ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ

๏ ฝ่ายจอมพงศ์องค์อาอยู่หน้าป้อม เห็นพรั่งพร้อมไพร่พหลพลขันธ์
สั่งหน่อนาถราชนัดดาอยู่ช้าพลัน ออกช่วยกันทันเห็นจะเป็นการ
สินสมุทรสุดสาครออกต้อนไพร่ ทั้งหัสไชยกฤษณาล้วนกล้าหาญ
ต่างทรงสิงห์มิ่งม้าอาชาชาญ ตีฆ้องขานโห่ลั่นเสียงครั่นครึก
พวกโยธีสี่ทัพนั้นนับแสน ปืนหามแล่นลากล้อเข้าต่อศึก
เสียงสนั่นลั่นเลื่อนสะเทื้อนสะทึก กำดัดดึกเดือนสว่างในกลางคืน
พวกผลึกลังกาแขกฝาหรั่ง ถือแตะบังตัวตนคนละผืน
ไว้สำหรับทับขวากที่ฟากพื้น บ้างยิงปืนปีนค่ายทลายฟัน ฯ
๏ พวกในค่ายไล่ทหารขึ้นราญรับ บ้างสวนทัพคอยแทงล้วนแข็งขัน
บ้างปล่อยตับทัพชนวนบ้างสวนควัน พวกคนธรรพ์แทงฟาดด้วยสาตรา
ถอนทลายค่ายพังฝรั่งแขก เข้าลุยแหลกแหกค่ายเข้าซ้ายขวา
ไล่คนธรรพ์กันลงในคงคา ฝ่ายพวกฝาหรั่งรุมตะลุมบอน
ด้วยพวกเพชรกำพลผู้คนน้อย บ้างลงลอยน้ำหนีบ้างขี่ขอน
พวกทัพเรือเหลือพหลพลนิกร ต่างรีบร้อนถอนสมอขันช่อใบ
เมื่อกลางคืนปืนฝรั่งยิงพังค่าย เสียงเหมือนสายฟ้าผ่าสุธาไหว
พระมังคลาให้พะว้าพะวังใจ ถอยทหารราญไล่รุกรบมา
พอเช้าตรู่ดูค่ายทลายแหลก ค่ายเรือแตกแยกย้ายไปซ้ายขวา
เรือผลึกรมจักรนัครา ทั้งเรือการะเวกพร้อมห้อมล้อมรบ
เหลือกำลังมังคลานั่งหน้าจ๋อย เที่ยวแล่นลอยหากันเข้าบรรจบ
ทั้งหลีกปืนคลื่นซ้ำจนค่ำพลบ ต้องถอยทบหลบไปข้างต้นทางมา
ฝ่ายเรือตามสามทัพก็กลับหลัง เช้าจอดฝั่งต่างก็ขึ้นเก็บปืนผา
ฝ่ายพวกพ้องกองทัพวลายุดา กับทั้งวายุพัฒน์หัสกัน
ต่างเข้าฝั่งลังกาปรึกษาพร้อม จะนอบน้อมบิตุเรศคืนเขตขัณฑ์
พระวลาวายุพัฒน์หัสกัน เข้าเฝ้าพระศรีสุวรรณจำนรรจา ฯ
๏ ข้าทั้งสามความผิดได้คิดคด ทรยศโยโสขอโทษา
จะขอเป็นเกือกทองรองบาทา สนองคุณมุลิกาข้างหน้าไป
ศรีสุวรรณครั้นเห็นพระลูกหลาน แสนสงสารเสนหาตรัสปราศรัย
แต่หนหลังยังเยาว์คิดเบาใจ เดี๋ยวนี้ใหญ่อย่าให้เป็นเหมือนเช่นนั้น
แล้วแย้มเยื้อนเอื้อนอรรถดำรัสสอน สินสมุทรสุดสาครคิดผ่อนผัน
แล้วให้วลาวายุพัฒน์หัสกัน อภิวันท์สินสมุทรสุดสาคร
แล้วก็ให้ไหว้พระหัสไชยว่า เขาเป็นอานะจงฟังเธอสั่งสอน
สามรับสั่งบังคมประนมกร ต่างอวยพรภิญโญเดโชชัย ฯ
๏ อันเรื่องราวกล่าวความสามหน่อนาถ ล้วนวงศ์ญาติชาติเชื้อในเนื้อไข
ครั้นเข้าหาพาทีก็ดีไป ตามวิสัยสุริย์วงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลาซึ่งล่าทัพ คอยรอรับเรือพหลพลขันธ์
