ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์

๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกล่าทัพ ได้สินทรัพย์สุโขสโมสร
ข้ามมหาสาคโรชโลธร เข้านครเขตฝั่งข้างลังกา
ขึ้นเมืองใหม่ไปเฝ้าเจ้าสิงหล ทูลยุบลบังคมก้มเกศา
ถวายเพชรเตร็จตรัจให้ทัศนา พระมังคลาทราบสิ้นก็ยินดี
ดูดวงเพชรเก็จแก้วแววสว่าง แจ่มกระจ่างพร่างพรายเป็นหลายสี
กลัวจะอึงถึงพระชนนี ให้มนตรีลอบไปฝังไว้ลังกา
ห้ามมิให้ใครพูดถึงโคตรเพชร หัวจะเด็ดขาดลงทั้งวงศา
พวกหญิงชายนายไพร่ที่ได้มา ชาวเมืองการะเวกนั้นเจ็ดพันคน
ใช้สีข้าวเช้าค่ำต้องตรำตราก ตำดินตากตักน้ำทำถนน
เวลารุ่งหุงข้าวเลี้ยงชาวพล ใช้แบกขนฉุดลากเหนื่อยยากครัน ฯ
๏ ฝ่ายมนตรีที่ตัวโปรดถือโคตรเพชร พาแก้วเก็จไปถึงวังณรังสรรค์
ลอบฝังแก้วแล้วออกมาเวลานั้น แผ่นดินลั่นครั่นครึกสะทึกสะท้อน
ตลอดทั้งวังเวียงเพียงจะคว่ำ อีเลิ้งน้ำเป็นระลอกกระฉอกกระฉ่อน
ตึกเรือนโรงโงงเงงโคลงเคลงคลอน สะท้านสะท้อนทั่วทั้งเกาะลังกา
ดูต้นไม้ไกวกวัดสะบัดโบก เขยื้อนโยกขย้อนทุกต้นรุกขา
ฝูงนกหกตกใจบินไปมา ช้างม้าลาล้มลุกตะคลุกคลาน
ทะเลลึกครึกครื้นเป็นคลื่นคลั่ง กระทบฝั่งฟูมฟาดเสียงฉาดฉาน
ชายหญิงยืนขึ้นก็ล้มต้องก้มคลาน ต่างเซซานซวนทรงไม่ตรงกาย
ถึงสามวันนั้นจึงสิ้นแผ่นดินไหว เป็นควันไฟมืดมนอยู่จนสาย
ต่างสงสัยไม่รู้ที่จะดีร้าย ทั้งหญิงชายโจษกันจำนรรจา ฯ
๏ นางละเวงเกรงตรึกนึกประหลาด ไปหาบาทหลวงถามความกังขา
เหตุไฉนไหวทั้งเกาะลังกา มีตำรารู้บ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชไม่อาจบอก พูดนอกคอกเคลือบแฝงแถลงไข
เหตุเพราะผัวตัวจะมาเหมือนอาลัย ดินจึงไหวให้วิบัติอัศจรรย์
สักหน่อยหนึ่งมึงจะท้องกระป่องเหยาะ น่าหัวเราะรักผัวตัวขยัน
แกล้งพูดพร่ำทำนายนางอายครัน ต้องผินผันพักตราเมินพาที
เจ้าคุณเฝ้าเย้ายั่วผัวที่ไหน เอาอะไรมาว่าน่าบัดสี
คิดขายหน้าลาพระจรลี กลับไปที่ราชฐานรำคาญครัน
คิดถึงลางนางนึกเกรงศึกใหญ่ จะรบพุ่งกรุงไกรไอศวรรย์
เรียกรำภานางยุพาสุลาลีวัน มาเคียงบรรจถรณ์นางที่ข้างใน
แล้วตรัสถามสามนางว่าลางเกิด จะประเสริฐหรือว่าเห็นเป็นไฉน
นางยุพาว่าตำรับกัปประลัย คือลมไฟดินน้ำเป็นสำคัญ
ธาตุทั้งสี่นี้สุภาพเรียบราบรื่น จะชุ่มชื่นชูใจทั้งไอศวรรย์
แม้ธาตุสี่นี้วิบัติอัศจรรย์ จะมีอันตรายทั่วทุกตัวคน
ซึ่งดินไหวในตำราไม่ผาสุก จะเกิดยุคยุทธนาโกลาหล
ข้าจับยามตามตำราจลาจล ตั้งแต่ต้นปีเถาะเป็นเคราะห์ครัน ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ฟังคำคาดหวาดวิโยคยิ่งโศกศัลย์
จึงตรัสว่าถ้าจะเป็นเหมือนเช่นนั้น จะแก้กันได้บ้างหรืออย่างไร ฯ
๏ นางยุพาว่าตำรับระงับเหตุ ภูมิเทศผันแปรจะแก้ไข
ให้ไพร่ฟ้าข้าเฝ้าทั้งท้าวไท ตั้งอยู่ในศีลสัตย์สวัสดี
ทั้งบวงสรวงดวงชาตาสุรารักษ์ ซึ่งพิทักษ์ทวาทศราศี
ปลูกศาลรอบขอบจังหวัดตั้งบัตรพลี คนกาลีลอยสะเดาะเคราะห์บุรินทร์
ตัดโลโภโมหะละเมียผัว กินแต่ถั่วผักงารักษาศิล
ไหว้ลมไฟไหว้ชลาไหว้ฟ้าดิน ถ้วนปีหนึ่งจึงจะสิ้นมลทินภัย ฯ
๏ นางวัณฬาว่าตำรับบังคับขาด ประชาราษฎร์หรือมันจะละวิสัย
ต้องถือศิลกินบวชนั้นรวดไป เห็นไม่ได้ดังตำราทั้งธานี
จะเกิดเข็ญเป็นทุกข์ถึงลูกหลาน ไปตรวจด่านการบำรุงชาวกรุงศรี
กลัวจะทำล้ำเหลือจะเชื่อดี ไปเที่ยวตีเมืองเขาด้วยเยาว์ความ
ถึงชนะก็ไม่สิ้นอรินราช พยาบาทเบียดเบียนเป็นเสี้ยนหนาม
ต้องหนักจิตคิดอ่านการสงคราม แม่มีความเกลียดเหลือด้วยเบื่อใจ
อันลูกเราเยาว์อยู่ไม่รู้ทุกข์ จะอาจอุกทำเข็ญเป็นไฉน
จะร้ายดีมิได้รู้ด้วยอยู่ไกล หรือจะให้หามาเสียธานี ฯ
๏ นางรำภาว่าวิสัยไตรดายุค ย่อมเป็นศึกแล้วเป็นสุขทุกกรุงศรี
เมื่อถึงคราวชาวบุรินทร์อยู่กินดี ก็ไม่มียุคเข็ญย่อมเว้นวาย
เมื่อถึงคราวชาวนครจะร้อนนั้น จะป้องกันฉันใดก็ไม่หาย
ไม่ถึงกรรมทำอย่างไรก็ไม่ตาย ถ้าถึงกรรมทำลายต้องวายปราณ
อันพระหน่อวรนาถชาติกษัตริย์ รู้จักจัดเกลี้ยกล่อมซ้อมทหาร
เลี้ยงคนดีมีปัญญาวิชาชาญ คิดทำการต้องที่ผู้มีบุญ
เมื่อเกิดเข็ญเช่นนึกมีศึกเสือ ช่วยส่งเกลือข้าวกินดินกระสุน
เที่ยวตรวจตราธานีนั้นมีคุณ ด้วยแรกรุ่นรู้รอบเห็นชอบกล
ให้อยู่วังดังสตรีแม้มีศึก ที่ตื้นลึกไม่สันทัดจะขัดสน
เสด็จไปได้สังเกตเขตตำบล ที่ชุมพลกลศึกได้ฝึกปรือ
จะหนีทุกข์ยุคเข็ญเหมือนเช่นว่า อยู่ใต้ฟ้าหนีฝนจะพ้นหรือ
แม้เมืองใดใช้คนดีมีฝีมือ จะเลื่องชื่อลือเลิศประเสริฐชาย
ชาวชมพูบุรินทร์สิ้นทั้งนั้น จะขยั้นอยู่ไม่อาจประมาทหมาย
จงโปรดให้ไปตามความสบาย เธอเป็นชายใช่สตรีจะมีภัย ฯ
๏ นางฟังคำราภาบัญชาตอบ เจ้าว่าชอบเชิงความตามวิสัย
แต่ยังเยาว์เราจะทำคำสอนไป ช่วยเตือนใจไว้มั่งพอรั้งรา
แล้วเขียนคำกำหนดทศพิธ ใส่กล่องแก้วแล้วปิดผนิดฝา
ให้ม้าใช้ได้รับสั่งขึ้นหลังม้า ออกจากวังลังกาเข้าป่าไป ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ออกอำมาตย์พร้อมสิ้นเมื่อดินไหว
เป็นควันคลุ้มกลุ้มชลานภาลัย ลูกคลื่นใหญ่อย่างจะเททะเลวน
เรือกำปั่นพันถ้วนเชือกพวนขาด ขึ้นค้างหาดฟาดฝั่งหลังถนน
น้ำท่วมทั้งวังใหม่นายไพร่พล ขึ้นอยู่บนเนินเขาอดข้าวปลา
ถึงสามวันครั้นหายฝ่ายฝรั่ง กลับลงตั้งอยู่ในค่ายทั้งซ้ายขวา
ต้องซ่อมลำกำปั่นตอกหมันยา พระมังคลาลอบสั่งโหรทั้งนั้น
ให้ทำนายทายที่ความดีไว้ ให้ชื่นใจไพร่พหลพลขันธ์
แล้วให้หามาประชุมชุมนุมกัน ให้โหรนั้นทายลางจะอย่างไร ฯ
๏ พวกโหราว่าเพชรแก้วเก็จเอก จากการะเวกมาถึงถิ่นแผ่นดินไหว
จะลือชาปรากฏพระยศไกร ได้เป็นใหญ่ยอดกษัตริย์ในปถพี
