ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร

๏ จะกล่าวถึงพระอภัยวิไลลักษณ์ อยู่สำนักเนินสิงคุตรกุฏิฤๅษี
เจริญผลบรรพชิตกิจโยคี ทั้งสองชีเชี่ยวชาญการบำเพ็ญ
ไม่โลภหลงปลงในธรรมกรรมฐาน หมายวิมานแสนสุขสิ้นยุคเข็ญ
มัธยัสถ์ตัดสวาทขาดกระเด็น ลงตรองเห็นแก่นสารการต้องตาย
เพราะตัณหาพาตนให้ทนทุกข์ ไม่มีสุขอวิชชาพาฉิบหาย
เป็นเชื้อไฟไม่ชั่วตัวอบาย ให้วุ่นวายโลภหลงเที่ยววงวน
ต้องรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงสมบัติ ทั่วจังหวัดเขตแคว้นแดนสิงหล
เพราะโลกีย์นี้มันชั่วพามัวมน ให้เสียผลเสียประโยชน์โพธิญาณ
คิดก็เป็นอนิจจังน่าสังเวช กองกิเลสนี้หนอเรามันเผาผลาญ
แต่พลัดพรากจากพงศ์จากวงศ์วาน ทรมานกายาในสามัญ
พระเห็นภัยในอดีตเอาจิตตั้ง เห็นทุกขังเดือดร้อนควรผ่อนผัน
ทรงกสิณอภิญญาณสำราญครัน เอาจิตหมั่นปลงธรรมสำมดึงส์
สมประโยชน์หวังโปรดหลวงชีสอง ให้ผุดผ่องลุล่วงการหวงหึง
จะได้ผลขนสัตว์ที่รัดรึง ให้ลุถึงทางสวรรค์ชั้นวิมาน
พลางเสด็จออกนอกกุฎีที่สำนัก มาหยุดพักที่ศาลาหน้าวิหาร
ทั้งสองนางต่างประณตบทมาลย์ แล้วกราบกรานคอยรับสั่งฟังคดี ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศีลมุนินทร์นาถ ตรัสประภาษโดยจริตกิจฤๅษี
ภิปรายปราศรัยน้องสองนารี ค่อยเปรมปรีดิ์อยู่หรือน้องทั้งสองนาง ฯ
๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีหลวงชีสนอง หม่อมฉันสองตั้งใจมิได้หมาง
ถือโอวาทมาดหมายจนวายวาง ตามหนทางนฤพานการบำเพ็ญ
พระตรัสว่าสาธุจงลุล่วง ให้พ้นห่วงตัณหาทันตาเห็น
แล้วเทศนาปราศรัยให้ใจเย็น จงละเว้นโทโสอย่าโกรธา
อันโลภหลงจงเห็นว่าเป็นโทษ ไม่ประโยชน์อย่าหวังใช่ฝั่งฝา
การโลกีย์สี่ประการเป็นมารยา คือรูปรสพจนาเครื่องบำเรอ
อันบทเบื้องเรื่องสัมผัสเหมือนมัดผูก เข้ากระดูกแล้วมันทำเสียหยำเหยอ
จงหักจิตคิดสละอย่าทะเยอ ที่เปรมเปรอปฏิพัทธ์จงตัดใจ
เอาดวงจิตคิดในพระไตรลักษณ์ จะประจักษ์หักห้ามความสงสัย
อันขันตีมีกำหนดให้อดใจ จงตั้งในยุติธรรมคงสำราญ
ได้ตัดห่วงบ่วงใยในมนุษย์ จะบริสุทธิ์เห็นภัยในสงสาร
อุเบกขาตั้งมั่นในสันดาน หวังนิพพานเบื้องหน้าให้ถาวร
พอจบคำที่พระร่ำเทศนา ให้สีกาชีจำเอาคำสอน
ทั้งสองนางต่างยินดีชุลีกร รับสุนทรพระมุนีด้วยปรีชา
มัธยัสถ์ครัดเคร่งข้างปรนนิบัติ ค่อยคิดตัดโลโภแลโมหา
เกิดความสุขขึ้นทุกวันเห็นทันตา ต่างเปรมปราโมทย์สำราญบานกมล ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ ครั้นเสร็จกิจเทศนาสถาผล
พอเย็นพยับอับแสงสุริยน พื้นอำพนแจ่มฟ้าดาราราย
จันทร์กระจ่างกลางนภาเวหาห้อง สว่างท้องป่าชัฏจำรัสฉาย
พระเสด็จเข้ากุฎีที่สบาย สำรวมกายทางกสิณอภิญญาณ
หวนรำลึกนึกถึงอาจารย์เฒ่า จะโศกเศร้าแก่ชราน่าสงสาร
หรือล่วงลับดับขันธสันดาน ทั้งเยาวมาลย์มัจฉาสีกาโยม
จะอยู่ดีมีสุขหรือทุกข์ร้อน เมื่อวันจรจากนางสำอางโฉม
ได้ฝากฝังครูเฒ่าช่วยเล้าโลม จนนางโยมคลอดบุตรสุดอาลัย
สิบเก้าปีนี้แล้วแต่แคล้วคลาด แสนอนาถนึกน่าเลือดตาไหล
จนลูกมีหลานน้อยกลอยฤทัย ยังมิได้เห็นหน้ามัจฉาเลย
จำจะไปเยี่ยมเยือนเจ้าเพื่อนยาก คุณเขามากนักหนานิจจาเอ๋ย
ได้รอดตายวายชีวามาหลงเลย จะเฉยเมยเสียไม่ไปก็ไม่ดี
พระตริพลางทางเข้าสมาธิ ตั้งสติระลึกไปในวิถี
เอาจิตตั้งทางกสิณให้อินทรีย์ ลอยขึ้นที่นภางค์กลางอัมพร
หมายเกาะแก้วพิสดารข้างด้านใต้ ตลอดไปจนมหิงขสิงขร
