ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา

๏ จะกล่าวกลับทัพลังกาอาณาเขต ครั้นแจ้งเหตุศึกมานั้นกล้าแข็ง
กระบวนบกยกมาตั้งอยู่กลางแปลง ดูเรี่ยวแรงเกลื่อนกลาดดาษดา ฯ
๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงอาณาจักร คิดจะหักหาญศึกพลางปรึกษา
กับท่านครูสามิภักดิ์จักรา กับเสนาเคยประจญรณรงค์
เราจะคิดรบรับทัพครั้งนี้ โดยวิธีให้กระจุยเป็นผุยผง
เห็นจะได้หรือมิได้ดั่งใจจง การณรงค์กล้าแข็งแรงกำลัง
แม้นเสียทีมันคงตีกระทั่งเขต จะเกิดเหตุวุ่นวายเมื่อภายหลัง
เขาย่อมว่าศึกเสือเหลือกำลัง หรือจะตั้งมั่นไว้ดั่งใจปอง
พวกเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร ปรึกษาการแล้วประมูลทูลฉลอง
ครั้นจะตั้งมั่นไว้ดั่งใจปอง ดูทำนองเห็นจะบุกเข้าคลุกคลี
ข้าพเจ้าเสนาอันสามารถ ขอรองบาทบงกชบทศรี
จะอาสารบสู้ดูไพรี ออกต่อตีดูกำลังเหมือนอย่างทูล ฯ
๏ ฝ่ายครูเฒ่าจักราปรีชาฉลาด บังคมบาทธิบดินทร์ปิ่นไอศูรย์
ขอตั้งรับทัพขันดั่งฉันทูล อันเค้ามูลเขาชำนาญในการมนต์
ขอแต่หญ้ามาทำเป็นคนไว้ เอาดินใส่ตามระหว่างกลางถนน
แล้วตั้งค่ายปิดทางไว้กลางพล จึ่งให้คนออกรบสมทบกัน
แล้วทำแตกพวกเราถอยเข้าค่าย มันไล่รายลุกรับเป็นทัพขัน
เราจัดพวกจัตุรงค์คงกระพัน ล่อให้มันลุยไล่พวกไพร่พล
แล้วจึ่งออกจากค่ายหนีไปซุ่ม ให้มันรุมกันแย่งทุกแห่งหน
กำบังกายร่ายเวทวิเศษมนต์ ขังอ้ายพลหุ่นไว้เอาไฟโยน
เผาให้สิ้นแต่บรรดาโยธาหุ่น เอาให้วุ่นเหมือนอย่างเช่นเขาเล่นโขน
จึ่งแต่งพวกคอยรับเป็นทัพโจร เข้าเผ่นโผนตัดหลังอย่ารั้งรอ ฯ
๏ พระทรงฟังสังรเสริญท่านครูเฒ่า คิดปัดเป่าด้วยปัญญานักหนาหนอ
พระสั่งพวกกองหลังอย่ารั้งรอ จงจำข้อคำไว้เร่งไปทำ
เหมือนครูคิดกลศึกที่ลึกลับ ตามบังคับกลล่อที่ข้อขำ
อย่าพรายแพร่งแจ้งจิตจงคิดทำ ให้เหมือนคำท่านแถลงแห่งอุบาย ฯ
๏ เสนารับบังคมประนมสนอง มาแต่งกองทัพปล้นเร่งขวนขวาย
คิดจัดแจงแต่พหลกลอุบาย ทั้งไพร่นายคอยรับเป็นทัพแซง
พลทมิฬกินปักษาทัพวาโหม เป็นกองโจมพร้อมกันด้วยขันแข็ง
ที่ตั้งค่ายไว้ถ้วนกระบวนแซง รีบจัดแจงพร้อมเสร็จสำเร็จการ ฯ
