ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์

๏ ครั้นรุ่งสายฝ่ายสุดสาครคิด ถึงพระบิดายังกำลังหลง
น้อมคำนับอภิวาทพระมาตุรงค์ ลูกกับองค์อนุชาทูลลาไป
แม้ได้เฝ้าเข้าชิดกับบิตุเรศ จะสังเกตดูแลคิดแก้ไข
พระมารดาอย่าประหวั่นพรั่นฤทัย ลูกมิให้อายเขาชาวลังกา ฯ
๏ นางโฉมยงทรงสดับกำชับสั่ง คอยระวังยาหยูกนะลูกหนา
จะเข้าวังทั้งพระน้องเป็นสองรา มันมากกว่าเกลือกจะรุกเข้าบุกบัน
ช่วยทูลองค์ทรงฤทธิ์พระบิตุเรศ มิโปรดเกศกลับไปไอศวรรย์
เชิญเสด็จเมตตามาฆ่าฟัน ให้ชีวันวอดวายก็หายความ
แม้รู้เห็นเป็นคนทนไม่ได้ จะเข้าไปตามเสด็จไม่เข็ดขาม
จะเคืองขัดตัดคอเสียก็ตาม มิขอข้ามคงคาไปธานี ฯ
๏ พระโอรสจดจำคำรับสั่ง ถวายบังคมลามารศรี
พลางชวนพระอนุชาสรงวารี ในห้องที่ทำลับแลไว้แต่เดิม
หนังเสือเหลืองเครื่องทรงบรรจงจีบ ชฎากลีบเกล้าเวียนพระเศียรเสริม
ประดับเครื่องเรืององค์ประจงเจิม พักตร์เฉลิมจันทน์จุณเหมือนมุนี
พระน้องนุ่งยกอย่างไว้หางหงส์ แล้วสอดทรงเครื่องกษัตริย์จำรัสศรี
มงกุฎนวมสวมเกล้าพระเมาลี พระเจ้าพี่ทรงไม้เท้าของเจ้าตา
พระน้องนาถอาจองทรงพระขรรค์ จรจรัลตามเสด็จพระเชษฐา
มาหยุดยั้งนั่งประทับที่พลับพลา จัดบรรดาหนุ่มน้อยสองร้อยคน
เป็นคู่หัดจัดเอามาแต่การะเวก ทหารเอกอาจรบถึงหลบฝน
องค์ละร้อยคอยรับเมื่ออับจน ผูกสิงห์ต้นตัวกำลังม้ามังกร
ทั้งสององค์ทรงพระยาพาหนะ เรียงระกะมหาดเล็กเด็กสลอน
ขุนนางนั้นกั้นกลดบทจร สุดสาครควบม้าเข้าธานี ฯ
๏ พวกลังกาฝรั่งสิ้นทั้งหลาย เห็นม้ากลายกลัวจะขบก็หลบหนี
เสียงครึกครื้นตื่นกันดูทั้งบูรี ตำรวจตีห้ามปรามไปตามทาง
บ้างว่าม้าหน้าเหมือนมังกรร้าย เข้าใกล้กรายกลัวจะดีดไม่กีดขวาง
พระแกล้งขับกลับตลบกระทบทาง ให้ฟาดหางหวดคนหลบลนลาน
หน่อกษัตริย์หัสไชยแกล้งไสสิงห์ ไล่ผู้หญิงล้มลุกสนุกสนาน
ถึงท้ายวังลังกานอกปราการ หยุดทหารพร้อมพรั่งแล้วสั่งความ ฯ
๏ นายประตูรู้ว่าหน่อวรนาถ นึกขยาดยำเยงด้วยเกรงขาม
ไม่รู้จักซักไซ้ได้พระนาม ไปแจ้งความกับท้าวนางที่ข้างใน ฯ
๏ ฝ่ายท้าวนางต่างเข้าไปเฝ้าแหน แล้วทูลแทนคำแจ้งแถลงไข
สุดสาครกับกษัตริย์หัสไชย สั่งมาให้ทูลเนื้อความตามกิจจา
ว่าบังคมสมเด็จพระบิตุราช ทั้งพระมาตุรงค์ทรงยศถา
ได้ทราบความตามประชวรจึงด่วนมา เฝ้าพระอาพระเจ้าพี่ทั้งสี่องค์ ฯ
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาวัณฬาราช นึกประหลาดหลากจิตพิศวง
จึงทูลความถามโอรสยศยง เกิดด้วยองค์อัคเรศประเทศใด ฯ
๏ พระเล่าความตามยุบลแต่หนหลัง ให้นางฟังจะแจ้งแถลงไข
นางแกล้งถามความคิดฤทธิไกร พระเล่าให้รู้ฤทธิ์ถึงวิทยา
มีไม้เท้าดาวบสดังกรดกริช สุจริตแจ้งจำคำสิกขา
หนังเสือเหลืองเครื่องทับประดับประดา ถือศีลห้าอายุสิบแปดปี ฯ
๏ นางคาดถูกลูกจะมารักษาพ่อ จำจะล่อไว้บำรุงซึ่งกรุงศรี
จึงเสแสร้งแกล้งว่าเหมือนปรานี บุตรพระพี่มัจฉาน่าเอ็นดู
แต่ยังไม่ได้พบประสบพักตร์ ยังน่ารักรสถ้อยอร่อยหู
อย่าปล่อยไปให้ประสมชาวชมพู ให้หล่อนอยู่เสียในวังที่ลังกา
โปรดประทานฉันจะใคร่ได้เป็นลูก แล้วจะปลูกฝังรักให้หนักหนา
พลางสอพลอพ้อตัดพระภัสดา นี่หรือว่าโปรดเกล้าตรัสเปล่าไป
มเหสีที่ฉลาดเขาคาดถูก จึงได้ลูกสองสามตามวิสัย
เหมือนหม่อมฉันนั้นไม่รื่นชื่นพระทัย จึงไม่ได้ลูกเต้าเหมือนเขาเลย
พระเล้าโลมโฉมฉายสายสวาท อย่าประมาทมือเก่านะเจ้าเอ๋ย
เมื่อว่าไรไม่ตามนี่ทรามเชย เพราะนิ่งเฉยมันจึงช้าอุสาห์จำ
อันโอรสยศไกรพี่ให้เจ้า โฉมเฉลาจงช่วยชุบอุปถัมภ์
สุดสาครสอนสั่งรู้ฟังคำ ให้เป็นกรรมสิทธิ์วนิดา ฯ
๏ นางยินดีที่ได้สมอารมณ์นึก จะปราบศึกนั้นด้วยเล่ห์เสน่หา
ลาพระบาทยาตรเยื้องชำเลืองมา ห้องสุลาลีวันเข้าชั้นใน