ตามมหาสาคโรชโลธร พระเสด็จจรทางกสิณอภิญญาณ
ไม่ช้าพลันบรรลุถึงเกาะแก้ว วิเวกแว่วเสียงดังระฆังขาน
เห็นกุฎีที่สำนักพระอาจารย์ ดูสำราญท่าทางเหมือนอย่างเคย
เมื่อครั้งหนีผีเสื้อท่านเกื้อหนุน ได้พึ่งบุญอยู่จนได้ไปเป็นเขย
เมืองผลึกนึกถึงคุณได้คุ้นเคย ได้ไปเชยก็เพราะคุณพระมุนี
ครั้นถึงหมอบยอบองค์ลงอภิวาท มุนีนาถโดยจริตกิจฤๅษี
ฝ่ายพระจอมอิศโรท่านโยคี เห็นมุนีมาคำรพอภิวันท์
เอามือป้องมองดูไม่รู้จัก จึ่งถามทักมาแต่ไหนจนไก่ขัน
เป็นนักสิทธ์ถือกิจพรหมจรรย์ เที่ยวด้นดั้นมาทำไมในกลางคืน
มีธุระสิ่งใดอย่างไรหนอ จงแจ้งข้อตามอรรถอย่าขัดขืน
จะต้องการสิ่งไรในกลางคืน จนดึกดื่นบอกเราให้เข้าใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ เฉลยกิจจาแจ้งแถลงไข
ข้าพเจ้านี้หรือชื่ออภัย เล่าพิไรให้เธอฟังแต่หลังมา
พระโยคีนิ่งตรึกนึกขึ้นได้ อ้ออภัยมณีหรือถือสิกขา
ละสมบัติพัสถานการพารา เองบวชมาได้กี่ปีหรือหนีเมีย
หรือเกิดเข็ญเป็นอย่างไรไม่เป็นสุข จึงทิ้งทุกข์ปล่อยปละสละเสีย
หรือเห็นภัยในคฤหัสถ์ตัดลูกเมีย ออกบวชเสียใครอยู่หลังช่างหัวมัน
พระอภัยกราบก้มประนมสนอง ไม่ขัดข้องข้อใดในใจฉัน
คิดเห็นภัยในกิเลสสังเวชครัน มารุมรันรึงรัดสัตว์ทั้งปวง
จึงสละละสมบัติพัสถาน ไม่ต้องการเขตแดนสิ้นแหนหวง
คิดผ่อนตัดเยื่อใยที่ในทรวง หมายลุล่วงหาประโยชน์จะโปรดชน ฯ
๏ พระโยคีปรีดาสาธุสะ เองสละสังเวชแจ้งเหตุผล
โมทนาสาธุสะไม่ปะปน หวังกุศลภิญโญมโหฬาร
นี่เองมาอย่างไรไฉนเล่า เอาสำเภาเภตรามาหรือหลาน
หนทางไกลเหลือล้นพ้นประมาณ หรือเดินสารผู้ใดจึ่งได้มา
พระอภัยมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ จึ่งแจ้งอรรถให้เธอฟังที่กังขา
ฉันมาโดยทางกสิณตั้งจินดา เมื่อหลานมาแต่หัวค่ำพอย่ำยาม
พระโยคีมีญาณว่าหลานแก้ว ประเสริฐแล้วอุตสาห์เพียรตัดเสี้ยนหนาม
สมประโยชน์แล้วอุตส่าห์พยายาม จะมีความสุขใจในนิพพาน
แล้วชวนเชิญพระอภัยเข้าในกุฏิ์ จงยั้งหยุดเจริญธรรมกรรมฐาน
ไม่ห่วงใยคล้ายกับกูอยู่สำราญ หมายนิพพานภาคหน้าให้ถาวร ฯ
๏ ฝ่ายเจ้าพวกเรือแตกแขกฝรั่ง มานั่งฟังถ้อยคำที่ร่ำสอน
ทั้งปรนนิบัติพัดวีชุลีกร ต้มน้ำร้อนน้ำชาสารพัน
ถวายพระมุนีฤๅษีสิทธ์ ตั้งให้ชิดแล้วคำรพเชิญขบฉัน
ทั้งเภสัชเพลาสารพัน ฤๅษีฉันเสร็จสรรพระงับกาย
ศศิธรจรดับลาลับเมฆ อดิเรกสุริยงส่งแสงฉาย
ดารากรอ่อนอับระยับพราย สกุณร่ายร้องก้องซ้องสำเนียง
ไก่กระชั้นขันขานประสานเสนาะ ที่บนเกาะเจื้อยเจกวิเวกเสียง
โกกิลากาแกแซ่สำเนียง ดุเหว่าเรียงร้องเร่งพระสุริยน
แสงหิร้ญเรืองรอบริมขอบฟ้า พระสุริยาขึ้นสว่างกลางเวหน
ฝูงนกหกผกผินแล้วบินบน จากรังตนร่อนร้องก้องกังวาน
กะเรียนดงส่งเสียงสำเนียงแจ้ว ดั่งปี่แก้วจำเรียงเสียงประสาน
วิหคหงส์จับเนินเหินทะยาน ไปสมานบุษบงเที่ยววงวน
พระฤๅษีพลิกฟื้นตื่นไสยาสน์ ภาณุมาศส่องสว่างกลางเวหน
ออกจากกุฏิ์เดินตรงไปสรงชล แล้วขึ้นบนเชิงผาศิลาลัย
พวกศิษย์หาพากันไปที่ในป่า เที่ยวเสาะหาเลียบเดินเนินไสล
สอยมะม่วงพวงสุกลูกลำไย มะเฟืองมะไฟผลผลาทั้งหว้าดง
ขนุนขนันจันทน์อินผลลิ้นจี่ เก็บแต่ที่สิ่งของต้องประสงค์
แล้วเดินตัดลัดมาจากป่าดง ถวายองค์สองมุนีด้วยปรีดา
พระนักธรรม์ฉันเสร็จสำเร็จกิจ อวยอุทิศอานิสงส์ทรงยถา
แล้วสัพพีให้สุขังมังคลา พากันมายั้งหยุดอยู่กุฎี
พระอภัยไต่ถามถึงมัจฉา ยังสุขาปรีดิ์เปรมเกษมศรี
หรือทุกข์โศกโรคภัยสิ่งไรมี ไปอยู่ที่แห่งหนตำบลใด ฯ