๏ ป่างพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพ ทรงสินธพตรวจพหลพลทหาร
พอฤกษ์ดีโหราพฤฒาจารย์ ก็โอมอ่านไสยเวทวิเศษมนต์
ตีฆ้องชัยได้ฤกษ์ให้ยกทัพ ออกคั่งคับแน่นหนาโกลาหล
ทั้งเสียงแตรเสียงสังข์ประดังพล คอยประจญข้าศึกตั้งตรึกตรอง ฯ
๏ ข้างฝ่ายทัพมังคลานราราช กับครูบาทหลวงสมอารมณ์สนอง
คิดจะหักหาญศึกเหมือนตรึกตรอง เห็นพวกกองทัพลังกายกมาพลัน
จึงแต่งคนพลไพร่ให้ไปนัด หวังจะตัดศึกรับเป็นทัพขัน
แต่งพหลพลรบไว้ครบครัน ไฟน้ำมันสำหรับมือถือทุกคน ฯ
๏ บาทหลวงเดินขัดกระบี่ที่แม่ทัพ ตรวจกำกับพลไพร่ไล่พหล
พวกกองหน้าแต่บรรดาหุ่นพยนต์ ทั้งคงทนแทงฟันไม่บรรลัย
ยืนสะพรั่งตั้งท่าสัประยุทธ์ ศัสตราวุธกุมอยู่ดูไสว
พวกทหารยืนเรียงเคียงกันไป เอาธงชัยปักประจำเป็นสำคัญ
พวกม้าใช้ไปแจ้งขุนนางใหญ่ นัดให้ไปต่อสู้เป็นคู่ขัน
ข้างใครดีมีศักดามาประจัญ รบให้ทันเวลาเรามาคอย ฯ
๏ ป่างพระปิ่นนคราลังกาทวีป ให้เร่งรีบพลไกรที่ใช้สอย
กระบวนทัพคับคั่งระวังคอย ทั้งใหญ่น้อยกองหนุนพวกขุนพล
พอฤกษ์ดียกออกมานอกค่าย ทั้งไพร่นายแน่นหนาโกลาหล
พร้อมสะพรั่งเอิกเกริกได้ฤกษ์บน พวกขุนพลโบกธงตรงออกไป
ปักลงที่ครุฑนามตามตำรับ ครั้นเสร็จสรรพ์พร้อมเพรียงเรียงไสว
พวกทัพหน้าครั่นครื้นยิงปืนไฟ ตรงเข้าไปถึงกันประจัญบาน ฯ
๏ บาทหลวงตีกลองรบสมทบทัพ ตอนเข้ารับแต่บรรดาโยธาหาญ
ปล่อยปืนใหญ่ตึงตังก้องกังวาน เสียงสะท้านเลื่อนลั่นสนั่นดัง
หุ่นพยนต์พลรบออกเกลื่อนกลาด ประดังดาษดาทั้งหน้าหลัง
แกว่งอาวุธยุทธนาดาประดัง แลสะพรั่งฆ่าฟันไม่บรรลัย
ยิงหนุนเนื่องแน่นหนามาอเนก ราวกับเมฆนับหมื่นยืนไสว
เข้ารบรุกบุกบันสนั่นไป คนบรรลัยลงด้วยกันสักพันคน ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์อิทธิเวท ครั้นรู้เหตุสั่งทั่วตัวพหล
ให้ถอยหลังเข้าค่ายมิใช่คน เป็นหุ่นมนต์มันทำด้วยกำลัง
แล้วตีกลองสัญญาให้ล่าทัพ พลางถอยกลับเข้าค่ายดั่งใจหวัง
บาทหลวงเห็นได้ทีตีประดัง จนกระทั่งค่ายใหญ่พลางไล่คน
ให้หนุนหลังคั่งคับมานับแสน ปืนหามแล่นยิงประดาดั่งห่าฝน