ทั้งดินฟ้าสาครกระฉ่อนช่วย ร้องอำนวยพรเพิ่มเฉลิมศรี
แม้ขัดเคืองเมืองไหนยกไปตี ก็จะมีชัยสิ้นทั้งดินแดน
ด้วยเดชะพระมหาอานุภาพ จะได้ปราบเมืองอื่นนับหมื่นแสน
บรรดาท้าวเจ้าประเทศทุกเขตแคว้น จะพึ่งแผ่นดินฝรั่งกรุงลังกา ฯ
๏ พระทรงฟังรางวัลให้โหรเฒ่า พวกข้าเฝ้าพลขันธ์ต่างหรรษา
พอผู้ถือหนังสือสารพระมารดา มาวันทาถวายองค์พระทรงยศ
พระยินดีคลี่สารอ่านอักษร ว่าอวยพรลูกยาให้ปรากฏ
ด้วยบิตุรงค์ทรงธรรม์สวรรคต มีโอรสรักเหมือนใจนัยนา
อนึ่งหลานว่านเครือเชื้อกษัตริย์ เหมือนกรหัตถ์อยู่กับกายทั้งซ้ายขวา
แต่เจ้าไปไกลสถานใจมารดา ให้คิดปรารมภ์ร้อนไม่หย่อนเย็น
ประการหนึ่งซึ่งสุธาลังกาไหว เป็นลางใหญ่ไพร่เมืองจะเคืองเข็ญ
แม่คิดไปใจหายไม่วายเว้น ด้วยพ่อเป็นปิ่นจังหวัดปถพี
ทั้งโภไคยไอศูรย์พร้อมมูลหมด พระเกียรติยศเฟื่องฟุ้งทั้งกรุงศรี
สงวนศักดิ์รักษาแต่ธานี อย่าคิดตีบ้านเมืองให้เคืองกัน
ประเพณีที่อุดมบรมจักร บำรุงรักษ์ราชัยมไหศวรรย์
เสวยสุขทุกเวลาทิวาวัน เพราะทรงธรรม์ทศพิธวิสดาร
ประการหนึ่งซึ่งรักษาเมตตาตั้ง ให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทุกสถาน
ใครยากเย็นเข็ญใจจงให้ทาน อภิบาลบำรุงทั้งกรุงไกร
หนึ่งคู่ครองของเขามีเจ้าของ อย่าได้ปองเป็นมิตรพิสมัย
หนึ่งสมบัติพัสดุของผู้ใด อย่าอยากได้ไปเอาของเขามา
ประการหนึ่งซึ่งคำจะดำรัส ดำรงสัตย์ซื่อสุทธิ์ไม่มุสา
หนึ่งผู้ผิดมิตรญาติแลอาตมา จงตรึกตราตัดสินความตามสัจจัง
อนึ่งบทกฎหมายอย่าคลายเคลื่อน อย่าลดเลื่อนละอย่างแต่ปางหลัง
หนึ่งใครนำคำเสนออย่าเพ่อฟัง เห็นจริงจังจึงค่อยตรัสตามสัตย์ธรรม์
หนึ่งเอ็นดูผู้ที่มีความชอบ รางวัลตอบตามวิสัยเจ้าไอศวรรย์
หนึ่งเลี้ยงเหล่าสาวสุรางค์นางกำนัล เป็นสัตย์ธรรม์เที่ยงธรรมอย่าลำเอียง
หนึ่งอย่าคิดริษยาพยาบาท อย่ามุ่งมาดหมายถวิลรูปกลิ่นเสียง
คนสอพลอทรลักษณ์อย่ารักเลี้ยง ให้แท้เที่ยงทางธรรมจึงจำเริญ
รักษายศอตส่าห์ทรงดำรงจิต เทวฤทธิ์ทุกชั้นจะสรรเสริญ
อย่าถือผิดคิดอ่านทำการเกิน อย่าละเมินหมั่นอ่านคำมารดร ฯ
๏ พระฟังจบนบนอบเห็นชอบสิ้น ให้ถือศิลสัตย์ธรรม์รำพันสอน
แต่ได้ใช้ให้หลานไปราญรอน คืนแก้วก้อนเก็จมาไว้ธานี
ต้องคิดอ่านการศึกฝึกทหาร คอยรอนราญรบพุ่งกันกรุงศรี
แล้วพับสารมารดาไม่พาที เก็บซ่อนไว้ในที่ศรีไสยา
ทุกเช้าเย็นพระไปเล่นท้องสนาม หัดสงครามครึกครื้นยิงปืนผา
คอยรอรั้งฟังความสามพารา แต่งลูกค้าคอยเหตุทุกเขตคัน ฯ
๏ ฝ่ายเสนาการะเวกที่ถือสาร ไปประมาณเดือนเศษถึงเขตขัณฑ์
ขึ้นเมืองผลึกตึกสำหรับรับแขกนั้น พอพบกันกับพวกพระหัสไชย
รีบพาเข้าเฝ้าพระหน่อวรนาถ ทูลเรื่องราชการแจ้งแถลงไข
พระทรงฟังคั่งแค้นแน่นพระทัย รีบเข้าไปทูลยุบลพระชนนี ฯ
๏ ฝ่ายนงลักษณ์อัคเรศเกศกษัตริย์ ฟังพระหัสไชยฉลองพลอยหมองศรี
ออกข้างหน้าข้าบาทราชเสนี หมู่มนตรีกราบก้มบังคมคัล
สั่งให้อ่านสารว่าเจ้าการะเวก เสวยเอกฉัตรชัยไอศวรรย์
บังคมองค์ทรงยศทศธรรม์ ซึ่งร่วมสุวรรณจังหวัดปถพี
หวังเฉลิมเพิ่มพูนประยูรยศ ให้ปรากฏเกียรติบำรุงชาวกรุงศรี
สองเวียงชัยไพร่ฟ้าประชาชี ได้เป็นที่ชุ่มชื่นทุกคืนวัน
ฝ่ายฝรั่งลังกาวัณฬาราช มีหน่อนาถเนื้อไขเจ้าไอศวรรย์
ให้นัดดาวายุพัฒน์หัสกัน คุมกำปั่นใหญ่น้อยหกร้อยลำ
ไปพาราเห็นว่าหลานเปิดด่านรับ ด้วยใจนับถือว่าจะอุปถัมภ์
ครั้นเข้าได้ในบุรีได้ทีทำ ทลายกำแพงเข้าเผาพารา
ครั้นเพลิงไหม้ไล่ฆ่าประชาราษฎร์ ตายวินาศนับหมื่นถูกปืนผา
เข้าล้อมวังพังทวารพาลพูดจา ว่าธิดาลักเพชรแก้วเก็จไว้
ครั้นข้าเฝ้าชาวบุรีตอบตีมั่ง พวกฝรั่งรบต้านทานไม่ไหว
ไปขุดเขาเอาเพชรแก้วเก็จไป จับพวกไพร่หญิงชายไปหลายพัน
เพราะนับถือซื่อตรงเหมือนพงศ์เผ่า จึงได้เผาเมืองฆ่าคนอาสัญ
ดูกิริยาวายุพัฒน์หัสกัน เหมือนผูกพันพยาบาทราชธิดา
จะขัดเคืองเรื่องไรก็ไม่รู้ ด้วยไปอยู่กับสมเด็จพระเชษฐา
ครั้นกลับยังธานีไพรีมา ยกโทษผิดธิดายุพาพาล
ฝ่ายฝรั่งลังกาพาราผลึก ก็เสร็จศึกสืบวงศ์ดำรงสถาน
แต่ข้าน้อยพลอยรับอัประมาณ ขอประทานทูลถามตามสงกา
แม้แก้วเก็จเพชรเขาชาวสิงหล เสาวคนธ์ลอบลักผิดหนักหนา
พระทราบเหตุเภทผลแต่ต้นมา โปรดบัญชาชี้แถลงให้แจ้งใจ ฯ
๏ พอจบสารสุมาลีตีอุระ น้อยหรือชะเคลือบแฝงแถลงไข
แม่นงเยาว์เสาวคนธ์ขอเพชรไป เราก็ได้รู้เห็นเป็นพยาน
กลับพาโลโกหกว่าฉกลัก ไม่รู้จักชาติเชื้อมันเหลือหลาน
ช่างเหมือนแม่แต่ละคนพ้นประมาณ สันดานพาลพวกฝรั่งน่าชังครัน
แล้วตรัสกับเสนาชาวการะเวก มันโหยกเหยกหยาบช้าจะอาสัญ
ขอรั้งรอพอให้องค์พระทรงธรรม์ มาเขตคันคงจะแค้นแทนธิดา
ด้วยรู้เห็นเป็นพยานพระผ่านเกล้า มิได้เข้าด้วยฝรั่งอย่ากังขา
คงแก้แค้นแทนพระอนุชา ได้วุ่นทั้งลังกาไม่ช้าที ฯ
๏ พระหัสไชยให้แสนแค้นฝรั่ง ถวายบังคมพระมเหสี
มันฮึกนักจักลาไปธานี ยกไปตีตัดศีรษะเสียบประจาน ฯ
๏ นางฟังลาอาลัยใจจะขาด ด้วยหน่อนาถเปลี่ยวองค์น่าสงสาร
สะอื้นพลางนางกษัตริย์ก็ทัดทาน พ่อฟังมารดาว่าอย่าเพ่อรบ
แม่จะให้ไปเชิญเสด็จกลับ ทั้งกองทัพพระเจ้าอามาบรรจบ
ทั้งลูกยามาด้วยช่วยสมทบ เข้ารุมรบไพรีให้มีชัย ฯ
๏ พระนบนอบตอบว่าพวกฝรั่ง แต่ลูกยังเยาว์อยู่ยังสู้ได้
ถึงมันมากหมากเยื่อลูกเชื้อไฟ จะผลาญให้สิ้นทั้งเกาะลังกา ฯ
๏ นางฟังคำซ้ำห้ามทรามสวาท อย่าองอาจองค์เดียวเปลี่ยวหนักหนา
เมื่อหักหาญราญรอนแต่ก่อนมา พระพี่ยาอยู่ด้วยได้ช่วยกัน
อย่าดูถูกลูกรักจงหนักหน่วง จะเสียท่วงทีพาคนอาสัญ
ซึ่งลูกรักจักไปกรุงไกรนั้น สองทรงธรรม์คงละห้อยน้อยพระทัย