ถึงเกาะใหญ่ใต้ลังกาทางห้าวัน จึงหยุดจอดทอดกำปั่นเป็นหลั่นลอย
ที่เรือแตกแยกคลาดตรึงกราดเหล็ก ทั้งเรือเล็กเรือใหญ่เรือใช้สอย
ให้นับเรือเหลือตามมาสามร้อย ตั้งรอคอยกองทัพหยุดยับยั้ง
คนทั้งหลายนายไพร่เจ็บไข้ผอม คิดรวมรอมพร้อมทัพจะกลับหลัง
สิ้นข้าวปลาพากันต้มขนมปัง องค์พระมังคลาอุราระกำ
เป็นไข้ใจไม่มีสุขด้วยทุกข์ร้อน จะนั่งนอนถอนสะอื้นทุกคืนค่ำ
ให้หิวโหยโรยราจนหน้าดำ บาทหลวงพร่ำนั่งสอนให้หย่อนคลาย
อย่าทุกข์นักหักจิตคิดมานะ อุตสาหะจะได้สมอารมณ์หมาย
เมื่อทัพแตกแรกหนีมีแต่กาย เที่ยวขวนขวายร่ายเร่พเนจร
จนได้ผ่านบ้านเมืองรุ่งเรืองเดช ทั่วประเทศเกรงจบสยบสยอน
อันวิสัยในการจะราญรอน ต้องผันผ่อนแพ้ชนะอย่าละเพียร
แต่องค์พระนารายณ์ยังพ่ายศึก จงตรองตรึกศึกษาตำราเขียน
อุตส่าห์ดูที่ตำรับฉบับเรียน อย่าวนเวียนเพียรเอาเมืองให้เลื่องลือ
พระฟังเตือนเหมือนหนึ่งหยิบน้ำทิพรส เห็นดีหมดอตส่าห์นั่งดูหนังสือ
ที่ตื้นลึกปรึกษาได้หารือ จะชิงชัยไว้ชื่อให้ลือชา
ท่านยายแก่แม่เลี้ยงอยู่เคียงข้าง ไม่เริศร้างห่างเหเสนหา
ด้วยขัดขวางกลางชเลทุกเวลา จนนางพระยานารีนั้นมีท้อง
ด้วยระดูรู้ในน้ำใจหญิง จะบอกจริงกริ่งกลัวผัวจะหมอง
อยากเปรี้ยวเปรี้ยวให้เที่ยวหาผักมาดอง ให้ท้อแท้แพ้ท้องอยู่ห้องใน ฯ
๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นศึกเว้นว่าง ค่อยเสื่อมสร่างเศร้าหมองผุดผ่องใส
พาหน่อนาถราชนัดดากับข้าไท เสด็จไปเขาสิงคุตรที่กุฎี
พากันเข้าเฝ้าองค์พระทรงพรต น้อมประณตทูลความสามฤๅษี
ว่านัดดาพากันมาอัญชลี ด้วยภักดีโดยจริงทุกสิ่งอัน
แล้วทูลความตามศึกที่ฮึกเหิม จะต่อเติมเพิ่มพหลพลขันธ์
เพราะยายเฒ่าเจ้าประเทศเขตคนธรรพ์ มาด้วยมันแม่เลี้ยงเคียงประคอง ฯ
๏ ฝ่ายสามองค์ทรงพรตสู้อดจิต มิใช่กิจผิดระบอบไม่ตอบสนอง
แต่ปราศรัยไต่ถามตามทำนอง ถึงพวกพ้องญาติวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์
เสือกกระบะสลาออกมาตั้ง แล้วนิ่งนั่งหวังจะเลยเสวยสวรรค์
สอนวลาวายุพัฒน์หัสกัน อย่าดุดันหันหวนไม่ควรการ
อันกำเนิดเกิดตายทั้งชายหญิง ไม่มีสิ่งแน่นแฟ้นเป็นแก่นสาร
จงนึกในไตรลักษณ์มรรคญาณ พระนิพพานนั้นแหละนะแสนสบาย
อันวิสัยในโลกโสโครกครบ คืออาศพอสุภังสิ้นทั้งหลาย
จงคิดปลงลงให้เห็นที่เป็นตาย อันร่างกายกลายเป็นพระอนิจจัง
จึงลุงป้าย่าปู่นี้สู้อด เห็นปรากฏยศคือยุคะทุกขัง