พวกลังกาเสียรอยคิดถอยพล พวกถนนหลังค่ายทั้งไพร่นาย[๑]
ทำเพลี่ยงท่าเสียทีถอยหนีร่น พวกหุ่นมนต์คนต้อนเข้าแหกค่าย
พังประตูกรูเข้าสะดวกดาย ยึดเอาค่ายพลนิกรไม่รอนราญ
เครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ที่สรรไว้ ชิงเอาได้พร้อมพหลพลทหาร
ไม่รู้กลท่านครูผู้ชำนาญ แกเห็นการที่จะได้ไล่กระพือ ฯ
๏ บาทหลวงแกดีใจดั่งได้เหาะ กูคิดเหมาะเอาได้มิใช่หรือ
คราวนี้เห็นสิงหลไม่พ้นมือ เอาให้ลือสังฆราชดั่งถาดทอง
ถึงจะตกจมดินแม้นสิ้นเคราะห์ คงจะเหาะได้อย่างเก่าไม่เศร้าหมอง
อันวิสัยคนฉลาดเหมือนชาติทอง คงตรึกตรองแก้ตัวไม่กลัวใคร
ปัญญากูดูเถิดหวาสานุศิษย์ คงจะคิดผันแปรคิดแก้ไข
เอาให้สมปรารถนาทั้งข้าไท คิดเอาชัยให้ชนะจึ่งจะควร
ครั้นเข้าค่ายได้สมอารมณ์คิด ปรึกษาศิษย์ปรีดิ์เปรมเกษมสรวล
คงเห็นหลังข้าศึกอย่านึกครวญ แกสำรวลเริงรื่นชื่นกมล ฯ
๏ จะกล่าวทัพลังกาทีล่าถอย พอล่าคล้อยตะวันดับลับเวหน
จึงจัดแจงตรวจดูทั้งผู้คน จะประจญเผาค่ายในกลางคืน
จึงวางคนพลรบสมทบทัพ จะคอยรับกองแซงล้วนแข็งขืน
ไปซุ่มซ่อนนอนระวังถือดั้งปืน ล้วนแต่พื้นพวกณรงค์คงกระพัน ฯ
๏ ฝ่ายบาทหลวงมังคลานราราช ให้ประกาศพวกพหลพลขันธ์
เอาปืนใหญ่จุกช่องคอยป้องกัน ให้ตรวจกันนั่งยามทั้งตามไฟ
เอาหุ่นมนต์พลขันธ์ไว้ชั้นนอก ถือดาบหอกทวนง้าวหลาวไสว
แต่พวกคนพลขันธ์ไว้ชั้นใน ทั้งนายไพร่แม้นใครขาดราชการ
จะเอาโทษถึงตายวายชีวิต อาญาสิทธิ์รู้ทั่วตัวทหาร
แกสั่งเสร็จทุกตำแหน่งให้แจ้งการ ใครเกียจคร้านฆ่าให้วายชีวง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายทหารที่ซุ่มซ่อน ไม่หลับนอนสมจิตคิดประสงค์
พอเที่ยงคืนเดินด้อมด้วยอ้อมวง จัตุรงค์พร้อมกันดั่งสัญญา
เอาไฟจุดดินดำกำมะกัน เข้าพร้อมกันในกลางคืนยิงปืนผา
โห่สนั่นสั่นฆ้องกลองสัญญา ยิงประดาปืนตับสำหรับเรือ
พุ่งแหลนหลาวง้าวทวนกระบวนหน้า ดาษดาเชี่ยวชาญทหารเสือ
พวกฝรั่งในค่ายตายเป็นเบือ บ้างเอาเชื้อไฟชุดจุดแล้วโยน
ถูกดินดำทำไว้ไฟก็ลุก ดูสนุกราวกับเช่นเขาเล่นโขน
หุ่นพยนต์มนต์ไหม้เป็นไฟโชน บาทหลวงโจนจากที่ให้ตีกลอง