๏ พระโยคีมีรสพจนารถ อยู่ที่หาดห้องผาเคยอาศัย
เมื่อคลอดบุตรสุดสาครกูอ่อนใจ กลัวจะไม่รอดแล้ววะเดชะบุญ
พอออกแล้วมันก็ให้กูไปเลี้ยง กูก็เสี่ยงบุญเจือช่วยเกื้อหนุน
ไม่เจ็บไข้เลยนะวะเดชะบุญ แต่กูวุ่นพยายามถึงสามปี
เดี๋ยวนี้มันเป็นกระไรหวาอ้ายหนู หรือไปอยู่ไหนเล่าเจ้าฤๅษี
เองเล่าเรื่องเบื้องหลังให้ฟังที เมื่อครั้งปีถูกเสน่ห์ทั้งเล่ห์กล
กูก็ไปดับเข็ญให้เป็นสุข มันเกิดยุคยุ่งยิ่งในสิงหล
หรือยังตั้งรบรุกทุกตำบล พวกไพร่พลในนครร้อนหรือเย็น ฯ
๏ พระอภัยได้ฟังอาจารย์ถาม ยกเอาความรบรุกครั้งยุคเข็ญ
แต่เดี๋ยวนี้วายร้อนค่อยผ่อนเย็น เพราะบุตรเป็นจอมเจ้าชาวลังกา
คือเจ้าสุดสาครบวรนาถ ให้สิทธิ์ขาดครองวังเป็นฝั่งฝา
แถลงเล่าพระมุนีผู้ปรีชา ให้พระอาจารย์ฟังดั่งภิปราย
แล้วลาพระมุนีไปที่อู่ นางเงือกอยู่วังวนชลสาย
สถิตแท่นแผ่นผาศิลาลาย แล้วเรียกสายสวาทพลางเหมือนอย่างเคย
โอ้มัจฉานารีศรีสมร ตัวพี่จรกลับมาแล้วน้องแก้วเอ๋ย
สิบเก้าปีมิได้พบประสบเลย อย่าเฉยเมยเชือนช้าให้อาวรณ์ ฯ
๏ นางเงือกน้ำจำเสียงสำเนียงแว่ว จะเจื้อยแจ้วจับทรวงดวงสมร
เหมือนเสียงองค์ภูวไนยให้อาวรณ์ ก็รีบจรแหวกว่ายจากสายชล
เห็นทรงฤทธิ์จิตปลี้มลืมความทุกข์ เกษมสุขชื่นชุ่มทุกขุมขน
นางเสือกขึ้นหาดทรายริมสายชล พลางน้อมตนอภิวาทบาทมูล
กันแสงไห้ใจเพียงจะขาดวับ สลบหลับเหมือนชีวาตม์จะขาดสูญ
พระอภัยเห็นหน้ายิ่งอาดูร ให้เพิ่มพูนโทมนัสอัดอุรา
จะดับโศกก็ไม่หยุดสุดจะกลั้น ให้อัดอั้นซบนิ่งเอนอิงผา
มิทันกล่าวมธุรสพจนา ก็ถึงภาวสัญญีนิ่งไม่ติงกาย
จนสายแสงสุริยาเวลาฉัน พระนักธรรม์คอยหาไม่เห็นหาย
ถือไม้เท้างกเงิ่นเดินวุ่นวาย ไปหาดทรายปากอ่าวริมเสาโคม
พอเห็นพระอภัยวิไลลักษณ์ ลงซบพักตร์อยู่ริมนางสำอางโฉม
เอะมาตายเล่นเปล่าเปล่าริมเสาโคม ทั้งอีโยมเงือกน้อยก็พลอยตาย
แกวิตกอกตันเอะวันนี้ ต้องเผาผีหรืออะไรจิตใจหาย
อนิจจังอนิจจาน่าเสียดาย แกฟูมฟายชลนาให้อาวรณ์
จึ่งเดินไปใกล้ศพแล้วทรุดนั่ง ข้างฟากฝั่งชายตลิ่งริมสิงขร
เอามือจับต้องดูพระภูธร ยังอุ่นอ่อนเออเห็นไม่เป็นไร
จำจะเข้ากสิณดูให้รู้แน่ จะตายแท้หรือว่าซบสลบไสล
จึ่งหลับตาลงพลันด้วยทันใด ก็แจ้งในทางกสิณอภิญญาณ
ว่ายังไม่วางวับถึงดับจิต ด้วยชีวิตมันก็ยังไม่สังขาร
วาโยธาตุอัดอั้นในสันดาน เพราะเกิดการโทมนัสวิบัติเป็น
ว่าจะต้องแก้ไขให้มันฟื้น แต่พอชื่นจิตระงับช่วยดับเข็ญ
แล้วกลับไปกุฏิ์ตาหาน้ำเย็น ตักมาเป็นโอใหญ่แล้วร่ายมนต์
แล้วจึงเรียกศิษย์หามาไปด้วย จะได้ช่วยกันสิหวาหากุศล
ให้ศิษย์ยกโอใหญ่ใส่น้ำมนต์ ไปตามก้นแกวิตกเดินงกงัน
พอถึงท้ายชายหาดนั่งหอบฮัก แก่หยุดพักบริกรรมธรรมขันธ์
แล้วพรมพรำน้ำไปดั่งใจพลัน พระนักธรรม์พลิกฟื้นชื่นอุรา
ด้วยเดชะพระมุนีแกวิเศษ เรื่องพระเวทด้วยมนต์ดลคาถา
แล้วเรียกศิษย์เอาสิวะประสีกา แกภาวนาช่วยชีวิตจิตอาวรณ์
พอพวกศิษย์ประน้ำได้สัมผัส พระพายพัดต้องกายสายสมร
นางพลิกฟื้นสมประดีชุลีกร เห็นภูธรกับโยคีค่อยมีแรง
ประณตนอบยอบกายแล้วไหว้กราบ ศิโรราบลงพลันก้มกันแสง
พระโยคีจึ่งเอาธรรมออกสำแดง แล้วชี้แจงเทศนาตามบาลี
หวังจะให้เสื่อมสว่างทางวิตก ที่ในอกนางมัจฉามารศรี
ธรรมดาฝูงสัตว์ในปัถพี ก็ย่อมมีทุกข์เข็ญไม่เว้นตัว
มนุษย์สัตว์ในจังหวัดชมพูภพ ย่อมปรารภพลัดพรากจากลูกผัว
เกิดมาในสามัญย่อมพันพัว ดีแลชั่วต้องเป็นคู่อยู่ด้วยกัน
อันสุขทุกข์เวทนาสีกาเอ๋ย การชมเชยมันไม่แน่ย่อมแปรผัน
