ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ

๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ ยังข้องขัดไม่สมอารมณ์ประสงค์
ครั้นเวลาสายัณห์พยับลง พระจันทร์ส่งแสงสว่างดังกลางวัน
คิดคะนึงถึงนุชสุดสวาท ค่อยเคลื่อนคลาดคลายโรคที่โศกศัลย์
จะไปชวนชื่นอารมณ์ให้ชมจันทร์ จึงผ่อนผันพาทีกับพี่พราหมณ์
เราเปลี่ยนพายสายน้ำค่ำวันนี้ อย่าให้มีกีดขวางระคางขาม
อันตัวน้องจะไปหาพะงางาม พี่เชิญสามพี่เลี้ยงมาเตียงเรา
ธรรมเนียมหมอรักษาโรคาไข้ พอเดินได้ก็เรียกขวัญข้าวเขา
ไม่ตรึกตราปรารภทำซบเซา ถ้าฉวยเปล่าแล้วสิอดเหมือนมดแดง
พราหมณ์หัวร่อถ่อเวียนเปลี่ยนสายน้ำ จะทำตามสารพัดไม่ขัดแข็ง
พ่อดวงจิตคิดดีมิเสียแรง จะจัดแจงเสียให้เสร็จสำเร็จการ
พอย่ำยามสามนายชายฉลาด ลงจากอาสน์ออกไปเพียงเตียงสนาน
ค่อยสั่งเหล่าสาวสรรค์ว่าฉันวาน ช่วยเชิญท่านพี่เลี้ยงมาเพียงนี้
นางสาวใช้ไปบอกออกมาพร้อม แต่ว่าหม่อมศรีสุดาผินหน้าหนี
ทั้งสามนางต่างนั่งบังอัคคี ทำท่วงทีไต่ถามตามธรรมเนียม
ว่ากระไรไม่ว่าเล่าขาทั่น พลางทำชั้นเชิงชม้ายทำอายเหนียม
ทั้งสามพราหมณ์ทรามคะนองประคองเลียม ไม่มาเยี่ยมกันเลยแม่แต่ประชวร
หรือลืมแล้วแก้วตานิจจาเอ๋ย ไม่คิดเลยหรือไฉนเมื่อไปสวน
นี่หายไข้ไรช้ำเป็นน้ำนวล ดูอ้วนท้วนถึงจอมเจียวหม่อมน้อง
เมื่อเจ้าเจ็บพี่ก็ไข้น้ำใจด้วย เจ้าหายป่วยพี่ชายก็หายหมอง
จะขอถามทรามสงวนนวลละออง ขอเชิญน้องขึ้นมานั่งถึงข้างนี้ ฯ
๏ ทั้งสามนางต่างอายชม้ายค้อน ช่างขืนค่อนแคะว่าน่าบัดสี
เมื่อไม่คลาดราชการของฉันมี ไม่รู้ที่จะมาเฝ้าเจ้าประคุณ
จะไต่ถามว่ากระไรก็ไม่ถาม อย่าลวนลามเหมือนที่สวนจะหวนหุน
เป็นไรมีที่ธุระเดชะบุญ จึงค่อยคุ้นเคยกันฉันจะลา ฯ
๏ ทั้งสามพราหมณ์ยุดสามพี่เลี้ยงไว้ อย่าเพ่อไปก่อนพี่นึกจะปรึกษา
เข้าเคียงข้างพลางนั่งบังกายา แล้วพูดจาไต่ถามตามสบาย ฯ
๏ หน่อกษัตริย์สอดมองตามช่องฉาก เห็นเขาฝากรักใคร่ก็ใจหาย
คิดถึงแก้วเกษราเอกากาย ค่อยแหวะชายม่านย่องเข้าห้องนาง
เห็นโฉมยงทรงเลือกมาลัยเล่น มิได้เห็นองค์แอบเข้าแนบข้าง
ค่อยเชยโฉมโลมลูบพระปฤษฎางค์ นางหวีดวางดอกจำปาประหม่าใจ
เห็นทรงยศลดองค์ลงอภิวาท สายสวาทนึกพรั่นประหวั่นไหว
พระรับขวัญขวัญตาสุมาลัย พอรื้อไข้ขึ้นก็เหมือนดังเดือนเต็ม
สว่างช่วงดวงเดือนดูเหมือนแม่ ไม่มีแผลบาดกายเท่าปลายเข็ม
ดอกไม้นิดกรีดเล็บค่อยเก็บเล็ม ยังตกเต็มอยู่แน่เจ้าเยาวมาลย์ ฯ
๏ นางโฉมฉายอายองค์พระทรงโฉม มาลอบโลมเลียมรักสมัครสมาน
นางผลักพลิกหยิกพระหัตถ์ทำทัดทาน ทูลอาการป่วยไข้ยังไม่คลาย
ขืนหยอกเย้าเฝ้าเล่นอยู่เช่นนี้ สักแปดปีเห็นไข้จะไม่หาย
เวียนมาไยในห้องให้น้องอาย คนทั้งหลายรู้เรื่องจะเลื่องลือ