ขึ้นนั่งเตียงเคียงประโลมโฉมลูกน้อย พลางค่อยค่อยเล่าแจ้งแถลงไข
จริงจริงเจียวเดี๋ยวนี้พระภูวไนย ขอเจ้าให้กับโอรสยศยง
แม่ก็ยอมพร้อมใจยกให้แล้ว นะลูกแก้วแก้ไขให้ใหลหลง
ล่อให้อยู่บูรีทั้งสี่องค์ ได้ดำรงช่วยรักษาพาราเรา ฯ
๏ ฝ่ายสุลาลีวันนั้นก็รุ่น เห็นเขาอุ่นแอบผัวแต่ตัวเหงา
ด้วยอยู่ใกล้ได้เห็นทุกเย็นเช้า จึงพลอยเมาเหมือนหนึ่งฝิ่นได้กลิ่นอาย
พระมารดาพาทีให้มีผัว หน้าเหมือนบัวบังร่มด้วยสมหมาย
แต่ซ่อนเงื่อนเหมือนรังเกียจเกลียดผู้ชาย กราบถวายวันทาแล้วพาที
พระชุบเลี้ยงเพียงบุตรสุจริต ถึงชีวิตวอดวายไม่หน่ายหนี
แต่จะให้ไปเป็นเหมือนเช่นนี้ มิรู้ที่คิดอ่านประการใด
ด้วยไม่เคยเลยหม่อมฉันประทานโทษ อย่ากริ้วโกรธกริ่งตรึกนึกไฉน
นางฟังคำร่ำปลอบให้ชอบใจ กลัวทำไมมีผัวอย่ากลัวเลย
ไม่ลำบากยากเย็นเป็นแต่เขา เข้าคลึงเคล้าต้องถูกดอกลูกเอ๋ย
ชื่นอะไรนั้นไม่รื่นเหมือนชื่นเชย กลัวจะเคยเสียหนักอีกอย่าหลีกตัว
ไม่ว่าเล่นเป็นผู้หญิงจริงจริงนะ ถ้าเจ้าจะเล่นเพื่อนไม่เหมือนผัว
เขาชวนเชยเคยเองอย่าเกรงกลัว จงแต่งตัวตามตำรับให้จับตา
ถึงปลุกเสกเลขยันต์ประกันแก้ ไม่ดูแลหลงเล่ห์เสน่หา
เข้าต้องถูกผูกจิตด้วยวิทยา เสื่อมวิชาชายก็คงจะหลงรัก
แม่จะให้ไปรับคำนับเขา แล้วก็เจ้าจะได้ดูให้รู้จัก
สายอยู่แล้วแก้วตาอย่าช้านัก นางนงลักษณ์ออกมานั่งสั่งขรัวนาย
เรียกสุรางค์นางน้อยน้อยมาคอยท่า ตามสุลาลีวันจะผันผาย
เชิญเครื่องยศกลดกั้นพรรณราย อย่าให้อายจะออกหน้าเวลานี้ ฯ
๏ ขรัวนายน้อมพร้อมพรั่งสั่งกำชับ นางสำหรับเครื่องอานพานพระศรี
สาวน้อยน้อยคอยตามรูปงามดี มาพร้อมที่ชาลาคอยท่านาง ฯ
๏ ฝ่ายสุลาลีวันลงยันต์เลข นั่งปลุกเสกสารพัดไม่ขัดขวาง
แล้วอ่าองค์สรงน้ำทรงสำอาง สยายสางผมเผ้าพลางเกล้ามวย
กระหมวดมุ่นรุนปิ่นฝังนิลปัก ช้องจำหลักแซมดอกไม้ไหวสลวย
ลูบสุคนธ์มนตรามหาละลวย ให้รื่นรวยรสสุคนธ์วิมลมาลย์
แล้วนุ่งห่มสมทรงประจงจัด คาดเข็มขัดเพชรพรายสายประสาน
ใส่สร้อยนวมสวมทรงวงสังวาล ทองกรบานพับเพชรแก้วเก็จแกม
ธำมรงค์วงวาวดูพราวพร้อย ล้วนเพชรย้อยรุ่งเรี่ยมเจ็ดเหลี่ยมแหลม
กรรเจียกจรซ้อนใส่ดอกไม้แซม กรอบหน้าแนมเนาวรัตน์จำรัสเรือง
แล้วร่ายมนต์คนดูให้ชูโฉม งามประโลมเปล่งปลั่งอลั่งเหลือง
ใส่เกือกทองรองบาทแล้วยาตรเยื้อง นางเชิญเครื่องรุ่นงามตามลีลา
ลงจากปรางค์นางที่พระพี่เลี้ยง ประคองเคียงกลั้นกลดมียศถา
พร้อมด้วยเหล่าสาวสรรค์กัลยา ลีลามาริมปราการทวารวัง
เห็นพี่น้องสององค์ล้วนทรงลักษณ์ ประไพพักตร์ผิวฉวีดังสีสังข์
ค่อยมองเมียงเพียงบานทวารบัง เห็นนุ่งหนังเสือเหลืองใส่เครื่องทรง
ดูน่ารักนักสิทธ์ชนิดหนุ่ม ล้วนรัดกุมกรเกศเนตรขนง
พระน้องงามยามรุ่นละมุนองค์ พิศวงหวั่นไหวฤทัยสะเทิน
ขืนอารมณ์ก้มกรานค่อยคลานเข่า เข้าไปเฝ้าทูลความยิ่งขามเขิน
สองกษัตริย์ขัตติยาให้มาเชิญ เสด็จเดินไปปราสาทราชวัง ฯ
๏ สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ต้องมนต์ขลัง
ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมละม่อมละไม
ดำริรักสักครู่ก็รู้สึก อนาถนึกวิปลาสให้หวาดไหว
มิเสียทีอีฝรั่งช่างกระไร มนต์มันใส่ฉุนเฉียวให้เสียวรัก
นี่หรือชะพระบิดาพระอาพี่ จึงเสียทีจำเป็นเห็นประจักษ์
พลางนึกภาวนาในพระไตรลักษณ์ พอกันรักรู้พระองค์ไม่หลงเลย
แล้วชวนพระอนุชาลงม้าสิงห์ ไม่ดูหญิงแกล้งเมินทำเดินเฉย
ถามว่านางทางไหนยังไม่เคย จะหลงเลยไปเสียดอกช่วยบอกทาง
นางทูลว่าอย่าได้ทรงพระวิตก วังไม่รกเหมือนหนึ่งป่ารุกขาขวาง
แล้วเหลียวมาว่ากล่าวให้ท้าวนาง เดินนำทางหน่อไทเข้าในวัง ฯ
๏ พระพี่น้องสองเดินดำเนินหน้า นางสุลาลีงามเดินตามหลัง