เป็นอนิจจังทั้งปวงอย่าหวงกัน เหมือนหนึ่งขันธ์ทั้งห้าย่อมสาธารณ์
เครื่องเน่าจมถมแผ่นดินหินชาติ พวกนักปราชญ์มิได้หลงในสงสาร
เห็นร่างกายเกิดมาย่อมสาธารณ์ เหมืองโรงร้านแต่พอยั้งกำลังกาย
อันตัณหากล้าหาญคือการโลภ แม้นละโมบแก่กล้าพาฉิบหาย
ใครลุ่มหลงปลงใจไม่สบาย มันวุ่นวายการชั่วให้มัวมอม
จงหักใจเสียบ้างหวาสีกาเงือก เองกลิ้งเกลือกหนักไปจนผ่ายผอม
ให้กายต้องเจ็บจุกเป็นทุกข์ตรอม จงอดออมเสียกูเห็นจะเป็นการ
อันเปรี้ยวเค็มเต็มอุราสีกาเอ๋ย เองก็เคยพัวพันทั้งมันหวาน
คิดตัดรอนผ่อนผันในสันดาน หวังนิพพานภาคหน้าให้ถาวร
นางมัจฉาสาธุสะพระได้โปรด ที่คุณโทษกรุณังช่วยสั่งสอน
ขอถือศีลภาวนาให้ถาวร ถึงม้วยมรณ์จะได้สุขพ้นทุกข์ภัย ฯ
๏ พระโยคีมีจิตคิดสังเวช จึงแจ้งเหตุจะให้เห็นเป็นนิสัย
ยกเอาศิลมาแสดงให้แจ้งใจ ว่าที่ในองค์ห้าสมาทาน
บทปาณาห้ามว่าอย่าฆ่าสัตว์ พระบัญญัติไว้ในธรรมกรรมฐาน
อย่าได้คิดทำร้ายให้วายปราณ ในสันดานตั้งจิตคิดเมตตา
ทั้งอายุก็จะยืนได้หมื่นกัป จงสดับจำไว้ในใจหวา
คิดตัดรอนผ่อนผันด้วยปัญญา ตามกูว่าถือให้มั่นคือขันตี
ถ้าเองถือไว้ไม่มั่นขันจะแตก เอ็งจะแบกหรือจะหามถามฤๅษี
ผัวของเองนั่งตงุ่นเป็นมุนี ให้ช่วยชี้ทางสวรรค์ชั้นวิมาน
กูจะให้แต่ศีลเหมือนกินข้าว หากกับเอาที่ออผัวคือตัวหวาน
อทินนาทานาว่าพิสดาร อย่าคิดอ่านลักฉกจะตกลง
ในนรกหมกไหม้ไฟจะเผา ให้กายเราไหม้กระจุยเป็นผุยผง
เพราะความสัตย์มิได้ถือให้ซื่อตรง ดับจิตลงจะไปตกนรกนาน
บทกาเมสุมิจฉาหนาออเงือก เหมือนตกเมือกจมลงในสงสาร
กองกิเลสมันย่อมทำให้รำคาญ จงคิดอ่านตัดรอนไปนอนตรอง
อันเปรี้ยวหวานจืดเค็มเองเต็มอก อย่ามุ่นหมกให้มันวุ่นจะขุ่นหมอง
อันฉันทาคติเร่งตริตรอง จงตัดช่องผ่อนผันให้บรรเทา
นี่แหละตัวกาเมสุมิจฉา จะพรรณนามาไปเหมือนไฟเผา
ว่าแต่พอให้เองเห็นเป็นสำเนา จงถือเอาไว้เถิดหวาสมาทาน
บทมุสาวาทาว่าสับปลับ พระบังคับเทศน์ไว้หลายสถาน
อย่าเสียดส่อตอแหลนางแหพาน ที่ในการโป้ปดจงอดออม
สัพลาวาจามุสาวาท ศีลจะขาดอดใจใฝ่ถนอม
สุจริตจิตผ่องไม่หมองมอม จงอดออมไว้ให้มั่นในสันดาน
จะผาสุกทุกทิวาสีกาเอ๋ย คงได้เชยชมสวรรค์โดยสัณฐาน
พอดับจิตคงจะได้ไปวิมาน จะสำราญด้วยสุรางค์นางบำเรอ
ศีลสุราว่าเหล้ามันเมาเปรอะ พูดเลอะเทอะไปยังค่ำพย่ำเผยอ
เที่ยวฉกชิงวิ่งวุ่นหมุนกระเชอ ให้เปรมเปรออยู่ในจิตคิดทะนง
เที่ยวตีรันฟันแทงสำแดงโทษ ไม่ประโยชน์อันธพาลสันดานหลง
ครั้นดับขันธ์สิ้นชีวิตถึงปลิดปลง ไปตกลงในอบายทำลายลาญ
ตัวเจ้ากรรมมิได้หยอกกรอกน้ำกรด แล้วเทรดกายยับสับประหาร
ก็เพราะโทษเมากล้าสุราบาน พวกคนพาลย่อมกระทำไม่ยำเกรง
ที่คนดีมีจิตคิดสละ ถือศีลพระมิได้โกงทำโฉงเฉง
ไม่กระทำความชั่วคิดกลัวเกรง การนักเลงมัวเมาบรรเทาคลาย
สละสลัดปัดไปเสียให้พ้น ตัดกังวลเพราะเห็นชั่วถ่อยร้อยประตู
ไม่กินอยู่รู้ว่าบาปนี้หยาบคาย เรื่องเมามายชั่วถ่อยร้อยประตู
หมดคำรบจบศีลสิ้นทั้งห้า เฮ้ยสีกาจำใส่ใจอย่าไขหู
ถือให้มั่นแม่นยำเหมือนคำกู แม้นเองรู้รักษาศีลจะภิญโญ
ทั้งคุ้มกันอันตรายเหมือนหมายมาด จะเคลื่อนคลาดดับร้อนผ่อนโทโส
การกุศลอบรมเหมือนร่มโพธิ์ สมมโนรถจริงอย่างกริ่งใจ ฯ
๏ นางมัจฉาสาธุขอลุล่วง จะตัดห่วงโยนเสียตามแม่น้ำไหล
พระคุณช่วยชี้ทางสว่างใจ ขอให้ได้สมประโยชน์พระโปรดปราน
จะถือศีลภาวนาหาความชอบ ตามระบอบพระสิทธาเหมือนว่าขาน
ขอให้ฉันลุล่วงพ้นบ่วงมาร อธิษฐานขอให้สมอารมณ์ปอง