น้องจะไปไหนพ้นพระผ่านเกล้า ขอทุเลาแล้วก็ยังไม่ฟังหรือ
อย่าลูบต้องน้องจะกรมระบมมือ โรคจะรื้อร่ำทำให้รำคาญ ฯ
๏ พระยิ้มพลางทางตอบสุนทรสนอง น้อยหรือน้องห้ามรักหักประหาร
แกล้งหนักหน่วงลวงหลอกบอกอาการ เพราะคิดอ่านออกตัวกลัวมลทิน
การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดลงขีดหิน
พี่อาสามาสู้กู้แผ่นดิน เขารู้สิ้นแล้วว่ารักภัคินี
แล้วมิหนำซ้ำมารักษาอยู่ เขาก็รู้เฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
ครั้นหายไข้ใกล้เคียงกันเพียงนี้ ว่าจู้จี้เสียใจกระไรเลย
รำลึกถึงจึงอุตส่าห์มาหาน้อง จะถูกต้องก็ต้องว่านิจจาเอ๋ย
แต่เพียงนี้นี่มิใช่ว่าไม่เคย ไม่เคยเลยหรือเมื่อหนาวคราวประชวร ฯ
๏ นางฟังคำซ้ำแสนสวาทรัก แกล้งหน่วงหนักตามทำนองของสงวน
ประณตนอบตอบคำให้น้ำนวล พระไม่ควรที่เคืองในเรื่องความ
ครั้นบอกป่วยเล่าก็เห็นว่าเป็นปด ตรัสประชดช้ำเจ็บดังเหน็บหนาม
เมื่อไข้หนักรักษาพยายาม น้องก็ตามใจบ้างแต่อย่างนั้น
พอโรคถอยค่อยคลายไม่หายขาด สิหมายมาดจะมาฆ่าชีวาฉัน
จึงผันผ่อนงอนง้อขอชีวัน ไม่หวงกันดอกที่ตรงจะทรงชม
แม้นสิ้นโศกโรคภัยเหมือนใจหวัง น้องจะนั่งแนบชิดสนิทสนม
ไม่ทานทัดขัดห้ามตามอารมณ์ จึงค่อยชมเชยประชดที่อดออม ฯ
๏ พระแย้มยิ้มพริ้มพักตร์พจนารถ แสนฉลาดแหลมเหลือแม่เนื้อหอม
ไม่ปลงจิตคิดอ่านทั้งหว่านล้อม ให้อดออมเอากระนี้แล้วดีจริง
วาสนาอาภัพอัปภาคย์ เมื่อยามยากมิได้กอดแม่ยอดหญิง
จะต้องแอบแนบนอนกับหมอนอิง หนาวก็ผิงเพลิงพลางพอสร่างทรวง
พอสาใจที่ไม่เจียมเสงี่ยมศักดิ์ มาหลงรักร่วมฟูกกับลูกหลวง
ตระกูลต่ำจำลาสุดาดวง ทำลุกลวงลองใจจะไคลคลา ฯ
๏ นางฉวยยุดฉุดข้อพระบาทไว้ จะไปไหนน่าสมเพชพระเชษฐา
จงหยุดหย่อนก่อนน้องจะพูดจา เฝ้าโกรธาน้ำพระทัยดังไฟฮือ
สารพัดตัดพ้อไม่รอรั้ง จะจากวังไปผนวชบวชแล้วหรือ
น้องจะหย่อนผ่อนให้แต่ไม้มือ แต่สัตย์ซื่อสิ่งหนึ่งอย่าพึงคิด
พระรับคำสำคัญได้มั่นแม่น จะร่วมแท่นที่บรรทมให้สมจิต
อย่าหักหาญนักเลยค่อยเชยชิด เหมือนให้น้องครองชีวิตไว้สืบไป ฯ
๏ พระทรงโฉมโลมเล้าว่าเจ้าพี่ ไม่หน่ายหนีนวลอนงค์อย่าสงสัย
พี่ว่าหยอกดอกน้องอย่าหมองใจ จะรักใคร่ครองกันจนวันตาย
แม่เนื้อหอมจอมนางสำอางโฉม งามประโลมเหลือจะหักให้รักหาย
อย่าหน่วงเหนี่ยวหวงห้ามความสบาย จะฟังสายสวาทว่าอย่าอาวรณ์
พระรับขวัญขวัญใจจงไสยาสน์ อย่าหวั่นหวาดพี่ไม่ลวงดวงสมร
ถนอมแนบแอบอุ้มองค์บังอร ขึ้นบรรจถรณ์แท่นทองประคองเชย
พระจุมพิตชิดชื่นระรื่นกลิ่น นางผันผินพักตร์แนบแอบเขนย
น่าบัดสีนี่อะไรน้องไม่เคย ไม่อิ่มเลยเจียวหรือเฝ้าแต่เคล้าคลึง ฯ
๏ พระเล้าโลมโฉมยงทรงกระซิบ ถึงเครื่องทิพย์จะมาเปรียบไม่เทียบถึง
อย่าข้องขัดปัดมือทำดื้อดึง จะเสียซึ่งสัจจังไม่บังควร
