ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง

๏ ฝ่ายยุพาผการำภาสะหรี ซึ่งล่าหนีตามทางหว่างไศล
ไม่รั้งรอพอรุ่งถึงกรุงไกร ตรงเข้าในนัคเรศนิเวศน์วัง
ต่างเข้าเฝ้าเจ้าลังกาวัณฬาราช อภิวาททูลตามเนื้อความหลัง
ชาวผลึกศึกเสือเหลือกำลัง ชำนาญทั้งสงครามแลความคิด
พระบาทหลวงลวงล่อจะรอทัพ เขาก็กลับปลอมปนเป็นคนสนิท
เข้าจุดไฟไหม้ด่านผลาญชีวิต ไม่ทันคิดรบสู้ทุกผู้คน
เขาได้เขาเจ้าประจัญแล้ววันนี้ จะตามตีมาประชิดติดสิงหล
จะเสียวังลังกาเข้าตาจน จงผ่อนปรนโปรดตริดำริการ ฯ
๏ นางฟังเล่าเศร้าจิตอนิจอนาถ ให้หวั่นหวาดวิญญาณ์จึงว่าขาน
ซึ่งข้าศึกฮึกโหมมาโรมราญ เราเสียด่านก็เหมือนดังเสียลังกา
เป็นการด่วนจวนจนต้องอ้นอั้น เจ้าช่วยกันตรองตรึกได้ปรึกษา
แม้สงครามตามติดประชิดมา จะพูดจาคิดอ่านประการใด
เออนี่แน่แม่จะถามทรามสวาท พระสังฆราชนั้นเจ้าเห็นเป็นไฉน
เมื่อเสียทีหนีทันหรือบรรลัย จะได้ใครคิดอ่านการสงคราม ฯ
๏ นางยุพาว่าประหลาดพระบาทหลวง คนทั้งปวงปะใครก็ไต่ถาม
จะเป็นตายหายไปไม่ได้ความ ด้วยสงครามเหลือรู้จะสู้รบ
ถึงใครดีมีศักดาอานุภาพ มาช่วยปราบก็เห็นจะไม่สงบ
เว้นแต่องค์พระอภัยเจ้าไตรภพ จะเกลื่อนกลบให้แผ่นดินสิ้นศัตรู ฯ
๏ นางฟังคำรำพึงแล้วจึงตอบ เจ้าว่าชอบอยู่แต่จิตคิดอดสู
ตั้งแต่พามาไว้มิได้ดู ให้เธออยู่ในห้องถึงสองวัน
สุลาลีนี้เป็นคนปรนนิบัติ เห็นข้องขัดเคืองแค้นแสนกระสัน
ไม่สรงเสวยเลยเฝ้าแต่จาบัลย์ จะผ่อนผันคิดอ่านประการใด ฯ
๏ นางยุพาว่าพระองค์ไม่สงสาร ทรมานเหมือนหนึ่งว่าเลือดตาไหล
จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าเศร้าพระทัย ขอลาไปช่วยชีวิตพระบิดา
แล้วบังคมก้มกรานค่อยคลานคล้อย ชวนน้องน้อยร่วมจิตขนิษฐา
ไปปรางค์ทองห้องในที่ไสยา ค่อยแอบฝาคอยฟังกำบังกาย ฯ
๏ สงสารองค์พระอภัยอยู่ในห้อง แต่ตรึกตรองไม่สมอารมณ์หมาย
ครั้นห่างนางสร่างมนต์กระวนกระวาย ให้คิดอายอกใจกระไรเลย
มิรอรั้งบังอาจประมาทหมิ่น มาหลงลิ้นลังกานิจจาเอ๋ย
โอ้ยามเคราะห์เพราะนิยมจะชมเชย โอ้ไม่เคยเลยแสนจะแค้นใจ
จนจวนแก่แพ้รู้อีผู้หญิง ประหลาดจริงเจียวน่าเลือดตาไหล
นอนไม่หลับกลับนั่งคลั่งพระทัย หวนอาลัยลูกยานุชาชาญ
เคยเห็นพี่มิได้เห็นทุกเย็นเช้า จะโศกเศร้าโศกาน่าสงสาร
ทั้งเสียเมียเสียพงศ์ทั้งวงศ์วาน เพราะเสียการกลศึกไม่ตรึกตรา
โอ้เอ็นดูสุมาลีเจ้าพี่เอ๋ย จะลับเลยหลงคอยละห้อยหา
โอ้ลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ทั้งสุดสาครพ่อจะท้อใจ
ยิ่งรัญจวนป่วนจิตคิดวิตก เหมือนหนึ่งนกเข้าเพนียดเบียดไม่ไหว
ลงนอนเอกเขนกอึ้งตะลึงตะไล ทุกข์พระทัยถึงพระองค์ทั้งวงศ์วาน ฯ
๏ ฝ่ายยุพาผกาที่มาเฝ้า เห็นโศกเศร้าซูบทรงน่าสงสาร
กระทั่งไอให้เสียงแล้วเมียงคลาน มากราบกรานทรงศักดิ์ตรงพักตรา
จึงทูลถามความในใจจะใคร่รู้ พระมาอยู่เมืองหม่อมฉันนั้นหรรษา
หรือเศร้าหมองข้องขัดพระอัชฌา ลูกพึ่งมามิได้อยู่ในบูรี ฯ
๏ พระผันแปรแลเห็นหน้ายุพาพักตร์ กลับนึกรักวัณฬามารศรี
สะอื้นพลางทางว่าบิดานี้ สู้เสียพี่น้องมาเอกากาย
ได้เห็นแต่แม่วัณฬาพอมาถึง ก็โกรธขึ้งทิ้งขว้างให้ห่างหาย
ชีวิตพ่อก็ไม่รอดจะวอดวาย พลางฟูมฟายชลนาโศกาลัย ฯ
๏ ฝ่ายยุพาผกาปรีชาฉลาด อภิวาทว่าพระองค์อย่าสงสัย
พระชนนีมิใช่จะมาละไป เพราะรักใคร่จึงได้พามาธานี
จะนบนอบมอบสมบัติพัสถาน ให้พระผ่านไตรจักรเป็นศักดิ์ศรี
ที่การศึกนึกว่าไม่ราวี จะเป็นที่พึ่งอาณาประชาชน
เหตุไฉนให้พระน้องยกกองทัพ มาเคี่ยวขับรบพุ่งกรุงสิงหล
แกล้งอุบายถ่ายเททำเล่ห์กล ไม่ผ่อนปรนปรองดองครองสัจจา
จึงน้อยใจไม่เข้ามาเฝ้าแหน เห็นทั้งแค้นทั้งรักนั้นหนักหนา
สู้คิดอ่านการศึกไปตรึกตรา อยู่พลับพลาชมจันทร์ข้างชั้นใน
ลูกไปเฝ้าเล่าก็ตรัสกระจัดแจ้ง ว่าเสียแรงรักพระองค์ไม่สงสัย
ส่วนทรงฤทธิ์คิดอุบายให้ตายใจ ต้องเสียไพร่พลเมืองเคืองรำคาญ ฯ
๏ พระตันอกตกตะลึงแล้วจึงว่า อนิจจังอนิจจาน่าสงสาร
เมื่อสงสัยไม่แถลงให้แจ้งการณ์ จะสาบานให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน
ซึ่งน้องรักหักหาญทำการศึก เห็นจะนึกแหนงว่าข้าอาสัญ
แม้รู้ว่ามาเป็นคู่อยู่ด้วยกัน ศรีสุวรรณก็จะกลับกองทัพไป
มิได้ถามความจริงมานิ่งโกรธ ช่วยขอโทษด้วยเถิดแม่ไปแก้ไข
ว่าจริงจิตบิตุรงค์นี้จงใจ ความรักใคร่แม่ละเวงยิ่งเกรงกลัว
ซึ่งพวกเราชาวผลึกทำฮึกหาญ จะทัดทานถ้าใครขัดจะตัดหัว
อย่าแหนงนึกตรึกตรองให้หมองมัว จะยอมตัวไปจนตายเหมือนหมายมา
เจ้าช่วยพ่อขอให้พบประสบพักตร์ อย่าหาญหักห่างเหเสน่หา
แม้ไม่เห็นเว้นหายหลายเวลา เห็นชีวาพ่อไม่รอดคงวอดวาย ฯ
๏ นางว่าเคราะห์เพราะจะไม่ให้สำเร็จ มิรู้เสร็จศึกเสือเบื่อใจหาย
แม้จริงจังดังพระโอษฐ์โปรดภิปราย จะสบายบ้านเมืองไม่เคืองใจ
จงหยุดยั้งรั้งรออยู่พอค่ำ ลูกจะนำไปพลับพลาที่อาศัย
ถึงจะกริ้วโกรธว่าลูกพาไป จะแก้ไขขอโทษคงโปรดปราน
หม่อมฉันรู้อยู่ว่าในพระทัยอ่อน ถ้าอ้อนวอนแล้วก็คงจะสงสาร
มานิ่งไว้ใจเย็นมิเป็นการ กระหม่อมฉานจะช่วยคิดด้วยบิตุรงค์
แต่รู้ข่าวเศร้าสร้อยก็พลอยทุกข์ จะหาสุขไม่สำเร็จเสร็จประสงค์
เชิญชำระสระสนานสำราญองค์ ที่โศกทรงเศร้าสร้อยจะค่อยคลาย
แล้วเรียกน้องของเสวยที่เคยแต่ง มาจัดแจงเรียงเรียบเทียบถวาย
พระอภัยใจอิ่มค่อยยิ้มพราย สรงสุหร่ายแล้วมานั่งบรรลังก์ทอง ฯ
๏ เสวยพลางทางว่าถ้ามิม้วย พ่อจะช่วยปลูกฝังเจ้าทั้งสอง
ให้สมสุดบุตรีทั้งพี่น้อง จะปกป้องไปจนตายวายชีวี
จริงนะลูกปลูกฝังพ่อมั่งเถิด เหมือนช่วยเชิดชูพักตร์เป็นศักดิ์ศรี
ไปว่าขานมารดาให้ปรานี คุณจะมีอยู่กับพ่อจนมรณา ฯ
๏ นางรับรสพจนารถฉลาดฉลอง พระคุณของทรงศักดิ์นั้นหนักหนา
ด้วยรักใคร่ใช้ชิดเหมือนธิดา จึงอุตส่าห์สุจริตไม่ปิดบัง
อยากจะใคร่ให้พระชนนีนาถ รักพระบาทบิตุรงค์เหมือนจงหวัง
แต่เดินป่ามาถึงเขตนิเวศน์วัง มิสมดังปรารถนาลูกอาภัพ
วันนี้ค่ำจำจะพาไปถึงห้อง ถ้าฟ้องร้องก็จะเสียบาทเบี้ยปรับ
แต่จะรักจะชังจะบังคับ สุดจะรับสั่งได้ด้วยไม่เคย ฯ
๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายสบายจิต พ่อคิดผิดไปแล้วลูกแก้วเอ๋ย
มันน่าแสนแค้นใจกระไรเลย ช่างเฉยเมยมีแต่กลัวนั้นทั่วไป
ถ้าแม้เป็นเช่นนั้นแล้ววันนี้ ช่วยหยิกตีให้บิดาน้ำตาไหล
พระสรวลพลางเสวยพลางสว่างใจ อิ่มพระทัยอิ่มโอชโภชนา ฯ
๏ พอพลบค่ำย่ำระฆังเสียงวังเวก ชอุ่มเมฆมืดมิดทุกทิศา
ส่วนสองนางพลางเชิญดำเนินมา ขึ้นพลับพลาชมจันทร์เป็นหลั่นลด
เดินบันไดในนั้นขึ้นชั้นสูง แกล้งขับฝูงสาวใช้ลงไปหมด
ถึงชั้นสุดหยุดยั้งนั่งประณต ให้ทรงยศเยื้องย่องเข้าห้องใน
