ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี

๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท บำรุงราษฎร์เจริญจิตทุกทิศา
คิดคะนึงถึงองค์พระธิดา ยังไม่ลาพรตเลยทำเฉยเชือน
เสียแรงรักฝักฝ่ายหมายสงวน เจ้ากระบวนนี่กระไรใครจะเหมือน
นิ่งกระนี้มิได้จะไปเตือน แม้นบิดเบือนบาปกรรมก็ทำเนา
แล้วพระแกล้งแต่งองค์ทรงประดับ เครื่องสำหรับรณรงค์ทรงวันเสาร์
ทั้งเครื่องนางอย่างทรงของนงเยาว์ ส่งให้เจ้าพนักงานใส่พานทอง
แล้วห่อหุ้มคลุมปิดผนิดไว้ หวังมิให้ชายหญิงเห็นสิ่งของ
ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมามนเทียรทอง ถึงห้องน้องศรีสุวรรณจำนรรจา
พ่อไปด้วยช่วยชวนหลวงชีสึก แม้นสมนึกครั้งนี้ดีหนักหนา
พระน้องยิ้มพริ้มพักตร์พจนา อุปมาเหมือนหนึ่งไก่อยู่ในมือ
เมื่อพระพี่นี้กระไรพระทัยอ่อน ให้ปลิ้นปล้อนปละปล่อยมาน้อยหรือ
เขาลือแล้วแคล้วเคลื่อนไม่เหมือนลือ ฉวยหลุดมือแล้วก็อายเขาตายจริง ฯ
๏ พระเชษฐาว่าพี่คิดผิดถนัด สารพัดแพ้รู้แก่ผู้หญิง
แล้วลูกเต้าเล่าก็หวงคอยท้วงติง ต้องยุ่งยิ่งยอดยากลำบากใจ
พลางแย้มสรวลชวนพระน้องดำเนินนาด มาทรงราชยานรัตนจำรัสไข
พร้อมสะพรั่งทั้งขุนนางพวกข้างใน เสด็จไปเขารุ้งตามทุ่งนา
ถึงคิรีที่ประทับก็ยับยั้ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา
พระชวนเหล่าสาวสรรค์กัลยา ค่อยลีลาเลียบเดินเนินจงกรม ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีฤๅษีสาว เวลาเช้าออกอยู่หน้าพระอาศรม
ทั้งพี่น้องสองกุมารสำราญรมย์ ชวนกันชมนกใต้ต้นไทรทอง
ฝูงกรอดพลอดเพรียกร้องเรียกคู่ กระจิบดูโลดเต้นเผ่นผยอง
เสียงหึ่งหึ่งผึ้งภุมรินร้อง อาบละอองอินทนิลแล้วบินจร
นกตะขาบคาบได้ลูกไทรขยอก ฝูงกระรอกไล่กระแตแลสลอน
พฤกษาดอกออกช่ออรชร หอมขจรจอมผาทั้งตาปี
นางนั่งชมโสมนัสตรัสประภาษ กับหน่อนาถพี่น้องสองฤๅษี
พอผันแปรแลเห็นพระอภัยมณี เลียบคีรีมากับพระอนุชา
จึงสั่งสองหน่อไทให้ไปรับ มาหยุดยับยั้งนั่งบัลลังก์ผา
พระอภัยให้เอาพานพวงมาลา กับพานผ้าถวายองค์นางนงเยาว์
แล้วว่าโยมโทมนัสประหวัดหวัง ถึงอยู่วังใจมาอยู่ที่ภูเขา
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนหนึ่งเห็นอยู่เย็นเช้า เหลือจะเล่าแล้วที่จิตคิดอาลัย
คุณคะนึงถึงโยมอยู่บ้างหรือ หรือเพลินถือธรรมขันธ์ไม่หวั่นไหว
ตัดสวาทขาดเด็ดสำเร็จไป เจียวหรือใจเจ้าคุณพระมุนี ฯ
๏ นางฟังรสพจมานโองการเกี้ยว ให้ทราบเสียวเสน่ห์ในใจฤๅษี
แต่มารยามานะกษัตรี ทำพาทีเพทุบายถวายพร
ได้ตรวจน้ำรำลึกนึกไม่ขาด ถึงเบื้องบาทบพิตรอดิศร
มิตรจิตมิตรใจอาลัยวรณ์ เว้นแต่นอนหลับไปมิได้คิด
ทั้งทราบว่าวาลีมีความรู้ เข้ามาสู่สมภารสำราญจิต
พอเข้านอกออกในได้ใช้ชิด สำเร็จกิจข้าน้อยพลอยยินดี ฯ
๏ พระเยื้อนยิ้มพริ้มพักตร์เห็นหลักแหลม ช่างเหน็บแนมล้วนละเมียดทั้งเสียดสี
จึงว่าโยมโน้มน้าวชาวบุรี ให้เปรมปรีดิ์ห้าวหาญการสงคราม