พลางประคองต้องเต้าเต็มพระหัตถ์ นางปิดปัดปกป้องของสงวน
พระอิงแอบแนบชิดสะกิดกวน แต่เย้ายวนหยอกหยิกกันซิกซี้ ฯ
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเคียงนั่งเป็นคู่คู่ แยกกันอยู่ห่างห่างในปรางค์ศรี
ต่างพูดเล่นเจรากับนารี สูบบุหรี่กินหมากจนปากเกรียม
นางผู้หญิงพิงทับอยู่กับตัก กำเริบรักรูปชายไม่อายเหนียม
ชายก็กอดสอดต้องประลองเลียม ตามธรรมเนียมนั่งแนบแอบอุรา ฯ
๏ ศรีสุดาเดินไขว่นอนไม่หลับ เห็นเขาจับคู่คิดริษยา
ให้หมกมุ่นขุ่นคิ่นในวิญญาณ์ จะดูหน้านางงามทั้งสามคน
ค่อยแฝงเงาเข้าไปฟังเขานั่งพูด เสียงสูดสูดสอดมองสยองขน
ให้เสียวทรวงง่วงเหงาเศร้าสกนธ์ สุดจะทนถอยมาเที่ยวหาเทียน
แล้วจุดไฟไปส่องทุกช่องฉาก ต่างกระดากเดินลัดฉวัดเฉวียน
ศรีสุดาบ้าบ่นเดินวนเวียน ไม่ดับเทียนถือป้องประคองมา
ทั้งสามพราหมณ์สามนางไม่ห่างเหิน จูงกันเดินลัดแลงเข้าแฝงฝา
หัวเราะริกหลีกล่อคลอไคลคลา ศรีสุดาเดือดใจจะไปฟ้อง
เข้าในห้องมืดอยู่ก็รู้แจ้ง มิรู้แห่งที่จะทูลยิ่งขุ่นหมอง
อยากจะใคร่ได้เห็นพระรูปทอง ค่อยเมียงมองแหวกที่มูลี่แล
แล้วลืมตัวหัวร่อเสียงคิกคิก น่าใคร่หยิกเสียให้ยับไม่นับแผล
รู้สึกตัวกลัวจะว่ามาตอแย ออกวิ่งแชเชือนไปนั่งกำบังกาย ฯ
๏ นางฟังคำจำเสียงพี่เลี้ยงได้ ตกพระทัยลุกเขยื้อนเคลื่อนขยาย
แล้วบ่นว่าน่าเบื่อเหลือละอาย เพราะชู้ชายเข้ามาอยู่ไม่รู้เลย
ประทานโทษโปรดเถิดพระผ่านเกล้า เขาเรียกเร้าเร่งเตือนอย่าเชือนเฉย
ช่วยโลมเล้าโฉมงามเสียตามเคย อย่าให้เย้ยเยาะเล่นอยู่เช่นนี้ ฯ
๏ พระยิ้มย่องลองลวงดวงสมร ปีศาจหลอนหลงโกรธพิโรธพี่
นางยิ้มเยื้อนเบือนหน้ามาพาที ปีศาจพี่ศรีสุดามาหาชู้
พระฟังคำทำไถลแกล้งไขสือ จริงแล้วหรือหรือว่าเสียงสำเนียงหนู
ประหลาดจิตผิดใจจะไปดู ถ้าคนอยู่แล้วจะว่าให้น่าฟัง
ลงจากอาสน์นาดออกนอกมูลี่ พอพบศรีสุดาสมอารมณ์หวัง
เหมือนแสบท้องต้องฝืนกลืนข้าวตัง พอประทังประทับลมตรมอุรา
ทำถามไถ่ใครหนอมานั่งซุ่ม จะจับกุมเอาไปรักให้นักหนา
พลางพยุงจูงศรีสุดามา ห้องข้างหน้าที่สำหรับอยู่หลับนอน
พระแนบนางพลางว่านิจจาเอ๋ย พี่ปองเชยโฉมฉายสายสมร
พึ่งสมหวังดังใจอาลัยวรณ์ จะวายร้อนรับขวัญทุกวันคืน
ขอเชิญเจ้าเยาวลักษณ์วิไลโฉม ช่วยน้อมโน้มประดิพัทธ์อย่าขัดขืน
นางฟังคำน้ำเสียงจะเพียงจะกลืน ไม่ฝ่าฝืนฟุบหมอบตอบบัญชา
ซึ่งออกโอษฐ์โปรดเกล้ามาเท่านั้น กระหม่อมฉันแหวกไว้ในเกศา
ผิดธรรมเนียมเจียมตัวกลัวนินทา เมื่อเป็นข้าหรือจะเรียงเคียงบรรทม
แม้นทราบถึงพระบุตรีศรีสวัสดิ์ จะเคืองขัดค่อนว่าให้สาสม
จะเจ็บอกฟกช้ำด้วยคำคม ระกำกรมกรอมใจจนวายวาง ฯ
๏ พระโลมลูบรูปงามทรามสงวน พอสมควรอยู่แล้วน้องอย่าหมองหมาง
เจ้าเป็นที่พี่เลี้ยงอยู่เคียงนาง จงเคียงข้างพี่ยาอย่าอาวรณ์