นางตั้งจิตลงในพระไตรลักษณ์ เห็นประจักษ์ความชั่วที่มัวหมอง
เหมือนวารินไหลรี่ย่อมมีฟอง กระทบต้องลมหนักมักกระจาย
เหมือนสังขารเกิดมาในสารภพ ย่อมทวงทบร้าวแยกแตกสลาย
นางคิดเห็นเช่นกับท่านบรรยาย ดูร่างกายของตัวทั่วสกนธ์
พระอภัยได้ฟังเกิดสังเวช อาจารย์เทศน์แจ้งประจักษ์ทางมรรคผล
จึงตรัสกับโฉมศรีนีฤมล แม้นเป็นคนพี่จะพาแก้วตาไป
อยู่สิงคุตรกุฎีเป็นชีสาม พยายามสอนน้องให้ผ่องใส
บำเพ็ญเพียรเรียนธรรมให้ร่ำไป นี่จนใจนิ่มเนื้อเป็นเชื้อปลา
พี่แบ่งบุญบรรพชิตให้มิตรมิ่ง ขอสมสิ่งซึ่งเจ้ามาดปรารถนา
อันชาตินี้มีกรรมจำนิรา จากมัจฉาไปอยู่ที่ศีขริน
บำเพ็ญเพียรเรียนธรรมกรรมฐาน หวังนิพพานเหมือนหนึ่งจิตคิดถวิล
ค่อยอยู่เถิดแก้วตาอย่าราคิน จงถือศีลไว้ให้มั่นกันอบาย
ต่อช้าช้าพี่จะมาอย่าปรารภ คงได้พบเห็นกันเหมือนมั่นหมาย
นางมัจฉานบนอบแล้วยอบกาย พลางถวายอภิวันท์จำนรรจา
ว่าพระคุณทูนกระหม่อมจอมฤๅษี ขอบารมีแหวกใส่ในเกศา
น้องเห็นแล้วว่าพระองค์ทรงเมตตา อุตส่าห์มายากแค้นในแดนดง
พระอภัยมุนินทร์ปิ่นฤๅษี ฟังคดีทรามสงวนนวลหง
จึ่งว่าพี่ละสมบัติญาติวงศ์ จึ่งออกทรงบรรพชิตถือกิจกรม
เวลานี้พี่จะลาสุดากนิษฐ์ ไปสถิตยังศาลาพระอาศรม
ปรนนิบัติตามวิสัยในจงกรม โดยอารมณ์อยู่ในบรรณศาลา
นางเงือกน้ำคำรพอภิวาทน์ ค่อยเคลื่อนคลาดไปอยู่ยังคูหา
จำเริญศีลพยายามตามศรัทธา ค่อยเป็นผาสุกสบายวายอาวรณ์
พระนักสิทธ์สองรากลับมากุฏิ์ แล้วยั้งหยุดภิญโญสโมสร
ระงับกายเอนเอกเขนกนอน พอพักผ่อนดวงใจให้สบาย ฯ
๏ จะกล่าวถึงนารีหลวงชีสอง อยู่กุฏิ์ทองที่กษัตริย์จัดถวาย
เจริญเรียนในกิจจิตสบาย สุริย์ฉายจวนจะแจ้งแสงหิรัญ
กาดุเหว่าเร่าร้องซ้องประสาน ก้องกังวานในป่าพนาสัณฑ์
สกุณินบินเหินเนินอรัญ ไก่ก็ขันเจื้อยเจกวิเวกดง
พระสุริยาภาณุมาศลีลาศเลื่อน ค่อยคลาเคลื่อนขอบฟ้าป่าระหง
กระจ่างแจ้งแสงสว่างในกลางดง สองพระองค์เสด็จออกนอกกุฎี
มาคอยเฝ้าพระมุนินทร์นรินทร์รัตน์ เคยปรนนิบัติตามกิจศิษย์ฤๅษี
ถวายน้ำกับสีฟันอัญชลี ทั้งสองชีพากันมาศาลาลัย
คอยจนสายบ่ายแสงพระสุริยง ไม่เห็นองค์พระนักสิทธ์คิดสงสัย
ดาบสินีชีสองมองแต่ไกล ไม่เห็นในกุฎีที่ประทม
ดูทวารบานปิดผิดประหลาด ทั้งสองนาฏชวนกันไปในอาศรม
ไม่เห็นองค์พงศ์กษัตริย์อัดอารมณ์ ให้เตรียมตรมทรวงหมองทั้งสองชี
จึ่งกลับมาหาอำมาตย์แจ้งราชกิจ ว่าทรงฤทธิ์พระมุนินทร์ปิ่นฤๅษี
เธอหายไปไม่รู้ว่าร้ายดี พวกมนตรีเร่งเข้าไปในลังกา
ไปทูลสุดสาครบวรนาถ กับพวกญาติรู้ความได้ตามหา
จงรีบไปโดยด่วนจวนเวลา ให้ออกมาจะได้เล่าให้เข้าใจ
อำมาตย์พร้อมน้อมประณตบทศรี ขึ้นพาชีเร่งกันเสียงหวั่นไหว
พลางขับอัศวราให้คลาไคล แล้วรีบไปจนกระทั่งถึงลังกา
เล่าแถลงแจ้งการท่านผู้ใหญ่ รับสั่งใช้ให้มาทูลวุ่นนักหนา
พระจอมวงศ์องค์มุนินทร์ปิ่นประชา เธอไสยาหายไปให้มาทูล
ขุนนางใหญ่แจ้งกิจจาพาเข้าเฝ้า พระจอมเจ้านครินทร์บดินทร์สูร
คอยอยู่พระโรงคัลอันจำรูญ มาพร้อมมูลพวกอำมาตย์มาตยา ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ภาณุมาศแจ่มกระจ่างกลางเวหา
เข้าที่สรงทรงเครื่องสุคนธา ทรงภูษาแย่งกระหนกวิหคบิน
ฉลององค์มงกุฎเพชรประดับ ทับทรวงทับเพราเพริศดูเฉิดฉิน
สะอิ้งพรายสายฝรั่งฝังด้วยนิล แก้วโกมินพาหุรัดจรัสเรือง
ทรงทองกรลายกุดั่นกัลเม็ด ฝังด้ายเพชรเพราพลามล้วนน้ำเหลือง
ธำมรงค์ไพฑูรย์จำรูญเรือง สะอิ้งเฟื่องเพชรประดับดูวับวาว