หวังจะได้ไว้บำรุงกรุงผลึก ให้ข้าศึกราบเตียนที่เสี้ยนหนาม
นางวาลีมีตระกูลพรุณพราหมณ์ รู้ฤกษ์ยามยอมสมัครมาภักดี
จึงเลี้ยงไว้ให้เป็นข้าพระดาบส เมื่อลาพรตพร้อมพรักเป็นศักดิ์ศรี
จัดสำเร็จเสร็จการบ้านเมืองดี จึงมานีมนต์คุณกรุณา
โปรดบำรุงกรุงผลึกให้ครึกครื้น สำราญรื่นเรืองเดชของเชษฐา
เมื่อแก่เฒ่าเล่าจึงกลับมาบรรพชา จำพรรษาเสียด้วยกันจนวันตาย ฯ
๏ นางดาบสอตส่าห์กลั้นกระสันสวาท เชิงฉลาดกลบเกลื่อนที่เงื่อนสาย
สอนกุมารหลานเลี้ยงกับลูกชาย ให้ถวายพระกุศลผลผลา ฯ
๏ ฝ่ายอรุณมุนีฤๅษีน้อย กระจ้อยร่อยรู้จำคำสิกขา
กับสินสมุทรมุนีผู้พี่ยา ต่างก็ว่าหม่อมฉันบวชได้สวดมนต์
ปรนนิบัติวัดวาทิพาวาส มิได้ขาดขอถวายฝ่ายกุศล
พระตรัสว่าสาธุช่างบวชทน จะนิมนต์ไว้เสียเจียวประเดี๋ยวนี้
ถ้าเรียนร่ำสำเร็จระเห็จเหาะ อย่าไปเกาะเสียนะจ๊ะพระฤๅษี
กุมาราว่าจะอยู่ริมบุรี ไม่หน่ายหนีนัคเรศนิเวศน์วัง
ศรีสุวรรณนั้นว่ากับสินสมุทร จวนจะตรุษอึกทึกไม่นึกหวัง
จะได้เล่นเต้นรำแต่ลำพัง ไปเที่ยวนั่งดูงานการวิวาห์
สองฤๅษีดีใจเมื่อไรคะ ฉันอยากจะดูงานนานหนักหนา
พระสงสารหลานขวัญจึงบัญชา สุดแต่อารมณ์ฤๅษีทั้งพี่น้อง
ถ้าสึกไปวันรุ่งก็พรุ่งนี้ จะให้มีโขนหนังตั้งฉลอง
นางดาบสอดสูรู้ทำนอง อายพระน้องนึกยิ้มอยู่พริ้มพราย
จึงใช้สองสุริย์วงศ์ทรงสวัสดิ์ ยกเภสัชเภลามาถวาย
แล้วเสแสร้งแกล้งอวดบวชสบาย พูดภิปรายไปแต่ข้างทางศรัทธา ฯ
๏ พระอภัยไม่ฟังเฝ้านั่งเกี้ยว อย่าเลี่ยงเลี้ยวเลยฉันรักคุณหนักหนา
เครื่องประดับกับวอก็เอามา นิมนต์ลาพรตจะได้ไปด้วยกัน
ฤๅษีสาวดาวบสให้อดสู เป็นไม่รู้ที่จะคิดทำบิดผัน
ยิ้มละไมในหน้าว่าเช่นนั้น จะสึกวันนี้ก็ได้เป็นไรมี
แต่ไม่งามความอายอยู่ภายหน้า เขาจะว่าเจ้าเมืองผลึกสึกฤๅษี
นานนานหน่อยคอยท่าฤกษ์พาดี อย่าให้มีมลทินที่นินทา
พระฟังนางช่างฉลาดไม่พลาดเพลี่ยง รู้หลีกเลี่ยงหลายทำนองคล่องหนักหนา
จึงแกล้งตรัสตัดคำว่าธรรมดา วิสัยสามัญทั่วทุกตัวคน
ที่รักกันสรรเสริญเจริญสิ้น ที่ชังนินทาแถลงทุกแห่งหน
การทั้งหลายร้ายดีมิได้พ้น จะกลัวคนครหาว่ากระไร
ฤกษ์วันนี้สี่ค่ำเป็นอมฤก ใครบวชสึกสิ้นวิบัติปัถไหม
อย่ารอราช้าฉวยฉันขัดใจ จะอุ้มไปกระนั้นดอกบอกจริงจริง
นางฟังเตือนเอื้อนอายซังตายตอบ ให้ชื่นชอบวิญญาณ์ประสาหญิง
ถึงอุ้มไปใครจะล่วงมาช่วงชิง แต่จะจริงเจียวหรือในพระทัยนึก
หม่อมฉันนี้มิใช่จะขัดข้อง เป็นข้ารองบาทบงสุ์คงจะสึก
แต่ช้าช้าอย่าให้อึงอึกทึก จงทรงตรึกตรองความตามพระทัย ฯ
๏ ฟังสนองพร้องเพราะเสนาะล้ำ ไม่พลาดล้ำพลิ้วแพลงแถลงไข
เขาผ่อนผัดขัดข้องให้หมองใจ พระอภัยผินหน้ามาหาน้อง
ศรีสุวรรณกลั้นยิ้มพริ้มพระพักตร์ ช่วยเตือนนักสิทธ์นั่งอยู่ทั้งสอง
อย่างไรจ๊ะพระฤๅษีทั้งพี่น้อง จะให้ต้องนอนค้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายอรุณมุนินสินสมุทร ยังเยาว์สุดซื่อตรงไม่สงสัย