ดูแจ่มแจ้งชวาลาระย้าระยับ กระจกจับเพลิงกระจ่างสว่างไสว
เห็นนางเอกเขนกนั่งกระทั่งไอ นางตกใจเหลียวเห็นทำเป็นเมิน
แต่ใจรู้ว่ายุพาให้มาพบ สุดจะหลบเหลืออายระคายเขิน
ให้พรั่นพรั่นหวั่นไหวฤทัยสะเทิน ทำนั่งเมินเหมือนไม่รู้จะดูที ฯ
๏ พระเห็นนางหมางหมองค่อยย่องย่าง เข้าเคียงข้างค่อยค่อยเบียดพอเสียดสี
ยิ่งหอมรื่นชื่นชวนให้ยวนยี เหมือนมาลีลอยฟ้ามายาใจ
จะจุมพิตคิดขยับแล้วกลับยั้ง แต่รอรั้งรวนจิตหวิดหวิดไหว
พอเหลือบเหลียวเสียวซาบวาบฤทัย พระเคลิ้มใจจุมพิตนางหวีดดัง
แล้วว่าดูสินี่พระเหมือนจะแกล้ง มาแอบแฝงโจมจับเอาลับหลัง
นี่ใครพาหรือว่ามาแต่ลำพัง ไม่รู้รั้งรอบ้างเป็นอย่างไร ฯ
๏ พระว่าพี่นี้เหมือนอกวิหคหงส์ ต้องติดกรงตรึงตราน้ำตาไหล
เขาปล่อยปละปะคู่ที่ชูใจ สุดจะให้เหินห่างจึงอย่างนี้
ส่วนน้องรักหนักหน่วงเฝ้าแหนหวง ส่วนพี่แสนเสนหามารศรี
มิผ่อนผันกรุณาจงฆ่าตี เสียเถิดพี่จะขอลาแก้วตาตาย
แม้ยังเป็นเห็นน้องก็ต้องรัก สุดจะหักห้ามสวาทให้ขาดหาย
ถึงปลดปลงคงจะกอดเจ้าวอดวาย ไม่วางสายสุดสวาทแล้วชาตินี้
พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า นางหยิกเพลาผลักหัตถ์น่าบัดสี
เมื่อแรกพบคบค้านึกว่าดี เพราะพระพี่ให้สัตย์ปฏิญาณ
ไม่รบพุ่งกรุงลังกาจะหย่าทัพ จึงได้รับมานิเวศน์เขตสถาน
เหตุไฉนให้ลูกมารุกราน เข้าตีต้านรบพุ่งถึงกรุงไกร
ยังจะมาว่าไม่รักทำกักขัง ก็ใครมั่งจะไม่น่าน้ำตาไหล
แต่เสียรู้สู้อดระทดใจ เชิญพระไปกองทัพกำกับพล
ได้คิดอ่านราญรอนเหมือนก่อนนั้น มารบกันกับผู้หญิงเมืองสิงหล
ไม่หลบลี้หนีหายสู้วายชนม์ อย่าแต่งกลลวงล่อต่อไปเลย ฯ
๏ พระวิงวอนอ่อนหวานประทานโทษ อย่ากริ้วโกรธตรึกตรองก่อนน้องเอ๋ย
ไม่ณรงค์สงครามกับทรามเชย อย่าคิดเลยพี่จะเล่าให้เข้าใจ
เมื่อแจ้งความทรามสงวนประชวรหนัก พี่ทุกข์นักจะใคร่เห็นว่าเป็นไฉน
จึงเป่าปี่ที่ในทัพให้หลับไป มิทันได้แพร่งพรายว่าร้ายดี
กับธิดาพากันตามทรามสวาท มาทันราชรถนางกลางวิถี
ซึ่งพวกทัพกลับกล้าเข้ามาตี หมายว่าพี่ล้มตายวายชีวา
ไว้ธุระจะให้เรียบเงียบสงบ มิให้รบพุ่งกันได้หรรษา
ไม่เหมือนคำรำพันที่สัญญา จงเข่นฆ่าพี่เสียแทนที่แค้นใจ
จริงนะเจ้าเยาวลักษณ์จงหนักหนวง ไม่ล่อลวงนวลหงส์อย่าสงสัย
จะทำศึกตรึกตราไปว่าไร พี่มิให้แก้วตาต้องราวี
ทั้งแผ่นภพรบได้พี่ไม่แพ้ กลัวก็แต่แม่วัณฬามารศรี
จะโกรธกริ้วนิ่วหน้าไม่พาที มิรู้ที่ที่จะปลอบให้ชอบใจ
จงแย้มเยื้อนเบือนหน้าพูดจาบ้าง อย่าหมองหมางเมินพักตร์เฝ้าผลักไส
พลางลูบต้องลองเล่ห์เสน่ห์ใน นางว่าไฮ้น่าเบื่อเหลือรำคาญ
ขืนจู้จี้นี้ก็หยิกเอาอิกดอก เฝ้ายวนหยอกแยบคายไม่วายหวาน
เพราะพาซื่อถือสัตย์ปฏิญาณ จึงเสียด่านบ้านเมืองขุ่นเคืองใจ
เดี๋ยวนี้พระจะมารับระงับศึก ไม่สมนึกเหมือนหนึ่งคำจะทำไฉน
ถึงสัญญาว่าขานประการใด ไม่มีใครที่จะกล้าไปฆ่าตี
ด้วยพวกพ้องของพระองค์ประสงค์ทรัพย์ จึงเคี่ยวขับรบพุ่งเอากรุงศรี
ข้างฝ่ายพระจะมาชวนให้ยวนยี ทำเช่นนี้นึกดูเหมือนรู้กัน
แม้จริงจังดังรับจะดับเข็ญ ทำให้เห็นจริงก่อนจะผ่อนผัน
นี่สงครามตามรุกมาทุกวัน จะผูกพันผ่อนปรนเป็นจนใจ ฯ
๏ พระฟังนางพลางว่านิจจาเอ๋ย ไม่เชื่อเลยหนอกรรมจะทำไฉน
เมือตัดขาดญาติกาไม่อาลัย พี่จึงได้ติดตามแม่งามมา
แม้ใครรบพบปะจะได้ห้าม ให้เห็นความจริงจังที่กังขา
ถ้าผู้ใดไม่ฟังอหังการ์ จะเข่นฆ่าเสียให้ตายวายชีวี
นี่ศึกเหนือเสือใต้ที่ไหนเล่า เนื้อแท้เจ้าจะแกล้งอางขนางหนี
เฝ้าหน่วงหนักกักขังเสียดังนี้ ชีวิตพี่จะมิตายหรือสายใจ
เจ้าสัญญาว่าถึงเมืองไม่เคืองขัด จะซ้ำผัดต่อตะบึงไปถึงไหน
มิปรานีก็มิฟังชั่งเป็นไร แม้แม่ไม่เมตตาจงฆ่าฟัน ฯ
๏ พระว่าพลางกางกรประคองกอด เยาวยอดข่วนหยิกผลักพลิกผัน
นางว่าพระจะมารุกทำบุกบัน เถิดเช่นนั้นแล้วก็ลึกอย่านึกเลย
น้องชอบหูอยู่แต่ปลอบไม่ชอบปล้ำ ถ้าขืนทำเจ็บปวดแล้วชวดเสวย
จงยั้งหยุดพูดจาประสาเคย อย่าคิดเลยว่าจะได้ด้วยไม้มือ
ที่เมืองใหม่ได้พบได้รบรับ พระยังจับน้องไม่ได้ลืมไปหรือ
ที่ตื้นลึกปรึกษาค่อยหารือ ไม่ดึงดื้อดอกแต่ว่าต้องช้าที
พระรักใคร่ใจน้องยังครองสัตย์ ใช่จะขัดคิดอางขนางหนี
จงรั้งรอพอให้รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ ศึกจะตีมากระทั่งถึงลังกา
แม้โปรดปรามห้ามทัพให้สรรพเสร็จ ศึกสำเร็จแล้วจะรักให้หนักหนา
แม้เลี่ยงหลีกอีกทีนี้พระพี่ยา จึงเข่นฆ่าน้องเสียบ้างให้วางวาย
จงผ่อนผันวันเดียวค่อยเหนี่ยวหน่วง ไม่ล่อลวงเลยน้องจะกองถวาย
สืบสนองรองบาทไม่คลาดคลาย อย่าให้อายอัปยศจงอดออม ฯ
๏ พระอ้นอั้นตันทรวงต้องหน่วงหนัก เพราะความรักวรนุชสุดถนอม
จึงว่าพี่นี้ระทมด้วยตรมตรอม เพราะอดออมอกดังจะพังโทรม
ได้อิงแอบแนบกายค่อยคลายโศก เหมือนคนโรคซึ่งได้รสโอสถโสม
มาซึมซาบอาบอุราประชโลม ที่ทรุดโทรมหนักนั้นค่อยบรรเทา
ถ้าน้องรักกักขังเหมือนครั้งก่อน อกพี่ร้อนเหมือนหนึ่งไฟประลัยเผา
ขออยู่ให้ใกล้องค์กับนงเยาว์ จะคอยเฝ้าปรนนิบัติช่วยพัดวี
อีกวันเดียวเจียวเป็นแน่นะแม่น้อง อย่าปิดป้องผัดเกี่ยงหลีกเลี่ยงหนี
ศึกจะมาหรือมิมาก็ตามที ในพรุ่งนี้เป็นเสร็จสำเร็จการ ฯ
๏ นางขวยเขินเมินยิ้มพริ้มพระพักตร์ เธอแสนรักร่ำว่าน่าสงสาร
ทำเสแสร้งแกล้งว่าเบื่อเหลือรำคาญ น่าขี้คร้านพูดซ้ำให้ช้ำทรวง
ซึ่งจะให้ใกล้เคียงแต่เพียงนั้น พอจะผันผ่อนตามไม่ห้ามหวง
แต่สิ่งของน้องระวังอยู่ทั้งปวง อย่าลามล่วงเหลือเกินเชิญบรรทม
แล้วแต่งที่ยี่ภู่นางปูปัด ปรนนิบัติทรงฤทธิ์สนิทสนม
แล้วเผยแกลแลสว่างน้ำค้างพรม เชิญพระชมดวงดาวดูพราวตา ฯ
๏ น้องจะยังนั่งเล่นเย็นเย็นก่อน ข้างในร้อนจะต้องออกไปนอกฝา
พระโอบอุ้มจุมพิตวนิดา ไม่ให้ลาแล้วจะอุ้มเจ้าคุมไว้
พี่รู้เท่าเจ้าเสียแล้วนะแก้วพี่ วานซืนนี้เหมือนหนึ่งว่าเลือดตาไหล
อย่าเลี่ยงหลีกอีกเลยจะเคยใจ จงอยู่ในแท่นทองเถิดน้องรัก
สายสมรร้อนรนจะปรนนิบัติ ช่วยนั่งพัดให้บรรทมพอสมศักดิ์
แล้วอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ นางพลิกผลักแล้วก็ว่าน่ารำคาญ
เห็นน้องนิ่งแล้วก็เฝ้าแต่เซ้าซี้ ทำเช่นนี้หรือว่ารักแกล้งหักหาญ
ให้ชอกช้ำสำหรับแต่อัประมาน ไม่สงสารสมเพชเวทนา
น้องตามใจไม่ถือเพราะซื่อสัตย์ ปรนนิบัติบทเรศพระเชษฐา
มิชุบเลี้ยงเที่ยงธรรม์เหมือนสัญญา จะเงยหน้าดูมนุษย์ก็สุดอาย
เพราะเอออวยด้วยพระองค์ลุ่มหลงรัก จึงเสื่อมศักดิ์เสียตระกูลเป็นสูญหาย
แม้นคลาดแคล้วแล้วไม่อยู่จะสู้ตาย ไม่เสียดายชีวิตสักนิดเลย ฯ
๏ พระสวมสอดกอดแอบแนบถนอม งามละม่อมแม่อย่าหมองเลยน้องเอ๋ย