ฉุดเอามือมังคลาสานุศิษย์ เป็นไฟติดเรียกคนให้ขนของ
เครื่องอาวุธสาตราบรรดากอง แล้วก็ร้องให้ล่าออกมาพลัน
ทัพลังกากล้าหาญในการรบ เร่งสมทบพวกพหลพลขันธ์
พุ่งอาวุธแหลนหลาวทั้งเกาทัณฑ์ บ้างแทงฟันฝรั่งตายลงหลายคน ฯ
๏ บาทหลวงงกตกใจวิ่งไปก่อน ด้วยไฟร้อนแรงรุ่มทุกขุมขน
แต่มังคลาล่าไปกับไพร่พล พวกหุ่นมนต์ไหม้ยับทั้งทัพชัย
พลางเร่งพวกโยธาที่ล่าทัพ เดินคั่งคับเรียกกันเสียงหวั่นไหว
ให้เร่งรีบพวกพหลสกลไกร กองทัพไทยไล่บุกเข้าคลุกคลี
พวกที่ซุ่มรุมโรมออกโจมจับ เข้ารบรับตัดทางกลางวิถี
ระดมยิงปืนพลันด้วยทันที บ้างต่อตีฟันฟาดดาษดา ฯ
๏ บาทหลวงวิ่งเซ่อซ่าทิ้งผ้าเสื้อ ไม่หลอเหลือแทบชีวังจะสังขาร์
พอพบปะองค์พระมังคลา แกพูดจาหอบรวนทั้งครวญคราง
ครั้นเข้าได้ในด่านชานสมุทร พากันหยุดราวกับเนื้อหนีเสือสาง
บ้างป่วยเจ็บรุ่มร้อนลงนอนคราง หนาวน้ำค้างค่อยสบายคลายอารมณ์ ฯ
๏ บาทหลวงว่าครั้งนี้เสียทีแท้ จะคิดแก้จริงหนาวะค่อยสะสม
กูเสียรู้ก็เพราะจิตคิดนิยม ไม่ล่มจมดอกอย่ากลัวช่างหัวมัน
ขอเดชะพระเยซูผู้ประสิทธิ์ ให้เรืองฤทธิ์เรืองปัญญาวิชาขยัน
จะได้ยกศาสนาให้สามัญ ช่วยป้องกันข้าศึกเหมือนตรึกตรา
แล้วหยิบเอาแผนที่มาคลี่อ่าน ดูถิ่นฐานจารึกนั่งปรึกษา
อันแว่นแคว้นแดนดินถิ่นลังกา ให้มังคลาดูด้วยช่วยกันตรอง ฯ
๏ จะกล่าวถึงเทวสินธุ์นรินทร์ราช สถิตอาสน์ร้อนรนให้หม่นหมอง
พอม่อยหลับกลับนิมิตผิดทำนอง พระตรึกตรองความฝันให้รัญจวน
พอพลิกฟื้นตื่นประทมให้ตรมจิต คะนึงคิดเศร้าในฤทัยหวน
ถึงบิตุรงค์ทรงชัยให้รัญจวน พลางกำสรวลโศกศัลย์พันทวี
พระออกนั่งยังท้องพระโรงรัตน์ โองการตรัสกับเสนาบดีศรี
แล้วเรียกพวกโหราบรรดามี มาพร้อมที่พระที่นั่งบัลลังก์ทอง
เมื่อคืนนี้เรานิมิตผิดประหลาด ว่าปรางค์มาศแก้วเก้าดูเศร้าหมอง
แล้วเป็นไฟไหม้เมืองลุกเรืองรอง ที่ในท้องสนามกลางตามทางจร
พอพลิกฟื้นตื่นจากที่ไสยาสน์ ผิดประหลาดหลากจิตดังพิษศร
เราขอเชิญโหราพยากรณ์ จะทุกข์ร้อนเคืองเข็ญเป็นอย่างไร
โหรคำนับรับสั่งตั้งดิถี พระเคราะห์ปีราหูเข้าอยู่ไส้
อังคารเล็งลัคนาชะตาใคร ตกที่ในบาปเคราะห์จำเพาะเป็น