ว่าจริงนะพระเจ้าป้าจะช้าไย สึกเข้าไปอยู่ในวังเหมือนอย่างเคย
นางฟังคำชำเลืองดูหลานน้อย แล้วว่าพลอยด้วยเล่าเจ้าแม่เอ๋ย
นางชม้ายพรายพริ้มทั้งยิ้มเย้ย เชิญเสวยเภสัชนั่งจัดแจง ฯ
๏ พระอภัยไม่รู้ที่จะคิด ทำจริตเหมือนจะกลั้นพระกันแสง
แล้วว่าชะพระฤๅษีมิเสียแรง ช่างใจแข็งขาดเด็ดไม่เมตตา
จะผ่อนตามสามวันเหมือนมั่นหมาย เหมือนเสี่ยงทายทั้งชาติวาสนา
มิฟังคำทำดื้อถือโสดา ไม่เห็นหน้าฉันแล้วคุณพระมุนี
แล้วแกล้งทำอ้ำอึ้งเหมือนขึ้งโกรธ ไม่ออกโอษฐ์อำลามารศรี
ชวนพระน้องเสด็จมาเข้าธานี ต่างไปที่ทิพมาศปราสาททอง
พระอภัยไสยาสน์เหนืออาสน์อ่อน ให้อาวรณ์ร้อนรนกมลหมอง
ไม่เหมือนคาดคลาดคิดผิดทำนอง พระตรึกตรองตรมจิตดังพิษปืน
ถึงสามวันกัลยาไม่ลาพรต โศกกำสรดเสียใจให้สะอื้น
ทั้งรักแค้นแสนกระสันให้กลั้นกลืน สุดจะขืนแข็งใจอาลัยลาน
อันเอมโอชโภชนากระยาเสวย ก็ละเลยลืมพระองค์น่าสงสาร
ทั้งลืมเหล่าสาวสุรางค์นางอยู่งาน นฤบาลบรรทมกรมฤทัย ฯ
๏ ฝ่ายวาลีที่เข้ามาสามิภักดิ์ เป็นเอกอัครสนมขวาอัชฌาสัย
สังเกตดูรู้แจ้งไม่แคลงใจ ภูวไนยน้อยจิตพระธิดา
จำจะรับดับร้อนช่วยผ่อนผัน ให้ทรงธรรม์เธอได้ชิดขนิษฐา
ถึงเวรเฝ้าเข้าในที่ไสยา พอเพลาย่ำฆ้องกลองประโคม
จึงท้าทับขับกล่อมน้อมประณต เฉลิมยศบทบงสุ์พระทรงโฉม
โอ้ดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม เคยประโลมโลกาให้ถาวร
วันนี้กลับอับแสงไม่แจ้งแจ่ม นิราแรมรสลับนางอัปสร
เหมือนโศกรักหนักยิ่งยุคันธร ด้วยอาวรณ์หวังสวาทมาคลาดคลา
สงสารพระอุณรุทที่สุดโศก แสนวิโยคแยกนุชนางอุษา
เพราะพระไทรไพรพฤกษเทวา ให้สองราเริศร้างมาห่างเชย
โอ้อกพระอุณรุทภุชพงศ์ มาเอองค์อาทวานิจจาเอ๋ย
แสนระกำช้ำใจกระไรเลย ลืมเสวยลืมสรงพระคงคา
ก็ยังมีศรีศุภลักษณ์ยักษ์ มาช่วยชักเชิญเสด็จระเห็จหา
มิออกอรรถมธุรสพจนา จะอาสาก็ไม่สมอารมณ์เอย ฯ
๏ พระอภัยได้สดับที่ขับกล่อม น่าถนอมเสนาะน้ำคำเฉลย
ทั้งกลอนกาพย์รายเรียบช่างเปรียบเปรย พระนึกเชยชมปัญญานางวาลี
พระเอื้อนโอษฐ์โปรดเรียกมาริมอาสน์ ตรัสประภาษพูดจาด้วยมารศรี
ที่เพลินฟังวังเวงเพลงดนตรี เหมือนจะมีศุภลักษณ์ช่วยชักจูง
เจ้าเป็นใหญ่ในสุรางค์นางสนม ทั้งพงศ์พรหมพราหมณ์พรุณตระกูลสูง
ย่อมพราวแพรวแววหางเหมือนอย่างยูง งามกว่าฝูงวิหคาบรรดามี
เอ็นดูด้วยช่วยชุบเหมือนศุภลักษณ์ ให้สมรักร่วมอุษามารศรี
จะผันแปรแก้ไขไฉนดี พระบุตรีจึงจะสึกช่วยตรึกตรอง ฯ
๏ ฝ่ายวาลีปรีชาปัญญาฉลาด อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง
จะขอรับอาสาฝ่าละออง มิให้ต้องเหนื่อยยากลำบากกาย
ให้พระนุชบุตรีมาอภิเษก เป็นองค์เอกอัคราชเหมือนมาดหมาย
จงสั่งพระอนุชาเสนานาย ให้บัตรหมายจัดงานการมงคล
ทั้งการเล่นเต้นรำเครื่องทำขวัญ อีกเจ็ดวันจะวิวาห์สถาผล
จะเชิญองค์นงเยาว์เข้ามณฑล ขึ้นนั่งบนแท่นรัตน์ชัชวาล
พระชื่นชอบปลอบถามถึงความคิด นางป้องปิดมิได้พร้องสนองสาร
