ยั่วยวน
อุตส่าห์เฝ้าเช้าค่ำคอยสำเหนียก เมื่อไรจะเรียกร่วมห้องครองสงวน
พระองค์เก่าเฒ่าแก่ก็แปรปรวน ไม่หนุ่มนวลเหมือนพระอภัยมณี
ที่โปรดปรานพาลจะอิ่มก็ยิ้มย่อง ดังจะล่องลอยฟ้าในราศี
บ้างเวียนเฝ้าเปล่าว่างอยู่ค้างปี จนเป็นฝีหัวคว่ำช้ำอุรา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