พวกห้ามแหนแสนสาวเหล่าชาววัง มาคอยนั่งดูหน้าสุดสาคร
เห็นสององค์ทรงโฉมประโลมสวาท ยุรยาตรเยื้องย่างอย่างไกรสร
ดูคมคายส่ายสอดค่อยทอดกร ชะอ้อนอ่อนเอวองค์ทรงสำอาง
บ้างนึกรักอักอ่วนรัญจวนจิต ดัดจริตเมียงเมินทำเดินขวาง
บ้างตามหลังนั่งยิ้มอยู่ริมทาง สาวสุรางค์รักใคร่อาลัยแล
บ้างเยี่ยมห้องร้องบอกกันออกวุ่น งามเหมือนหุ่นหนอเจ้าหนอเสียงจ๋อแจ๋
ที่สาวใหญ่ใจคอนั้นท้อแท้ เสียดายแก่เกินเธอชะเง้อเงย
พระหน่อนาถยาตรเยื้องชำเลืองเหลียว เขากวักเกี้ยวหยอกเอินแกล้งเดินเฉย
ใครเลียมล่อตอแยไม่แลเลย ด้วยคิดเคยเข็ดขยาดไม่พาดพิง
พระหัสไชยให้สติลัทธิว่า ภาวนาไว้ให้มั่นกันผู้หญิง
มันตามดูพรูพรั่งน่าชังชิง พระพี่นิ่งเดินมาชาลาลาน
พอถึงปรางค์นางวัณฬาออกมารับ พระคำนับน้อมองค์น่าสงสาร
นางเชิญนั่งตั้งที่พระศรีประทาน อยู่นอกม่านหมายจะดูให้รู้ที
เรียกธิดามาใกล้ไหว้คำนับ แล้วตรัสกับพี่น้องทั้งสองศรี
พระโอรสอุสาห์มาถึงธานี แม่ยินดีได้เห็นหน้าสุดสาคร
ไฉนหนอพ่อจึงนุ่งหนังเสือเหลือง มิทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ประภัสสร
ไม่หาคู่สู่สมสยมพร จะรีบร้อนไปสวรรค์หรือฉันใด
พระบิตุรงค์โองการให้ฉันแล้ว เป็นลูกแก้วกลอยจิตพิสมัย
อยู่เวียงวังลังกาเถิดอย่าไป หรือพ่อไม่ปลงจิตจะบิดเบือน ฯ
๏ สุดสาครอ่อนตามความรับสั่ง พระคุณดังดินฟ้าไม่หาเหมือน
แม้ชุบเลี้ยงเที่ยงแท้ไม่แชเชือน จะเยี่ยมเยือนเหมือนพระบาทมาตุรงค์
แต่ไม่รักนัคเรศนิเวศน์สถาน ชอบสำราญราวป่าเป็นอานิสงส์
ถือนิโรธโดดเดี่ยวเที่ยวธุดงค์ จึงสู้ทรงหนังเสือเหลืองเครื่องสิทธา
ได้ทราบเหตุว่าประชวรจึงด่วนข้าม มาฟังความเบาหนักช่วยรักษา
พอโรคร้ายหายสูญจะทูลลา พระมารดาบิตุรงค์ไปดงดาน
แม้บ้านเมืองเคืองขัดจะจัดทัพ มาช่วยรับรบศึกที่ฮึกหาญ
แล้วแกล้งถามความว่าพระอาการ ร้อนรำคาญขัดขวางเป็นอย่างไร ฯ
๏ นางรู้ว่ายาหยูกมิถูกต้อง ด้วยมีของคุ้มองค์ไม่หลงใหล
จะยอกย้อนผ่อนปรนด้วยกลใด ให้เอาไม้เท้าวางเสียห่างองค์
ให้ผู้หญิงอิงแอบเข้าแนบเนื้อ หน่อยก็เหลือรักใคร่จนใหลหลง
ดำริพลางนางบอกว่าบิตุรงค์ ค่อยฟื้นองค์ขึ้นแล้วเห็นไม่เป็นไร
เมื่อตะกี้นี้บรรทมลมปะทะ ตื่นจึงจะทูลแจ้งแถลงไข
แล้วนวลนางย่างย่องเข้าห้องใน พระอภัยพยักหน้าให้มาเคียง ฯ
๏ พลางตรัสถามความสองพี่น้องน้อย นางค่อยค่อยทูลกระซิบอุบอิบเสียง
หม่อมฉันรักจักใคร่เอาไว้เลี้ยง แต่เธอเลี่ยงหลีกไปไม่ไยดี
พระโปรดด้วยช่วยกักไว้สักหน่อย อย่าเพ่อปล่อยไปให้พระมเหสี
ค่ำจึงให้พระธิดาสุลาลี คุมไว้ที่ในห้องลองสักคราว
เมื่อเป็นไรไปก็ตามไม่ห้ามรัก พอสมพักตร์สมภูมิสมหนุ่มสาว
ได้สืบวงศ์พงศ์พืชให้ยืดยาว อย่างว่ากล่าวพระจะเห็นเป็นกระไร ฯ
๏ พระชื่นชอบตอบนางว่าอย่างเอก อภิเษกเสียในห้องให้ผ่องใส
บอกให้มาหาพี่ที่ข้างใน จะสอนให้ลูกรักรู้จักดี ฯ
๏ นางคำนับรับสั่งไปนั่งนอก แล้วตรัสบอกพระพี่น้องทั้งสองศรี
แม่ทูลแล้วแก้วตาอย่าช้าที ไปเฝ้าที่ห้องในแท่นไสยา ฯ
๏ พระคำนับรับสั่งทั้งพี่น้อง คลานเข้าช่องฉากชั้นที่กั้นฝา
แลเห็นองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา ไม่โรยราโรคภัยสิ่งใดมี
แต่พระรูปซูบซีดลงนิดหน่อย พระพักตร์สร้อยเศร้าหมองด้วยต้องผี
เข้ากอดบาทบิตุรงค์ทรงโศกี มิพอที่ทูลกระหม่อมมาตรอมตรม
จนมารดามาตามด้วยความทุกข์ ไม่มีสุขสักเท่าซีกกระผีกผม
เพราะพระถูกหยูกยาต้องอาคม ทุกข์ระทมทั่วไปทั้งไพร่นาย
จึงโปรดให้ไปหาลูกมาด้วย จะได้ช่วยแก้ไขเสียให้หาย
แล้วกราบทูลมูลความตามอุบาย อันผู้ชายต้องเสน่ห์ลมเพลมพัด
เอาไม้เท้าดาวบสจรดอุระ จึงร่ายพระคาถามหาจำกัด