แม่จะทำคำสารส่งไปด้วย เจ้าจึงช่วยชี้แจงแถลงไข
แล้วแต่งสารอ่านสอบชอบพระทัย ใส่กล่องให้ผู้ถือหนังสือมา ฯ
๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยกลับไปห้อง เห็นหน้าสองน้องน้อยละห้อยหา
สะอื้นอัดตรัสสั่งทั้งน้ำตา พี่จะลาไปแล้วแก้วกลอยใจ
พอขาดคำกล้ำกลืนสะอื้นอก น้ำตาตกซกโซมชโลมไหล
สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาเหลืออาลัย พระชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพราย
ต่างนอบนบซบพักตร์กับตักพี่ กราบลงที่บาทาเกศาสยาย
พระสวมสอดกอดน้องประคองกาย สงสารสายสุดสวาทจะคลาดคลา
พระกรเกยเชยโฉมค่อยโลมลูบ ประจงจูบแก้มซ้ายแล้วย้ายขวา
นางตามใจไม่ขัดพระอัชฌา สะอื้นอ้อนวอนว่าด้วยอาลัย
น้องไม่มีที่เห็นด้วยเป็นหญิง อย่าทอดทิ้งน้องรักให้ตักษัย
กลัวแต่จะละเลยเชือนเฉยไป สักเมื่อไรจักได้มาเห็นหน้าน้อง ฯ
๏ พระว่าพี่นี้ถึงไปก็ใจอยู่ มิได้รู้เริศร้างอย่าหมางหมอง
แม่โฉมงามทรามสงวนนวลละออง ทั้งสองน้องครององค์ให้จงดี
เสร็จธุระจะมาไม่ช้านัก ไม่ลืมรักพักตร์น้องอย่าหมองศรี
มิเหมือนหมายสายสวาทแล้วชาตินี้ พี่ไม่มีเมียแล้วนะแก้วตา
เป็นสัจจังหวังใจอยู่ในน้อง แม่เหมือนสองนัยน์เนตรของเชษฐา
ทั้งสองนางต่างสะอื้นกลืนน้ำตา พระโลมลาลุกขยับแล้วกลับยั้ง
สะท้อนถอนฤทัยอาลัยน้อง กรประคองกอดจูบโลมลูบหลัง
อาลัยรักหนักหน่วงเพียงทรวงพัง เฝ้ารอรั้งสั่งสวาทไม่คลาดคลา
แล้วแข็งขืนกลืนกล้ำด้วยจำจาก ออกนอกฉากแล้วก็ยังเหลียวหลังหา
ขืนแข็งใจไปเข้าเฝ้ามารดา ชลีลาแล้วสะท้อนถอนฤทัย ฯ
๏ นางกษัตริย์อัดอั้นกลั้นสะอื้น น้ำเนตรขืนนองตกซกซกไหล
กันแสงร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย เจ้าจะไปจากแม่จะแลลับ
โอ้อกเอ๋ยเคยเห็นอยู่เย็นเช้า เมื่อไรเจ้าสายใจจะได้กลับ
ต้องแคล้วคลาดวาสนาแม่อาภัพ จะนั่งนับวันคอยแก้วกลอยใจ
พระบิดามาถึงจึงจะเสร็จ เชิญเสด็จดับเข็ญให้เย็นใส
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย ความเจ็บไข้คลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน ฯ
๏ พระรับพรอ่อนเกล้าลงเคารพ กันแสงซบพักตราน่าสงสาร
สะอื้นอั้นตันใจอาลัยลาน เป็นช้านานจึงว่าเคราะห์จำเพาะเป็น
มาพึ่งพาฝ่าละอองสองกษัตริย์ เกิดวิบัติบ้านเมืองขุ่นเคืองเข็ญ
ไปปราบยุคทุกข์ร้อนค่อยหย่อนเย็น จะมาเป็นเกือกทองรองธุลี
ถึงตัวไปใจลูกยังผูกคิด เคยสนิทนุชน้องทั้งสองศรี
ต้องจำพรากจากยุคลพระชนนี อย่าขู่ตีกริ้วโกรธจงโปรดปราน
แล้วกราบลามาลงเรือกำปั่น ออกพร้อมกันกับเรือถือหนังสือสาร
เป็นสามลำน้ำขึ้นรื่นสำราญ เหล่าทหารขานโห่ก้องโกลา
พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ต่างแล่นออกอาคเนย์หมายเวหา
พระเหลียวกลับลับอ่าวเปล่าวิญญาณ์ ให้ห่วงหน้าห่วงหลังเป็นกังวล ฯ
๏ เวลาค่ำน้ำพราวดาวสว่าง จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าเวหาหน
พระหัสไชยไม่เป็นสุขแสนทุกข์ทน ขึ้นนั่งบนบาหลีที่บัลลังก์
ระทวยองค์ลงเอกเขนกเขนย พระกรเกยพระนลาฏสวาทหวัง
คิดถึงคู่อยู่เขตนิเวศน์วัง ได้เคยนั่งแนบน้องประคองเคียง
เคยคิดบอกดอกสร้อยกลอยสวาท ประสานพาทย์พิณเพราะเสนาะเสียง
เคยฟังน้องร้องลำนำฉ่ำสำเนียง วิเวกเพียงพิณเพลงวังเวงใจ
โอ้ยามนี้มาในลำเรือกำปั่น ฟังแต่คลื่นครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว
จะแลเหลียวเปลี่ยวสุดสมุทรไท ทั้งเปลี่ยวใจเปล่าตาในสาคร
เคยหอมชื่นรื่นรินกลิ่นกุหลาบ มาเหม็นสาบฝูงปลาเหราสลอน
เคยไสยาสน์อาสน์สุวรรณจันทน์ขจร มาจำนอนน้ำค้างพรมพร่างพราว
โอ้ยามเข็ญเช่นนี้เจ้าพี่เอ๋ย ได้ชมเชยโฉมฉายจะหายหนาว
จะอุ้มแอบแนบทรวงชมดวงดาว จะหอมราวรสสุคนธ์สุมณฑา
จนเคลิ้มองค์หลงชมมหาดเล็ก แอบอุ้มเด็กดังหนึ่งมิตรกนิษฐา
ดูดาวเด่นเล่นด้วยกันแม่จันทร์สุดา เสียดนาสาสูดชิดจุมพิตพักตร์
เพ่งพินิจผิดน้องเสียงร้องเอะ ถีบปะเตะตกพระแท่นจนแขนหัก
สาแก่ใจให้กูหลงว่านงลักษณ์ แล้วเมินพักตร์ผินผันเข้าบรรทม
คะนึงน้องสองสุดานิจจาเอ๋ย เมื่อไรเลยจะได้ชิดสนิทสนม
เสนหาอาวรณ์ร้อนอารมณ์ จะบรรทมมิใคร่หลับทุกข์ทับทรวง
จนเดือนดับลับทวีปเข้ากลีบเมฆ แสนวิเวกว้าเหว่ทะเลหลวง
พระสุริยงส่งแสงขึ้นแดงดวง ยิ่งเศร้าทรวงโศกสะอื้นฝืนวิญญาณ์ ฯ
๏ เห็นร่มรื่นขึ้นไปนั่งบัลลังก์อาสน์ พร้อมมหาดเล็กถวายเครื่องซ้ายขวา
พระผันแปรแลชมยมนา ดูฝูงปลาแปลกอย่างต่างต่างกัน
บ้างกลับกลายกายเป็นเช่นฉนาก มีปีกปากคางคอเหมือนอรหัน
หางเป็นปลาหน้าเป็นลิงลอยยิงฟัน บ้างหน้ามันเหมือนวัวตัวเหมือนงู
บางตัวเป็นเช่นหอยผุดลอยรี่ ปากเหมือนหมีซี่ฟันมันเหมือนหนู
บ้างน่ากลัวตัวเป็นเหมือนเช่นปู หน้าเหมือนจีนกินหมูหางหนูยาว
ฝูงหญิงชายฝ่ายเงือกขึ้นเกลือกกลอก ตามระลอกไล่คู่เป็นชู้สาว
บ้างตัวปลาหน้าเป็นเบื้อเป็นเสือดาว กระกริวกราวเต่าผาหน้าเป็นคน
พระเพลินชมยมนาสาคเรศ หลายประเภทพวกสัตว์ปฏิสนธิ์
มังกรกระโห้โลมาในสาชล บ้างผุดพ่นฟองฟุ้งขึ้นพลุ่งโพลง
จระเข้เหราหน้าต่างต่าง มีเขากางเกะกะนั่นตะโขง
ปลาวาฬใหญ่ไล่กระเพื่อมแลเลื่อมโล้ง ครีบกระโดงดูเป็นพืดยาวยืดครัน
ยิงปืนใหญ่ไฟฟูมตึงตูมซ้ำ มันจมน้ำวนเวียนวงเหียนหัน
ต้องติดวนจนเวลาลงสายัณห์ จึงกำปั่นออกไปพ้นที่วนปลา
รีบใช้ใบไปตามคลื่นทุกคืนค่ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา
ไม่คลาดเคลื่อนเดือนครึ่งตะบึงมา ถึงกรุงการะเวกเข้าอ่าวบุรี
เห็นรอยไฟไหม้รอบขอบจังหวัด หน่อกษัตริย์ขัดพระทัยให้หมองศรี