มักต้องจากถิ่นฐานรำคาญจิต ขี้มักติดรบรุกถึงยุคเข็ญ
ช่วงต้นร้ายปลายดูว่าอยู่เย็น คงจะเป็นสุขสบายเมื่อปลายมือ ฯ
๏ พระทรงฟังตั้งคิดถึงบิตุเรศ ไม่แจ้งเหตุนอนนั่งฟังหนังสือ
ไม่ได้ข่าวราวเรื่องคนเลื่องลือ คอยหนังสือบอกก็หายไปหลายปี
จึงตรัสสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ ไปเชิญราชอนุชาเมืองกาหวี
ทั้งสององค์ขัตติยามาธานี ไปเดี๋ยวนี้ตามสั่งดังบัญชา ฯ
๏ เสนารับรีบเดินไปเชิญเสด็จ ทั้งสองเสร็จมาพลันด้วยหรรษา
ประณตนอบหมอบกรานคลานเข้ามา พระเชษฐาเทวสินธุ์นรินทร
จงว่าพี่นี้นิมิตผิดประหลาด ทุกข์ถึงบาทบิตุรงค์พระทรงศร
จำจะไปตามติดพระบิดร พ่อจะจรไปด้วยกันหรือฉันใด
หรือจะอยู่พาราอาณาเขต ก็ตามเจตนาตรองให้ผ่องใส
ไม่บังคับบัญชาให้คลาไคล ตามแต่ใจอนุชาสองธานี ฯ
๏ ฝ่ายองค์เทพจินดาอุปราช กับน้องนาถราเมศวิเศษศรี
จึ่งสนองบัญชาไม่ช้าที พระภูมีไปไหนขอไปตาม
ถึงยากเย็นเป็นตายวายชีวาตม์ ขอรองบาทโดยเสด็จไม่เข็ดขาม
ได้ตามติดพระบิดาพยายาม ไม่กลัวความเหนื่อยยากลำบากกาย ฯ
๏ ป่างพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์ราช สั่งอำมาตย์เร็วพลันจะผันผาย
เร่งจัดแจงแต่งพหลพลนิกาย จงบาดหมายกำปั่นสักพันลำ
ที่นั่งทรงหงส์เหราเภตราใหญ่ ให้เปลี่ยนใบชาดทาเลขาขำ
ทั้งรอกกว้านต่างต่างเกณฑ์ช่างทำ คนประจำเกณฑ์ชวามลายู
ทั้งต้นหนนายท้ายจัดให้เสร็จ แต่ในเจ็ดวันตราหาปลาหมู
เครื่องเสบียงเลี้ยงพลพหลกู เร่งไปดูอย่าให้ขาดราชการ
ขุนเสนีผู้รับสั่งมาร่างหมาย ให้ทนายบอกทั่วตัวทหาร
แจ้งรับสั่งจอมกษัตริย์เร่งจัดการ เรียกเอาบาญชีค้นที่คนไป
เป็นคนหมื่นห้าพันล้วนสันทัด ให้เร่งจัดกำปั่นทำหวั่นไหว
บ้างจัดแจงรอกเสาเปลี่ยนเพลาใบ ให้ทันในเจ็ดวันตามสัญญา ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมเทวสินธุ์ปิ่นพิภพ กำหนดครบเจ็ดวันก็หรรษา
ชวนพระน้องสองกษัตริย์ขัตติยา ทรงมาลาอย่างเทศวิเศษงาม
ปักขนนกการเวกเอกสะอาด ทรงเสื้อตาดอย่างฝรั่งหมดทั้งสาม
เหน็บพระแสงตรีเพชรเสด็จตาม กันทั้งสามเสด็จตามมาลงเรือ
ทหารพร้อมน้อมประนมบังคมบาท พวกอำมาตย์แห่หามมาหลามเหลือ