ปีศาจตายคลายมนต์ดลชะงัด จะรีบรัดเร่งรักษาฝ่าธุลี
แต่ตัวเขาเจ้าตำราทำยาหยูก อย่าให้ถูกองค์อีกเร่งหลีกหนี
จงโปรดให้ได้รักษาเวลานี้ อย่าให้มีผีผู้หญิงเข้าสิงองค์ ฯ
๏ พระอภัยใจเหิมเคลิ้มเหมือนบ้า เธอหมายว่าเธอไม่ถูกพระลูกหลง
สำรวลพลางทางว่าเจ้าเง่าโง่งง เขายุยงพลอยเห็นว่าเป็นจริง
นางสุวรรณมาลีเธอขี้หึง นั่นเขาจึงว่าบิดาต้องยาหญิง
พระลูกน้อยพลอยแหนงแคลงประวิง คราวนี้นิ่งเสียหนาอย่าพูดไป
อันโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช กษัตริย์ชาติเชื้อลังกาภาษาไสย
เขารักเจ้าเท่ากับบุตรสุดอาลัย จนหล่อนให้พระธิดาสุลาลี
ให้อยู่วังฝังปลูกเหมือนลูกเต้า เออก็เจ้าควรหรือกลับถือผี
แต่พี่ยาอายังเห็นว่าเป็นดี เขามามีคู่ครองทั้งสองคน
อันสตรีที่อื่นอื่นสักหมื่นแสน ไม่มีแม้นเหมือนหญิงชาวสิงหล
ทั้งสาวแก่แม่ม่ายเหมือนไก่ชน เขารู้กลปรนนิบัติภัสดา
ถึงผัวทุกข์ปลุกปลื้มให้ลืมทุกข์ มีแต่สุขสรวลเสเสน่หา
ไม่คบเขาชาววังเมืองลังกา ที่อื่นให้ไปหาเลือดตากระเด็น
เจ้าได้นางอย่างนี้ดีนะลูก จะช่วยปลูกเสียต่อตาบิดาเห็น
ให้หายห่วงทรวงร้อนจะผ่อนเย็น จงอยู่เป็นเขยขวัญนางวัณฬา ฯ
๏ สุดสาครร้อนจิตผิดสังเกต น้ำพระเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ทั้งน้องน้อยพลอยสะอื้นกลืนน้ำตา แต่สุดสาครซ้ำร่ำพิไร
โอ้พระคุณทูลกระหม่อมจอมมนุษย์ จะละพุทธเสียแล้วหรือมาถือไสย
จะขวางขัดทัดทานประการใด เล่าก็ไม่ควรตัวกลัวพระองค์
พระเกิดเกล้าเจ้าประคุณการุญเลี้ยง ลูกจะเถียงที่ไหนได้ว่าใหลหลง
เป็นเวรามาทันลูกมั่นคง จึงได้ทรงคิดเห็นเป็นเช่นนั้น
ลูกเกิดมาอาภัพอัปภาคย์ พบแต่ยากดังชีวาจะอาสัญ
ให้เปลี่ยวใจไร้วงศ์ทั้งพงศ์พันธุ์ สุดจะผันผินหน้าไปหาใคร
จึงอุสาห์ลาแม่มาแต่น้อย จะตายร้อยพันคราน้ำตาไหล
ครั้นว่าปะพระบิดาดังอาลัย ก็ทุกข์ใจให้สงสารพระมารดา
จะอยู่เดียวเปลี่ยวเปล่าทุกเช้าค่ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา
แม้เจ็บไข้ใครเล่าจะเอายา มารักษาชนนีไม่มีเลย
โอ้ใจลูกผูกพันจนฝันเห็น มิได้เว้นวายวิตกเลยอกเอ๋ย
จึงถือบวชกรวดน้ำไปตามเคย ไม่ละเลยลืมพระคุณกรุณา
มาพึ่งบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ ได้สืบขัตติยราชพระศาสนา
เดี๋ยวนี้พระจะบำรุงกรุงลังกา กลับเป็นฝาหรั่งกลายเมื่อปลายมือ
ก็ฝ่ายลูกผูกชฎารักษากิจ ศีลประสิทธิ์ศักราชไม่ขาดหรือ
ทุกถิ่นฐานบ้านเมืองจะเลื่องลือ คนเดียวถือสองฝ่ายน่าอายจริง
ซึ่งออกโอษฐ์โปรดลูกจะปลูกฝัง หม่อมฉันยังไม่รู้จักรักผู้หญิง
ครั้นมีคู่ผู้ชายมักหมายชิง ต้องยุ่งยิ่งยุคเข็ญเหมือนเห็นมา
เป็นอันขาดชาตินี้ไม่มีคู่ จะไปอยู่ปรนนิบัติแม่มัจฉา
แม้แม่ตายหมายจิตเป็นสิทธา เดี๋ยวนี้มาเลื่อนลอยพลอยรำคาญ
จะพึ่งบุญทูลกระหม่อมให้พร้อมญาติ ก็ตัดขาดญาติวงศ์พงศ์สถาน
จะพึ่งบาทมาตุรงค์พระวงศ์วาน ก็เกินการดาลเดือดไม่เงือดงด
จะพึ่งบุญพี่ยาพระอาเล่า ก็มาเข้ารีตเมียไปเสียหมด
กระหม่อมฉันก็จะลารักษาพรต เป็นดาบสอยู่ริมหิมพานต์ ฯ
๏ พระฟังคำรำลึกรู้สึกบ้าง คิดถึงนางมัจฉาน่าสงสาร
สักประเดี๋ยวเสียวมนต์ดลบันดาล รื้อสำราญสำรวลชวนโอรส
ขืนจะใคร่ไปบวชชวดมีลูก นุ่งหนังผูกคากรองทั้งต้องอด
อยู่ถิ่นฐานบ้านเมืองมีเครื่องยศ ลองชิมรสลูกฝรั่งมั่งเป็นไร
อร่อยจริงยิ่งกว่ากินลูกลิ้นจี่ จะหานางอย่างนี้หาที่ไหน
เขมรลาวชาวละครทั้งมอญไทย พ่อก็ได้ลองแล้วนะแก้วตา
ที่รูปดีขี้มักไม่รักผัว เพราะเชื่อตัวว่าไม่ขาดคนปรารถนา
บ้างดึงดื้อถือยศไม่ลดลา บ้างดูหน้าบางบางแต่คางเพชร
บ้างรู้แต่แง่งอนไม่อ่อนหวาน บ้างจัดจ้านจ้วงจาบจึงหลาบเข็ด
มีเมียเดียวเจียวจึงหาที่กลเม็ด เป็นสำเร็จราชการสำราญรมย์