สักแสนปีมิได้ร้างให้ห่างเชย ไม่ละเลยลืมสัตย์ปฏิญาณ
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม่เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
เป็นสัจจังหวังจิตสนิทถนอม งามละม่อมมิ่งขวัญอย่าหวั่นไหว
จงโอนอ่อนผ่อนตามความอาลัย ให้ชื่นใจเสียรู้แล้วเถิดแก้วตา ฯ
๏ พลางอิงแอบแนบน้องประคองเคล้า นางผลักเพลาพลิกปัดพระหัตถา
แล้วว่าเบื่อเหลือล้ำคำสัญญา ยิ่งไม่ว่าก็ยิ่งทำให้ก้ำเกิน
อย่าลามลวนกวนใจที่ได้ห้าม มิผ่อนตามน้องบ้างจะห่างเหิน
เยี่ยมบัญชรก่อนเถิดให้เพลิดเพลิน โน่นแน่เชิญชมฟ้าดาราราย
ดูโชติช่วงดวงดาวบ้างขาวเหลือง ประจำเมืองสุกเหมือนดังเดือนฉาย
พระอิงแอบแนบนางไม่ห่างกาย แสนสบายบรรทมเมื่อลมเชย
เฉื่อยเฉื่อยชื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ หอมอังกาบแกมลำดวนหวนระเหย
ชื่นอารมณ์ยมโดยโรยรำเพย พระชื่นเชยปรางน้องประคองกร
ประคองกอดสอดหัตถ์สัมผัสเคล้า ค่อยเคล้นเต้าเต่งทรวงดวงสมร
นางผลักพลิกหยิกหัตถ์สลัดกร เมื่อไม่นอนนิ่งบ้างเป็นอย่างไร
เฝ้าจับกุมหยุมหยิมไม่อิ่มหนำ จะลูบคลำเคล้าคลึงไปถึงไหน
จงหยุดหย่อนผ่อนสบายให้หายใจ อย่าเพ่อให้ชอกช้ำระกำตรอม ฯ
๏ พระเชยโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ สุมาลีแล้วหรือกลิ่นจะสิ้นหอม
ไม่อิ่มหนำน้ำใจเพราะไม่ยอม ต้องอดออมอกใจดังไฟฮือ
เหมือนอยากน้ำกล้ำกลืนแต่กล้วยกล้าย จะเหือดหายหิวในน้ำใจหรือ
จึงจับต้องของรักไม่หนักมือ แม่อย่าถือโทษเลยที่เชยชม
แล้วเบือนเบียดเสียดชิดจุมพิตพักตร์ เหมือนคู่รักร่วมจิตสนิทสนม
จนดึกเดือนเลื่อนสว่างน้ำค้างพรม นางชวนชมดาวเดือนแกล้งเชือนแช
กระซิบบอกหยอกนางว่าข้างใต้ ชื่อดาวไก่กกนางไม่ห่างแห
โน่นดาวสาวขาวผ่องตรงช่องแกล ถ้าใครแลดูนักมักขี้อาย
นางว่าเบื่อเหลือใจเที่ยวไล่ว่า เช่นนี้น่าหนวกหูไม่รู้หาย
จะนอนเล่นเย็นลมชมสบาย เฝ้ากอดก่ายกวนใจกระไรเลย
แล้วหลบพักตร์ชักผ้าเช็ดหน้าแต้ม มาปิดแก้มก้มแอบแนบเขนย
พระสวมสอดกอดน้องประคองเกย จนลืมเลยหลับไปในไสยา ฯ
๏ ฝ่ายพี่น้องสองศรีบุตรีเลี้ยง นอนอยู่เพียงชั้นล่างที่ข้างฝา
มิให้เหล่าสาวใช้ผู้ใดมา จนเวลารุ่งรางสว่างวัน
จึงจัดแจงแต่เครื่องแล้วเยื้องย่าง ไปตั้งข้างแท่นทองนอกห้องกั้น
ของเสวยเนยนมทั้งน้ำจัณฑ์ สารพันเสร็จสรรพแล้วกลับไป ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ตื่นไสยาสน์ยามรุ่งสะดุ้งไหว
ค่อยขยับหับบานบัญชรชัย มิให้องค์พระอภัยตื่นไสยา
แล้วลดเลื่อนเคลื่อนองค์นางนงลักษณ์ มาสรงพักตร์แล้วก็ออกมานอกฝา
เห็นบุตรีพี่น้องทั้งสองรา ร้องเรียกมานั่งใกล้แกล้งใส่ความ
ไม่บอกเล่าเจ้าไปพาเธอมาไว้ ให้กวนใจจ้วงจาบทำหยาบหยาม
ถ้างวยงงหลงเชื่อก็เหลืองาม นี่หากห้ามใจได้จึงไม่อาย
เจ้าก็รู้อยู่ว่าพวกฝรั่ง เขาชิงชังพระอภัยนี่ใจหาย
จะให้ห้ามปรามทัพมากลับกลาย มิวุ่นวายขึ้นแล้วเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายยุพาผกาปรีชาฉลาด อภิวาทว่าพระแม่พอแก้ไข
ด้วยข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน ไม่มีใครอาจองออกสงคราม
จงให้หามาประชุมนุมวันนี้ ให้พร้อมที่ข้างหน้าปรึกษาถาม
แม้ใครใครไม่รับไปปราบปราม จึงแต่งตามกลเล่ห์เพทุบาย
จะลวงล่อต่อตามด้วยความลับ เอาศึกกลับเป็นมิตรเหมือนคิดหมาย
ให้ห้ามทัพกลับไปได้ง่ายดาย คนทั้งหลายก็เห็นคงจะปลงใจ
นางวัณฬาว่าเจ้าคิดสนิทนัก เจ้าดวงจักขุแม่ช่วยแก้ไข
กระนั้นเจ้าเข้าไปอยู่ด้วยภูวไนย แม่จะไปข้างหน้าบัญชาการ
แล้วเทวีลีลาออกมานั่ง บนบัลลังก์เลขาตรงหน้าฉาน
ให้ตีกลองร้องเรียกข้าราชการ มากราบกรานพร้อมพรักตรงพักตรา ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ตรัสประภาษการศึกแล้วปรึกษา
ซึ่งสงครามตามติดประชิดมา พวกเสนาจะคิดอ่านประการใด ฯ
๏ ฝ่ายขุนนางต่างคนก็จนจิต เป็นสุดคิดสุดพรั่นให้หวั่นไหว
ที่ขี้ขลาดชาติหญิงก็นิ่งไป ที่จิตใจแกล้วกล้าว่าข้านี้
จะสู้ซื่อถือสัตย์พิพัฒน์ผล รบไปจนสิ้นชีวิตไม่คิดหนี
สนองคุณมุลิกาฝ่าธุลี ตายอยู่ที่ท้องทุ่งริมกรุงไกร ฯ
๏ นางกษัตริย์ตรัสตอบว่าขอบจิต เราก็คิดผันแปรยังแก้ไข
จะถ่ายเทเล่ห์กลให้คนไป ลวงให้องค์พระอภัยมาในวัง
แล้วจะล่อให้ละเลิงในเชิงรัก คงคิดหักห้ามทัพให้กลับหลัง
แล้วตัดปลายสินต้นก่นกำบัง ขุนนางทั้งปวงจะเห็นเป็นอย่างไร
พวกเสนาว่าคงสมอารมณ์นึก ชนะศึกมั่นคงไม่สงสัย
ตามพระแม่จะบำรุงซึ่งกรุงไกร ข้าจะได้พึ่งพาบารมี
นางโฉมยงทรงสดับกำชับสั่ง จงระวังตรวจตราทุกหน้าที่
เผื่อข้าศึกฮึกโหมมาโจมตี จะเสียทีไม่ทันคิดซึ่งกิจการ
จงรบรับทัพใหญ่ไว้ให้หยุด อย่าให้รุดรุกราษฎร์มาอาจหาญ
ฝรั่งรับกลับไปพร้อมป้อมปราการ เยาวมาลย์เสด็จมาพลับพลาทอง
พอเห็นองค์พระอภัยตื่นไสยาสน์ ธิดานาฏพร้อมพรั่งอยู่ทั้งสอง
จึงหยุดยั้งนั่งที่เก้าอี้รอง ให้ยกของที่เสวยนมเนยมา
มีดตะเกียบเทียบทำไว้สำเร็จ ทั้งไก่เป็ดขนมปังเครื่องมังสา
ฝ่ายบุตรีพี่น้องสองสุดา รินสุราคอยประคองให้สององค์ ฯ
๏ พระอภัยไม่เคยเสวยเหล้า แต่รักเขาก็ต้องตามด้วยความหลง
เก้าอี้ตั้งข้างเตียงเคียงพระองค์ พึ่งสอนทรงหยิบตะเกียบไม่เรียบเลย
ค่อยค่อยคีบหนีบพลัดให้ขัดข้อง นางยิ้มย่องหยิบช้อนช่วยป้อนเสวย
สุกรไก่หมูหันชิ้นมันเนย น้ำส้มเชยตับแพะลิ้นแกะแกม
นางนั่งชี้นี่นั่นรำพันบอก สุราจอกจับจิบคอยหยิบแถม
พระอภัยไม่อิ่มนั่งยิ้มแย้ม นางป้อนแกล้มกล้ำกลืนยิ่งชื่นใจ
แล้วหยิบช้อนป้อนบ้างนางไม่รับ ให้นางกลับป้อนพระองค์ด้วยหลงใหล
ทั้งเมาเหล้าเมาเล่ห์เสน่ห์ใน แล้วลูบไล้ลดเลี้ยวพูดเกี้ยวพาน ฯ
๏ จะกล่าวกลับทัพศรีสุวรรณราช กับหน่อนาถสินสมุทรหยุดทหาร
ครั้นฤกษ์ดีตีฆ้องก้องกังวาน ยกจากด่านเจ้าประจัญสนั่นดัง
สินสมุทรสุดคะนองเป็นกองหน้า ทหารห้าหมื่นแห่ล้วนแตรสังข์
ทรงสิงห์กลิ้งกลดกั้นบดบัง พลดาบดั้งเดินดำเนินธง
พี่เลี้ยงพราหมณ์สามนายปีกซ้ายขวา ต่างขี่ม้าเครื่องกระหนกวิหคหงส์
ให้เดินทัพขับทหารเข้าดานดง ดูทวนธงปลาบปลิวเป็นทิวมา
ศรีสุวรรณนั้นขึ้นทรงรถที่นั่ง พวกกองหลังหลายหมื่นถือปืนผา
ยกทหารขานโห่เป็นโกลา เหมือนเสียงฟ้าครื้นครั่นสนั่นดัง
ฝูงเนื้อเบื้อเสือสีห์หมูหมีเม่น ต่างตื่นเต้นแตกเตลิดระเสิดระสัง
ทั้งนกหกตกร่วงจากรวงรัง ด้วยเสียงสังข์เสียงกลองก้องกังวาน
พวกบ้านรายชายหญิงชาวสิงหล บ้างแบกขนหมอนฟูกอุ้มลูกหลาน
ไม่สู้รบหลบหนีตะลีตะลาน ทหารขานโห่ลั่นสนั่นไป
พอตกทุ่งกรุงลังกาเวลาพลบ เห็นหอรบเชิงเทินดังเนินไศล
ล้วนธงทิวปลิวระยับวับวับไว ดูไรไรเรียงรอบขอบกำแพง ฯ
๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรไม่หยุดยั้ง ด้วยกำลังห้าวหาญชาญกำแหง
ขับทหารล่วงทางไปกลางแปลง ใกล้กำแพงเมืองนั้นสักพันวา
จึงหยุดทัพยับยั้งให้ตั้งค่าย ทั้งทัพพราหมณ์สามนายปีกซ้ายขวา
ทั้งทัพหลังตั้งเคียงเรียงกันมา ถึงปากป่าชายทุ่งริมกรุงไกร ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาเห็นข้าศึก พลผลึกโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว
ไม่รอรั้งยั้งหยุดฉวยชุดไฟ ยิงปืนใหญ่เยี่ยมศึกเสียงครึกครื้น
ไฟวับถึงตึงตามถูกสามค่าย ระเนียดแตกแหลกทลายลงหลายหมื่น
ต้องถอยค่ายไปให้ห่างในกลางคืน แล้วตอกปืนหลักลั่นเสียงครั่นครึก ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายชายหญิงชาวสิงหล เสียงไพร่พลโห่ร้องดังก้องกึก
แผ่นดินลั่นหวั่นไหวอกใจทึก รู้ว่าศึกเข้ามาล้อมป้อมกำแพง
ต่างตัวสั่นงันงกสะทกสะท้าน อลหม่านทั้งประเทศทุกเขตแขวง
มีตู้หีบรีบหามไปตามแรง หิ้วหม้อแกงหม้อข้าวแบกเตาไฟ
ที่ลางคนขนของไปกองทิ้ง แต่ตัววิ่งเวียนวงด้วยหลงใหล
บ้างแบกเบาะเมาะฟูกหิ้วหูกไน ได้โอ่งไหใส่แสรกแบกกระบุง
บ้างฉวยได้แพรพรรณลูกขันเชี่ยน ที่เงินเหรียญมีมากก็ลากถุง
ที่แก่งมซมซานลูกหลานจุง หอบหมอนมุ้งม้วนเสื่อเสื้อกางเกง
ที่ง่อยเปลี้ยเสียขาคว้าไม้เท้า สะดุดสะเด่าเดินกระโดดโลดเขย่ง
เวทนาตาบอดกอดกันเอง ออกโก้งเก้งร้อนตัวด้วยกลัวภัย ฯ
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาพระยาหญิง ได้ยินยิงปืนรบพิภพไหว
ให้ถามดูรู้แจ้งไม่แคลงใจ ว่าทัพใหญ่ยกมาถึงธานี
จึงทูลองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ พระน้องรักมาประชิดติดกรุงศรี
จะให้รบหรือจะห้ามก็ตามที ในครั้งนี้แล้วจะใคร่เห็นใจจริง ฯ
๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายปลอบ พี่แสนชอบช่างพลอดแม่ยอดหญิง
อย่านึกแหนงแคลงในน้ำใจจริง ไม่ทอดทิ้งมิ่งแม่ให้แดดาล
จะออกไปให้พระน้องเลิกกองทัพ พากันกลับไปประเทศเขตสถาน
ที่สัญญาว่ากันไว้วันวาน เยาวมาลย์แม่อย่าลืมนะปลื้มใจ ฯ
๏ นางฟังคำทำเป็นว่าฉาพระพี่ พูดเช่นนี้แค้นน่าเลือดตาไหล
พระอนุชามารับจะกลับไป พอเข้าใจอยู่ดอกอย่าพักพาที
จะห้ามทัพดับเข็ญไม่เห็นด้วย เห็นจะช่วยรบพุ่งเอากรุงศรี
เสียแรงรักหากพามาธานี หวังพระพี่ว่าจะอยู่เป็นคู่ครอง
นี่เนื้อเคราะห์เพราะซื่อด้วยถือสัตย์ สารพัดเนื้อตัวก็มัวหมอง
เมื่อรู้ว่าข้าศึกไม่ตรึกตรอง จะขืนครองชีวาไปว่าไร
แล้วแกล้งทำกล้ำกลืนสะอื้นอั้น กันแสงศัลย์สำออยละห้อยไห้
พระตันอกตกประหม่าด้วยอาลัย เข้าลูบไล้โลมปลอบให้ชอบที
พี่พูดตามความซื่อควรหรือน้อง มามัวหมองว่าจะอางขนางหนี
ก็ตามแต่แม่จะสั่งเถิดครั้งนี้ จะให้พี่ทำไฉนจะได้ตาม
แม้มิตายวายวอดไม่ทอดทิ้ง สมรมิ่งแม่ละเวงอย่าเกรงขาม
พลางช่วยเช็ดชลนาพะงางาม จงเห็นความจริงบ้างอย่าหมางใจ ฯ
๏ นางฟังคำทำงอนอ่อนจริต ว่าน้องคิดว่าจะตรงไม่สงสัย
เมื่อสัญญามาในทางที่กลางไพร ไม่อาลัยแล้วเป็นขาดญาติวงศ์
จะโปรดเกล้าเข้ารีตฝรั่งด้วย จึงเอออวยอ่อนใจอาลัยหลง
แม้วงศามาประสบพบพระองค์ จะยุยงต่างต่างให้จางใจ
คำโบราณท่านผูกว่าลูกเขย ไม่ชอบเลยกับพ่อตาอย่าสงสัย
ญาติกาสามีกับพี่สะใภ้ เล่าก็ไม่ชอบกันเป็นมั่นคง
ถึงเจ้าตัวผัวเมียมิขัดข้อง ฝ่ายพวกพ้องญาติกาก็ว่าหลง
ถ้าแม้พระจะช่วยห้ามปรามณรงค์ จงโปรดทรงอักษรคิดผ่อนปรน
เป็นสำคัญมั่นหมายลายพระหัตถ์ ไปทานทัดน้องรักเสียสักหน
แม้พวกพ้องกองทัพมิกลับพล จึงขึ้นบนพลับพลาหน้าธานี
เขามารบพบปะจะได้ว่า ตามประสาพี่น้องไม่หมองศรี
ถ้าขืนบุกรุกโรมเข้าโจมตี จึงเป่าปี่ให้หลับแล้วจับเป็น
ช่วยปราบปรามตามทำเนียบพอเรียบร้อย แล้วจึงปล่อยไปเมืองไม่เคืองเข็ญ
พวกฝรั่งทั้งชมพูจะอยู่เย็น จึงจะเห็นว่าพระรักประจักษ์ใจ ฯ
๏ พระฟังนางพลางตอบว่าชอบแล้ว พระน้องแก้วคิดดีจะมีไหน
จะฟังคำทำตามแม่ทรามวัย พี่มิให้แก้วตาอนาทร
พระว่าพลางร่างสารแล้วอ่านสอบ นางเห็นชอบจึงประจงลงอักษร
ครั้นเสร็จสรรพพับจีบด้วยรีบร้อน ให้บังอรองค์ละเวงด้วยเกรงใจ
นางยินดีตีตราพระราหู ให้เป็นคู่ควรความตามวิสัย
เรียกธิดามาสั่งที่ข้างใน เจ้าจงไปตรวจตราในราตรี
ให้พรั่งพร้อมป้อมประตูคอยสู้ศึก จะหาญฮึกรบพุ่งเอากรุงศรี
ต่อรุ่งแจ้งแต่งทูตที่พูดดี เอาสารศรีไปให้พระอนุชา ฯ
๏ ทั้งสองนางต่างรับคำนับน้อม เที่ยวตรวจป้อมปืนรายทั้งซ้ายขวา
ให้ทหารขานยามตามเวลา มิให้ข้าศึกเข้ามาเล้ารุม
แล้วเกณฑ์กองป้องกันที่ชั้นนอก ทั้งปืนหอกให้ระวังออกนั่งสุม
มีกองกลางหว่างป้อมพร้อมชุมนุม ระวังทุ่มยามเรียกเพรียกกันไป ฯ
๏ ฝ่ายกองทัพยับยั้งอยู่ชายป่า ต่างตรวจตราเตรียมกันอยู่หวั่นไหว
พอลมแดงแรงเร็วเหมือนเปลวไฟ พัดธงชัยสามทัพหักพับลง
แล้วหอบหวนป่วนปั่นเป็นควันกลุ้ม ผงคลีคลุ้มเวียนวุ่นทั้งฝุ่นผง
พอลมหายสายรุ้งก็พลุ่งตรง จำเพาะลงกลางค่ายแล้วหายไป ฯ
๏ จอมกษัตริย์อัดอั้นให้หวั่นหวาด ทั้งหน่อนาถนึกพรั่นให้หวั่นไหว
ให้เปลี่ยนทรงคันธงขึ้นทันใด แล้วรีบไปที่เฝ้าพระเจ้าอา
พอสามพราหมณ์ตามหลังมาพรั่งพร้อม ประณตน้อมนั่งฝ่ายทั้งซ้ายขวา
จอมกษัตริย์ตรัสถามตามสงกา ไฉนมาเป็นลางขึ้นอย่างนี้ ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์รู้อยู่ว่าร้ายแกล้งทายกลับ กิตติศัพท์สรรเสริญเจริญศรี
ซึ่งเสาธงยุทธนาเคยราวี พายุตีหักยับทุกทัพชัย
จะสำเร็จเสร็จสงบที่รบพุ่ง เหมือนอย่างมุ่งมั่นคงไม่สงสัย
ซึ่งสายรุ้งพลุ่งพร่างสว่างไป พระจะได้บ้านเมืองรุ่งเรืองงาม
เป็นนิมิตกฤษฎาอานุภาพ จะเกิดลาภปราบเตียนที่เสี้ยนหนาม
เชิญพระองค์ทรงตริดำริความ ทำสงครามคราวนี้ให้มีชัย ฯ
๏ พระฟังเตือนเอื้อนอรรถดำรัสสนอง ฉันตริตรองกริ่งจิตคิดสงสัย
อันพระพี่ชีวันไม่บรรลัย จะมาได้ความสุขหรือทุกข์ทน
ดูท่าทางนางละเวงวัณฬาเล่า ก็เห็นเขาจะไม่รักเป็นพักผล
ด้วยฆ่าพ่อพี่ชายเขาวายชนม์ จึงแต่งกลแก้แค้นจะแทนทด
บัดนี้เล่าเขาก็พาเอามาได้ เกรงจะให้ย่อยยับอัปยศ
จะรีบรบพบองค์พระทรงยศ หรือจะงดรอรั้งคอยฟังความ ฯ
๏ เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมนอบตอบสนอง ดูทำนองนางละเวงก็เกรงขาม
ด้วยสุจริตคิดอ่านการสงคราม จึงทำตามตัวถนัดเป็นสตรี
ไปลวงล่อพอได้พาเธอพาไว้ หมายมิให้รบพุ่งเอากรุงศรี
ถึงชิงชัยยังมิกล้าให้ฆ่าตี เห็นท่วงทีจะผดุงบำรุงบำเรอ
ฝ่ายพระพี่ผีปากที่ฝากรัก ก็แหลมหลักเหลือดีไม่มีเสมอ
ผู้หญิงคงงงงวยลงอวยเออ จะฆ่าเธอที่ไหนได้คงไม่ตาย
ด้วยวิสัยในประเทศทุกเขตแคว้น ถึงโกรธแค้นความรักย่อมหักหาย