เจียระบาดตาดปักเครื่องฝรั่ง ชายแครงฝังมุกดาลงยาขาว
เหน็บพระแสงกัลเม็ดล้วนเพชรพราว จอมสาวสาวเชิญเครื่องเดินเยื้องกราย
ตามพระจอมนครินทร์ปิ่นสิงหล ออกไพชยนต์เนาวรัตน์จำรัสฉาย
สถิตแท่นฉัตรสุวรรณพรรณราย เสนานายกราบก้มบังคมคัล ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ตรัสว่าราชการในไอศวรรย์
ขุนนางพร้อมน้อมนบอภิวันท์ บังคมคัลทูลท้าวเจ้านคร
ว่าพระจอมมุนินทร์ปิ่นนักสิทธ์ เสร็จสถิตในกุฎีที่สิงขร
เวลาค่ำย่ำแสงทินกร พระภูธรหายไปในไสยา
ทั้งสองดาบสินีมีรับสั่ง ให้ค้นทั้งป่าดงพงพฤกษา
ไม่พบองค์ทรงศีลปิ่นประชา ให้เร่งมาทูลฉลองสองพระองค์
เชิญเสด็จเสร็จไปเนินสิงคุตร ให้รีบรุดเร่งไปไพรระหง
กับเสนาอำมาตย์พระญาติวงศ์ ได้ตามองค์พระมุนินทร์ปิ่นประชา
พระทรงฟังดั่งพระกาฬมาผลาญโลก ยิ่งแสนโศกดั่งชีวังจะสังขาร์
แล้วตรัสสั่งเสนีผู้ปรีชา จอมนรากลับหลังเข้าวังใน
แจ้งคดีเสาวคนธ์วิมลสมร พระภูธรที่เขาเขินเนินไศล
อยู่ในกุฏิ์สุดสบายแล้วหายไป เสนาในมาแถลงแจ้งคดี
พระมารดรร้อนพระทัยดังไฟเผา จึงให้เหล่าเสนาบดีศรี
ให้เราทั้งสองไปในคิรี เจ้ากับพี่จงมาไปในไพรวัน
นางเสาวคนธ์นิ่งอึ้งตะลึงคิด ให้หวั่นจิตแล้วก็ทรงกันแสงศัลย์
เอะมังคลามาลักพระทรงธรรม์ จากพระคันธกุฎีที่ทำนอง
เพราะพวกเราได้ลังกาอาณาเขต จึงเกิดเหตุทำวุ่นให้ขุ่นหมอง
จึงทูลกับภัสดาน้ำตานอง จะตรึกตรองอยู่ไยเร่งไคลคลา ฯ
๏ ฝ่ายเสนีที่จัดกระบวนทัพ มาคอยรับเรียงรายทั้งซ้ายขวา
บ้างผูกช้างดั้งกันเป็นหลั่นมา ทั้งรถาพร้อมพรั่งตั้งกระบวน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นสิงหล ทั้งเสาวคนธ์โฉมงามทรามสงวน
เสร็จทรงเครื่องรบครบกระบวน แล้วตรัสชวนสาวสุรางค์นางกำนัล
เสด็จออกนอกวังสะพรั่งพร้อม ฝ่ายพระจอมกรุงไกรไอศวรรย์
คอยฤกษ์ดีที่จะจรจากเขตคัน โหรานั้นนับยามตามตำรา
พอสี่โมงแปดบาทให้ฆาตฆ้อง ประโคมกลองยิงพื้นแต่ปืนผา
ทั้งกาหลดนตรีปี่ชวา พระทรงนั่งหลังพระยาม้ามังกร
เสาวคนธ์โฉมยงขึ้นทรงสิงห์ กลดกรรชิงรายเรียงเคียงสลอน
ให้โบกธงสามชายกรีดกรายกร โห่สะท้อนสามลาเข้าป่าดง
อภิรุมชุมสายรายระยับ ดูคั่งคับเดินในไพรระหง
พวกเจ้าจอมพร้อมกันหมดขึ้นรถทรง เหล่าอนงค์สาวใช้ขึ้นท้ายเกริน
พวกท้าวนางต่างขึ้นรถประเทียบ เป็นระเบียบเข้าดงทั้งหงส์เหิน
พลช้างไสช้างให้ย่างเดิน ยกดำเนินแสนยาพลากร
พลม้าถือทวนกระบวนรบ วิ่งตลบว่องไวทั้งไกรสร
พวกที่ถือเสโล่แลโตมร สลับสลอนดั้งดาบปราบปัจจา ฯ
๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ ไม่ประพาสนกไม้ไพรพฤกษา
รีบเดินทัพขับพยุหยาตรา ไม่ประทับพลับพลาในป่าดอน
ให้รีบเร่งเร็วไปในไพรสณฑ์ ดำเนินพลตามทางหว่างสิงขร
มิได้พักโยธาพลากร แต่รีบร้อนจนกระทั่งยังกุฎี
ให้กองทัพยับยั้งอย่ชายป่า แต่บรรดาพวกเหล่านางสาวศรี
ลงจากรถเดินไปไพร่ผู้ดี มาหยุดที่นงเยาว์เสาวคนธ์ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ ลงกัณฐัศว์เยื้องย่างทางถนน
กับยุพยงนงเยาว์เสาวคนธ์ จรดลรีบไปในศาลา
ศิโรราบกราบกรานนางดาบส น้อมประณตสองพระองค์ทรงสิกขา
ฝ่ายสองนางพลางเห็นโอรสมา ทรงโศกาแล้วแจ้งแสดงความ
ว่าพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ เสด็จไสยาสน์หายไปได้ถึงสาม
วันนี้แล้วแก้วตาพยายาม คิดติดตามภูไนยให้ได้คืน
หรือจะเป็นมังคลามันมาลัก เอาทรงศักดิ์ไปแล้วหนาไม่ฝ่าฝืน
จะแก้แค้นเอาพาราลังกาคืน ในภูมิพื้นนั่งยามทั้งตามไฟ