พอนึกได้ไม่ทันพักพยักหน้า ทั้งวงศาสุจริตสนิมสนม
ส่วนท่วงทีดีเหลือไม่เบื่อชม เขามักคมในฝักชักออกวาว
ถึงยามร้อนผ่อนสบายให้หายร้อน ยามหนาวนอนแนบกายให้หายหนาว
อันหญิงอื่นหมื่นแสนในแดนดาว ไม่สู้ชาวลังกาสัจจาจริง
เจ้าไม่เคยเลยพ่อนี้คอเก่า จนแก่เฒ่าก็ไม่เรื้อเบื่อผู้หญิง
โอรสฟังนั่งง่วงไม่ท้วงติง พระก็ยิ่งใหลหลงอยู่องค์เดียว ฯ
๏ ฝ่ายสองนางฟังยิ้มอยู่ริมฉาก ชมฝีปากหน่อนาถฉลาดเฉลียว
ไม่รู้จักรักผู้หญิงจริงจริงเจียว จึงเด็ดเดี่ยวไม่ถูกมนต์หยูกยา
ไม้เท้านี้ดีจริงแม้หญิงจับ เห็นจะกลับเสื่อมมนต์ดลคาถา
เข้าเลียมลองต้องตัวให้มัวตา หน่อยหนึ่งหน้าก็จะก่ำดังตำลึง
ถ้าจะให้ไปห้องสองกับเจ้า ชิงไม้เท้าเสียให้ได้เข้าให้ถึง
นางแอบฟังนั่งนึกกันลึกซึ้ง อันดื้อดึงได้ผัวอย่ากลัวอาย ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยพิไรสอน สุดสาครบิดเบือนไม่เหมือนหมาย
จนจวนค่ำทำเล่ห์เพทุบาย กริ้วลูกชายช่างไม่รู้รักผู้ดี
มาพบเห็นเป็นลูกจะปลูกฝัง ว่าไม่ฟังปล่อยปละก็จะหนี
พลางตรัสเรียกธิดาสุลาลี มาข้างที่พระบัลลังก์สั่งกำชับ
ช่วยคุมเขาเจ้าคนนี้ไว้ทีหนึ่ง เขาดื้อดึงอยู่อย่าปล่อยคอยกำกับ
หัสไชยไว้ธุระพ่อจะรับ อยู่นอนกับบิดาได้พาที ฯ
๏ สุดสาครอ่อนหวานประทานโทษ แม้ไม่โปรดให้ไปก็ไม่หนี
ถวายชีวิตสิทธิ์ขาดแล้วชาตินี้ ตามแต่ที่บุญกรรมได้ทำมา
ถึงเนื้อเลือดเชือดถวายเหมือนหมายมาด ขอแต่อย่าให้ขาดพระศาสนา
ถ้าเดี๋ยวนี้มิสงสารพระมารดา ลูกจะฆ่าตัวถวายให้หายแคลง
นี่ห่วงใยไม่ตายเป็นกายอยู่ ก็จะสู้ปรนนิบัติไม่ขัดแข็ง
พลางนึกแค้นแสนเทวษพระเนตรแดง ก้มกันแสงเศร้าจิตด้วยบิดร ฯ
๏ พระอภัยให้ธิดาพาไปห้อง เอาแต่น้องไว้สุวรรณบรรจถรณ์
นางลีวันนั้นพาสุดสาคร มาห้องนอนขึ้นนั่งบัลลังก์ทอง
จัดเครื่องอานพานสลานั้นมาตั้ง แล้วแกล้งนั่งเคียงล่อสองต่อสอง
พอมืดกลุ้มคลุ้มค่ำเขาย่ำฆ้อง ประทีปส่องแสงสว่างกระจ่างตา
สุดสาครร้อนตัวกลัวผู้หญิง ไม้เท้าพิงพาดวางไว้ข้างขวา
นั่งกอดเข่าเซาซึมพึมภาวนา นางพูดจาว่ากระไรก็ไม่เงย
คิดถึงน้องต้องไปอยู่ไกลพี่ เคยร่วมที่แอบองค์สรงเสวย
เวลานี้มิได้เห็นเหมือนเช่นเคย โอ้อกเอ๋ยเป็นเคราะห์ต้องเกาะกุม
พระบิตุรงค์หลงใหลแล้วไม่สา ยังจะพาลูกให้ซ้ำถลำหลุม
ไม่ยอมรักกักขังให้นั่งคุม ให้นึกกลุ้มกลัดใจด้วยไม่เคย
นางลีวันนั้นเอาเครื่องมาเทียบถวาย ไม่สบายพระทัยก็ไม่เสวย
เขาวอนเตือนเชือนแชไม่แลเลย อิงเขนยนั่งภาวนาไป ฯ
๏ นางเห็นนิ่งยิ่งล้อยิ่งพ้อตัด กอดพระหัตถ์เจ่าจุกเป็นทุกข์ไฉน
เฝ้าบ่นงึมพึมพำร่ำพิไร หรือตรึกไตรตรองคำทำเพลงยาว
หรือแต่งสารสังวาสนิราศเรื่อง มาจากเมืองมัวหมองถึงน้องสาว
เสียดายนุชสุดสวาทต้องขาดคราว พระพี่หนาวหนักหนาไม่มาตาม
เสาวคนธ์มณฑายุพาพักตร์ มิงามนักแล้วหรือหนอน้องขอถาม
สุดสาครร้อนใจดังไฟลาม มันออกนามกนิษฐาต้องพาที ฯ
๏ กระไรเจ้าเฝ้าพ้อเฝ้าล้อเล่น ดูหน้าเป็นสารพัดไม่บัดสี
เอานามน้องของข้ามาพูดกาลี โน่นหล่อนดีดอกไม่เป็นเหมือนเช่นตัว
พึ่งรุ่นราวสาวแส้กระแตวับ ไม่นอนหลับเลียปากให้อยากผัว
เฝ้าพูดจาว่าแต่เขาช่างเมามัว เจ้ามันตัวสันทัดได้หัดปรือ
จนดึกดื่นขืนเฝ้าแต่เซ้าซี้ จะไม่มีผัวนี้ไม่ดีหรือ
พระเคืองแค้นค่อนขอดนั่งกอดมือ นางไม่ถือคิดว่าผัวเฝ้ายั่วเย้า ฯ
๏ นางว่าข้าไม่มีผัวตัวพระพี่ จะไม่มีเมียได้หรือไม่เล่า
เห็นเมินนิ่งยิ่งล้อขอไม้เท้า ขยับเข้าแย่งยุดพระฉุดชิง
เดชะฤทธิ์สิทธารักษาไม้ ครั้นหญิงใกล้กลับเป็นงูไล่ผู้หญิง
ดูยาวเฟื้อยเลื้อยมาน่ากลัวจริง นางหวีดวิ่งวุ่นวายกลับหายวับ
ยังตัวสั่นหวั่นหวาดไม่อาจชะอ้อน สุดสาครแค้นอารมณ์ลมจะจับ