แล้วเอนแอบแนบน้องประคองเคล้า พระต้องเต้าเต่งทรวงดวงสมร
นางทอดทับกับเพลาเฝ้าฉะอ้อน พระสอดกรกอดประทับไว้กับทรวง
แนบสนิทชิดชมภิรมย์รัก นางเบือนพักตร์ผ่อนตามไม่ห้ามหวง
ดังมาลีคลี่คลายขยายดวง ระรื่นร่วงเรณูฟูขจร
แมลงผึ้งคลึงเคล้าเสาวรส เมื่อยามอดอุตส่าห์แทรกแหวกเกสร
ลงกลิ้งเกลือกเยือกเย็นเฝ้าเฟ้นฟอน ละอองอ่อนอาบเอิบกำเริบแรง
พิรุณโรยโปรยปรายเป็นสายสาด สุนีฟาดฟ้าแลบวะแวบแสง
น้ำฝนนองท้องทางที่กลางแปลง พระโรยแรงเอนองค์ลงบรรทม
ศรีสุดาเคารพอภิวาท ไม่ห่างบาทบพิตรสนิทสนม
จนแสงทองส่องสว่างน้ำค้างพรม จึงบังคมลากลับไปหลับนอน ฯ
๏ สมเด็จท้าวเจ้ากรุงบำรุงราษฎร์ บรมบาทบพิตรอดิศร
สถิตแท่นแว่นฟ้าสถาวร กับบังอรองค์อัครชายา
จะใกล้รุ่งฟุ้งกลิ่นสุคนธ์รื่น บรรทมตื่นตรองตรึกแล้วปรึกษา
อันลูกน้อยค่อยสบายคลายโรคา ทำนิ่งช้าไว้ก็เห็นไม่เป็นการ
ศรีสุวรรณนั้นก็ยังกำลังรุ่น จะเฉียวฉุนเฉโกด้วยโวหาร
เหมือนเปลวไฟใกล้ฝอยพลอยรำคาญ พี่คิดการตรองความมาสามวัน
จะเสกสองครองกรุงให้ฟุ้งเฟื่อง เป็นเจ้าเมืองมอบมิ่งมไหศวรรย์
ช่วยฝังปลูกลูกแก้วเสียแล้วกัน เถิดหรือขวัญเนตรจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ มเหสีฟังสารโองการตรัส นางกษัตริย์ยินดีจะมีไหน
อภิวาทบาทมูลแล้วทูลไป พระตรึกไตรตรองความนี้งามนัก
ศรีสุวรรณนั้นมาค้างอยู่ปรางค์มาศ ถ้าพลั้งพลาดก็จะพลอยให้ถอยศักดิ์
จงเสกสองครองกรุงบำรุงรัก ถ้าหน่วงหนักนานไปจะได้อาย ฯ
๏ พระจอมวังฟังมิ่งมเหสี ยิ่งยินดีด้วยสมอารมณ์หมาย
พอเดือนดับลับดวงดาราราย สุริย์ฉายส่องฟ้านภาลัย
จึงโสรจสรงทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์พรายพร่างสว่างไสว
ออกแท่นทองท้องพระโรงสำราญใจ เสนาในกราบก้มบังคมคัล
กรุงกษัตริย์ตรัสว่ากับข้าเฝ้า อันตัวเราแก่ชราเกือบอาสัญ
จะเสกราชบุตรีกับศรีสุวรรณ ให้ครองขัณฑเสมาพาราเรา
เห็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย จะได้พลอยค่อยสบายเพราะบุญเขา
สารพัดศัตรูไม่ดูเบา พวกข้าเฝ้าทุกตำแหน่งเร่งแต่งการ
ทั้งเครื่องราชาภิเษกเศวตฉัตร ตามกษัตริย์สืบวงศ์ดำรงสถาน
สั่งกำชับสรรพเสร็จสำเร็จการ นฤบาลกลับหลังเข้าวังใน ฯ
๏ ฝ่ายขุนนางต่างทำทุกตำแหน่ง ให้ตกแต่งปราสาททองอันผ่องใส
พระที่นั่งตั้งแท่นทองประไพ เอาหนังไกรสรราชมาลาดทับ
ราชวัติฉัตรสุวรรณเป็นหลั่นลด พระเต้าทั้งสังข์กลศเตรียมสำหรับ
บายศรีแก้วบายศรีทองสองสำรับ เครื่องคำนับเทวาบูชายัญ
มีพานทองรองพระแสงสำหรับยุทธ์ อัษฎาอาวุธทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งแก้วกองทองเรียงอยู่เคียงกัน แล้วปักกั้นเศวตฉัตรจำรัสเรือง
ที่ริมขอบรอบปราสาทราชฐาน ล้วนธงฉานราชวัติขนัดเนื่อง