แล้วทูลว่าถ้ามิเสร็จสำเร็จการ จงประหารชีวันให้บรรลัย
แต่เดี๋ยวนี้ยังมิทำได้สำเร็จ กัลเม็ดมิดม้วนไม่ควรไข
แม้นสำเร็จวิวาห์เวลาไร จึงจะได้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ
๏ พระฟังคำซ้ำตรึกเห็นลึกซึ้ง คิดไม่ถึงความคิดที่บิดผัน
จึงตรัสว่าถ้าเหมือนคำที่รำพัน จะรางวัลวาลีให้มียศ
จะสั่งพระอนุชาว่าไฉน ตามแต่ใจเจ้าจะสั่งเถิดทั้งหมด
ให้แต่องค์พระธิดานั้นลาพรต ในกำหนดเจ็ดวันเหมือนสัญญา
พระตรัสพลางทางเรียกขึ้นร่วมอาสน์ ทรงสมพาสเพิ่มรักขึ้นหนักหนา
ดูผิวพรรณสรรพางค์อย่างคุลา แต่วิชาพางามขึ้นครามครัน
ถนอมแนบแอบอุ่นค่อยฉุนชื่น สำราญรื่นร่วมประทมภิรมย์ขวัญ
ถึงขาวขำน้ำตาลย่อมหวานมัน ด้วยเชิงชั้นแนบชิดสนิทนาง
เหมือนม้าดีขี่ขับสำหรับรบ ทั้งดีดขบโขกกัดสะบัดย่าง
ทั้งเรียบร้อยน้อยใหญ่ที่ไว้วาง สันทัดทางถูกต้องคล่องอารมณ์
ถึงรูปชั่วตัวดำดังน้ำรัก แต่รู้หลักล้ำสุรางค์นางสนม
พระโปรดปรานพานสนิทได้ชิดชม ร่วมบรรทมแท่นทองที่รองทรง
ครั้นรุ่งรางนางลาลงมาห้อง แต่ตรึกตรองอิ่มอารมณ์สมประสงค์
จะคิดอ่านหว่านล้อมให้ออมองค์ ที่คิดคงสมคะเนด้วยเล่ห์กล
จึงเขียนหมายรายความตามรับสั่ง ให้แต่งตั้งการวิวาห์สถาผล
ครั้นเสร็จสรรพกับบ่าวสาวสองคน ไปสู่มนเทียรพระอนุชา
ทูลถวายลายมือหนังสือลับ พระทรงรับรู้เหตุว่าเชษฐา
ให้หมายสั่งตั้งงานการวิวาห์ จะคิดความตามปัญญานางวาลี
พระยิ้มพลางทางดูผู้รับสั่ง เห็นเนื้อหนังจ้ำม่ำดำหมิดหมี
เหมือนทุเรียนเสี้ยนนอกเนื้อในดี ได้เป็นที่พระสนมก็สมยศ
จึงตรัสว่าวาลีไปทูลเถิด อย่าให้เริศร้างงานการกำหนด
นางคำนับรับพูคะแล้วประณต ทูลลาองค์ทรงยศบทจร
พระอนุชามานั่งบัลลังก์โถง ท้องพระโรงเรืองรัตน์ประภัสสร
พฤฒามาตย์ราชกวีชลีกร นรินทรสั่งมหาเสนาใน
จงหมายสั่งตั้งพิธีอภิเษก กับองค์เอกอัคเรศตามเพทไสย
มีเยี่ยงอย่างปางก่อนประการใด เสนาในรีบรัดไปจัดแจง
ให้สำเร็จเจ็ดค่ำเป็นกำหนด ชนบทบอกทั่วทุกรั้วแขวง
มีการเล่นเต้นรำนอกกำแพง ตามตำแหน่งน้อยใหญ่เร่งไคลคลา ฯ
๏ มนตรีกราบทราบความรับสั่ง ออกมานั่งเตียงริมทิมดาบขวา
อยู่พร้อมเพรียงเวียงวังทั้งคลังนา จึงเรียกหาให้เสมียนมาเขียนคำ
เป็นหมายบอกนอกในทั้งใหญ่น้อย ให้เตรียมคอยพร้อมเสร็จขึ้นเจ็ดค่ำ
ใครถูกงานการไหนก็ไปทำ ดูคนคร่ำเครงครื้นทุกคืนวัน
ข้างในวังตั้งโรงพิธีใหญ่ ทั้งเครื่องใบศรีเสริมเฉลิมขวัญ
ราชวัติฉัตรรอบเป็นขอบคัน มีม่านกั้นห้องทองกองวิเชียร
เชิงพาไลใส่แผงเอาแป้งบวก จัดช่างพวกเลขาเข้ามาเขียน
ระย้าแก้วแถวทางนั้นวางเทียน ตั้งโคมเวียนชวาลาสง่างาม ฯ
๏ ฝ่ายพวกถูกปลูกโรงละครโขน เสียงตะโกนกู่ก้องท้องสนาม
ผูกภูเขาเลากาแล้วทาคราม ผ้าขาวดามดาดหลังคาทุกหน้าโรง
เสียงถากฟันครั่นครึกจนดึกดื่น ทั้งกลางคืนกลางวันควันโขมง
พวกไม้สูงสามต่อขันช่อชะโลง สายระโยงระยางเลือกเชือกน้ำมัน
ส่วนท้าวนางข้างในครั้นได้หมาย ไปถวายนางพระยามณฑาสวรรค์