เสียดายเหลือเหงื่อชโลมออกโซมซับ สลบกับที่นิ่งไม่ติงกาย ฯ
๏ พระสะอื้นฟื้นองค์ดำรงนั่ง ดูหน้าหลังแลเปล่าไม้เท้าหาย
คู่ชีวาอาวุธสุดเสียดาย พระฟูมฟายชลนัยน์สงสัยความ
ลงจากเตียงเลี่ยงออกไปนอกห้อง เที่ยวหาของคู่ชีวิตไม่คิดขาม
เห็นสาวสาวชาววังที่นั่งยาม แวะเข้าถามถึงไม้เท้าก็เปล่าไป
แล้วถามถึงพระเจ้าอาเชษฐานั้น พระทรงธรรม์ทั้งสองอยู่ห้องไหน
เขาทูลแจ้งอยู่ที่แสงสว่างไฟ เสด็จไปแฝงฟังกำบังองค์
เห็นพี่เอกเขนกแอบแนบผู้หญิง เฝ้าอ้อยอิ่งโอบอุ้มดูลุ่มหลง
อีฝรั่งนั่งเรียงอยู่เคียงทรง เข้าแอบองค์เอียงแก้มยิ้มแย้มพราย
แล้วมิหนำซ้ำชะอ้อนป้อนชานหมาก น่าเหียนรากรังเกียจเกลียดใจหาย
จะเข้าเฝ้าเล่าก็เบื่อเหลือละอาย ค่อยแฝงกายเยื้องย่องไปห้องอา
ไม่แจ้งความถามเหล่านางสาวใช้ ว่าอยู่ในฉากชั้นที่กั้นฝา
มองเขม้นเห็นพระองค์ทรงสกา นางรำภาแพ้นับเบี้ยทับคะแนน
ถึงเจ็ดเบี้ยเสียหายถวายแก้ม พระจูบแถมเถียงท้วงทำหวงแหน
ต้องจูบคืนยืนดูอดสูแทน ทำหนุ่มแน่นน่าเบื่อเหลือรำคาญ ฯ
๏ กระแอมไอให้เสียงแล้วเมียงนั่ง พระเหลียวหลังแลเขม้นเห็นพระหลาน
เรียกให้ขึ้นบนที่นั่งอลังการ พ่อมาป่านนี้ไยไม่ไสยา
สุดสาครอ่อนเกล้าเล่าถวาย ไม้เท้าหายเสียทีเดียวจึงเที่ยวหา
แล้วทูลความตามสมเด็จพระบิดา ให้สุลาลีขังไว้วังใน ฯ
๏ ศรีสุวรรณนั้นหัวเราะว่าเคราะห์เจ้า เมื่อไม้เท้าอยู่กับกายให้หายได้
จงมีเมียเสียเถิดหลานสำราญใจ นึกเหมือนไพร่มันว่าตำราบุราณ
มีเมียเคล้ามีข้าวกินแล้วสิ้นทุกข์ อยู่ไหนไหนได้เป็นสุขสนุกสนาน
แล้วลืมองค์หลงเลี้ยวพูดเกี้ยวพาน สามกระดานแล้วหนาจำนางรำภา ฯ
๏ สุดสาครร้อนรุ่มให้กลุ้มอก เหมือนมาตกกลางทะเลเสนหา
จะพึ่งพี่มิได้พึ่งมาถึงอา อาก็พาผูกรักชักชโลง
โอ้เหมือนอย่างช้างเถื่อนที่เพื่อนเบียด เข้าเพนียดแดดิ้นจนสิ้นโขลง
เหมือนตัวเราเล่าจะถูกเข้าผูกโรง เพราะญาติโยงยั่วเย้าให้เข้าซอง
ขี้เกียจฟังนั่งนานรำคาญจิต อารมณ์คิดถึงไม้เท้ายิ่งเศร้าหมอง
บังคมลามาสิงหาสน์ปราสาททอง เที่ยวเดินมองหาไม้อาลัยแล ฯ
๏ ฝ่านสุลานารีบุตรีน้อย สะกดรอยฟังความตามกระแส
เห็นโศกศัลย์ฟั่นเฟือนเที่ยวเชือนแช ด้วยของแก้อิทธิฤทธิ์ไม่ติดตัว
ยิ้มละไมในหน้าสมาบาป คงตายราบน้องแล้วไม่แคล้วผัว
ทำแกล้งเดินเมินหน้าเหมือนตามัว เข้ากอดตัวยุดไว้ว่าใครยืน
แล้วเป่ามนต์สนจิตประสิทธิ์ประสาท เสียวสวาทประดิพัทธ์ไม่ขัดขืน
พลางทำเป็นเห็นฟางว่ากลางคืน พระมายืนอยู่ไยไม่ไสยา
ให้อยู่ห้องต้องขังไม่นั่งนิ่ง ติดผู้หญิงอยู่ที่ไหนหรือไปหา
เที่ยวเชือนแชแต่หัวค่ำไม่อำลา แล้วจูงมาเข้าห้องอยู่สองคน
หับทวารบานไว้เสียให้แน่น แล้วขึ้นแท่นสังเกตดูเหตุผล
สุดสาครร้อนจิตด้วยฤทธิ์มนต์ ทั้งผีดลจิตชักให้รักนาง
นึกหอมกรุ่นฉุนเฉียวเสียวแสยง พระพักตร์แดงดูก่ำดังน้ำฝาง
ลืมความรู้ครูสอนแต่ก่อนปาง ให้รักนางบุตรีลาลีวัน
พินิจชมคมขำล้ำมนุษย์ ดูงามสุดสิ้นอย่างนางสวรรค์
ตะลึงหลงลงกระดูกให้ผูกพัน จนสุดกลั้นผันผ่อนพูดงอนง้อ
ประหลาดจริงยิ่งดึกยิ่งนึกหนาว เป็นลมว่าวข้าวเบาหนอเจ้าหนอ
เมื่อพลบค่ำย่ำระฆังเฝ้านั่งล้อ ไยไม่พ้ออีกเล่าหรือหาวนอน
นางรู้ทีผีวิ่งเข้าสิงสู่ นึกว่าอยู่แล้วเหมือนถูกเล่นลูกศร
จะเชือนแชแก้เผ็ดให้เข็ดงอน ทำคมค้อนบึ้งหน้าแล้วพาที ฯ
๏ พระบิตุรงค์ทรงศักดิ์ให้กักขัง จึงต้องนั่งคุมตัวกลัวจะหนี
แต่หัวค่ำร่ำว่าเป็นกาลี ประเดี๋ยวนี้จะให้ล้อพูดก่อความ
แล้วก็พระจะได้ด่าให้สาหัส สารพัดจ้วงจาบทำหยาบหยาม
ยังเจ็บอกฟกช้ำดังน้ำคราม อย่าลวนลามเลียมล้อไม่พอใจ ฯ
๏ สุดสาครผ่อนแก้นี่แน่น้อง พี่แกล้งลองใจดอกจะบอกให้
ไม่ถือโทษโกรธตอบขอบฤทัย จะรักใคร่ครองกันจนวันตาย