ละครโขนหุ่นหนังตั้งกลางเมือง ให้ครบเครื่องเสกกษัตริย์ขัตติยา
ถึงวันดีสี่ค่ำเป็นกำหนด มาพร้อมหมดเหมือนหมายทั้งซ้ายขวา
พวกเสนีชีพราหมณ์ก็ตามมา คอยอยู่ท่าหน้าปราสาทราชวัง ฯ
๏ สมเด็จท้าวเจ้ามิ่งมไหศวรรย์ ครั้นถึงวันวิวาห์สมอารมณ์หวัง
สถิตที่แท่นสุวรรณบัลลังก์ จึงตรัสสั่งมเหสีด้วยปรีดา
จงแต่งองค์ทรงเครื่องให้ลูกน้อย พอบ่ายคล้อยพานางไปข้างหน้า
แล้วชวนองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา เสด็จมาพระโรงรัตน์ชัชวาล
จึงให้ศรีสุวรรณวงศ์เข้าสรงชล ในมณฑลมุรธากระยาสนาน
สะพรั่งพร้อมโหราพฤฒาจารย์ พนักงานเครื่องสำอางมาวางเตรียม ฯ
๏ ศรีสุวรรณอัญชลีเข้าที่สรง สำอางองค์ผุดผ่องละอองเอี่ยม
พราหมณ์ก็อ่านมนต์พราหมณ์ตามธรรมเนียม น้ำมนต์เปี่ยมปากสังข์ค่อยหลั่งลง
ชาวประโคมต่างประโคมเสียงโครมครื้น พระทรงยืนผลัดผ้าภูษาสรง
น้ำกุหลาบอาบอบตลบองค์ พระสอดทรงเครื่องกษัตริย์ขัตติยา
สร้อยสังวาลบานพับประดับเพชร มงกุฎเก็จแก้วเก้าวาวเวหา
ครั้นเสร็จสามพราหมณ์พี่เลี้ยงเคียงลีลา มาเฝ้าฝ่าบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ ฯ
๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พระทรงเดช ทอดพระเนตรชมเชยลูกเขยขวัญ
อร่ามเรืองเครื่องประดับจับผิวพรรณ จึงผายผันพาเขยมาเกยชัย
กระบวนแห่หอกดาบกราบประณต ฉัตรกรรชิงกลิ้งกลดเกลื่อนไสว
ทั้งจามรชอนตะวันเป็นหลั่นไป ตำรวจในสารวัดเร่งจัดแจง
ศรีสุวรรณนั้นทรงยานุมาศ เหล่ามหาดเล็กเดินเชิญพระแสง
กระบวนแห่แลสล้างไปกลางแปลง กลองคู่แซงสังข์แตรแซ่ประโคม
พวกหนุ่มสาวชาวเมืองมาเนืองแน่น ดูแห่แหนเห็นองค์พระทรงโฉม
ขึ้นทรงยานุมาศเหมือนเลื่อนโพยม แลประโลมลืมตนทุกคนไป
บ้างบังคมชมงามพ่อพราหมณ์เอ๋ย สมเป็นเขยขัตติยาอัชฌาสัย
ต่างเริงรื่นชื่นช่วยกันอวยชัย ตลอดไปในทางที่กลางวัง ฯ
๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์ทรงเสลี่ยง คู่แห่เคียงคนหามมาตามหลัง
ถึงที่เกยเคยประทับก็ยับยั้ง พอพร้อมพรั่งยานุมาศพระญาติวงศ์
พระนำหน้าพาขึ้นปรางค์ปราสาท ภูวนาถนั่งแท่นทองระหง
พวกเสนีชีพราหมณ์พฤฒิพงศ์ มาเฝ้าองค์อภิวาทดาษดา ฯ
๏ ฝ่ายชนนีนาถในราชฐาน ประโลมลานลูกน้อยเสนหา
ให้แต่งองค์สรงชลสุคนธา ทรงภูษาค่าเมืองเรืองระยับ
สี่พี่เลี้ยงเคียงองค์ประจงจัด คาดเข็มขัดกัลเม็ดเพชรประดับ
ห่มสไบริ้วทองมีรองซับ สอดสังวาลบานพับประดับพลอย
ทั้งสร้อยนวมสวมพระศอลอออ่อน ทองพระกรแลกระจ่างอย่างหิ่งห้อย
ธำมรงค์เรือนเก็จล้วนเพชรพลอย ดูเรียบร้อยนิ้วพระหัตถ์จำรัสเรือง
ทรงมงกุฎบุตรีมณีประดับ กระจ่างจับผุดผ่องละอองเหลือง
สี่พี่เลี้ยงเคียงนางค่อยย่างเยื้อง มาเฝ้าเบื้องบาทยุคลพระชนนี
นางกษัตริย์ตรัสชวนว่าจวนฤกษ์ พฤฒาเฒ่าเขาจะเบิกซึ่งบายศรี