เห็นจะเป็นคนดีมีความรู้ พิเคราะห์ดูเห็นจะแน่เร่งแก้ไข
กระนี้แน่แล้วหนาคงพาไป จะใกล้ไกลนคเรศประเทศทาง
สุดสาครบังคมประนมสนอง ทูลฉลองนางกษัตริย์ไม่ขัดขวาง
จะขอให้โหรดูพอรู้ทาง พอได้วางใจคิดไปติดตาม
พลางตรัสเรียกโลกนิติ์สิทธิเวท เป็นศิษย์ท่านโลกเชษฐ์มาไต่ถาม
ให้คูณหารการจะไปให้ได้ความ ว่าทางตามพระนักสิทธ์ข้างทิศใด ฯ
๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกนิติ์ตั้งดิถี ตามคัมภีร์ไสยเวทข้างเพทไสย
พระศุกร์เข้าเสาร์เป็นที่ไม่มีภัย พุธจรไปเดือนหนึ่งพอถึงจันทร์
พฤหัสเล็งลัคนาว่าวิเศษ จะเรืองเดชยวดยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
ท่านว่าไปทิศอิสานสำราญครัน บังคมคัลทูลความตามตำรา
ถึงติดตามข้ามมหามหรณพ เห็นไม่พบภูวนาถเหมือนปรารถนา
อันศัตรูหมู่ใดมิได้มา คิดบีฑาปองร้ายในพระองค์
ในตำราว่าไว้คงจะกลับ อยู่คอยรับดีกว่าไปไพรระหง
พอรุ่งรางสว่างแสงพระสุริยง เห็นพระองค์คงจะมาไม่ช้านาน
ไม่เหมือนคำทำนายแม้นทายผิด อาญาสิทธิ์ขอพระองค์จงประหาร
ชีวิตข้าโหราให้วายปราณ พระผู้ผ่านภพไตรอย่าได้แคลง ฯ
๏ โฉมวันฬามาลีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์โศกศัลย์เฝ้ากันแสง
ฟังโหรทายค่อยประทังแต่ยังแคลง ให้ระแวงหวนคิดจิตอาวรณ์
แต่โหราการะเวกเขาเอกเหลือ ทั้งเป็นเชื้อโลกเชษฐ์วิเศษสอน
รู้ตำรับตำราพยากรณ์ ดูแน่นอนคราวครั้งแต่หลังมา
ควรจะต้องยับยั้งฟังดูก่อน แม้มิจรมาเหมือนยามต้องตามหา
สุมาลีชีละเวงวัณฬาพะงา ไม่ไสยาคอยองค์พระทรงธรรม์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระมุนีฤๅษีสิทธ์ สำราญกิจอิ่มเอมเกษมสันต์
อยู่เกาะแก้วพิสดารสำราญครัน ครบสามวันแล้วจะลาพระอาจารย์
พลางเสด็จไปชายหาดที่เงือกอยู่ ในอ่าวอู่คลื่นซัดอยู่ฉัดฉาน
แล้วตรัสเรียกโฉมมัจฉายุพาพาล เยาวมาลย์จงขึ้นมาจะลาจร
ฝ่ายเงือกน้ำจำศิลถวิลแว่ว สำเนียงแจ้วจับทรวงดวงสมร
แล้วแหวกว่ายสาคโรชโลธร ประนมกรเสือกเข้ายังฝั่งชลา
เห็นพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ อภิวาทน์จักรพงศ์ทรงสิกขา
ถวายบุญพูนสวัสดิ์พระภัสดา ได้รักษาศีลมั่นทุกวันคืน
พระมุนีปรีดาว่าสาธุ ขอให้ลุทางประโยชน์อย่าโหดหืน
คงจะสมจิตหวังให้ยั่งยืน ไปในพื้นภาคหน้าอย่าปรารมภ์
อันชาตินี้ศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา จงปรารถนาเถิดอนงค์คงจะสม
แม้นชาติหน้าถ้าถวิลเป็นอินทร์พรหม ก็คงสมเจตนาสีกาโยม
ค่ำวันนี้พี่จะลาสีกาแล้ว จงผ่องแผ้วเถิดหนานางสำอางโฉม
จงอยู่เย็นเป็นสุขอย่าทุกข์โทม เจ้าจงโสมนัสสาในวาริน
นางเงือกน้ำซ้ำทูลพระนักสิทธ์ ฉันตั้งจิตเจตนารักษาศีล
ตัดห่วงใยเสียให้พ้นที่มลทิน กว่าจะสิ้นชีวิตเหมือนจิตปอง
ไม่โศกเศร้าเร่าร้อนเหมือนก่อนแล้ว จะกวาดแผ้วถางชั่วที่มัวหมอง
ขอทูลลาพระสามิศดังจิตปอง กลับไปห้องคูหาในวารี
พลางก้มกราบบาทบงสุ์พระทรงศิล แหวกวารินไปคูหามารศรี
ฝ่ายองค์พระภูวไนยอภัยมณี กลับมาที่ศาลาพระอาจารย์ ฯ
๏ ฝ่ายโยคีมีญาณว่าหลานแก้ว ค่อยผ่องแผ้วปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
เองจะคิดกลับหลังหรือยังนาน จงแจ้งการโดยจิตที่คิดปอง
พระอภัยได้สดับอภิวาทน์ ขอลาบาทเจ้าประคุณการุญสนอง
พอเที่ยงคืนหลานจะลาฝ่าละออง ไปโดยท้องนภางค์กลางอัมพร
พระโยคีมีฤทธิ์ประสิทธิ์เสก เป็นก้อนเมฆลอยอยู่กลางหว่างสิงขร