อันตัวเจ้าเยาวมาลย์ประทานพี่ ให้เป็นที่รักสมอารมณ์หมาย
อย่าควรคิดปลิดเปลื้องเคืองระคาย ขอฝากกายแก้วตาสุลาลี
แล้วเอนแอบแนบน้องประคองหัตถ์ นางป้องปัดผลักพลิกแล้วหลีกหนี
อะไรเล่าเฝ้ากวนทำยวนยี น้อยหรือพี่พูดเลี้ยวมาเกี้ยวน้อง
กระหม่อมฉันมันตอแหลกระแตวับ อย่ามาจับต้องตัวจะมัวหมอง
ขืนเลี่ยงเลียบเทียบเทียมทำเลียมลอง คงร้องก้องไปทั้งวังไม่ฟังเลย
ว่าประทานฉันทำไมฉันไม่รู้ พระมาตู่เอาเปล่าเปล่าแม่เจ้าเอ๋ย
อย่าเลียมเล่นเช่นนั้นฉันไม่เคย ไม่ยอมเลยแล้วพระองค์อย่าสงกา ฯ
๏ พระแก้เกี้ยวเลี้ยวประโลมโฉมเฉลา ทำไมเล่ามิให้ชิดกนิษฐา
เจ้าเป็นน้องของพี่เพียงชีวา ควรหรือมาข้องขัดคอยปัดมือ
ประเวณีพี่น้องก็ต้องลูบ แล้วกอดจูบกันเป็นไรไม่ได้หรือ
ส่วนตัวพี่นี้เจ้าฉุดแย่งยุดมือ ก็ไม่ถือโทษเห็นว่าเป็นน้อง
ซึ่งว่าหยอกออกเจ็บจะเก็บโกรธ พี่ขอโทษเถิดนะเจ้าอย่าเศร้าหมอง
พลางลูบกายสายสมรกรตระกอง นอนเถิดน้องพี่จะกล่อมถนอมนวล
ประคองอุ้มจุมพิตเชยชิดโฉม เลียมประโลมลูบต้องของสงวน
นางผลักพลิกหลีกเลื่อนเบือนกระบวน แกล้งหยิกข่วนแก้เผ็ดให้เข็ดมือ
แล้วว่าเบื่อเหลือที่เป็นพี่น้อง มาลูบต้องเหมือนเช่นชู้ได้อยู่หรือ
เหมือนพระพี่นี้น้องต้องยุดมือ ด้วยน้องซื่อสุจริตพระคิดคด
นางเสาวคนธ์มณฑาจะมาหึง สักหน่อยหนึ่งน้องจะยับอัปยศ
พระเป็นชายหมายจะลิ้มลองชิมรส แล้วจะปลดเปลื้องปละสละไป
น้องก็รู้อยู่สิ้นว่าลิ้นถอด ไม่ตลอดลึกซึ้งไปถึงไหน
มามูมมามลามลวนทำกวนใจ น้องจะได้ความอายเมื่อปลายมือ ฯ
๏ พระว่าเจ้าเสาวคนธ์วิมลพักตร์ เหมือนน้องรักร่วมครรภ์พี่นั้นหรือ
ขอเสียเถิดอย่าปัดให้ฟัดครือ นี่แหละสื่อเท่าตัวสมผัวเมีย
จะคลึงเคล้าเฝ้ากอดจนมอดม้วย จงเอออวยอนุกูลอย่าสูญเสีย
พลางขยับทับเพลาเข้าเคล้าเคลีย อะลิ้มเอลี่ยลูบต้องประคองโลม ฯ
๏ สุลาลีมีแต่หยิกแล้วพลิกผลัก นี่หรือรักน้องหนักทำหักโหม
ข่มเหงเล่นเช่นชู้ทำจู่โจม แล้วเล้าโลมลูบคลำให้ช้ำมือ
สาธุสะพระก็ถือเป็นฤๅษี มายวนยียุ่งหยาบไม่บาปหรือ
แม้รักจริงทิ้งเมืองให้เลื่องลือ เชิญมาถือเพศฝรั่งเมืองลังกา
หนังเสือเหลืองเครื่องพรตจงปลดเสีย จึงมีเมียจะได้ขาดพระศาสนา
แม่ทำตามความฉันจำนรรจา จะเห็นว่ารักจริงไม่กริ่งใจ ฯ
๏ พระฟังคำร่ำว่าให้ลาพรต เสียวสลดรำลึกนึกขึ้นได้
ด้วยพระเดชะพระกุศลเข้าดลใจ เสียดายไม้เท้าสะอื้นกลืนน้ำตา
นางรู้ทีแกล้งจี้ที่สีข้าง เหลียวเห็นนางนึกรักเป็นหนักหนา
จึงว่าพี่นี้ไม่ขัดหัทยา อยากเป็นฝาหรั่งเล่นเย็นเย็นใจ
แล้วลาพรตปลดเปลื้องเครื่องหนังเสือ ทรงใส่เสื้อเส้นทองดูผ่องใส
ด้วยโลกีย์นี้มันปลื้มให้ลืมไตร เหมือนสึกใหม่มีเมียเฝ้าเคลียคลอ
เข้าคลึงเคล้าเฝ้าพลอดทางกอดเกี้ยว เราผัวเดียวเมียเดียวกันเจียวหนอ
นางแกล้งว่าอย่าเพ่อหวังคอยรั้งรอ น้องไม่ล่อลวงจริงจะยิงยอม
แต่รอรักสักหน่อยค่อยค่อยรัก มิใช่จักโหยหิวให้ผิวผอม
ดูฤกษ์พานาทีให้ดีพร้อม น้องจะยอมอย่างประสงค์จำนงใน
พระอิงแอบแนบชิดจุมพิตพักตร์ จะผัดรักรื้อตะบึงไปถึงไหน
อันอดอื่นหมื่นแสนทั้งแดนไตร พี่อดได้อยู่ดอกด้วยนอกกาย
แต่ครั้งนี้ที่จะอดซึ่งรสรัก สุกจะหักห้ามสวาทให้ขาดหาย
เขาเป็นทั้งลังกาไม่น่าอาย อย่ากลับกลายแกล้งว่าทารกรรม
พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมภิรมย์รื่น ถนอมชื่นเชยชิมไม่อิ่มหนำ
นางว่าเบื่อเหลือเข็ญเฝ้าเคล้นคลำ จะชอกช้ำไปเสียแล้วไม่แคล้วเลย
ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม ตามเถิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย
พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น
กระดี้กระดิกพลิกเพลี่ยงเบือนเบี่ยงบิด เหมือนเรือติดตมตื้นจะขืนเข็น