ว่ารับสั่งดังนี้ศรีสุวรรณ ให้จัดสรรสาวสนมกรมใน
สำหรับเดินเชิญพระแส้แห่เสด็จ กำหนดเสร็จเจ็ดค่ำจะทำไฉน
นางกษัตริย์อัดอั้นตันพระทัย จึงว่าไม่แจ้งจิตสักนิดเลย
ฝ่ายเจ้าสาวดาวบสยังบวชอยู่ จะเสกผู้ใดเล่าแม่เจ้าเอ๋ย
แม่มาลีมีน้ำใจกระไรเลย ยังเฉยเมยเหมือนไม่รู้เลยดูเอา
ไยมิอายหมายมาแล้วอย่าขัด จงเกณฑ์จัดข้าวกระทงไปส่งเขา
รับสั่งว่ามากระไรที่ตรงเรา เร่งให้เจ้าพนักงานเตรียมการไว้
ครั้นเสร็จสั่งนั่งตะลึงคะนึงนึก นี่จะสึกหรือมิสึกนึกไฉน
ไม่ได้ข่าวคราวบ้างเป็นอย่างไร จำจะไปถามดูให้รู้ความ
แล้วเรียกวอช่อฟ้าเข้ามารับ ที่สำหรับเดินหนนางคนหาม
พวกข้าหลวงช่วงชิงกันวิ่งตาม ขอเฝ้าหามตามอึงคะนึงมา
ออกตามทางกลางถนนไปพ้นทุ่ง ถึงเขารุ้งลงเดินขึ้นเนินผา
ถึงกุฎีที่สถิตพระธิดา พอเห็นหน้านึกแค้นว่าแสนงอน
เห็นเขาง้อขอรักแล้วหักหาญ เหมือนสามานย์มิได้ฟังซึ่งสั่งสอน
เมื่อเจ็ดค่ำจะทำการสยุมพร ยังนิ่งนอนภาวนาอยู่ว่าไร ฯ
๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ให้อั้นอัดอายจิตคิดสงสัย
ไม่ตอบคำอ้ำอึ้งตะลึงไป เหตุไฉนหนอจึงเป็นไปเช่นนี้
พระมารดามานั่งก็ตั้งกริ้ว ว่าบิดพลิ้วสารพัดจะบัดสี
หรือว่าพระจะภิเษกนางวาลี พระบุตรีตรึกตรองให้หมองใจ
จึงทูลว่าข้าน้อยไม่ทราบเหตุ ว่าทรงเดชคิดการงานไฉน
พระชนนีตีอกตกพระทัย นั่นมิใช่หรือเราคิดไม่ผิดนัก
นางวาลีมิใช่ชั่วเขาตัวโปรด จะเป็นโสดสูงเสริมเฉลิมศักดิ์
ผู้ดีเดิมเหิมฮึกทำคึกคัก จะต้องหักทบทับอัประมาณ
เหมือนครั้งนี้วิวาห์ถ้ามิสึก เมืองผลึกก็จะแหลกต้องแตกฉาน
สงสารเหล่าเผ่าพงศ์พวกวงศ์วาน เคยสำราญราษฎรจะร้อนนัก
อนึ่งเล่าชาวลังกาที่มาขอ ยังเป็นข้อชิงช่วงทำหน่วงหนัก
ฉวยขุ่นเคืองเรื่องฝรั่งว่ายังรัก ก็งามพักตร์แล้วสิพากันหน้าพัง
สู้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลำบาก หมายจะฝากศพลูกช่วยปลูกฝัง
ครั้นใหญ่กล้าว่าไรก็ไม่ฟัง พระนางนั่งพร่ำว่าแล้วจาบัลย์ ฯ
๏ พระบุตรีมิรู้ที่จะคิด เพราะเบาจิตผิดจริงทุกสิ่งสรรพ์
ไม่ทันตรึกลึกล้ำที่สำคัญ ให้พรั่นพรั่นพระจะแหนงระแวงความ
ทั้งสงสารมารดรจะร้อนจิต จึงรับผิดสารภาพที่หยาบหยาม
จะลาพรตอตส่าห์พยายาม สุดแต่ตามพระจะเลี้ยงสักเพียงไร
แล้ววันทาลาพระละสิกขา ทรงภูษาสไบทองล้วนผ่องใส
ทั้งพี่น้องสองกุมารสำราญใจ สึกออกได้ไปยิ้มอยู่พริ้มเพรา
พระมารดาพานางกับหน่อนาถ ค่อยลีลาศเลียบเดินลงเนินเขา
ขึ้นทรงวอพอพยับลงลับเงา เสด็จเข้าวังในดังใจจง
ไม่ถึงครู่รู้รอบขอบนิเวศน์ พระทรงเดชชื่นชมสมประสงค์
เห็นวาลีปรีชาปัญญายง ถอดเครื่องทรงสังวาลประทานนาง
นางดีใจได้ประทานสังวาลเพชร เป็นบำเหน็จหน้าก่ำดังน้ำฝาง
ทุกกระทรวงหลวงแม่เจ้าสาวสุรางค์ คิดเกรงนางวาลีด้วยปรีชา
ถึงวันเสร็จเจ็ดค่ำเป็นกำหนด มาพร้อมหมดเหมือนหมายทั้งซ้ายขวา
ภิเษกสองครองสมบัติขัตติยา ชาวพาราเริงรื่นทุกคืนวัน
สำเนียงฆ้องกลองสมโภชอุโฆษครึก อึกทึกทั่วไปทั้งไอศวรรย์