เข้าทอดท่าหน้าวังทั้งมนตรี ไปเฝ้าที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าเมืองอันเรืองยศ เห็นโอรสกับอำมาตย์ถือราชสาร
สั่งเสนาอาลักษณ์พนักงาน ให้คลี่สารอ่านตามเนื้อความมี
ในสารองค์อัคเรศเกศกษัตริย์ เจริญสวัสดิ์ถึงพระน้องทั้งสองศรี
ด้วยองค์พระชนกชนนี จอมบุรีรัตนานิคาลัย
พระเชษฐาพาพระวงศ์ไปปลงศพ ตามโบราณผ่านพิภพสบสมัย
ปีมะแมเดือนเจ็ดเสด็จไป ยังมิได้กลับมาถึงธานี
ซึ่งพระองค์ส่งสารแจ้งการศึก ฝรั่งฮึกหักเข้าเผากรุงศรี
แล้วจ้วงจาบหยาบช้าพาลพาที ว่าบุตรีลักเพชรแก้วเก็จมา
มันโกหกยกโทษเพราะโกรธแค้น เหมือนตัดแผ่นดินขาดนอกศาสนา
ซึ่งแก้วเก็จเพชรนั้นนางวัณฬา ให้ธิดาก็ได้รู้อยู่ด้วยกัน
พระรับเคราะห์เพราะเรื่องเมืองผลึก จึงเกิดศึกพาเหตุถึงเขตขัณฑ์
ฝ่ายยุดาวายุพัฒน์หัสกัน ล้วนพงศ์พันธุ์ภัสดาชะล่าลาม
เป็นธุระผู้บำรุงกรุงผลึก จะปราบศึกเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม
ไม่ควรเคืองเมืองพระองค์ต้องสงคราม จึงต้องตามยุติธรรม์พันธมิตร
อันทรงเดชเชษฐานราราช ย่อมเชื้อชาติบุรุษสุจริต
ถึงลูกหลานว่านเครือที่เชื้อชิด ใครทำผิดผู้นั้นคงบรรลัย
ขอองค์พระอนุชาอย่าปรารภ มิได้คบคนคิดผิดวิสัย
จงรั้งรอพอให้พระภูวไนย มาเมื่อไรไพรินสิ้นชีวัน
อันเมืองผลึกกับพาราการะเวก จะร่วมเอกฉัตรชัยไอศวรรย์
จนสุดสิ้นดินฟ้าทั้งสามัญ โดยทรงธรรม์ทศพิธสนิทใน ฯ
๏ พอจบสารอ่านสิ้นพระปิ่นปัก ตรัสชมอัครชายาจะหาไหน
ช่างตอบสารหวานฉ่ำทุกคำไป สมเป็นใหญ่ยอดสตรีเธอดีจริง
แล้วเคืองขัดหัสไชยมาไยเล่า ไปเถิดเจ้าจงไปเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง
ไม่ระวังทั้งปวงจะช่วงชิง ธุระสิ่งไรหรือมาถึงธานี ฯ
๏ พระหัสไชยได้สดับอภิวาท เชิงฉลาดทูลฉลองด้วยหมองศรี
ซึ่งข้าคิดผิดพลั้งไปทั้งนี้ ก็ควรที่ถึงตายวายชีวัน
ประทานโทษโปรดเกล้าด้วยเบาจิต มิได้คิดเห็นเหตุข้างเขตขัณฑ์
ซึ่งน้อยหน้าวายุพัฒน์หัสกัน กระหม่อมฉันจะขอต่อสงคราม
ไปกำจัดศัตรูที่ดูหมิ่น ให้สูญสิ้นสัตว์บาปที่หยาบหยาม
แต่ยังเยาว์เล่าก็ทราบเคยปราบปราม มันลวนลามแล้วก็ไม่ไว้ชีวี ฯ
๏ พระฟังบุตรสุดสวาทองอาจศึก จึงตรองตรึกตรัสว่าพระมเหสี
ได้ตอบความตามสารการไมตรี ก็ต้องที่อยู่ทุกข้อควรรอฟัง
ถ้าแม้พระอภัยมิไปรบ จะเกลื่อนกลบกลับกลายเมื่อภายหลัง
เราจึงขับทัพพหลข้ามวนวัง ไปลุยฆ่าฝรั่งให้แหลกลาญ
นี่ลูกเต้าเขาผิดคิดถึงพ่อ จึงรั้งรอบอกกล่าวไม่ร้าวฉาน
คำโบราณท่านว่าช้าเป็นการ ถึงจะนานก็เป็นคุณอย่าวุ่นวาย
วิสัยศึกตรึกตรองจึงต้องที่ ยกไปตีก็ให้ได้ดังใจหมาย
แม้ยับย่อยถอยกลับก็อับอาย ยิ่งซ้ำร้ายขายหน้าประชาชน
ให้เรือใช้ไปฟังกำลังศึก รู้ตื้นลึกแล้วมาแจ้งแห่งนุสนธิ์
คอยรอรั้งฟังข่าวฝึกชาวพล ให้รู้กลการอาวุธยุทธนา ฯ
๏ พระหัสไชยได้ฟังตรัสสั่งสอน ชลีกรอภิวันท์ด้วยหรรษา
ออกมานั่งสั่งอำมาตย์มาตยา จัดเสนาตัวดีได้สี่นาย
ให้คุมเรือเกลือข้าวสารน้ำตาลพร้อม ทำแปลงปลอมไปลังกาเที่ยวค้าขาย
กองตระเวนเกณฑ์ให้ใช้ใบราย ฟังแยบคายสืบเหตุทุกเขตคัน
ตรงหน้าวังตั้งค่ายเป็นหลายด้าน นายทหารหัดพหลพลขันธ์
ทั้งทัพเรือเหนือใต้หนีไล่กัน เข้าโรมรันรับรองดูว่องไว ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี สุมาลีเศร้าหมองไม่ผ่องใส
ให้กองทะเลเสนารีบคลาไคล ไปกรุงไกรรัตนาเชิญสามี
แล้วแต่งสารลานทองของสิบอย่าง ไปถึงนางวัณฬามารศรี
เลือกสรรใส่ในหีบแล้วดิบดี ให้เสนีนายทหารถือสารไป
ถึงฟากฝั่งลังกามหรณพ เห็นเรือรบรายเรียงเคียงไสว
พวกกองทัพจับถามรู้ความใน คุมขึ้นไปเฝ้าพระมังคลา ฯ
๏ ฝ่ายเอกองค์ทรงยศโอรสราช ออกอำมาตย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา
ถามเสนีที่ถือหนังสือมา ในสาราว่ากระไรจะใคร่ฟัง ฯ
๏ ฝ่ายข้าเฝ้าชาวผลึกไม่นึกพรั่น จึงผ่อนผันพูดตามเนื้อความหลัง
จะขึ้นไปให้ถึงเขตนิเวศน์วัง ตามรับสั่งสารพระเสาวนีย์
ถวายองค์นงเยาว์เจ้าสิงหล ไม่ให้คนอื่นอ่านเรื่องสารศรี
อย่าทานทัดขัดขวางทางไมตรี จะเสียทีอย่างเยี่ยงพระเวียงชัย ฯ
๏ พระมังคลาว่าเราเจ้าสิงหล เป็นจอมพลผ่านพิภพสบสมัย
ได้ว่าขานการบำรุงทั้งกรุงไกร ควรจะได้รับสารแทนมารดา
ขืนดื้อดึงมึงไม่รู้จักกูหรือ อ้ายทูตถือสารผลึกฮึกหนักหนา
พลางตรัสใช้ให้ทหารค้นสารมา แล้วฉีกตราอ่านตามเนื้อความมี ฯ
๏ ศุภสารสุมาลีประดิพัทธ์ เจริญสวัสดิ์นางวัณฬามารศรี
เราพี่น้องครองสัตย์สวัสดี ไม่ราคีเคืองขัดอัธยา
ข้างฝ่ายน้องครองกรุงบำรุงรักษ์ ได้สืบศักดิ์สุริยวงศ์พร้อมพงศา
เสวยรมย์สมบัติวัฒนา ชาวพาราเริงรื่นทุกคืนวัน
แม่เสาวคนธ์มณฑากรุงการะเวก ขอเพชรเอกเอาไปไว้ไอศวรรย์
ให้นัดดาวายุพัฒน์หัสกัน ไปโรมรันรบเร้าเผาธานี
คืนเอาแก้วแล้วเอาทั้งข้าวของ ริบเงินทองสารพัดน่าบัดสี
กวาดไพร่พลคนผู้มาบูรี หรือราคีขัดเคืองด้วยเรื่องไร
แม่ก็รู้อยู่ว่ากรุงการะเวก ร่วมภิเษกสืบเนื้อเป็นเชื้อไข
ขืนคิดทำย่ำยีดังนี้ไซร้ เขาว่าไว้หยิกเล็บแล้วเจ็บเนื้อ
จะตัดขาดญาติมิตรไม่คิดบ้าง เหมือนลบล้างเหล่ากอไม่หลอเหลือ
อนึ่งหน่อวรนาถเป็นชาติเชื้อ ไม่ไว้เยื่อใยติดผิดโบราณ
แม่รู้เห็นเป็นใจหรือไม่รู้ พิเคราะห์ดูยังไม่แจ้งจึงแต่งสาร
ให้ทราบความตามเรื่องเคืองรำคาญ ควรสมานไมตรีซึ่งมีมา
แม้เห็นดีมิได้คิดถึงมิตรญาติ ก็ควรขาดราชวงศ์เผ่าพงศา
สามประเทศเขตแคว้นแผ่นสุธา กับลังกาก็จะขาดราชไมตรี
ขอเชิญน้องตรองตริดำริเถิด ถ้าศึกเกิดรบพุ่งถึงกรุงศรี
ชั้นลูกเล็กเด็กผู้ใหญ่ไพร่ผู้ดี ก็ไม่มีสุขทั่วทุกตัวคน
จงคิดครั้งพรั่งพร้อมจอมกษัตริย์ ประดิพัทธ์ผูกรักเป็นมรรคผล