แต่สาวหนุ่มชุ่มชื่นระรื่นเย็น บังเกิดเป็นอัศจรรย์ไม่ทันรู้
ด้วยรวดเร็วเปลวไฟประลัยราค เหมือนขึ้นปากนกหินใส่ดินหู
พอลั่นฉับสับไกก็ไฟฟรู เสียงฟุบฟู่ฟุ้งฟูมดังตูมตึง
ต่างละเลิงเชิงชมภิรมย์รื่น อันรสอื่นหรือจะเปรียบประเทียบถึง
นางเมียยั่วผัวเย้าเฝ้าเคล้าคลึง จนเหนื่อยจึงเคลิ้มหลับระงับไป ฯ
๏ อันเรื่องราวคราวสุดสาครคลั่ง ด้วยกำลังโลกีย์เป็นวิสัย
ถึงนักสิทธ์ฤทธิรงค์ทั้งทรงไตร เข้าเคียงใกล้โลกีย์แล้วมิพ้น
พอแจ่มแจ้งแสงสีรวีจำรัส จบจังหวัดฟากฟ้าเวหาหน
หน่อกษัตริย์หัสไชยอยู่ไพชยนต์ บรรทมบนแท่นทองที่รองทรง
ครั้นรู้สึกนึกรำพึงถึงพระพี่ ฉวยเสียทีอีผู้คุมจะลุ่มหลง
ค่อยขยดลดเลื่อนพระองค์ลง มาโสรจสรงพักตราแล้วคลาไคล
ถึงห้องที่ลาลีวันกำนัลนั่ง ถามว่ายังไสยาสน์อนาถไฉน
คอยฟังเสียงเมียงมองเข้าห้องใน เห็นหลับใหลแลแปลกแต่แรกมา
มองเขม้นเห็นเปลื้องเครื่องหนังเสือ ใส่แต่เสื้อสมเพชพระเชษฐา
กอดผู้หญิงอิงแอบแนบนิทรา คลอน้ำตาตกใจกระไรเลย
ตะลึงคิดผิดทีพระพี่เจ้า มาหลงเข้าซองซ้ำแล้วกรรมเอ๋ย
จนรุ่งแจ้งแสงสายยังก่ายเกย ไม่เห็นเลยว่าจะเป็นถึงเช่นนี้
เข้าปลุกสั่นบรรทมริมบรรจถรณ์ สุดสาครรู้สึกนึกบัดสี
ด้วยแรกตื่นฝืนอารมณ์ได้สมประดี ลงจากที่แท่นทองกอดน้องน้อย
ทรุดพระองค์ลงนั่งนึกสังเวช น้ำพระเนตรหยดเหยาะลงเผาะผอย
พี่ผิดพลั้งครั้งนี้เพราะผีพลอย เหมือนตายน้อยน้องเอ๋ยไม่เคยเป็น
วิปริตจิตใจให้ไหลเลื่อน อยู่ก็เชือนเฟือนฟั่นเหมือนฝันเห็น
แล้วตรัสกับอนุชาเวลาเย็น ไม้เท้าเป็นงูหายเสียดายนัก
พลางสะอื้นกลืนกลัดให้ขัดข้อง กอดพระน้องแนบประทับไว้กับตัก
ประโลมลูบจูบจอมถนอมพักตร์ เหมือนเคยรักรู้สึกด้วยนึกมนต์ ฯ
๏ อนุชาว่าพระพี่หนีเถิดจ๊ะ ขืนอยู่นะคิดเห็นไม่เป็นผล
เรารีบออกนอกห้องทั้งสองคน ข้างพระชนนีคงจะหลงคอย ฯ
๏ นางสุลาลีฟังเห็นคลั่งหาย เชื่อน้องชายฉุนแค้นแน่นคอหอย
ลุกมานั่งข้างเตียงเมียงชม้อย แล้วว่าน้อยหรือพระพี่เธอดีจริง
เห็นนอนฝันพันผูกถึงลูกสวาท เหลือประหลาดแล้วผู้ชายกลายเป็นหญิง
พอเห็นนางวางน้องต้องประวิง พระก็นิ่งนั่งพินิจด้วยคิดเกรง
รูปก็งามนามก็เพราะฉอเลาะแหลม ทั้งสองแก้มเหมือนอย่างมะปรางเปล่ง
ดูผิวผ่องเพียงพระจันทร์เมื่อวันเพ็ง ชำเลืองเล็งแลแฉล้มแล้วแย้มยิ้ม ฯ
๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นใหลหลง กำสรดทรงสร้อยเศร้านั่งเหงาหงิม
แค้นฝรั่งช่างไม่อายทำพรายพริ้ม เข้านั่งริมผัวแอบไว้แนบเนื้อ
นึกด่าทอตอแหลชอบแต่ตบ ไม่เคยพบหน้าเป็นทะเล้นเหลือ
ชะเช่นนี้มีมีดจะกรีดเนื้อ ให้ทานเสือเสียให้สิ้นลิ้นลังกา
จะนั่งดูอยู่ก็แสนจะแค้นคั่ง สุชลหลั่งคลอเนตรดูเชษฐา
เหลือเจ็บช้ำน้ำใจอาลัยลา กลับออกมาห้องกลางที่ปรางค์ใน ฯ
๏ พอบิตุรงค์องค์ละเวงวัณฬาราช ตื่นไสยาสน์เรียกหาแล้วปราศรัย
ให้แต่งองค์ทรงเสวยสว่างใจ พระหัสไชยกราบก้มบังคมลา
จ่ามหาดเล็กอยู่ประตูนอก จึงไปบอกไพร่นายทั้งซ้ายขวา
พระจะกลับไปประทับที่พลับพลา ได้ปล่อยม้าปล่อยสิงห์วิ่งสบาย ฯ
๏ นางละเวงเกรงไม่กลับกำชับสั่ง คืนมาวังนะอย่าไปให้สูญหาย
แล้วเหลียวหลังสั่งตัวเจ้าขรัวนาย ช่วยถวายพระกลดทรงองค์โอรส
บอกสาวสาวเหล่าสุรางค์นางน้อยน้อย ให้มาคอยตามหลังไปทั้งหมด
หน่อกษัตริย์หัสไชยฤทัยระทด น้อมประณตลามาชาลาลาน ฯ
๏ ข้าหลวงตามหลามทางท้าวนางกั้น กลดสุวรรณกันแสงพระสุริย์ฉาน
เสด็จมาหน้าประตูดูอาการ เห็นทหารหิวโหยโรยกำลัง
จึงขับเหล่าสาวใช้ไปเถิดนะ แล้วคงจะพบกันอีกวันหลัง
แล้วบอกกล่าวเล่าให้นายไพร่ฟัง ขึ้นทรงนั่งสิงห์ขับไปพลับพลา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