แล้วนำหน้าพาพระราชบุตรี ออกมาที่ปรางค์มาศปราสาททอง
พร้อมพระวงศ์พงศาเสนาแน่น ริมพระแท่นราชครูอยู่ทั้งสอง
พอฤกษ์ดีได้เวลาเสียงฟ้าร้อง ให้ลั่นฆ้องขานโห่เป็นโกลา ฯ
๏ พระบิตุรงค์ลงจากบัลลังก์รัตน์ มาจูงหัตถ์ศรีสุวรรณด้วยหรรษา
พระมารดรกุมกรธิดามา ให้สองราร่วมเศวตฉัตรชัย
ศรีสุวรรณนั้นนั่งบัลลังก์แก้ว ดูผ่องแผ้วพักตร์เพียงพระสุริย์ใส
พระนุชนั่งเหนือกองทองอุไร ดังแขไขเคียงคู่กับสุริยัน
ให้สององค์ทรงเกี่ยวก้อยกระหวัด ตามกษัตริย์เสกสมภิรมย์ขวัญ
ปุโรหิตติดเทียนแว่นสุวรรณ บังคมคัลส่งกษัตริย์ขัตติยา
ท้าวทศวงศ์ส่งให้มเหสี นางชลีแล้วก็ส่งให้วงศา
ต่างคำนับรับเทียนเวียนออกมา พวกเสนารับส่งเป็นวงไป
กลองประโคมแตรสังข์ประดังเสียง เสนาะสำเนียงดนตรีปี่ไฉน
มโหระทึกกึกก้องทั้งฆ้องชัย เสียงหวั่นไหวแว่นแคว้นทุกแดนดาว
ฝ่ายละครมอญรำพวกโรงนอก ต่างก็ออกโรงประชันสนั่นฉาว
ทั้งโขนเต้นชุลมุนหุ่นออกราว กระทุ้งส้าวเสียงลั่นสนั่นไป
ครั้นเวียนเทียนสำเร็จได้เจ็ดรอบ ตามระบอบประเพณีพิธีไสย
โหรารวบแว่นวิเชียรที่เวียนไว้ แล้วดับไฟโบกควันด้วยทันที
พระบิตุรงค์ทรงเจิมเฉลิมพักตร์ ให้ลูกรักทั้งสองอย่าหมองศรี
ทั้งสององค์ลงจากแท่นมณี พระบุตรีกราบกรานเข้าม่านทอง ฯ
๏ สมเด็จท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์ มอบสมบัติในพระคลังทั้งสิบสอง
ทั้งอำมาตย์เสนาข้าทูลละออง สำหรับครองรมจักรนัครา
แล้วอวยพรพูนสวัสดิ์พิพัฒน์ผล จงพระชนม์อยู่ยืนหมื่นพรรษา
พระราชวงศ์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา กับเสนาน้อมประณตบทมาลย์
ต่างอำนวยอวยพรพูนสวัสดิ์ ครองสมบัติตราบกาลปาวสาน
กำนัลในไพร่ฟ้าข้าราชการ ได้พึ่งโพธิสมภารสำราญใจ ฯ
๏ ครั้นเสร็จสิ้นปิ่นกษัตริย์จึงตรัสสั่ง พ่ออยู่ยังห้องทองให้ผ่องใส
แล้วสั่งเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน คอยรับใช้อย่าให้ขัดอัธยา
ให้เจ้าพราหมณ์สามคนอยู่มนเทียร ค่อยใกล้ใกล้จะได้เวียนไปมาหา
แล้วชวนพระมเหสีให้ลีลา พาธิดากลับหลังเข้าวังใน
พวกข้าเฝ้าเคารพอภิวาท จากปราสาทต่างมาที่อาศัย
แต่โรงงานการเล่นยังเล่นไป กว่าจะได้เจ็ดวันดังสัญญา ฯ
๏ จะแกล้งกล่าวชาวเมืองมาดูเล่น ด้วยว่าเป็นการสนุกทุกภาษา
เที่ยวดูงานการสมโภชในพารา บ้างยืนนั่งตั้งม้าทุกหน้าโรง
พวกขี้เมาเหล่านักเลงเสียงเครงครื้น ห่มแต่พื้นขาวม้านุ่งตาโถง
ชิงเบี้ยเจ๊กเด็กแย่งแทงอีโปง ออกเดินโคลงโคลนเลอะเทอะทั้งตัว
นางบ้านนอกขอกนาหน้าตาตื่น จะนั่งยืนเคียงข้างไม่ห่างผัว
ห่มแพรสีสองชั้นดูพันพัว ต่างแต่งตัวเต็มประดาทุกนารี
ข้าหลวงเหล่าชาววังยังกำดัด นุ่งสุหรัดซัดแต่ล้วนแพรสี
หนุ่มหนุ่มเหล่าเจ้าชู้ลูกผู้ดี เห็นนารีรูปงามตามเป็นพรวน