โขนละครมอญรำระบำบัน ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนต่างชื่นชม ฯ
๏ พระอภัยได้ราชาภิเษก กับองค์เอกอัคเรศเกศสนม
ทั่วประเทศเขตแคว้นแสนอุดม เสวยสมบัติสบายมาหลายเดือน
เมื่อวันนั้นบรรทมบรรจถรณ์แท่น ให้โศกแสนเสียใจใครจะเหมือน
แต่จากไกลไอศวรรย์มาฟั่นเฟือน มิได้เยือนพระชนกชนนี
โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณทูลกระหม่อม จะพรักพร้อมอยู่บำรุงซึ่งกรุงศรี
หรือทุกข์โศกโรคภัยสิ่งไรมี ถึงสิบปีแล้วมิได้ไปใกล้กราย
พระสอนสั่งหวังจะปลูกให้ลูกรัก ประเสริฐศักดิ์สมจิตที่คิดหมาย
มาจำจากพรากพลัดกระจัดกระจาย ไม่เห็นหายเห็นพระองค์คงจะคอย
ยิ่งตรึกตราอาดูรพูนเทวษ น้ำพระเนตรหยดเหยาะลงเผาะผอย
จนฟ้าขาวดาวเดือนก็เคลื่อนคล้อย น้ำค้างพร้อยพรมพรำทั้งอัมพร
ภุมรินบินร่อนมาว่อนวุ่น เกาะพิกุลเกลือกประทิ่นกลิ่นเกสร
หอมระงมลมเชยเผยบัญชร รวีวรแจ่มพักตร์ทั้งจักรวาล
ให้หาพระอนุชาเข้ามาเฝ้า กำสรดเศร้าโศกาแล้วว่าขาน
เราพรากพลัดรัตนามาช้านาน ไม่แจ้งการว่าข้างหลังจะอย่างไร
ครั้นตัวพี่นี้จะกลับมิรับศึก เมืองผลึกก็ไม่มีที่อาศัย
คิดจะใคร่ให้พ่อพานัดดาไป เยี่ยมกรุงไกรกราบทูลมูลความ
แม้นบ้านเมืองเคืองเข็ญเป็นวิบัติ จะได้ตัดเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม
แล้วกลับมาถ้าข้างนี้มีสงคราม ได้ปราบปรามไพรินทมิฬมาร ฯ
๏ ฟังพระพี่ศรีสุวรรณกลั้นสะอื้น ค่อยกล้ำกลืนชลนาแล้วว่าขาน
น้องรำลึกตรึกตรามาช้านาน แต่งานการยุ่งยิ่งต้องนิ่งไว้
พระออกโอษฐ์โปรดสั่งมาครั้งนี้ สมถวิลยินดีจะมีไหน
จะขอลาพาสินสมุทรไป เยือนกรุงไกรเสร็จสรรพจะกลับมา
เวลารุ่งพรุ่งนี้สิบสี่ค่ำ จะรีบกำปั่นไปไกลหนักหนา
ทูลสำเร็จเสร็จคำแล้วอำลา เสด็จมาหยุดพักตำหนักแพ
จึงตรัสสั่งอังกุหร่าให้ป่าวร้อง ให้พวกพ้องรู้ความตามกระแส
ข้างนายหมวดตรวจเตือนอย่าเชือนแช จะออกแต่ย่ำรุ่งไปกรุงไกร ฯ
๏ อังกุหร่าฝรั่งรับสั่งตรัส มาเร่งรัดเรียกกันเสียงหวั่นไหว
ขนข้าวน้ำลำเลียงเสบียงไป สำรองให้เสร็จสรรพเผื่ออับจน
ริมตลิ่งหญิงชายถวายของ เสียงแซ่ซ้องส่งรับกันสับสน
แขกฝรั่งทั้งไทยพวกไพร่พล อุตส่าห์ขนไปให้มากได้ฝากเมีย
ที่มีชู้คู่เคยได้เชยชื่น จนเที่ยงคืนแล้วก็ยังไปสั่งเสีย
ขอผ้าแหวนแทนตัวเฝ้าคลัวเคลีย น้ำตาเรี่ยรักใคร่จะไกลกัน
หนุ่มตะกอฟ้อแฟ้มีแม่เลี้ยง ก็บ่ายเบี่ยงเบียดเบียนเอาเชี่ยนขัน
จะหายหอมหม่อมแม่ให้แพรพรรณ แป้งน้ำมันหมอนฟูกให้ลูกเลี้ยง
ที่เงินทองข้องเกี่ยวก็เที่ยวหา บ้างยื้อผ้าแพรเพลาะทะเลาะเถียง
ที่เกลอมีขี้เมาซื้อเหล้าเลี้ยง สบถเสียงโด่งดังลำพังพาล ฯ
๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ จะพรากพลัดสินสมุทรสุดสงสาร
เป็นการใหญ่ไม่รู้ที่จะทัดทาน กอดกุมารร่ำไรไม่ไสยา
โอ้ลูกเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า จะเปลี่ยวเปล่าอกแม่ชะแง้หา