อันความจริงหญิงก็ม้วยลงด้วยชาย ชายก็ตายลงด้วยหญิงจริงดังนี้
แม้พระองค์หลงไปอยู่กับผู้หญิง ไหนจะนิ่งเสียให้เราเข้ากรุงศรี
จะห้ามปรามตามวิสัยเป็นไมตรี ในพรุ่งนี้คงจะแจ้งที่แคลงใจ
พระอนุชาว่าฉันเห็นก็เช่นนั้น ถ้าแม่นมั่นเหมือนหนึ่งคำจะทำไฉน
ต่างตรองตรึกนึกรำพึงคะนึงใน จนมิได้นิทราในราตรี ฯ
๏ ฝ่ายยุพาผกาเวลาเช้า ชวนน้องสาวขึ้นพลับพลาหลังคาสี
เรียกข้าเฝ้าเข้ามานั่งฟังคดี ให้รู้ทีทางความจะห้ามทัพ
แล้วเชิญราชสารใส่ลงในกล่อง มีพานทองเรือนเก็จเพชรประดับ
ทั้งเอมโอชโภชนาห้าสำรับ ครั้นเสร็จสรรพยกขึ้นตั้งบัลลังก์รถ
มีเกณฑ์แห่แตรสังข์ข้างหลังหน้า ชักรถามากลางกางพระกลด
ทูตฝรั่งทั้งสามแต่งตามยศ แล้วนำรถตรงออกนอกบุรี
ประโคมฆ้องกลองแตรเซ็งแซ่เสียง เครื่องสูงเรียงแลระยับสลับสี
ถึงกองทัพยับยั้งฟังคดี พอโยธีออกมาถามตามสงกา ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งสั่งความให้ล่ามพูด เราเป็นทูตของสมเด็จพระเชษฐา
มาเยี่ยมทัพกับพระอนุชา อย่ารอรารับเราจะเข้าไป
ฝ่ายพวกทัพกลับถามได้ความชัด ก็รีบรัดเข้าไปแจ้งแถลงไข
จอมกษัตริย์ตรัสสั่งเสนาใน ให้ออกไปรับทูตมาพูดจา ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งบังคมบรมนาถ ทูลว่าราชสารสมเด็จพระเชษฐา
กับของเครื่องเอมโอชโภชนา ให้ข้ามาถวายองค์พระทรงธรรม์
ที่เครื่องทองของพระหน่อวรนาถ สำหรับราชกษัตริย์ทรงจัดสรร
กับสามพราหมณ์สามสำรับลำดับกัน พระทรงธรรม์โปรดปรานประทานมา
แล้วสั่งบอกนอกสารเป็นการลับ ว่ากองทัพลำบากยากหนักหนา
จะจำหน่ายจ่ายเสบียงเลี้ยงโยธา ให้รีบล่ากองทัพยกกลับไป ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงราช เชิงฉลาดแหลมปัญญาอัชฌาสัย
ไม่ออกโอษฐ์พจมานประการใด แต่สั่งให้พราหมณ์อ่านสารสุนทร
ในสารทรงองค์อภัยมณีนาถ บรมบาทบพิตรอดิศร
เฉลิมวังลังกาสถาวร กับบังอรอัคเรศเกศสตรี
ทั้งกรุงไกรไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ พึ่งพระบาทบงกชบทศรี
นิคมคามร้อยเอ็ดเขตบุรี ไม่ย่ำยีราษฎรให้ร้อนรน
ไฉนพระอนุชาพาทหาร มารอนราญรบพุ่งกรุงสิงหล
ให้ลำบากยากใจแก่ไพร่พล ทุกตำบลบ้านเมืองเคืองรำคาญ
อันตัวเราเอาแต่ปากมาฝากรัก ได้องค์อัคเรศประเทศสถาน
จะบำรุงกรุงไกรให้สำราญ อย่าเป็นภารธุระพระอนุชา
จงเลิกทัพกลับไปอยู่ชมพูทวีป ช่วยชูชีพชนชาติพระศาสนา
อันพวกเราชาวฝรั่งเมืองลังกา จะไปค้าขายบ้างทางไมตรี
แม้นมิฟังหนังสือไม่ถือญาติ จะหมายมาดรบพุ่งเอากรุงศรี
ขอเชิญพระอนุชาเข้าราวี ผู้ใดดีก็จะได้ดังใจจง
พอจบความพราหมณ์กราบพระทราบเหตุ ว่าพระเชษฐายังกำลังหลง
จะเลิกทัพกลับไปไกลพระองค์ ก็แสนสงสารพระพี่จะมีภัย
จะขืนอยู่ดูดังไม่ฟังห้าม จะมีความแคลงจิตคิดสงสัย
ให้ขัดสนอ้นอั้นตันพระทัย จึงเกลี่ยไกล่กล่าวคำเป็นท่ามกลาง
แม้ทรงเดชเชษฐาบัญชาสั่ง จะเชื่อฟังสารพัดไม่ขัดขวาง
แต่ขอถามความขำอย่าอำพราง ด้วยเดิมนางอยู่ที่เขาเจ้าประจัญ
ให้ม้าใช้ไปแถลงบอกแจ้งเหตุ ว่าจับเชษฐาจะฆ่าให้อาสัญ
จึงหักด่านรานรุกไล่บุกบัน มาโรมรันรบพุ่งกรุงลังกา
ประเดี๋ยวนี้มีสารมาทานทัด ว่าสมบัติของสมเด็จพระเชษฐา
อย่างไรอยู่ผู้ถือหนังสือมา จงพูดจาให้เราแจ้งที่แคลงใจ
วานซืนนี้ตีทัพได้รับรบ แล้วกลับคบเคียงชิดพิสมัย
ภิเษกสองครองกันเมื่อวันใด ช่วยเล่าให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ
๏ ฝรั่งทูตพูดตามเนื้อความสั่ง เดิมก็หวังว่าจะฆ่าให้อาสัญ
ครั้นลอบพามาถึงเขาเจ้าประจัญ พอเกิดควันมืดมนสนธยา
เทพเจ้าเข้าประคองสองกษัตริย์ ใส่พระหัตถ์เหาะเร่ขึ้นเวหา
มาส่งถึงในวังเมืองลังกา ให้สองรารักใคร่เป็นไมตรี
ชาวกรุงไกรไพร่นายฝ่ายฝรั่ง จึงพร้อมพรั่งให้เป็นเอกภิเษกศรี
ด้วยนายทัพกลับมาอยู่ธานี พระจึงตีได้เขาเจ้าประจัญ
ซึ่งสงสัยไม่ประจักษ์ตระหนักแน่ จงดูแต่ลายพระหัตถ์ที่จัดสรร
พระทรงเขียนมาให้เห็นเป็นสำคัญ ทั้งตรานั้นชื่อราหูคู่นคร ฯ
๏ พระฟังทูตพูดดีเป็นที่ยิ่ง มันอ้างอิงเอาหลักที่อักษร
เป็นความลับกลับกลอกแกล้งยอกย้อน ไม่แน่นนอนนิ่งคิดพินิจดู
ก็จำได้ลายพระหัตถ์กระจัดแจ้ง กับตราแดงดวงหน้าพระราหู
จึงแกล้งว่าตัวเราเจ้าชมพู ยกมาอยู่ใกล้วังเมืองลังกา
แม้จริงจังดังคำที่ร่ำเล่า จงให้เราเฝ้าสมเด็จพระเชษฐา
จะทูลความตามประสงค์จำนงมา ให้ทราบฝ่าบาทบงสุ์พระทรงยศ
แม้วันนี้มิได้เฝ้าเหมือนเราสั่ง ฝ่ายฝรั่งราชทูตก็พูดปด
จะรบพุ่งกรุงไกรมิได้งด ตามกำหนดนัดกันในวันนี้
อันตัวเราเหล่าทหารกับหลานรัก จะไปพักเพียงประตูบูรีศรี
ท่านกลับไปในกำแพงแจ้งคดี ให้พระพี่ทราบความตามกิจจา ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งฟังตรัสเห็นตัดขาด แสนฉลาดแหลมหลักนั้นหนักหนา
ต่างคำนับรับรสพจนา แล้วทูลลากลับหลังเข้าวังใน
ทูลแถลงแจ้งคดีบุตรีเลี้ยง เหมือนไล่เลียงเล่าแจ้งแถลงไข
เห็นไม่ฟังหนังสือที่ถือไป ว่าแม้ไม่พบองค์จะสงคราม ฯ
๏ ฝ่ายยุพาผกาสุดาสดับ นางกำชับนายทหารชาญสนาม
แม้มาเฝ้าเราจึงช่วยกันห้ามปราม ให้ทำตามเยี่ยงอย่างวางสาตรา
แม้ฟังคำนำไปแล้วให้นั่ง ที่ตึกฝังคนตายข้างฝ่ายขวา
ใส่ประแจแม่เหล็กแล้วลอบมา เรียกโยธาไปให้พร้อมแล้วล้อมไว้
สั่งสำเร็จเสร็จสรรพมากับน้อง เข้าเฝ้าสองกษัตราอัชฌาสัย
แล้วทูลความตามหนังสือที่ถือไป พระน้องไม่กลับจะเข้าเฝ้าพระองค์ ฯ
๏ พระอภัยได้ฟังยิ่งคั่งแค้น ด้วยสุดแสนรักใคร่อาลัยหลง
ว่าครั้งนี้ก็เห็นขาดญาติวงศ์ ในจะคงฆ่าฟันให้บรรลัย
แล้วเล้าโลมละเวงวัณฬาราช นุชนาฏนวลหงอย่าสงสัย
แม้เขามาหาข้างนอกจะออกไป หรือจะให้สงครามก็ตามที ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงสินสมุทร จะรีบรุดรบพุ่งเอากรุงศรี
ชลีกรวอนว่าเป็นอารี จะฆ่าตีพี่น้องไม่ต้องการ
เชิญเสด็จขึ้นพลับพลาหน้าหอรบ ให้มาพบพูดจาได้ว่าขาน
แม้ดื้อดึงขึงขัดที่ทัดทาน จึงคิดอ่านปราบปรามตามทำนอง ฯ
๏ พระฟังนางช่างดีอารีเหลือ มิให้เชื้อวงศ์ผัวนั้นมัวหมอง
จึงตอบความทรามสงวนนวลละออง พวกพี่น้องของพี่ไม่ดีเอง
แม่โอบอ้อมพร้อมพรักด้วยรักพี่ ส่วนเขามีแต่จะรุมกันคุมเหง
จะไปว่าถ้าทีนี้เขามิเกรง แม่ละเวงวัณฬาอย่าอาลัย
จะจับมาผ่าทรวงเอาดวงจิต ออกเพ่งพิศให้เห็นว่าเป็นไฉน
จริงนะเจ้าพี่ไม่ลวงแม่ดวงใจ พลางลูบไล้เล้าโลมแม่โฉมยง
นางแย้มยิ้มพริ้มพรายชม้ายหมอบ ให้ชื่นชอบชั้นเชิงละเลิงหลง
เจียนหมากดิบหยิบพระศรีบุหรี่ทรง ถวายองค์พระอภัยอยู่ใกล้เคียง ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณครั้นฝรั่ง กลับมาวังพอนาฬิกาเที่ยง
จึงปรึกษากับพราหมณ์สามพี่เลี้ยง จะบ่ายเบี่ยงแก้ไขไฉนดี