ได้ผาสุกทุกอาณาประชาชน ประจวบจนประเดี๋ยวนี้ไม่มีภัย
พี่กับเจ้าเล่าก็จิตสนิทนัก จึงลอบลักเล่าแจ้งแถลงไข
ถึงลูกเต้าเบาความส่วนทรามวัย เป็นผู้ใหญ่อย่าให้มีราคีเคือง ฯ
๏ พอจบสารดาลเดือดไม่เงือดงด กูเหลืออดอวดรู้คันหูเหือง
เป็นผู้ใหญ่ไม่เป็นหลักพูดยักเยื้อง เข้ากับเมืองการะเวกโหยกเหยกครัน
ส่วนของเราเอาไปไว้สิไม่ว่า คืนเอามาเป็นผิดพูดบิดผัน
พระอนุชาวายุพัฒน์พ่อหัสกัน เห็นอาธรรม์หรือไม่เล่ายายเฒ่ารึง ฯ
๏ ทั้งสามองค์ลงเนื้อเห็นเหมือนเช่นว่า ยายสุมาลีคนนี้แกขี้หึง
แกล้งลอบทำคำหนังสือมาอื้ออึง พลอยโกรธขึ้งไปด้วยเขาไม่เข้าการ ฯ
๏ พระมังคลาว่าจริงจริงนิ่งไม่ได้ แล้วสั่งให้จำผู้ถือหนังสือสาร
ปรึกษาน้องสองนัดดาปรีชาชาญ พวกวงศ์วานเราไม่มีใครดี
แม้กองทัพกลับมาพาราผลึก คงเกิดศึกรบพุ่งถึงกรุงศรี
ทั้งบิตุรงค์องค์อาสองธานี จะรุมตีเมืองเราด้วยเข้ากัน ฯ
๏ พระอนุชาว่าเห็นจะเป็นแน่ จำจะแก้การก่อนคิดผ่อนผัน
เรายกไปไล่รุกรบบุกบัน จับพงศ์พันธุ์พวกพ้องสองพารา
มาขังไว้ให้เป็นห่วงเหมือนหน่วงศึก จะเหือดฮึกหายลงเพราะวงศา
ได้เป็นต่อพอให้ท่านเห็นปัญญา พระมังคลาว่าขยันแยกกันไป
จงจัดพลคนละกองฝ่ายน้องรัก ไปรมจักรตามแต่จิตจะคิดไฉน
สองนัดดาพาพลสกลไกร รีบยกไปเมืองผลึกเหมือนตรึกการ ฯ
๏ ฝ่ายวายุพัฒน์จัดพลเป็นกลศึก เอาเรือผลึกล่วงไปก่อนซ่อนทหาร
ทั้งสามลำนำตำบลชลธาร ไปประมาณครึ่งวันตามสัญญา
แล้วหัสกันคุมกองเรือสองร้อย สกดรอยเรียงรายไปซ้ายขวา
พอลับตาวายุพัฒน์จัดโยธา ออกนาวาสามร้อยแล่นลอยตาม ฯ
๏ ฝ่ายทัพพระอนุชาเรือห้าร้อย ปืนใหญ่น้อยนายทหารชาญสนาม
ล้วนฝึกฝนรณรงค์ร่านสงคราม ออกเรือข้ามสายสมุทรรีบรุดไป ฯ
๏ ฝ่ายกองหน้าวายุพัฒน์แล่นตัดคลื่น สิบห้าคืนข้ามมหาชลาไหล
เข้าปากอ่าวชาวตระเวนเห็นแต่ไกล จำเรือได้ว่าผู้ถือหนังสือมา
ไม่ห้ามปรามถามทักรู้จักแน่ ต่างเชือนแชแล่นรายไปซ้ายขวา
พอพลบค่ำลำฝรั่งพวกลังกา เข้าถึงหน้าเมืองผลึกดึกสามยาม
ขึ้นฝั่งน้ำลำละพันแยกกันออก เข้าทางตรอกบ้านช่องท้องสนาม
เที่ยวจุดไฟไหม้โขมงพลุ่งโพลงพลาม แสงเพลิงลามลุกรอบขอบบุรี
พวกเฝ้าป้อมล้อมวังกำลังตื่น ยินเสียงปืนใหญ่ยิงต่างวิ่งหนี
ฝ่ายฝรั่งทั้งปวงได้ท่วงที ไล่ฆ่าตีตายกลาดดื่นดาษทาง
เที่ยวจุดจ่อต่อไปจนใกล้รุ่ง เสียงผางโผงโพลงพลุ่งไหม้ยุ้งฉาง
ทุกถิ่นฐานบ้านช่องวิ่งร้องคราง บ้างตายบ้างล้มลุกตะคลุกคลาน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมเหสีนารีราช เห็นเพลิงไหม้ใกล้ปราสาทราชฐาน
กับลูกรักนักสนมนางอยู่งาน พาพระมารดาออกนอกมนเทียร
ทั้งค่อมเค้าเฒ่าแก่หลวงแม่เจ้า ต่างรุมเร้าเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
จะไปไหนไม่พ้นเที่ยววนเวียน ตกใจเจียนใจขาดหวาดระวัง ฯ
๏ ฝ่ายพวกพ้องกองตระเวนเห็นกำปั่น เป็นหลั่นหลั่นแล่นหลามมาตามหลัง
ยิงปืนใหญ่ห้ามไว้ก็ไม่ฟัง ฝ่ายฝรั่งรับปืนเสียงครื้นครึก
ชาวด่านน้อยถอยเข้าอ่าวปากน้ำ ฝรั่งร่ำรุกร้นมาจนดึก
เห็นเพลิงรอบขอบปราการสะท้านสะทึก พวกข้าศึกซ้ำโห่ก้องโกลา
บรรดาเหล่าชาวด่านไม่หาญรบ ต่างหลีกหลบขึ้นตลิ่งวิ่งถลา
พอรุ่งเช้าเหล่าฝรั่งคับคั่งมา ชาวพาราเรี่ยรายพลัดพรายกัน
พวกกองทัพคับคั่งขึ้นฝั่งพร้อม ตั้งกองล้อมรอบกำแพงดูแข็งขัน
เจ้าวายุพัฒน์จัดทหารถือขวานนั้น ระดมฟันประตูวังพังทลาย ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมเหสีถือตรีสู้ ขวางประตูห้ามฝรั่งสิ้นทั้งหลาย
จะเข้ามาว่ากระไรใครเป็นนาย อย่าวุ่นวายบอกเราให้เข้าใจ
เจ้าหัสกันนั้นว่าพระมเหสี กับนงนุชบุตรีอยู่ที่ไหน
พระจอมวังลังกาบัญชาใช้ ให้รับไปด้วยเป็นวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์
นางทราบว่าฝรั่งมาตั้งรบ จะหลีกหลบเห็นไม่พ้นพลขันธ์
จึงว่าเขาเจ้าพาราลังกานั้น จะนับกันก็เป็นน้องสองบุตรี
เหตุไฉนไม่คิดถึงบิตุราช มาองอาจรบพุ่งถึงกรุงศรี
ตัวเราหรือชื่อสุวรรณมาลี นี่บุตรีสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา
ถ้าแม้หน่อวรนาถรักชาติเชื้อ จะก่อเกื้อเชื้อวงศ์เผ่าพงศา
จงเลิกทัพกลับหลังไปลังกา จะเห็นว่าสุจริตต่อบิดร ฯ
๏ เจ้าหัสกันนั้นว่าโยธาหาญ เป็นพวกท้าวเจ้าละมานชาญสมร
มาเผาเมืองเคืองฆ่าประชากร จึงรีบร้อนยกทัพมารับองค์
กับบุตรีพี่สาวเจ้าทวีป จงเร่งรีบไปตามความประสงค์
พอรู้จักศักดิ์ตระกูลประยูรวงศ์ จะมาส่งนคราไม่ช้านาน ฯ
๏ นางรู้เท่าเข้าใจแต่ไม่ตรัส ถ้าขืนขัดจะไม่กลับทัพทหาร
ไปตามเคราะห์เพราะไม่พ้นพวกคนพาล จึงกราบกรานชนนีชลีลา
พระแม่อยู่ดูอาณาประชาราษฎร์ หมู่อำมาตย์ข้าเฝ้าได้เข้าหา
พลางนอบนบซบสะอื้นกลืนน้ำตา พระมารดาดังจะดิ้นสิ้นชีวัน
กอดลูกสาวหาวเรอพูดเพ้อพร่ำ โอ้เคราะห์กรรมแก่ชราจะอาสัญ
อ้ายโกหกยกมาไล่ฆ่าฟัน ใครไม่ทันรบสู้ไม่รู้เลย
แล้วมิหนำซ้ำจะพรากให้ยากแค้น โอ้สุดแสนสงสารลูกหลานเอ๋ย
เผอิญเป็นเช่นนี้ยังมิเคย คอยลูกเขยเขาก็ไม่ใคร่จะมา
แม่จะใคร่ไปด้วยถ้าป่วยไข้ เจ้าจะได้ฟูมฟักช่วยรักษา
สะอื้นพลางกางหัตถ์กอดนัดดา ทรงโศกาเพียงพินาศถึงขาดใจ
นางทัดทานมารดาอย่าเสด็จ จะเหนื่อยเหน็ดลุกนั่งยังไม่ไหว
อยู่บูรีดีกว่าพร้อมข้าไท พระอภัยก็จะมาพยาบาล
พลางกราบบาทมาตุรงค์ทรงกำสรด อ่อนระทดระทวยองค์น่าสงสาร
เฝ้าฝากฝังสั่งกำนัลพนักงาน ช่วยรักษาพยาบาลพระมารดา
แล้วกลืนกลั้นกันแสงแสนเทวษ พระชลเนตรพรั่งพรายทั้งซ้ายขวา
ชวนลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ลีลามานอกเขตนิเวศน์วัง