ถึงจะห้ามปรามใครก็ไม่ฟัง เหลือจะสั่งสอนซ้ำให้รำคาญ
ด้วยลูกดื้อถือทิฐิติแม่พ่อ ผ่าเหล่ากอเกเรเดรฉาน
เพราะคบพาลพาหลงล้างวงศ์วาน ถ้าคบท่านชาญฉลาดเป็นปราชญ์ดี
เอ็งอุตส่าห์หาครูที่รู้หลัก อยู่สำนักจะได้เลิศประเสริฐศรี
ถึงยากเย็นเช่นกับกูเป็นมุนี อยู่กุฎีมีสุขทุกเวลา
บรรดาฟังทั้งพระอารับสาธุ ยังไม่ลุก็แต่พระกฤษณา
พอเทพินผินมาปะนัยนา ค่อยหลีกเลี่ยงเมียงมาหาห้ามุนี
ตรีพลำอัมพวันพระเทวัญ เทพเทพินนิลกัณฐีฤๅษี
ทำยิ้มพรายชายตาแล้วพาที พระอยู่ดีดอกหรือจ๋าทั้งห้าองค์
ขอส่วนบุญคุณช่วยฉันด้วยมั่ง ให้สมหวังดังจิตคิดประสงค์
ฉันรำลึกนึกในน้ำใจจง เสร็จณรงค์คงจะลารักษาพรต
มาอยู่ด้วยช่วยกันฉันลูกไม้ ก็จะได้ไปสวรรค์ด้วยกันหมด
หรือลืมหลังหวังสวรรค์ชั้นโสฬส พระดาบสบอกบ้างอย่างหมางเมิน ฯ
๏ ฝ่ายฤๅษีสี่องค์ว่าทรงศีล ตรวจวารินรำพันสรรเสริญ
นึกอวยชัยให้พระองค์จงจำเริญ จึ่งจะเชิญเชษฐารักษาพรต
เทพินพี่ปรีชาว่ามาบวช ถือศีลสวดภาวนาตามดาบส
แบ่งผลาอานิสงส์ให้ทรงยศ ด้วยปรากฏทศทิศเป็นนิรันดร์
พระกฤษณาสาธุสะพระนักสิทธ์ ฉันนี้คิดเลื่อมใสเฝ้าใฝ่ฝัน
จะบวชบ้างสร้างสมพรหมจรรย์ ไปสวรรค์ชั้นเดียวกันเจียวจริง
พระฤๅษีสององค์ทรงพระสรวล พี่สาวม้วนเมินหน้าประสาหญิง
ต่างพูดจาปราศรัยไว้ประวิง ไม่สิ้นสิ่งเสนหาด้วยอาลัย
พระกฤษณาว่าพระตรีพลำจ๊ะ เจ้าคุณจะบวชตะบึงไปถึงไหน
มาอยู่ป่าช้านานสำราญใจ นิมนต์ไปชมมั่งเมืองลังกา
ฟังไกกลดนตรีมีต่างต่าง ดุริยางค์ช่างเสนาะเพราะหนักหนา
ฉันนิมนต์ปรนนิบัติด้วยศรัทธา ฉันในวังลังกาทังห้าองค์
พระฤๅษีตรีพลำรับคำจ๊ะ ต้องกิจพระจะไปตามความประสงค์
แล้วทูลความสามนักสิทธ์บิตุรงค์ ตามจำนงพระจะไปตามความประสงค์ ฯ
๏ สามดาบสอดยิ้มพริ้มพระพักตร์ ด้วยเดิมรู้อยู่ว่ารักกันหนักหนา
ไม่ห้ามปรามตามคหัสถ์เขาศรัทธา ราธนาพากันไปเป็นไรมี
ศรีสุวรรณกลั้นสรวลพลอยชวนด้วย ฉันจะช่วยเข้าทำบุญคุณฤๅษี
พอจวนค่ำอำลาห้ามุนี ต่างเข้าที่อาศรมต่างห่มดอง
ชฎาทรงวงกระหวัดจีบจัดยอด ประคำสอดสวมพระหัตถ์ถือพัดป้อง
องค์พี่สาวก้าวจรจรัลเทวัญรอง ที่สามน้องนิลกัณฐีตรีพลำ
อัมพวันนั้นอยู่หลังพร้อมทั้งห้า เยื้องยาตราน่าชมล้วนคมขำ
ค่อยเรียงรอจรลีบริกรรม พี่ชายนำห้าองค์มาทรงรถ
สานุศิษย์กฤษณาเป็นสารถี ห้ามุนีนั่งบัลลังก์มาทั้งหมด
มาตามทางกลางอรัญริมบรรพต ข้างหลังรถศรีสุวรรณตามกันมา