เราไปเฝ้าเล่าก็เห็นจะห้ามทัพ ให้คืนกลับไปสถานเหมือนสารศรี
ครั้นจะละพระพี่ไว้กับไพรี เห็นชีวีคงไม่รอดจะวอดวาย
ครั้นจะอยู่ดูเหมือนเช่นเป็นขบถ พระทรงยศยิ่งจะเดือดมิเหือดหาย
ใครจะเห็นเป็นไฉนทั้งไพร่นาย ช่วยอุบายบอกความให้งามใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถราชบุตร สินสมุทรมีปัญญาอัชฌาสัย
ทูลพระอาว่าเห็นมิเป็นไร เราอ้างเอาท้าวไทพระอัยกา
กับองค์พระอัยกีให้มีสาร มาด้วยการร้อนให้รีบไปหา
มิไปตามความผิดอยู่บิดา พระเจ้าอาอย่าฟังชั่งเป็นไร
ศรีสุวรรณสรรเสริญเจริญจิต พ่อช่างคิดแก้ดีจะมีไหน
พระตรัสพลางทางให้หาเสนาใน มาสอนให้เป็นทูตมาพูดจา
แล้วแต่งสารลานทองใส่กล่องแก้ว สำเร็จแล้วจึงให้จัดขึ้นรถา
พร้อมกันชิงกลิ้งกลดรจนา ทั้งซ้ายขวาจามรชอนตะวัน
กระบวนแห่แต่ล้วนฝ่ายนายทหาร เคยรอนราญเรี่ยวแรงแข็งขยัน
กำชับสั่งครั้งนี้ที่สำคัญ คอยดูชั้นเชิงฝรั่งชาวลังกา
ให้เจ้าพราหมณ์สามนายอยู่ค่ายตั้ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา
ถ้าเหะหะจะได้ยินปืนสัญญา ยกโยธาหนุนกันให้ทันการ
แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องพิชัยยุทธ์ สินสมุทรกับพระอาล้วนกล้าหาญ
ทั้งสององค์พระยาอาชาชาญ ให้แห่สารข้ามทุ่งเข้ากรุงไกร
ประโคมทั้งสังข์แตรแซ่สนั่น เสียงครื้นครั่นกลองชนะปี่ไฉน
ฝ่ายฝรั่งลังกาให้ม้าใช้ ไปห้ามให้หยุดประทับตรงพลับพลา ฯ
๏ ศรีสุวรรณนั้นจึงว่าเหวยฝรั่ง นิเวศน์วังของสมเด็จพระเชษฐา
เปิดประตูกูจะเข้าในพารา ถ้านิ่งช้าโทษมึงจะถึงตาย
ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกข้าเฝ้า จึงว่าเราถือกำหนดพระกฎหมาย
แม้จะเข้าเฝ้าข้างในได้แต่นาย ไพร่ทั้งหลายนั้นให้อยู่นอกบูรี
ตามเยี่ยงอย่างต้องวางสรรพาวุธ บริสุทธิ์จึงเข้าเฝ้าเจ้ากรุงศรี
พระอนุชาว่าเองห้ามปรามทั้งนี้ ชอบแต่ที่ข้าบาทราชการ
กูเป็นพระอนุชานรารักษ์ ประเสริฐศักดิ์กษัตรามหาศาล
ย่อมทรงรถคชบาทราชยาน มีทหารแห่เข้าไปถึงในวัง
ต่อจวนใกล้ได้เห็นองค์พระทรงยศ จึงจะลดลงอย่างแต่ปางหลัง
นี่เหตุใดจึงมาห้ามตามลำพัง จะให้ยั้งหยุดช้าอยู่ว่าไร ฯ
๏ ฝรั่งว่ามาทางต่างประเทศ จะเข้าเขตราชวังยังไม่ได้
จะบอกกล่าวท้าวนางทูลข้างใน ต่อโปรดให้เข้าเฝ้าจึงเข้ามา
แล้วขุนนางต่างไปบอกบุตรีเลี้ยง เหมือนทุ่มเถียงคึกคักกันหนักหนา
ฝ่ายสองนางฟังแถลงแจ้งกิจจา ไปวันทาทูลยุบลพระชนนี ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ให้หวั่นหวาดวิญญาณ์มารศรี
แอบชะอ้อนวอนพระอภัยมณี เชิญพระพี่ขึ้นพลับพลาบนปราการ
จงแต่งองค์ทรงสำอางอย่างฝรั่ง เป็นเจ้าลังกาเขตประเทศสถาน
พวกเสนาข้าบาทในราชการ จะสำราญรักใคร่พร้อมใจกัน
ทั้งถือตราราหูคู่กษัตริย์ ใครแข็งขัดเข่นฆ่าให้อาสัญ
ทั้งห้ามแหนแสนสุรางค์นางกำนัล ไม่หวงกันตามประสงค์จำนงใน
น้องจะขอเป็นแต่เหล่านางเถ้าแก่ ช่วยดูแลตามประสาอัชฌาสัย
เชิญพระองค์สรงสนานสำราญใจ เสด็จไปออกข้างหน้าพลับพลาทอง ฯ
๏ พระฟังนางทางตอบให้ชอบชื่น ไม่ขัดขืนคำเจ้าให้เศร้าหมอง
ที่ปราบปรามห้ามทัพจะรับรอง ผู้ใดข้องเคืองขัดจะตัดคอ
ซึ่งน้องรักจักไปเข้าเป็นเถ้าแก่ สงสารแต่จะต้องรับกำกับหมอ
หม่อมห้ามออกนอกวังตามหลังวอ พี่จะขอเข้าประสมเป็นกรมวัง
ได้พบเห็นเย็นเช้ากับเฒ่าแก่ ประจ๋อประแจ๋กว่าจะสมอารมณ์หวัง
พระหยอกนางพลางเสด็จจากบัลลังก์ ขึ้นนั่งตั่งสรงชลสุคนธา
นางจัดเครื่องเมืองฝรั่งตั้งถวาย ล้วนเพชรพรายพลอยระยับจับเวหา
พระอภัยไม่เคยทรงให้สงกา ถามวัณฬาทูลฉลองยิ้มย่องกัน
พระสอดซับสนับเพลาเนาสำรด รัตคตพรรณรายสายกระสัน
ฉลององค์ทรงเสื้อเครือสุวรรณ สลับชั้นเชิงหุ้มดุมวิเชียร
สายปั้นเหน่งเปล่งเม็ดเพชรประดับ สอดสลับซ้อนระบายล้วนลายเขียน
ทัดพระมาลาทรงประจงเจียน ดูแนบเนียนเนาวรัตน์ชัชวาล
ใส่เกือกทองรองเรืองเครื่องกษัตริย์ เพชรรัตน์รจนามุกดาหาร
มีนวมนุ่มหุ้มพระชงฆ์อลงการ สอดประสานสายสุวรรณกัลเม็ด
ธำมรงค์วงรายพรายพระหัตถ์ เนาวรัตน์วุ้งแววล้วนแก้วเก็จ
ทรงกระบี่มีโกร่งปรุโปร่งเพชร แล้วห้อยเช็ดหน้ากรองทองประจง
มาหยุดยั้งนั่งที่เก้าอี้รัตน์ นางกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์
ถวายตราราหูเป็นคู่องค์ สำหรับทรงว่าขานการพารา
ให้ลูกเลี้ยงเคียงคำนับคอยรับสั่ง ใช้ฝรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา
แล้วเลือกเหล่าสาวสุรางค์สำอางตา เชิญเครื่องชาชุดกล้องประคองพาน ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงกระบี่แล้วลีลาศ ธิดานาฏนำมาข้างหน้าฉาน
ขึ้นประทับพลับพลาตรงปราการ พนักงานฆาตฆ้องกลองสัญญา
พระหยุดยั้งนั่งที่เก้าอี้อาสน์ ธิดานาฏเฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา
ฝ่ายขุนนางข้างฝรั่งเมืองลังกา ต่างก็มาเฝ้าฟังรับสั่งความ ฯ
๏ พระผันแปลแลเล็งเพ่งพระพักตร์ เห็นลูกรักกับพระน้องที่ท้องสนาม
กับรถทรงราชสารตระหง่านงาม ไม่ทราบความคิดอ่านประการใด
จึงตรัสสั่งนางยุพาให้หาทัพ นางน้อมรับพจนาอัชฌาสัย
จึงโบกธงส่งภาษาให้ม้าใช้ ไปบอกให้นายเข้ามาเฝ้าพลัน ฯ
๏ ฝ่ายม้าใช้ไปแถลงให้แจ้งอรรถ สองกษัตริย์เคลื่อนพหลพลขันธ์
มาปักธงตรงพลับพลาพร้อมหน้ากัน ศรีสุวรรณพิศดูภูวไนย
เห็นแต่งองค์ทรงสำอางอย่างฝรั่ง ครั้นจะบังคมพระองค์ก็สงสัย
สินสมุทรสุดแสนที่แค้นใจ แกล้งทำไม่รู้จักเมินพักตรา ฯ
๏ พระอภัยใหลหลงทรงพิโรธ ตรัสคาดโทษน้องรักโอรสา
มายืนดูอยู่ด้วยกันไม่วันทา หรือจะมารบพุ่งเอากรุงไกร ฯ
๏ ศรีสุวรรณพรั่นจิตคิดขยาด เชิงฉลาดทูลแจ้งแถลงไข
แม้มิโปรดโทษทัณฑ์ก็บรรลัย ซึ่งมิได้กราบก้มบังคมคัล
ด้วยถือสารการแผ่นดินปิ่นกษัตริย์ บุรีรัตน์รัตนามหาศวรรย์
ให้ข้าพามาถึงองค์พระทรงธรรม์ กับราชมัลมนตรีทั้งสี่นาย
ขอพระองค์จงรับราชสาร ตามโบราณอย่าให้ช้ำระส่ำระสาย
แล้วตัวข้าสามนต์พลนิกาย จะถวายวันทาฝ่าธุลี ฯ
๏ พระอภัยได้สดับกลับได้คิด เราหลงผิดพี่น้องพลอยหมองศรี
โอ้สงสารพระชนกชนนี ต้องให้มีสารแสดงมาแจ้งการ
จึงลดองค์ลงจากเก้าอี้อาสน์ น้อมคำนับอภิวาทราชสาร
ให้เสนาอาลักษณ์พนักงาน เชิญมาอ่านที่ตรงหน้าพลับพลาชัย
สารสมเด็จบิตุราชมาตุรงค์ สองพระองค์ทรงภพสบสมัย
แสนคะนึงถึงโอรสยศไกร พระอภัยมณีศรีโสภา
แต่พลัดพรากจากเขตนิเวศน์สถาน ก็เนิ่นนานตั้งแต่คอยละห้อยหา
ไม่เห็นหายฝ่ายเราเฒ่าชรา มีโรคาเยี่ยมเยือนทุกเดือนปี
จะอาสัญวันใดก็ไม่รู้ ไม่มีผู้จะบำรุงซึ่งกรุงศรี
ถ้าศึกเหนือเสือใต้พวกไพรี มาย่ำยีเขตแคว้นจะแค้นเคือง
พวกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย ทั้งหญิงชายทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง
เสียดายองค์ทั้งสงสารแก่บ้านเมือง จึงแต่งเรื่องราชสารเป็นการร้อน
ให้เสนีสี่นายมาพรายแพร่ง หวังให้แจ้งลูกรักในอักษร
แม้สงสารมารดากับบิดร จงรีบร้อนเร็วมายังธานี
จะรอใจไว้ท่ากว่าจะถึง หวังจะพึ่งบุญเจ้าช่วยเผาผี
แม้ธุระพระอภัยสิ่งไรมี จงให้ศรีสุวรรณน้องอยู่ป้องกัน
แม้มิมาครานี้เป็นที่สุด เป็นขาดบุตรบิดาจนอาสัญ
พอจบสารกรานก้มบังคมคัล ศรีสุวรรณอัญชลีพระพี่ยา ฯ
๏ พระอภัยใจขยับจะกลับหลัง แต่มนต์คลั่งเคลิ้มรักนั้นหนักหนา
ยิ่งเห็นลูกผูกพันถึงวัณฬา จึงตรึกตราตรัสสนองพระน้องรัก
ราชสารการร้อนมาเร่งรัด ถ้าผ่อนผัดบิดพลิ้วจะกริ้วหนัก
อันตัวพี่นี้ก็ป่วยระหวยนัก จะผ่อนพักพอให้คลายก็หลายวัน
เจ้ากับหลานภารธุระหามีไม่ จงรีบไปรัตนามหาศวรรย์
เผื่อข้าศึกฮึกโหมมาโรมรัน ช่วยป้องกันกรุงไกรทั้งไพร่นาย
ช่วยกราบทูลมูลเหตุว่าเชษฐา เป็นโรคาขุกไข้ยังไม่หาย
พอโรคร้อนหย่อนลงจะทรงกาย ไปถวายวันทาฝ่าธุลี ฯ
๏ ศรีสุวรรณครั้นได้ฟังรับสั่งตรัส จึงทานทัดทูลฉลองด้วยหมองศรี
ซึ่งมีสารการรับสั่งมาครั้งนี้ ให้พระพี่รีบรัดไปจัดการ
อันตัวข้าว่าให้อยู่ดูข้างหลัง มีรับสั่งสิทธิ์ขาดในราชสาร
จะขืนไปให้เคืองเบื้องบทมาลย์ เหมือนหม่อมฉานขัดรับสั่งไม่บังควร ฯ
๏ พระฟังน้องข้องขัดตัดบังคับ ด้วยเรื่องรับสั่งมีมาถี่ถ้วน
จะตอบคำทำเป็นครางอย่างประชวร เวลาจวนจับไข้ไม่สบาย
พระอนุชาพาทูตไปหยุดพัก แล้วจึงจักคิดอ่านการทั้งหลาย
เป็นสำเร็จเสร็จศึกอย่านึกร้าย ทั้งสองฝ่ายจะเป็นมิตรสนิทกัน
แม้ผู้ใดไม่ฟังเราบังคับ จะเฆี่ยนขับเข่นฆ่าให้อาสัญ
แล้วหยิบสารลานทองของสำคัญ จรจรัลจากพลับพลาเข้ามาวัง ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอนุชาจึงพาหลาน กับทหารกองทัพนั้นกลับหลัง
มาอยู่ค่ายนายไพร่ให้ระวัง จะคอยฟังข่าวที่พระพี่ยา ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมณีนาถ ขึ้นปราสาทสามชั้นด้วยหรรษา
นั่งบนเตียงเคียงลูกสาวเจ้าลังกา แจ้งกิจจาตามความที่ห้ามทัพ
ศรีสุวรรณสินสมุทรก็หยุดยั้ง พี่ซ้ำสั่งขาดเด็ดเป็นเสร็จสรรพ
แม้ผู้ใดไม่ฟังพี่บังคับ จะเฆี่ยนขับฆ่าฟันให้บรรลัย
แต่สมเด็จพระบิดาให้หาพี่ ใช้เสนีนำสารมาขานไข
พี่บอกป่วยด้วยเป็นห่วงเจ้าดวงใจ ไม่ขอไกลกลอยสวาทแล้วชาตินี้
วันนี้วันสัญญาแล้วหนาน้อง อย่าขัดข้องคิดอางขนางหนี
นางคมค้อนซ่อนหน้าแล้วพาที ชะพระพี่เพทุบายได้หลายทาง
พระบิตุราชมาตุรงค์ของทรงศักดิ์ เป็นที่รักหรือจะตัดยังขัดขวาง
แกล้งบอกป่วยด้วยจะหน่วงเป็นห่วงค้าง แล้วจะร้างแรมวังเป็นรังกา
พระกลับไปอาณาจักรถึงหลักแหล่ง ไม่ขาดแคลงดอกที่เล่ห์เสน่หา
กลัวจะหลงลืมเลยเชยวัณฬา สงสารหน้าน้องจะคล้ำดังน้ำคราม
หนึ่งพระน้องกองทัพไม่กลับหลัง ก็สุดหวังว่าจะเตียนที่เสี้ยนหนาม
แม้ศึกเงียบเรียบราบพระปราบปราม จะยอมตามคำรับไม่กลับกลาย
นี่ทัพยังตั้งล้อมอยู่พร้อมพรัก สุดจะรักทูลกระหม่อมยอมถวาย
พระไม่ไปไหนเลยพระน้องชาย จะเคลื่อนคลายกองทัพถอยกลับไป
ฉวยได้ทีตีตลบเข้ารบพุ่ง จะเสียกรุงลังกาเลือดตาไหล
หรือทรงฤทธิ์คิดอ่านประการใด ที่จะให้กองทัพกลับโดยดี ฯ
๏ พระฟังนางพลางว่านิจจาเอ๋ย ไม่เชื่อเลยแม่วัณฬามารศรี
ถึงกองทัพกลับกล้าเข้าราวี จะผลาญชีวีมันให้บรรลัย
น้องก็รู้อยู่ว่าท้าวเจ้าละมาน ยังต่อต้านลมปี่พี่ไม่ไหว
ถึงคนอื่นหมื่นแสนทุกแดนไตร จะผลาญให้วอดวายตายทุกทัพ
เว้นเสียแต่แม่ละเวงพี่เกรงฤทธิ์ ด้วยสุดคิดเป่าปี่ก็มิหลับ
ของ้อรักสักเท่าไรก็ไม่รับ เฝ้าคอยจับผิดพี่ไปทีเดียว
บอกว่าไม่ไปจากไม่อยากเชื่อ น่าหยิกเนื้อหนักหนาจนขาเขียว
สัญญาแน่แท้เที่ยงแล้วเลี่ยงเลี้ยว เฝ้าหน่วงเหนี่ยวนึกระแวงแคลงวิญญาณ์
พระชนกชนนีของพี่นั้น มิใช่ท่านยากไร้จะไปหา
แต่แจ้งการสารศรีที่มีมา ก็จำว่าเจ็บป่วยด้วยนิดน้อย
พี่ไม่ไปใครจะกล้ามาว่ากล่าว มิใช่บ่าวใช่ไพร่เช่นใช้สอย
ซึ่งกองทัพรับสั่งมาตั้งคอย นานเข้าหน่อยหนึ่งก็เหลือที่เบื่อใจ
คงเลิกทัพกลับหมดเพราะอดอยาก จะกรำกรากแรมปีอยู่ที่ไหน
แต่ตัวพี่ชีวันมิบรรลัย ก็มิให้นิ่มน้องเจ้าหมองนวล
จนแก่เฒ่าเฝ้าแอบแนบถนอม สู้อดออมอุส่าห์รักษาสงวน
วันนี้วันสัญญาเวลาจวน อย่าหยิกข่วนข้องขัดเสียสัจจา ฯ
๏ นางแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายสนอง อันตัวน้องซื่อสุดไม่มุสา
แม้กองทัพกลับไปไกลลังกา สมสัญญาแล้วไม่ห้ามตามพระทัย
แต่สมบัติพัสถานการทั้งหลาย ขอถวายตามพระอัชฌาสัย
ทั้งห้ามแหนแสนสนมกรมใน ยังจัดไว้พร้อมเพรียงทั้งเวียงวัง
โปรดให้เข้าเฝ้าแห่งตำแหน่งห้าม ให้ต้องตามเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง
แล้วหลีกออกนอกสุวรรณบัลลังก์ เลี้ยวมานั่งตึกลมที่ชมจันทร์
จึงเรียกสองธิดารำภาสะหรี มานั่งที่เงียบสงัดให้จัดสรร
บรรดาเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล จงแบ่งปันกะเกณฑ์เป็นเวรการ
พวกสาวใหญ่ได้ระเบียบที่เรียบร้อย สำหรับคอยเครื่องต้นสุคนธ์สนาน
ที่เชิงชั้นสันทัดหัดชำนาญ เป็นอยู่งานงามพร้อมละม่อมละไม
ที่เวรจัดมัสการพานพระศรี เลือกที่มีกิริยาอัชฌาสัย
เจ้าพาเข้าเฝ้าดูพระภูวไนย จะเห็นใจจริงจังในครั้งนี้
ถามถึงข้าว่าไปเที่ยวตรวจทหาร ระวังการรบพุ่งนอกกรุงศรี
ทั้งสามนางต่างรับพระเสาวนีย์ ดูบาญชีเบี้ยหวัดจัดชาววัง
ให้ท้าวนางตั้งเกณฑ์เวรหม่อมห้าม เป็นโมงยามตามอย่างแต่ปางหลัง
ที่เล่นเบี้ยเสียห้ามปรามไม่ฟัง ส่งไปคลังราชการเป็นงานกลาง
ที่สาวใหญ่ไม่สมัครรักไปบ้าน ให้ลบบาญชีเบี้ยหวัดไม่ขัดขวาง
ขรัวนายรับนับถ้วนจำนวนนาง จัดสุรางค์รายนามตามบาญชี ฯ
๏ ฝ่ายสนมกรมในทั้งใหญ่น้อย บ้างเศร้าสร้อยบ้างก็เปรมเกษมศรี
ด้วยว่างเว้นเป็นม่ายมาหลายปี พึ่งจะมีเวรเฝ้าไม่เปล่าดาย
บ้างอาบน้ำกุหลาบอาบน้ำกลั่น กระแจะจันทน์เจือเนื้อให้เหงื่อหาย
บ้างเข้าห้องส่องกระจกกระจ่างกาย ลองชม้ายหมอบก้มประนมนิ้ว
บ้างเรียกข้ามาสีขี้ไคลให้ ขมิ้นใส่น้ำส้มระบมผิว
บ้างหวีผมคมสันบ้างกันคิ้ว บ้างบีบสิวใส่ยาผัดหน้าทับ
บ้างปิดป้องห้องหับให้ลับลี้ แล้วสีชี่ให้ฟันเป็นมันขลับ
ที่ผมบิดติดขี้ผึ้งตรึงกระชับ เอาหมึกจับเขม่าซ้ำให้ดำดี
บ้างอบน้ำร่ำกลิ่นให้หอมฟุ้ง เลือกผ้านุ่งผ้าห่มที่สมสี
บ้างเข้าห้องลองหัดพัชนี ทำท่วงทียิ้มพรายชายชำเลือง
ที่มีมิตรคิดจะออกก็บอกป่วย ทำระทวยทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง
ลอบบนบานท่านผู้ใหญ่มิให้เคือง ช่วยปลดเปลื้องปล่อยตามความสบาย