ข้าหลวงเหล่าสาวใช้ร้องไห้แซ่ ทั้งเถ้าแก่วิ่งหลามมาตามหลัง
นางตรัสห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง ตามฝรั่งลงกำปั่นกลั้นน้ำตา ฯ
๏ วายุพัฒน์หัสกันก็ลั่นฆ้อง เรียกพวกพ้องพลนิกายทั้งซ้ายขวา
โยธาทัพจับเหล่าชาวพารา ทั้งเสนานายไพร่ไล่ลงเรือ
แล้วคลอกปืนฟืนไฟสุมให้ยับ เก็บสินทรัพย์แบกขนไปล้นเหลือ
ต่างเต็มลำซ้ำเผาฉางข้าวเกลือ แล้วล่องเรือรีบข้ามแล่นหลามไป ฯ
๏ ฝ่ายโยธาข้าเฝ้าชาวผลึก เมื่อเกิดศึกซ่อนหนีตามวิสัย
ครั้นทัพกลับลับลี้ต่างดีใจ ทั้งนายไพร่กลับมาเข้าธานี
จตุสดมภ์กรมวังที่ยังเหลือ เที่ยวดับเชื้อเพลิงลากเก็บซากผี
พวกหญิงชายฝ่ายอาณาประชาชี บ้างพลัดพี่เสียน้องนองน้ำตา
ที่ลูกเมียเสียหายพลัดพรายผัว รอดแต่ตัวติดตามเที่ยวถามหา
ที่แก่เฒ่าเจ้าโมโหหุนโกรธา ตะโกนด่าพวกฝรั่งด้วยคลั่งใจ
บ้างเย็บจากลากเสาถากเกลากล่อม ปลูกกระท่อมเคหาพออาศัย
ส่วนข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน หมายเกณฑ์ไพร่หัวเมืองแน่นเนืองมา
บวกปูนป้อมซ่อมแปลงกำแพงผนัง ที่หักพังแตกแตนกลับแน่นหนา
ทุกหมู่หมายนายหมวดต่างตรวจตรา รักษาหน้าที่พร้อมรายล้อมวัง
เป็นเวรเวียนเปลี่ยนผลัดใครขัดขาด บังคับคาดโทษทวีเฆี่ยนตีหลัง
ทั้งนอกในไม่ประมาทเคยพลาดพลั้ง ตระเวนระวังนั่งยามตามอัคคี
ความโรงศาลบ้านเมืองที่เคืองขัด ลูกขุนตัดสินฟ้องไม่ต้องที่
พากันเข้าเฝ้าเสนอพระชนนี ทูลคดีชี้ขาดพระอาชญา ฯ
๏ ฝ่ายนางนาฏมาตุรงค์ลืมหลงเลือน สติเฟือนเหมือนยังฝันสูงชันษา
เห็นข้าเฝ้าเศร้าจิตถึงธิดา รำพันด่าจตุสดมภ์กรมวัง
เห็นศึกมาตาขาวทิ้งเจ้าเสีย นอนกอดเมียมุดหัวกลัวฝรั่ง
เลี้ยงไว้เสียเบี้ยหวัดไม่สัจจัง ดีแต่บังเลกกินเงินสินบน
มึงนิ่งให้อ้ายศัตรูมาดูถูก พาหลานลูกกูไปไว้สิงหล
ชอบส่งไปใส่คุกเสียทุกคน นางนั่งบ่นด่าว่าแล้วจาบัลย์ ฯ
๏ พวกเสนาสารภาพกราบพระบาท ขอรับราชอาชญาถึงอาสัญ
ด้วยศัตรูจู่มาไล่ฆ่าฟัน ใครไม่ทันรู้ทั่วทุกตัวคน
ครั้นเพลิงไหม้ไพร่นายพลัดพรายหมู่ ข้ารบสู้ไม่ถนัดจึงขัดสน
ซึ่งเสียพระมเหสีนิฤมล ความผิดล้นพ้นที่จะพรรณนา
ถ้าใส่บทกฎหมายตายทั้งโคตร แม้ยกโทษข้าทั้งหลายหมายอาสา
ไปรบรับจับฝรั่งเกาะลังกา พิฆาตฆ่าโคตรมันให้บรรลัย ฯ
๏ นางพระยาว่ากูเป็นผู้หญิง ไม่รู้สิ่งศึกเสือเหลือวิสัย
ราชการภารธุระพระอภัย ไสหัวไปเสียให้พ้นจากมนเทียร ฯ
๏ ขุนนางลามาตำแหน่งระแวงผิด ราชกิจเกณฑ์รายทนายเสมียน
พวกล้อมวังดั้งเขนเป็นเวรเวียน ใครขาดเฆี่ยนตีทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาโยธาทัพ ต่างแล่นกลับเกลื่อนทางไปกลางหน
ถึงฟากฝั่งลังกาท่าสาชล พร้อมไพร่พลฝรั่งคับคั่งกัน
สองนัดดาคลาไคลขึ้นไปเฝ้า กราบทูลเจ้าลังกานราสรรค์
เหมือนเผาเมืองเรื่องหลังสิ้นทั้งหลาย ได้สุวรรณมาลีบุตรีมา ฯ
๏ พระทรงฟังสรรเสริญเจริญสวัสดิ์ ตบพระหัตถ์สรวลสันต์ด้วยหรรษา
ให้จัดแจงแต่งโต๊ะตั้งสุรา เลี้ยงโยธาทั้งขุนนางให้รางวัล
พระพี่น้องสองหลานประทานเครื่อง ประดับเนื่องเนาวรัตน์ล้วนจัดสรร
อันองค์พระมเหสีบุตรีนั้น กับครัวบรรดาได้นายไพร่มา
ให้ส่งไปไว้ที่ด่านดงตาลตั้ง ทหารพรั่งพร้อมพรักอยู่รักษา
เกณฑ์ชายใช้ไขน้ำตั้งทำนา หญิงเย็บผ้าเสื้อหมวกแจกพวกพล ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระวลายุดานั้น คุมกำปั่นแล่นสล้างไปกลางหน
สังเกตแดนแผนที่มีตำบล อ้อมถนนนอกเรียวเลี่ยงเลี้ยวมา
ได้เดือนครึ่งจึงเข้าอ่าวรมจักร หยุดผ่อนพักพลนิกายกองซ้ายขวา
ให้ปลอมแปลงแต่งเป็นเหล่าชาวชวา ใครถามว่าข้าเฝ้าท้าวอุเทน
กองละร้อยคอยตามกันสามทัพ ปืนสำหรับรบทั้งโล่ดั้งเขน
รีบใช้ใบไปพอปะกองตระเวน หัสเกนสั่งให้ไพร่ใส่แว่นตา
ยิงปืนกลบนอากาศเกลื่อนกลาดกลุ้ม เป็นควันคลุ้มมืดทะเลทั้งเวหา
กองตระเวนเจนสมุทรหยุดนาวา ไม่รู้ว่าใต้เหนือทอดเรือราย
พวกฝรั่งยังเห็นทางสว่างแว่น เข้าในแดนด่านได้ดังใจหมาย
ยิงปืนกลบนตลิ่งฝูงหญิงชาย ต่างเมามายมืดมัวทุกตัวคน
ต่างร้องว่าข้าศึกเสียงครึกครื้น ต่างแตกตื่นต่างเขม้นไม่เห็นหน
ทั้งเวียงวังบังตัวมืดมัวมน ด้วยปืนกลยิงซ้ำกระหน่ำไป
พอกองทัพขับพลขึ้นบนฝั่ง เข้าในวังโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว
พวกข้าเฝ้าเจ้าพระยาเสนาใน ไม่มีใครรบสู้ทั้งบูรี
ด้วยมืดคลุ้มกลุ้มกลบพอพลบค่ำ บ้างเดินคลำซมซานคุกคลานหนี
บ้างโดนกันหันล้มไม่สมประดี ฝรั่งตีเตะส่งวิ่งวงวก
บ้างเวียนวนชนกำแพงตะแคงคว่ำ บ้างหัวตำตอไม้ไหว้ปลก
บ้างโดนเสาเตาหม้อหน้านอฟก บ้างพลัดตกลงในท่อตกบ่อน้ำ
พวกหนุ่มสาวชาวบ้านซมซานวิ่ง โดนผู้หญิงล้มหงายชายล้มคว่ำ
บ้างโดยรั้วตัวโงงโก้งโค้งคลำ บ้างขึ้นบกตกน้ำคลานคลำโคลน
สาวสนมกรมในตกใจร้อง เที่ยวย่างย่องเหยียบอ่างกระถางกระโถน
ที่ข้าไทไม่อยู่กู่ตะโกน สะดุดโดนเฝืองฝาหน้าตาฟก
บ้างฟั่นเฟือนเหมือนหนึ่งว่านัยน์ตาบอด จะไปไหนไม่รอดนั่งกอดอก
บ้างลุกล้มซมซานสะท้านสะทก เหยียบกระจกหวีแตกแหลกกระจาย
เสียงข้าศึกครึกครื้นยิ่งตื่นวิ่ง เสียงผู้หญิงกราดกรีดหวีดหวีดหวาย
บ้างตกเรือนเปื้อนเปียกตะเกียกตะกาย บ้างกลัวตายต้องคุดคู้อยู่ในมุ้ง ฯ
๏ ท้าวทศวงศ์องค์สั่นอยู่งันงก พลาดพลัดตกจากเตียงเสียงดังผลุง
สาวสุรางค์นางพระยาอุส่าห์พยุง พอจวนรุ่งรางรางค่อยสร่างควัน
ฝรั่งแกล้งแปลงแปลกเป็นแขกขู่ ใครขืนอยู่กูจะะฆ่าให้อาสัญ
พระปิ่นเกล้าชาวชวามดาวัน องค์อสัญแดหวาให้หาตัว
แม้ไปเฝ้าเจ้านายจะหายผิด ใครขืนคิดข้องขัดจะตัดหัว
ท้าวทศวงศ์ทรงฟังกำลังกลัว ขอโทษตัวอย่าเพ่อทำให้จำตาย