มีที่นั่งบังสีรวีวร เหมือนชะง่อนเงื้อมผาคูหาบรรพ์
แล้วว่ากับพระอภัยวิไลลักษณ์ จงหยุดพักให้สบายจึงผายผัน
ขึ้นหลังเมฆไปเถิดหลานสำราญครัน ได้ป้องกันลมฝนบนนภา
พระมุนินทร์ยินดีเป็นที่สุด เข้าในกุฏิ์สำรวมฌาณการสิกขา
ระงับกายเอนองค์ลงไสยา ภาวนาทางกสิณอภิญญาณ
จนเที่ยงคืนไก่ขันสนั่นเสนาะ ที่บนเกาะจำเรียงเสียงประสาน
จึงเสด็จไปลาพระอาจารย์ พลางก้มกรานอภิวาทน์บาทบงสุ์
พระโยคีมีญาณว่าหลานแก้ว จงผ่องแผ้วสมหวังดั่งประสงค์
แล้วออกจากกุฏิ์ใหญ่ดั่งใจจง แกนำตรงไปที่เขาลำเนาเนิน
ให้ขึ้นนั่งหลังเมฆแล้วเสกเป่า เป็นลมว่าวพัดส่งดั่งหงส์เหิน
พระอภัยนักสิทธ์จิตเจริญ สรรเสริญคุณครูผู้อาจารย์
แล้วถวายวันทาคารวะ ขอเดชะศรัทธาที่กล้าหาญ
พลางเจริญทางกสิณอภิญญาณ หมายสถานสิงคุตรที่กุฎี
จันทร์กระจ่างทางฟ้าเวหาหน นภาดลใสสว่างกลางวิถี
ดารารายพรายพร่างอย่างมณี จำรัสศรีแจ่มกระจ่างดั่งกลางวัน
เมฆก็เลื่อนลอยมาในอากาศ ภาณุมาศเกือบอุทัยเสียงไก่ขัน
สกุณร้องก้องป่าพนาวัน พระทรงธรรม์ถึงกุฎีที่สำราญ
เมฆก็เลื่อนลงมาจากอากาศ พวกอำมาตย์แต่บรรดาอยู่หน้าฉาน
เห็นก้อนเมฆเลื่อนลงมาหน้าพระลาน ต่างเรียกขานกันมาดูทุกผู้คน
ทราบไปถึงสองชีที่ในกุฏิ์ กับพระสุดสาครท้าวเจ้าสิงหล
ทั้งโฉมยงนงเยาว์เสาวคนธ์ ก็จรดลจากที่ศรีไสยา
มาพร้อมพรั่งทั้งที่หน้าศาลาใหญ่ พระอภัยสุริย์วงศ์ทรงสิกขา
ก็ยุรยาตรจากอาสน์ก้อนเมฆา ขึ้นศาลาเห็นพระวงศ์พงศ์ประยูร
กับสองดาบสินีอยู่ที่นั่น พระทรงธรรม์ปราศรัยเจ้าไอศูรย์
สี่กษัตริย์กราบก้มบังคมทูล ทั้งประยูรเวียงวังในลังกา
ต่างยินดีที่พระองค์เสด็จกลับ มาหมอบรับเรียงรายทั้งซ้ายขวา
พระจึ่งตรัสเล่าแถลงแจ้งกิจจา ว่าตัวข้าไปประนมบังคมคัล
พระนักสิทธ์ผู้ใหญ่ที่ในเกาะ ท่านสงเคราะห์แต่ก่อนคิดผ่อนผัน
กับโฉมนางมัจฉาวิลาวัณย์ อยู่ที่นั่นสามทิวาสองราตรี
แล้วตรัสกับสุดสาครอาวรณ์หวัง ค่อยประทังสิ้นทุกข์เป็นสุขี
ถือโอวาทของคุณพระมุนี ค่อยเปรมปรีดิ์สุโขมโหฬาร
แล้วสั่งมาว่าเจ้าอยู่เป็นสุข บรรเทาทุกข์ได้สมบัติพัสถาน
แต่เจ้าพรากจากมาก็ช้านาน ได้แจ้งการก็ค่อยคลายวายอาวรณ์ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นสิงหล ทราบยุบลทุกข์ทอดฤทัยถอน
หวนรำลึกนึกถึงพระมารดร ตั้งแต่จรจากมาก็ช้านาน
กันแสงพลางทางทูลพระนักสิทธ์ เป็นสุดคิดสุดอาลัยให้สงสาร
ทางก็เหลืออยากแค้นแสนกันดาร มาก็นานไปคงหลงเที่ยววงวน
พระอภัยได้สดับจึ่งรับสั่ง ข้าไปยังฟากฟ้าเวหาหน
เจ้าจะไปทางชลาในสาชล เห็นไม่พ้นชีวันคงบรรลัย
แล้วทรงตรัสเทศนาสังสารภพ อย่าปรารภเพราะว่านางต่างวิสัย
ถึงเทวัญชั้นฟ้าสุราลัย ต่างวิสัยแล้วคงพรากต้องจากจร
เป็นอนิจจังทั้งนั้นทุกวันนี้ ย่อมเป็นที่ทุกขังจงฟังสอน
เพราะจำต้องพรากพลัดกำจัดจร อยู่รอนรอนหลัดหลัดมักพลัดพราย
อนัตตาสูญเปล่าเหมือนเราท่าน อยู่ด้วยกันดับจิตชีวิตหาย
พระยกเอาธรรมขันธ์มาบรรยาย ให้เคลื่อนคลายโศกาที่อาดูร
สุดสาครฟังเหตุเทศนา เอาปัญญาค่อยระงับให้ดับสูญ
พอจบคำธรรมขันธ์อันจำรูญ จึ่งกราบทูลลาองค์พระทรงฌาน ฯ
๏ พระอภัยมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ อวยสวัสดิ์จงเป็นสุขทั้งลูกหลาน
อันทุกข์โศกโรคภัยอย่าได้พาน จงสำราญทั้งอาณาประชาชน
สุดสาครบังคมบรมนาถ พร้อมพระญาติกลับหลังยังสิงหล
ทั้งพวกเหล่าเสวกาประชาชน ถึงสิงหลแล้วเข้าไปในบุรินทร์ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