ที่ขัดสนจะใคร่ออกนอกตำแหน่ง แต่คิดแคลงคนนอกจะหลอกขาย
ทั้งเบี้ยหวัดจะไม่ได้ให้เสียดาย จะสู้ตายอยู่กับรังที่วังใน
พอเวลาห้าโมงพวกหม่อมห้าม ต่างแต่งตามกิริยาอัชฌาสัย
ตามท้าวนางย่างเยื้องชำเลืองไป ชึ้นเฝ้าในมนเทียรวิเชียรพราย
สะพรั่งพร้อมน้อมคำนับหมอบพับเพียบ ได้ระเบียบมิให้สไบขยาย
บ้างขวยเขินเมินเมียงบ้างเอียงอาย บ้างชม้ายชม้อยดูพระภูวไนย
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมลักษณ์ ให้นึกรักร่วมจิตหวิดหวิดไหว
ดูยิ้มเยื้อนเหมือนจะชวนให้ยวนใจ ตะลึงตะไลแลลืมปลื้มอารมณ์
เจ้าขรัวยายฝ่ายที่พระพี่เลี้ยง ถวายเวียงวังสุรางค์นางสนม
ทั้งเฝ้าเวรเกณฑ์ยามอยู่ตามกรม แล้วบังคมคอยสดับรับบัญชา ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท เชิงฉลาดแลชม้ายดูซ้ายขวา
เห็นห้ามแหนแสนสุรางค์สำอางตา แต่ละหน้านวลละอองเป็นยองใย
บ้างพ่วงพีมีแต่เนื้อเหลือจะอ้วน แต่เลือกล้วนลักขณาอัชฌาสัย
บ้างเอวบางร่างน้อยน่ากลอยใจ งามวิไลหลายอย่างต่างต่างกัน
บ้างงามเกศเนตรรับกับขนง พักตร์อนงค์เรือนผมก็คมสัน
บ้างขาวผ่องสองสีฉวีวรรณ ล้วนรู้ชั้นเชิงฉลาดในราชการ
ชำเลืองสบหลบเลี่ยงเมียงชม้อย ทั้งใหญ่น้อยน่ารักสมัครสมาน
สักประเดี๋ยวเสียวมนต์ดลบันดาล ให้ซาบซ่านโศกศัลย์ถึงวัณฬา
แกล้งขับเหล่าสาวสุรางค์นางทั้งหลาย เออเจ้านายอยู่ที่ไหนไม่ไปหา
แม้พบองค์จงแถลงแจ้งกิจจา ว่าเชิญมาปรางค์มาศปราสาททอง ฯ
๏ ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์ต่างสดับ รู้ว่าขับมิให้เฝ้าก็เศร้าหมอง
ต่างนอบนบหลบเลี่ยงเที่ยวเมียงมอง มาถึงท้องพระโรงหลังที่วังใน
เห็นโฉมยงองค์ละเวงต่างเกรงกราบ ทูลให้ทราบกิจจาอัชฌาสัย
พระปิ่นเกล้าเจ้าลังกาบัญชาใช้ ให้เชิญไปมนเทียรวิเชียรพราย ฯ
๏ นางฟังเหล่าสาวสรรค์กลั้นพระสรวล มารบกวนคนเหลือเบื่อใจหาย
จะเอ็นหลังนั่งเล่นเย็นสบาย นางทั้งหลายอย่าไปว่าพบข้าเลย
แล้วตรัสเรียกนางยุพาเข้ามาใกล้ รับสั่งให้หาแล้วลูกแก้วเอ๋ย
มิอยากไปให้ปะเธอจะเคย ทำเกินเลยล้ำเหลือน่าเบื่อใจ
เจ้าเคยเฝ้าเข้าไปดูสักครู่หนึ่ง ถ้าถามถึงทำไม่รู้ว่าอยู่ไหน
นางน้อมรับกลับสนองให้ต้องใจ เห็นจะให้ตามหาทุกตาปี
แล้วทูลลามาปราสาทฉลาดเลี่ยง ทำส่งเสียงเรียกเหล่านางสาวศรี
ใครอยู่บ้างนั่งยามตามอัคคี แกล้งพาทีเพทุบายภิปรายเปรย ฯ
๏ พระอภัยได้ยินเสียงลูกเลี้ยงพูด แหวกวิสูตรเรียกยุพาผกาเอ๋ย
สายสุดใจไม่ช่วยพ่อด้วยเลย แม้เฉยเมยเสียแล้วพ่อจะมรณา
ประหลาดแท้แม่ละเวงยิ่งเกรงจิต ยิ่งเบือนบิดห่างเหเสนหา
จนค่ำพลบหลบไปเสียไม่มา เจ้าช่วยพาพ่อไปตามนางทรามวัย ฯ
๏ นางยุพานารีชลีกราบ ลูกไม่ทราบว่าพระองค์อยู่ตรงไหน
วานซืนนี้ที่พลับพลาลูกพาไป เจียนจะได้ผิดด้วยก็ป่วยการ
แต่ร่วมอาสน์คลาดเคลื่อนไม่เหมือนคิด หรือจะติดตามออกไปนอกสถาน
เหมือนคเชนทร์เจนขอเหลือหมอควาญ ใครจะหาญขี่ขับช่วยจับกุม ฯ
๏ พระฟังเปรียบเรียบร้อยค่อยค่อยว่า เหมือนลมกล้ายาเย็นเป็นสุขุม
ไม่หายโศกโรคจึงจำรึงรุม ต้องหาพุมเสนประสมให้ลมคลาย
เจ้าช่วยพ่อพอให้เสร็จสำเร็จรัก จะรู้จักบุญคุณไม่สูญหาย
ถ้าทีนี้มิได้มิใช่ชาย จะสู้ตายเสียให้พ้นที่ทรมาน ฯ
๏ นางนิ่งนั่งฟังคำพระร่ำตรัส เห็นถือสัตย์ซื่อตรงก็สงสาร
จึงทูลว่าข้าเห็นไม่เป็นการ จะเนิ่นนานนับเดือนด้วยเชือนแช
แม้ทรงฤทธิ์คิดทำเหมือนคำลูก เป็นจะผูกศอม้วยลูกช่วยแก้
ไปทูลสารมารดาคงมาแท้ ขอเสียแต่อย่าให้แจ้งว่าแต่งกล ฯ
๏ พระสรวลพลางทางตอบชอบแล้วลูก เอาผ้าผูกต่างเชือกเสลือกสลน
แล้วพันเข้าไว้ทางที่ข้างบน ทำเล่ห์กลเสร็จสรรพแล้วดับไฟ ฯ
๏ ฝ่ายยุพาลาออกมานอกห้อง ไปตึกทองทูลแจ้งแถลงไข
เชิญเสด็จพระมารดารีบคลาไคล พระภูวไนยผูกศอจะมรณา
นางโฉมยงองค์สั่นให้หวั่นหวาด มาปราสาททรงเดชพระเชษฐา
เห็นทวารบานปิดเรียกธิดา จุดเทียนมาทรงส่องที่ห้องใน
เห็นพระองค์ทรงกระสันพันพระศอ เข้ายุดข้อหัตถาชิงผ้าได้
พระยุดแย่งแกล้งสะบัดทำขัดใจ นางกราบไหว้วอนว่าโศกาพลาง
อย่ากริ้วโกรธโปรดเถิดทูลกระหม่อม น้องจะยอมสารพัดไม่ขัดขวาง
พระฟังวอนอ่อนหวานสงสารนาง ค่อยช้อนคางเคียงน้องประคองเชย
หากว่ารักหนักหนาแม้หาไม่ ไม่เห็นใจพี่แล้วน้องแก้วเอ๋ย
อย่าปัดมือดื้อดึงหน่อยหนึ่งเลย พลางก่ายเกยกอดแอบไว้แนบทรวง
ค่อยสอดกรช้อนชิดจุมพิตพักตร์ นางพลิกผลักปิดป้องที่ของหวง
แล้วตรองตรึกนึกแคลงหรือแกล้งลวง ดูเห็นท่วงทีชื่นรื่นสำรวล
ผิดสำเหนียกเรียกหาธิดาหาย เอะดีร้ายรู้กันนางกลั้นสรวล
พลางเสแสร้งแกล้งว่าพระเจ้ากระบวน อย่าเฝ้ากวนไปเลยเขารู้เท่าทัน
ความคิดใครไฉนหนอพ่อหรือลูก มาแกล้งผูกคอได้ไม่น่าขัน
ทำย้อนยักซักซ้อมสมยอมกัน เถิดเช่นนั้นแล้วก็ไม่พอใจยอม
พระยิ้มพลางทางว่านิจจาเอ๋ย ไม่เห็นเลยรักนุชสุดถนอม
จะผูกศอก็ว่าปดทำคดค้อม จะไม่ยอมจริงจังหรืออย่างไร
อย่าสำคัญมั่นหมายว่าทายถูก นี่ก็ผูกอีกดอกจะบอกให้
นางว่าชะพระพี่มิผูกไย น้องจะได้ดูเล่นให้เห็นจริง
พระแกล้งว่าอย่าห้ามนะคราวนี้ ตายเป็นผีจะมาอยู่เข้าสู่สิง
แม้ชายใดใครล่วงมาช่วงชิง เข้าแอบอิงน้องรักจะหักคอ
แล้วเหลียวหาผ้าแพรทำแก้ขวย เอะใครฉวยเอาไปไว้ข้างไหนหนอ
แกล้งเหลียวหาหน้าหลังทำรั้งรอ นางหัวร่อนี่แนะท่านเจ้ามารยา
อะไรเล่าเฝ้าหัวเราะเยาะไปได้ จะหยิกให้ห้อเลือดเดือดหนักหนา
พลางแนบเน้นเคล้นพุ่มปทุมมา นางค่อนว่าน่าเบื่อเหลือละอาย
จะผูกศอก็ไม่ผูกจะถูกหยิก ขืนจุกจิกหนีไปเสียให้หาย
พระว่าพี่มิได้กอดจะวอดวาย ได้กอดก่ายแล้วก็ฟื้นค่อยชื่นใจ
พลางโอบอุ้มจุมพิตสนิทถนอม งามละม่อมละมุนจิตพิสมัย
ร่วมภิรมย์สมสองทำนองใน แผ่นดินไหวจนกระทั่งหลังอานนท์
ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นครึก ลั่นพิลึกโลกาโกลาหล
หีบดนตรีปี่พาทย์ระนาดกล ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง
อัศจรรย์ลั่นดังระฆังฆ้อง เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง
ปืนประจำกำปั่นก็ลั่นเอง เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน
สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง กระดอนกระเดื่องดินฟ้าเป็นห่าฝน
ทุกธารถ้ำน้ำพุทะลุล้น ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกา
สองสนิทชิดชมอารมณ์ชื่น ระเริงรื่นเริ่มแรกแปลกภาษา
พระลืมองค์พงศ์พันธุ์สวรรยา นางลืมวังลังกาไม่อาลัย
พระหลงรื่นชื่นกลิ่นดินถนัน นางหลงชั้นเชิงชิดพิสมัย
แต่คลึงเคล้าเย้ายวนรัญจวนใจ จนระงับหลับไปในไสยา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