เมื่อยากเย็นเห็นกันทุกวันมา ถึงพาราแล้วจะไปเสียไกลกัน
ยามเสวยเคยร่วมสุวรรณภาชน์ เมื่อไสยาสน์ยามหลับเคยรับขวัญ
ถึงยามสรงทรงสุคนธ์ปนสุวรรณ แม่เคยกันเกศเกล้าพระเมาลี
จะจากไปไกลเนตรทุเรศร้าง ใครจะสางสระผมให้สมศรี
ทั้งทางไกลไปมาก็กว่าปี ถูกธุลีลมต้องจะหมองมัว
แม่อยู่หลังข้างนี้จะวิตก ระกำอกอาดูรถึงทูนหัว
พ่อจะไปใจแม่อยู่แต่ตัว ไม่มีผัวหรือจะได้ไปด้วยกัน
นางครวญคร่ำร่ำไรไห้สะอื้น จนดึกดื่นเดือนฉายเสียงไก่ขัน
ทั้งสงสารหลานรักร่วมชีวัน อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราย
เคยชวนพลอดฉอดเสียงสำเนียงแจ้ว จะลับแล้วเหลือไกลให้ใจหาย
กอดประสานหลานเลี้ยงกับลูกชาย นางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย ฯ
๏ พระพี่น้องสององค์ทรงกันแสง ลูกไม่แกล้งเหินห่างไปข้างไหน
มีธุระพระเจ้าอาจะพาไป จึงจนใจจำลามารดาจร
ขอฝากองค์ทรงฤทธิ์บิตุเรศ พระทรงเดชผิดพลั้งช่วยสั่งสอน
นางสรวลสันต์กลั้นน้ำตายิ่งอาวรณ์ ปลอบให้นอนนั่งเฝ้าประเล้าประโลม
เห็นหลับนิ่งยิ่งสงสารกุมารน้อย ประคองค่อยเชยปรางสำอางโฉม
จนแจ่มแจ้งแสงทองส่องโพยม เสียงประโคมครื้นเครงวังเวงใจ
ค่อยปลอบปลุกลุกเถิดพ่อทูลเกล้า พลางโลมเล้าลูกยาอัชฌาสัย
ให้สององค์สรงสนานน้ำดอกไม้ แล้วลูบไล้พระสุคนธ์ปนทองคำ
พลางมุ่นเกล้าเมาลีให้พี่น้อง นุ่งยกทองเทพนมดูคมขำ
เข็มขัดเพชรเจ็ดกะรัตคาดประจำ ลูกประหล่ำลงยาราชาวดี
ทองพระกรซ้อนนวมสวมพระหัตถ์ เนาวรัตน์ราคาค่ากรุงศรี
สังวาลแววแก้วเก็จเพชรมณี ผูกวลีลายลอยล้วนพลอยเพชร
ธำมรงค์ทรงรายพรายพระหัตถ์ แจ่มจำรัสรุ้งแววล้วนแก้วเก็จ
กรรเจียกจอนซ้อนกุดั่นกัลเม็ด ใส่เกือกเพชรเพทายริมรายพลอย
แล้วนางพามาเฝ้าพระบิตุเรศ น้ำพระเนตรหยดเหยาะเผาะเผาะผอย
ด้วยอาลัยใจผูกถึงลูกน้อย นางเศร้าสร้อยโศกสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ
๏ พระอภัยมณีโมลีโลก เห็นนางโศกแสนรักนั้นหนักหนา
จึงยิ้มเยื้อนเอื้อนประโลมโฉมสุดา เปลืองน้ำตาเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
แม้นลูกชายหายไปมิได้กลับ จึงค่อยปรับปรุงให้ใช้ลูกหลาน
มิปีนี้ก็ปีหน้าไม่ช้านาน จะขี้คร้านเลี้ยงดอกบอกจริงจริง
แล้วลีลาพาลูกกับหลานรัก ลงตำหนักแพพร้อมหม่อมหม่อมหญิง
พระทรงนั่งยังที่เก้าอี้อิง ให้จัดสิ่งเสื้อผ้ามาประทาน
อันพวกไพร่ไทยฝรั่งทั้งแขกเทศ ได้บำเหน็จถ้วนทั่วตัวทหาร
แล้วอวยชัยให้มหากฤดาการ ทั้งน้องหลานลูกยาอย่างราคี
จงปรากฏยศถาอานุภาพ อรินทร์ราบเรียบทางกลางวิถี
ช่วยทูลฉลองสองชนกชนนี ว่าพี่นี้จะไปเฝ้าต่อเจ้ามา ฯ
๏ ศรีสุวรรณอัญชลียินดีนัก เรียกลูกรักกับหลานคลานมาหา
ไปบังคมสมเด็จพระบิตุลา ทูลลาป้าลาพระอัยกี
แล้วสามองค์ทรงลำกำปั่นใหญ่ ให้กางใบล้วนแต่ผ้าแพรสี
ทั้งเรือตามสามร้อยลอยวารี พอลมดีใช้ใบไรไรมา ฯ
๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร ให้อาวรณ์ลูกน้อยละห้อยหา