พวกบัณฑิตศิษย์วัดซัดลายอย่าง เที่ยวลากหากเดินข้ามตามฉนวน
เขาจับได้ให้แพรแสสีนวล ออกเดินด่วนเลี้ยวลัดเข้าวัดวา
พวกผู้ชายรายเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง เข้าพาดพิงพูดผลอขอสลา
บ้างจับคู่อยู่จนสนธยา ผู้ชายพาหญิงเพลินเที่ยวเดินคลอ
ครั้นโพล้เพล้เพลาพอพลบค่ำ พวกหนังร่ำกลองประดังทั้งม้าล่อ
บ้างเชิดหนังตั้งแขนทำแหงนคอ ที่มุมจอคนเจรจาออกมายืน
พวกดูหนังนั่งหลามตามถนน ออกเกลื่อนกล่นกลุ้มกลาดดูดาษดื่น
บ้างลองจุดประทัดดังเหมือนอย่างปืน ให้คนตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย
พอกลองหยุดจุดดอกไม้ไฟสว่าง แสงกระจ่างแจ่มเหมือนดังเดือนหงาย
ดอกไม้กลคนชิงกันวิ่งควาย พวกผู้ชายสรวลเสเสียงเฮฮา
ไฟพะเนียงเสียงซู่ขึ้นฟูฟุ้ง ทั้งพลุพลุ่งโพลงสว่างกลางเวหา
ต่างเพลิดเพลินเดินไขว่กันไปมา ชาวพาราเริงรื่นชื่นอารมณ์ ฯ
๏ ฝ่ายพระชนนีนางอยู่ปรางค์รัตน์ ครั้นสงัดฆ้องย่ำยามปฐม
นึกปรานีศรีสุวรรณจะบรรทม จึงเชยชมลูกน้อยค่อยประคอง
แล้วลูบหลังสั่งสอนประสาหญิง แม่งามยิ่งยอดสตรีไม่มีสอง
จะจำไกลไปอยู่ด้วยคู่ครอง อย่าให้ข้องเคืองอัชฌาพระสามี
อย่าถือองค์นงลักษณ์ว่าอัคเรศ แม่ดวงเนตรนึกว่าเหมือนทาสี
ต้องซื่อตรงจงรักด้วยภักดี ถึงราตรีกราบบาทอย่าขาดวัน
ถ้าเธอกริ้วแม่อย่าโกรธพิโรธตอบ ประณตนอบโอนอ่อนค่อยผ่อนผัน
อนึ่งเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล อย่าป้องกันหึงหวงให้ล่วงเกิน
เมื่อคราวทุกข์ปลุกให้พระทัยชื่น อย่างเริงรื่นเริศร้างทำห่างเหิน
ราชการภารธุระอย่าละเมิน จึงเจริญราศีไม่มีมัว
อันหญิงดีเพราะผลปรนนิบัติ รักษาสัตย์สู้ม้วยอยู่ด้วยผัว
ผัวยิ่งรักหนักหญิงก็ยิ่งกลัว อย่าถือตัวต่อชายจะหน่ายใจ
คำของแม่แต่เท่านี้ก็ดีนัก บุรุษรักนั้นไม่มีที่สงสัย
ดึกอยู่แล้วแก้วตาจงคลาไคล แม่จะไปส่งเจ้าลำเภาพาล ฯ
๏ พระบุตรีกราบก้มบังคมบาท เชิงฉลาดผ่อนผัดขัดบรรหาร
นางเล้าโลมโฉมงามตามโบราณ แล้วจูงเจ้าเยาวมาลย์ลีลามา
เข้าปรางค์ทองห้องศรีสุวรรณสถิต นางเบือนบิดบังคมแล้วก้มหน้า
พระนบนอบหมอบกรานพระมารดา นางพระยาหยุดนั่งบัลลังก์ทอง
แล้วฝากฝังสั่งศรีสุวรรณน้อย เจ้าจงค่อยปลูกฝังกันทั้งสอง
กรุณาปรานีเหมือนพี่น้อง เป็นคู่ครองนคราให้ถาวร
โฉมเฉลาเบาจิตถึงผิดพลั้ง พ่อเห็นแก่แม่มั่งช่วยสั่งสอน
อย่าปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน จงผันผ่อนอดออมถนอมกัน ฯ
๏ พระรับรสพจนารถฉลาดตอบ ลูบหมายมอบชีวาจนอาสัญ
สุจริตคิดรักเหมือนร่วมครรภ์ ไม่เดียดฉันท์โฉมฉายสายสุดใจ
พระชนนีมีจิตพิศวาส ตรัสประภาษพูดจาอัชฌาสัย
เห็นลูกเมินเดินหลีกครรไลไป หมายมิให้กัลยาออกมาตาม ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอิศเรศ เห็นแก้วเกษราเมินยังเขินขาม