จะไปด้วยช่วยขอโทษให้โปรดเลี้ยง กลับมาเวียงวังได้ดังใจหมาย
จะบนทองสองกระสอบลอบให้นาย ฝรั่งกลายแกล้งว่าอย่าปรารมภ์
แล้วเชิญองค์ทรงศักดิ์กับอัคราช ประยูรญาติวงศ์ท้าวสาวสนม
ลงกำปั่นลั่นฆ้องกลองระดม ชาวเมืองรมจักรตื่นเสียงครื้นครึก
เห็นกองทัพกลับแกล้งเปลี่ยนแปลงแปลก หมายว่าแขกชาวชวาเป็นข้าศึก
ทั้งชายหญิงวิ่งอึงอึกทึก ทหารฮึกโห่ร้องก้องโกลา
ล่องออกจากปากน้ำพบกำปั่น คอยหนุนทัพรับกันต่างหรรษา
กราบทูลพระวลายุดานุชา ดังได้ท้าวเจ้าพาราฝูงนารี ฯ
๏ พระชื่นชมโสมนัสแล้วตรัสสั่ง อย่ากักขังขุ่นข้องให้หมองศรี
รีบใช้ใบไปข้างหน้าอย่าช้าที พวกเรานี้จะรอรั้งหนุนหลังไป
แล้วฆาตฆ้องกลองสัญญาโยธาหาญ โห่สะท้านสะเทื้อนลั่นเสียงหวั่นไหว
ออกกำปั่นหันกลับเลิกทัพชัย ต่างใช้ใบแล่นหลามไปตามกัน ฯ
๏ ฝ่ายบุตรพราหมณ์สามนายเป็นชายฉลาด ล้วนทรงศาสตร์ไสยเวทวิเศษขยัน
ที่ลูกยาสานนอุบลนั้น ชื่อยุขันความคิดเหมือนบิดร
คนหนึ่งนามพราหมณ์มะหุดบุตรวิเชียร พ่อให้เรียนรบสู้ธนูศร
บุตรเจ้าโมราพราหมณ์นามมังกร เหมือนบิดรชำนาญในการกล
เมื่อศรีสุวรรณนั้นจะไปมิได้สั่ง พี่เลี้ยงทั้งสามประเทศเกรงเหตุผล
ต่างเกณฑ์ไพร่ให้เจ้าพราหมณ์บุตรสามคน คุมพวกพลคนละพันป้องกันเมือง ฯ
๏ ทั้งศรีสุดานารีมีโอรส กับทรงยศศรีสุวรรณผิวพรรณเหลือง
ชื่อองค์พระกฤษณาเดชาเรือง อยู่นอกเมืองมีวังลำพังเธอ
อันบุตรพราหมณ์สามนายชายฉลาด กับหน่อนาถรักใคร่เวียนไปเสมอ
ฝึกละครฟ้อนรำเครื่องบำเรอ เหตุด้วยเธอหนุ่มนักรักสำราญ
เมื่อโยธาฝรั่งเข้าวังนั้น เห็นหมอกควันมืดสิ้นทุกถิ่นฐาน
ไม่สังเกตเหตุผลแก้กลการณ์ ทั้งทหารไม่เห็นทางตาฟางเฟือน
ต่อรุ่งเช้าเข้าไปดูจึงรู้ชัด เสียกษัตริย์ตกใจใครจะเหมือน
ทั้งเสนาสามนต์พลเรือน ต่างตกประหม่าหน้าเฝื่อนฟั่นเฟือนใจ ฯ
๏ พระกฤษณาว่าทัพพึ่งกลับดอก ยังไม่ออกลึกซึ้งไปถึงไหน
เร็วเถิดเราเจ้าพราหมณ์รีบตามไป เห็นพร้อมใจจัดแจงแต่งนาวา
พลประจำลำละพันกำปั่นรบ อาวุธครบปืนรายรอบซ้ายขวา
เป็นสี่ลำนำลงแล่นตรงมา ฝ่ายเสนาใหญ่น้อยต่างพลอยตาม
ลงเรือรบครบสรรพอาวุธ อุตลุดคับคั่งตามหลังหลาม
ฝ่ายวิเชียรโมราสานนพราหมณ์ ต่างรู้ความทั่วว่าเสียธานี
แขกชวาพาองค์พระทรงเดช จากนิเวศน์ไปทั้งพระมเหสี
ต่างตกใจในอารมณ์ไม่สมประดี เกณฑ์พลขี่ม้าขับมาฉับพลัน
ถึงเวียงวังทั้งสามถามอำมาตย์ ว่าหน่อนาถกับลูกชายตามผายผัน
ต่างตกใจไม่อยู่ช้ารีบพากัน ลงกำปั่นคนละลำล่องน้ำไป
พอออกจากปากอ่าวเห็นชาวด่าน เกณฑ์ทหารให้รีบนำสายน้ำไหล
เป็นนาวาห้าสิบสามตามหน่อไท รีบใช้ใบตามคลื่นทั้งคืนวัน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระกฤษณารีบมาก่อน เจ้ามังกรมะหุดตามพราหมณ์ยุขัน
กับเสนามาข้างหลังสิ้นทั้งนั้น สิบห้าวันทันฝรั่งพวกลังกา
ไม่เห็นเป็นเช่นแขกแปลกประหลาด ล้วนเชื้อชาติชาวฝรั่งคิดกังขา
ครั้งเข้าใกล้ให้ล่ามถามกิจจา มึงพาพระอัยกามาว่าไร
เร่งคืนองค์ส่งสองกษัตริย์กลับ จะล่าทัพถอยหนีพ้นที่ไหน
แม้มิส่งองค์พระภูวไนย จะจุดไฟเผาเรือไม่เหลือตาย ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระวลายุดาสั่ง ให้ถามมั่งดังประสงค์จำนงหมาย
เรียกอัยกาว่าขานเหมือนหลานชาย กลับคิดร้ายเราที่ผู้มีคุณ
แขกชวาพาหนีเราตีได้ ด้วยนับในญาติเชื้อช่วยเกื้อหนุน
จะพาไปไว้พาราด้วยการุญ ยังมาวุ่นวายว่าจะราวี
อันเราหรือชื่อวลายุดานาถ โอรสราชรมจักรทรงศักดิ์ศรี
ตัวมาตามนามใดไพร่ผู้ดี เมื่อแขกตีเมืองทำไมจึงไม่ชิง
เดี๋ยวนี้มาว่าขานจะพาลผิด พูดอวดฤทธิ์รบพุ่งทำสุงสิง
ทำเกะกะเราจะให้ปืนใหญ่ยิง ต้องตายกลิ้งกลางคลื่นไม่คืนคง ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระกฤษณาฟังฝรั่ง รู้ความหลังตอบความตามประสงค์
ตัวเราหรือคือโอรสยศยง ชื่อว่าองค์กฤษณาอยู่ธานี
อันน้องข้าเจ้าวลายุดานั้น เกิดกับครรภ์มารดารำภาสะหรี
แม้จริงจังดังว่าเหมือนพาที เราเป็นพี่มิใช่ใครหาไหนมา
จะพาเจ้าเข้าไปชมรมจักร หยุดผ่อนพักพลขันธ์ให้หรรษา
ได้เฝ้าองค์ทรงฤทธิ์พระบิดา จะพาพระอัยกาไปว่าไร ฯ
๏ ฝ่ายวลายุดารู้ว่าพี่ ออกยืนที่แท่นทองสนองไข
อันตัวเราเล่าก็คิดตั้งจิตใจ จะใคร่ไปอภิวาทบาทยุคล
เดี๋ยวนี้รู้อยู่ว่าองค์พระทรงภพ ไปปลงศพสองกษัตริย์ยังขัดสน
จะรอท่าช้านานป่วยการพล เป็นกังวลเวียงวังข้างลังกา
อันสองท้าวสาวสรรค์กำนัลนาฏ ก็นับญาติอยากให้รักให้หนักหนา
พาไปไว้ให้สนิทจนบิดา เสด็จมานคเรศนิเวศน์วัง
จึงจะพามาเฝ้าเอาความชอบ ตามระบอบเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง
จริงนะพี่มิได้ว่าอิจฉาชัง ช่วยทูลทั้งบิตุราชมาตุรงค์
ว่าน้องยามาเฝ้าจะเคารพ ไม่ประสบสมจิตคิดประสงค์
อีกปีหนึ่งจึงจะต้องเชิญสององค์ กลับมาส่งนคเรศนิเวศน์วัง
พี่กลับไปไอศวรรย์ฟังฉันว่า แขกชวามันจะยกเข้าวกหลัง
เหมือนคราวนี้พี่ประมาทจึงพลาดพลั้ง อย่ารอรั้งรีบกลับกองทัพไป ฯ
๏ พระฟังคำอ้ำอึ้งคะนึงนึก จึงตรัสปรึกษาพราหมณ์ตามสงสัย
เขาห้ามเราเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร พวกพราหมณ์ไม่เชื่อพระอนุชา
แม้นน้องรักต้องเคารพนอบนบพี่ นี่ท่วงทีถือชาตินอกศาสนา
แม้มิส่งองค์พระอัยกา มันเป็นข้าศึกแน่มาแก้มือ
ถึงรบพุ่งกรุงไกรอ้ายฝรั่ง แกล้งทำดังแขกเหรื่ออย่าเชื่อถือ
ข้าจะอ่านอาคมให้ลมฮือ พัดกระพือทวนทัพถอยกลับมา
เราเข้าเรือเหนือลมระดมไล่ เผาเรือให้อ้ายฝรั่งสิ้นสังขาร์
พระเห็นตามพราหมณ์ยุขันจำนรรจา จึงร้องว่าเจ้าวลานุชาชาญ
อันสององค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ ไม่ควรพลัดพระนิเวศน์เขตสถาน