สินสมุทรสุดใจไปไกลตา พระชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย
นางแลเล็งเพ่งพิศจนลิบลับ ให้วาบวับหวาดหวั่นพระขวัญหาย
ทั้งแสนสาวท้าวนางเจ้าขรัวนาย แสนเสียดายพระโอรสยศยง
พระอภัยใจอ่อนถอนสะอื้น อุตส่าห์ฝืนพักตร์ชวนนวลหง
เข้าสู่วังทั้งสุรางค์นางอนงค์ ตั้งดำรงราษฎรไม่ร้อนรน ฯ
๏ จะกล่าวลำกำปั่นสามกษัตริย์ เคยสันทัดแถวทางที่กลางหน
รู้แห่งที่มีน้ำทุกตำบล เหล่าพวกพลไพร่นายสบายใจ
ทั้งลมคลื่นรื่นราบดังปราบเลี่ยน ดูเกาะเกียนกลางมหาชลาไหล
เหมือนจอกน้อยลอยแลเห็นแต่ไกล วิเวกใจอ้างว้างกลางคงคา
พระพี่น้องสองกุมารสำราญรื่น ต่างชวนชื่นชมทะเลพระเวหา
น้ำสุดใสไหลแลเห็นแต่ปลา เที่ยวเคลื่อนคลาคล้ายคล้ายในสายชล
ปลาวาฬใหญ่ไล่คู่ขึ้นฟูฟ่อง บ้างพ่นฟองฟุ้งฟ้าดังห่าฝน
จะหลีกทางข้างไหนก็ไม่พ้น พวกต้นหนสั่งให้ปืนใหญ่ยิง
เสียงตูมตามสามลูกถูกสีข้าง พอโบกหางหันวนเป็นก้นสวิง
สูบกำปั่นหันเหียนเวียนระวิง บ้างจมดิ่งหายวับแล้วกลับลอย
เหมือนติดแน่นแล่นไปก็ไม่ออก ฟูมระลอกเลี้ยววนเป็นก้นหอย
แต่เช้าตรู่สุริย์ฉายจนบ่ายคล้อย จึงหลุดลอยแล่นหลามไปตามกัน
ได้เดือนครึ่งถึงบุรีรมจักร แวะเข้าพักพวกพหลพลขันธ์
พอพรายแพร่งแจ้งความถึงสามวัน ออกกำปั่นไปตามทางกลางคงคา
สำคัญเข็มเล็มแล่นตามแผนที่ ตรงดาวศีรษะจระเข้ในเวหา
ไปเดือนหนึ่งถึงจังหวัดกรุงรัตนา ชาวพาราร้องตื่นเสียงครื้นครึก
บ้างเห็นลำกำปั่นสนั่นเหลือ ในลำเรือเรือกสวนแต่ล้วนตึก
ตลอดลืออื้ออึงอึกทึก ว่าข้าศึกโจมจู่เข้าบูรี
พวกชาวบ้านร้านตลาดออกกลาดเกลื่อน ทิ้งเหย้าเรือนรีบอพยพหนี
ท้าวสุทัศน์ตรัสสั่งขุนเสนี ให้ขึ้นตีกลองศึกเสียงครึกครื้น
ขุนนางไล่ไพร่พลขึ้นบนป้อม ไม่พรักพร้อมเพราะว่าแรกยังแตกตื่น
บ้างลงหลักปักขวากบ้างลากปืน เสด็จยืนเร่งรัดให้จัดการ
พอเสร็จสรรพกลับรู้ว่าโอรส พระทรงยศหยุดอยู่ท่าที่หน้าฉาน
ศรีสุวรรณครั้นถึงท่าพากุมาร มากราบกรานพระบิดาพาเข้าวัง
ขึ้นปรางค์มาศญาติวงศ์พงศ์กษัตริย์ มาแออัดซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง
พระชนนีดีใจจะใคร่ฟัง จึงตรัสถามความตั้งแต่เดิมมา ฯ
๏ ศรีสุวรรณอัญชลีแล้วเล่าเรื่อง เมื่อจากเมืองจากสมเด็จพระเชษฐา
เอาความหลังทั้งนั้นขึ้นพรรณนา จนกลับมากราบก้มบังคมคัล
คนโน้นชื่อสินสมุทรบุตรพระพี่ นี่อรุณรัศมีบุตรีหม่อมฉัน
พระอัยกาอัยกียินดีครัน ต่างชิงกันกอดหลานสงสารนัก
ประโลมลูบจูบจอมถนอมแนบ น้อยหรือแทบย่าปู่ไม่รู้จัก
ล้วนละม้ายคล้ายพ่อนรลักษณ์ พลางเชยพักตร์พิศวาสนาถนัดดา
กุมารชายฝ่ายท้าวสุทัศน์อุ้ม นางประทุมกอดอรุณอุ่นหนักหนา
ทรงสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา ด้วยนัดดาโอรสยศยง
อันเรื่องราวกล่าวความสามกษัตริย์ จึงจังหวัดเวียงวังดังประสงค์
ได้พร้อมพรักศักดิ์ตระกูลประยูรวงศ์ กุมารหลงเล่นเพลินอยู่เนินนาน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