จึงเคียงเข้าเล้าโลมนางโฉมงาม มิลืมตามเสด็จแล้วหรือแก้วตา
แต่ก่อนนั้นขวัญเมืองเฝ้าเคืองขัด สารพัดที่จะวอนไม่ผ่อนหา
ทีนี้หมดมลทินที่นินทา เจ้าจะว่าเป็นอย่างไรจะใคร่ฟัง
ขอเชิญมิ่งนฤมลขึ้นบนแท่น อย่าหวงแหนห่างแหเหมือนแต่หลัง
เมื่อเจ็บไข้ก็หายคลายประทัง จะนิ่งนั่งอยู่ไยไม่ไสยา ฯ
๏ นางเหลียวดูรู้ว่าชนนีกลับ น้อมคำนับบทเรศพระเชษฐา
พลางฉะอ้อนผ่อนผันจำนรรจา น้องเป็นข้าบาทบงสุ์พระทรงฤทธิ์
จะอยู่ให้ใช้สอยคอยรับสั่ง หมั่นระวังตั้งใจมิให้ผิด
พอเข้านอกออกในได้ใช้ชิด พระอย่าคิดเคียงคู่ดูไม่ดี ฯ
๏ น้อยหรือน้องพร้องเพราะเสนาะเสียง ช่างกล่าวเกลี้ยงกลับจะมาเป็นทาสี
การของพี่ที่ไหนก็ไม่มี แต่เดี๋ยวนี้หนาวใจกระไรเลย
จะขอใช้โฉมเฉลาเยาวยอด ให้ช่วยกอดกว่าจะหลับกับเขนย
พลางแย้มเยื้อนเบือนเบียดทำเฉียดเชย บุญเราเคยคู่ครองแล้วน้องรัก
พี่อยู่ถึงรัตนามหาศวรรย์ มาได้ขวัญเนตรชมถึงรมจักร
อย่าหมองหมางห่างเหินทำเมินพักตร์ เชิญน้องรักร่วมจิตไปนิทรา
พระอุ้มนางวางลงบัลลังก์อาสน์ แสนสวาทจุมพิตขนิษฐา
เนื้อละมุนอุ่นแอบแนบอุรา นางมารยาขยดเขยื้อนเบือนกระบวน
น้องห้ามแล้วหลายครั้งไม่ฟังห้าม ขืนลวนลามลูบต้องของสงวน
ประทานโทษโปรดเกล้าอย่าเฝ้ากวน น้องจะข่วนหยิกยับด้วยอับอาย
ประทมเถิดให้สำราญพระผ่านเกล้า จะอยู่เฝ้านวดฟั้นไม่ผันผาย
แล้วนั่งแนบแอบองค์พงศ์นารายณ์ พระเอนกายกอดประทับไว้กับทรวง
ค่อยเชยปรางทางว่านิจจาน้อง กับเจ้าของนี่ก็แค่นจะแหนหวง
เป็นหลายหนหลายครั้งตั้งแต่ลวง แต่หนักหน่วงอยู่นั่นน้อยหรือกลอยใจ
รู้ทำนองน้องแก้วเสียแล้วนะ ที่จะละเชิงลาอย่าสงสัย
พลางประโลมโฉมฉายสายสุดใจ ค่อยเคล้นไคล้เคล้าพุ่มปทุมมาลย์
ประคองเคียงเอียงแอบแนบเขนย ตระกองเกยกรกอดสอดประสาน
สายสมรผ่อนตามความสำราญ ฤดีดาลเดือดคะนองทั้งสองรา
ดังกำลังมังกรสำแดงฤทธิ์ ให้มืดมิดกลางทะเลแลเวหา
ลงเล่นน้ำดำดึ่งถึงสุธา สะท้านกระทั่งหลังปลาอนนต์นอน
ปลากระดิกพลิกครีบทวีปไหว เมรุไกรโยกยอดจะถอดถอน
มัตติมิงกลิ้งเล่นชโลทร คงคาคลอนคลื่นคลั่งฝั่งสินธู
สลุบแล่นลมหวนให้ป่วนคลื่น จะฝ่าฝืนไปไม่รอดก็จอดสู้
มังกรผุดพ่นฟองขึ้นฟ่องฟู ต่างร่วมรู้รสรักประจักษ์ใจ
สองสนิทชิดชมสมสวาท ไม่เคลื่อนคลาดคลายจิตพิสมัย
จนเที่ยงคืนรื่นรสสุมาลัย หลับอยู่ในแท่นทองทั้งสองรา
พอดาวเดือนเลื่อนลับพยับเมฆ การเวกร่อนร้องก้องเวหา
เหมือนสังคีตดีดสีปี่ชวา พระผ่านฟ้าฟังฟื้นตื่นบรรทม
สำอางองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ เดียรดาษด้วยสุรางค์นางสนม
พระโฉมยงหลงเลยแต่เชยชม เพลินนิยมรมจักรนัครา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