ครั้นราตรีมีประทับที่ยับยั้ง เขาก่อตั้งตึกรายทั้งซ้ายขวา
ครั้นแจ่มแจ้งแสงอุทัยเคลื่อนไคลคลา ชมรุกขาเขียวชอุ่มเป็นพุ่มพวง
ที่บานแบ่งแมงภู่เวียนวู่ว่อน เชยเกสรเสาวคนธ์บ้างหล่นร่วง
พระตรัสใช้ไพร่พลคนทั้งปวง ให้เก็บดวงพวงผกาสุมาลี
ทั้งพุดจีบปีบจำปาแก้วกาหลง พะยอมประยงค์นางแย้มสอดแซมศรี
รสสุคนธ์มณฑาสารภี มะลุลีเลือกสรรค์ล้วนจันทน์อิน ฯ
๏ พระกฤษณาหาดอกรักหักกิ่งโศก แซมดอกโมกกุหลาบอังกาบกระถิน
ถวายตรงองค์เทพเทพิน นางทราบสิ้นสาธุสะโมทนา
ส่วนมุนีสี่องค์ได้น้อยน้อย ชะโงกคอยจ้องหัตถ์ริมรัถา
ต่างฉวยชักหักกิ่งชิงผกา ลืมรักษากิจกรมพรหมจรรย์
ต่างสอดเสียบเรียบร้อยห้อยไว้รอบ ต่างชื่นชอบชมชวนกันสรวลสันต์
ได้ดอกดีตรีพลำให้อัมพวัน เทวัญนั้นให้กัณฐีต่างชี้ชวน
เจ้าอามาข้างหลังเห็นทั้งสิ้น ไม่ติฉันผินผันกลั้นพระสรวล
ทำไม่เห็นเล่นห้ามตามกระบวน ด้วยเด็กล้วนรุ่นราวคราวคะนอง
ถึงเวียงวังลังกาเชิญดาบส ทั้งห้าองค์ลงจากรถเดินจดจ้อง
ขึ้นอยู่บนมนเทียรที่เขียนทอง เหล่าพวกพ้องพงศ์พันธุ์มาวันทา
เห็นเทพินนิลกัณฐีตรีพลำ ล้วนน่าชมคมขำล้ำเลขา
ทั้งแก่สาวชาววังเมืองลังกา พากันมาเฝ้าแหนดูแน่นนันต์
บ้างค่อยว่าน่าชมสมกันสิ้น พระเทพินกฤษณาหน้าคมสัน
พระเทวัญกัณฐีพอดีกัน พระตรีพลำอัมพวันสมกันดี
พวกท้าวนางต่างห้ามอย่าหยามหยาบ ไม่กลัวบาปบ้างดอกหรือพระฤๅษี
ต่างได้ดวงพวงบุปผาสุมาลี ของใครมีมาบูชาทั้งห้าองค์
ครั้นรุ่งเช้าคาวหวานเครื่องอานเพียบ มาตั้งเรียบเรียงเรียงเหมือนเลี้ยงสงฆ์
พร้อมสุรางค์นางนาฏพระญาติวงศ์ กับทั้งองค์ศรีสุวรรณจำนรรจา
ประเคนขันสำรับด้วยนับถือ นิมนต์ฤๅษีฉันด้วยหรรษา
ของเติมเต็มเอมโอชโภชนา อิ่มพร้อมกันฉันน้ำชาประหม่าใจ
แล้วนั่งที่พี่น้องพัดป้องพักตร์ ด้วยหนุ่มนักนึกพรั่นประหวั่นไหว
แต่พี่สาวดาวบสสะกดใจ กระแอมไอให้กระดากอายปากคอ
ขึ้นยถาว่าจังหวะไม่จะแจ้ง เสียงสั่นแปร่งแห้งแหบเหมือนแสบคอ
น้องจะรับสัพพีแล้วรีรอ ต้องหัวร่อริกริกขิกขิกไป
พระญาติวงศ์องค์อาพากันสรวล ต่างสำรวลฤๅษีใช่วิสัย
แล้วตรวจน้ำอำลาต่างคลาไคล ครั้นเช้าไปนิมนต์ฉันทุกวันมา
ครั้นราตรีพี่ชายถวายหวาน น้ำชุบานท่านฉันต่างหรรษา
แล้วไขกลดนตรีปี่ชวา กลองฝรั่งบังกะหล่ามโหรี
ด้วยสามองค์ทรงศีลถวิลหวัง พอใจฟังสังคีตข้างดีดสี
บ้างขันไกไขกลดูดนตรี ล้วนแรกรุ่นมุนีต่างปรีดา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