แม้นับถือซื่อตรงเป็นวงศ์วาน อย่าทำการเกินพระราชอาชญา
จงรอรั้งยั้งหยุดพระนุชน้อง คืนส่งสองทรงเดชให้เชษฐา
แม้ขืนขัดตัดขาดญาติกา ก็เป็นข้าศึกจะได้ผิดใจกัน ฯ
๏ ฝรั่งได้ฟังคำแกล้งทำตอบ จะชิงชอบเชิญเสด็จไปเขตขัณฑ์
ได้บอกความตามจริงทุกสิ่งอัน ไม่ผ่อนผันพูดให้เจ็บใจจริง
จะคิดข้อก่อกวนชวนวิวาท เราก็ชาติชายใช่วิสัยหญิง
มิฟังห้ามลามล่วงจะช่วงชิง ก็เห็นจริงทีจะขาดญาติวงศ์วาน ฯ
๏ พระแค้นคั่งสั่งพหลพลรบ ให้เตรียมคบครบทั่วตัวทหาร
เตือนยุขันนั้นให้คิดในกิจการ เจ้าพราหมณ์อ่านอาคมเรียกลมพลัน
เปิดมหาวาโยเตโชธาตุ นภากาศวิปริตเห็นผิดผัน
โพยมพยับเป็นพายุขึ้นปัจจุบัน ทวนกำปั่นพวกฝรั่งถอยหลังมา ฯ
๏ เรือบุตรพราหมณ์สามนายหน่อกษัตริย์ ต่างหลีกลัดแล่นรายไปซ้ายขวา
ขึ้นเหนือลมสมคะเนสั่งเสนา มัดฟางหญ้าชุบชันน้ำมันยาง
โยนเชื้อไฟใส่ลำเรือกำปั่น ไหม้เป็นควันพลุ่งโพลงผึงโผงผาง
ติดใบเพลาเสากระโดงระโยงระยาง บ้างจมบ้างคลื่นซ้ำล่มคว่ำไป
ที่ยังเหลือเรือฝรั่งสิ้นทั้งนั้น ระดมปืนครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว
พระกฤษณากล้ารบแกว่งคบไฟ เข้าจุดไหม้ใบวลายุดาโพลง ฯ
๏ ฝรั่งกลุ้มรุมดับบ้างรับรบ เรือกระทบกระแทกข้างเสียงผางโผง
ต่างแทงฟันลั่นปืนลูกคลื่นโคลง เสากระโดงกระดานแตกแยะแยกลำ
ไม่หลีกหลบรบรับเข้าคับคั่ง เสียงตึงตังแตกจมบ้างล้มคว่ำ
ต่างเสียเรือเหลือตายต่างว่ายน้ำ บ้างยุดปล้ำซ้ำกันแทนฟันตาย
เรือยุขันนั้นล่มจมสมุทร ลำมะหุดรับได้ไพร่ทั้งหลาย
เรือพี่น้องสองกษัตริย์แตกพลัดพราย ทั้งไพร่นายว่ายวนปะปนกัน
พอข้าเฝ้าชาวพาราตามมาปะ ช่วยรับพระกฤษณาไม่อาสัญ
ข้างฝ่ายพระวลายุดานั้น เรือกองทัพรับทันไม่บรรลัย
พอพลบค่ำกำลังลมยังพัด แตกกระจัดกระจายกันเสียงหวั่นไหว
สักสองยามพราหมณ์ยุขันกลับพรั่นใจ บันดาลให้ลมหายคลื่นคลายลง ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งลังกาเวลาค่ำ ไม่เห็นลำแล่นระเหิดเตลิดหลง
เลี้ยวละเมาะเกาะเกียนวกเวียนวง แต่ลำทรงตรงก้าวออกอ่าวลึก ฯ
๏ ฝ่ายบุตรพราหมณ์สามนายรายเรือหา พบลำพระกฤษณาเวลาดึก
ต่างปรึกษาว่าไม่สมอารมณ์นึก ด้วยข้าศึกหลายร้อยเราน้อยนัก
ยังเหลือแต่เจ็ดลำทั้งอำมาตย์ หัวหมื่นมหาดเล็กเจ้ากรมรมจักร
จึงหยุดจอดทอดสมอแต่พอพัก คิดจะหักหาญศึกปรึกษากัน ฯ
๏ ฝ่ายพวกสามพราหมณ์พี่เลี้ยงรายเรียงแล่น ออกสุดแดนนคเรศสิ้นเขตขัณฑ์
พอรุ่งเช้าเข้าสิบห้าทิวาวัน ก็พบกันกับทั้งสามพราหมณ์ลูกยา
โยนสมอรอเรียงเรือเคียงใกล้ ลูกชายไหว้พร้อมทั้งพระกฤษณา
ฝ่ายสามพราหมณ์ถามถึงพระอัยกา แขกชวาพาไปหนตำบลใด ฯ
๏ หน่อนราว่าฝรั่งสิ้นทั้งนั้น อย่าสำคัญแขกชวาหามิได้
แล้วเล่าความตามจริงเหมือนชิงชัย เข้าลุยไล่ไฟจุดไม่หยุดยั้ง
เผากำปั่นมันทลายล้มตายยับ จับแม่ทัพแทบจะได้ดังใจหวัง
พอเรือล่มจมน้ำเหลือกำลัง เล่าให้ฟังดังได้มาพูดจากัน ฯ
๏ พราหมณ์ว่าทั้งข้าเจ้ายังเยาว์นัก จะหาญหักรบรอนต้องผ่อนผัน
นี่ทำด้วยมุทะลุเดือดดุดัน ไม่เป็นอันจะได้องค์พระทรงยศ
ทั้งสองท้าวสาวสุรางค์นางสนม จะพลอยจมน้ำด้วยมอดม้วยหมด
อย่าหักหาญดาลเดือดจงเงือดงด จะเสียยศถอยศักดิ์ซ้ำหนักไป
ผิดเสียแล้วแคล้วคลาดประมาทจิต ต้องค่อยคิดผันแปรตามแก้ไข
เกณฑ์สมทบรบพุ่งถึงกรุงไกร คงจะได้อัยกากลับมาเมือง
จะตามจับขับเคี่ยวประเดี๋ยวนี้ มิถึงที่วายวางก็คางเหลือง
เสนาในไพร่นายจะตายเปลือง กลับไปเมืองจะได้คิดกิจการ
ครั้นเสร็จสอนถอนสมอไม่รอรั้ง รีบเข้ายังนคเรศเขตสถาน
เขียนบอกกล่าวข่าวนครที่รอนราญ ไปทูลสารสองกษัตริย์กรุงรัตนา ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายแล่นพรายพลัด เที่ยวเลี้ยวลัดเกาะแก่งแสวงหา
แต่ลำทรงองค์ท้าวเจ้าพารา มันรีบพาไปทางกลางทะเล
เมื่อลมหวนป่วนปัดตุหนัดตุเหน่ง เรือโคลงเคลงคลื่นปั่นให้หันเห
นางค่อมเค้าสาวสนมล้มซวนเซ คลื่นยิ่งเททุ่มโถมครื้นโครมเครง ฯ
๏ สงสารท้าวหาวเรอพูดเพ้อพร่ำ คนก็ทำน้ำลมพลอยข่มเหง
นางพระยาว่ามันโคลงกะโตงกะเตง นั่งโงงเงงโงกหงุบฟุบกระแต
เจ้าขรัวนายหงายล้มเลยลมจับ ชักผงับผง้อนอ่อนป้อแป้
บ้างร้องกรีดหวีดว้ายลูกตายแท้ เสียงเซ็งแซ่แก่สาวพวกชาววัง
บ้างไหว้พระเดชะบุญคุณแม่พ่อ ว่ากอขอกอกาหน้าเป็นหลัง
บ้างสวดมนต์บ่นภาวนาดัง อนิจจังอนัตตมไม่สมประดี ฯ
๏ ฝ่ายต้นหนคนท้ายนายทหาร บ้างทุบสารส้มเผาเซ่นเหล้าผี
เชือดคอแพะแกะขว้างกลางนที พอลมดีรีบรุดไม่หยุดยั้ง ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระวลายุดานั้น ทอดกำปั่นรอรับพวกทัพหลัง
สัญญาปืนครื้นครั่นสนั่นดัง มาพร้อมพรั่งพลเรือที่เหลือไฟ
ที่เพลิงไหม้ไพร่นายตายในน้ำ ห้าสิบลำมิได้เห็นว่าเป็นไฉน
พอเย็นรอนถอนสมอขึ้นช่อใบ รีบแล่นไปในทะเลทุกเวลา
ตามลมคลื่นครื้นครึกออกลึกลิบ พอถ้วนสิบห้าวันทันทัพหน้า
สมทบทัพคับคั่งเข้าลังกา ขึ้นเฝ้าพระมังคลาเจ้าธานี
กราบทูลความตามเรื่องรบเมืองได้ องค์ท้าวไทมาทั้งพระมเหสี
พระกฤษณาข้าเฝ้าชาวบุรี มาตามตีแตกยับถอยกลับไป ฯ
๏ พระตรัสชมว่าสมเป็นอุปราช เฉลียวฉลาดเหลือดีจะมีไหน
จึงปลดเปลื้องเครื่องกษัตริย์อันตรัสไตร ประทานให้องค์พระวลานุชา
เงินทองทั้งกังเกงกับเสื้อหมวก แจกให้พวกไพร่นายทั้งซ้ายขวา
อันสองท้าวสาวสรรค์ฝูงกัลยา ตรัสสั่งให้ไปรักษาไว้ป่าตาล
แล้วคิดความสามเมืองจะเคืองขัด จึงจัดหัสเกนฝ่ายนายทหาร
เป็นกองคอยร้อยลำล้วนชำนาญ ตระเวนด่านในมหาชลาลัย ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