ตั้งกระบวนทวนธงมาลงเรือ ต้นหนเชื้อมลายูรู้ชำนาญ ฯ
๏ พอฤกษ์ดีตีฆ้องกลองฝรั่ง ทั้งแตรสังข์จำเรียงเสียงประสาน
โห่สนั่นลั่นดังก้องกังวาน พวกทหารปล่อยปืนเสียงครื้นโครม
พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก เรือก็ออกแล่นลึกเสียงฮึกโหม
แล่นไปทางกลางคลื่นครึกครื้นโครม พระทุกข์โทมนัสมาในสาคร
ไม่แจ้งว่าผู้คนอยู่หนไหน ก็แล่นไปตามทางหว่างสิงขร
ในมหาสาคโรชโลธร ยิ่งอาวรณ์มิได้วายคลายคะนึง
แต่โหราว่าให้ไปทิศอิสาน แม้นปะบ้านเมืองใดไปให้ถึง
แวะเข้าถามตามซื่ออย่าอื้ออึง กว่าจะถึงภูวไนยรีบไคลคลา
พระแข็งขืนฝืนพระทัยชวนให้น้อง ชมในท้องชลธีมีมัจฉา
พอคลายเศร้าเบาพระทัยในอุรา ดูฝูงปลาในน้ำพลางรำพัน
ทั้งโลมาราหูหมู่ฉลาม ขึ้นว่ายตามชลธีดีขยัน
ฝูงฉนากปากประหลาดไล่ฟาดฟัน ม้นดุดันยิ่งกว่าปลาทั้งปวง
ปะอะไรไล่ฟาดขาดเป็นชิ้น แล้วก็กินเป็นเหยื่อเพราะเหลือหวง
ฝูงพิมพาพาพวกปลาทั้งปวง เที่ยวว่ายล่วงลอยไปในสายชล
ฝูงราหูคู่เคียงขึ้นเรียงคู่ เป็นหมู่หมู่ว่ายเสือกเสลือกสลน
ฝูงทุกังมังกงว่ายวงวน บ้างผุดพ่นฟองฟูหมู่ปลาวาฬ
ตะเพียนทองท่องท้องชลาสินธุ์ ฝูงนาคินทร์หางฟาดฉะฉาดฉาน
จระเข้เหรากุมภาพาล คชสารว่ายสล้างหางเป็นปลา
เหล่าเงือกงูฟูฟ่องในท้องสมุทร บ้างดำผุดว่ายแหวกเที่ยวแถกถา
กำเนิดสัตว์ต่างต่างกลางคงคา จะพรรณนาไม่รู้หมดเหลือจดจำ
สุริยงลงลับพยับฝน ให้มัวมนลมหวนจวนจะค่ำ
สลาตันครั่นครื้นเป็นคลื่นดำ ซัดเอาลำเรือโยนเสาโอนเอน
ที่นั่งทรงองค์กษัตริย์ก็ปัดปั่น ต่างเหหันลมแดงดั่งแสงเสน
พวกต้นหนคนสันทัดทั้งจัดเจน เร่งกะเกณฑ์ลดเบาทั้งเพลาใบ
ทอดสมอรอเรียงเคียงขนาน คลื่นสะท้านป่วนปั่นสนั่นไหว
ระลอกปัดผัดโผนเรือโยนไป น้ำเข้าในดาดฟ้าดูน่ากลัว
ประเดี๋ยวดังอย่างเสียงสุนีบาต โกญจนาทในชลาฟ้าสลัว
คนทั้งลำเภตราพากันกลัว เล่นเอาตัวแข็งไปทั้งไพร่นาย
ประเดี๋ยวหนึ่งคนใช้ในกำปั่น ยืนตัวสั่นหรับหรับล้มหงับหงาย
บ้างเข้าแก้ชุลมุนออกวุ่นวาย ทั้งไพร่นายนั่งล้อมอยู่พร้อมเพรียง
อ้ายคนใช้ลุกขึ้นนั่งยังเก้าอี้ แล้วนั่งชี้นิ้วประกาศตวาดเสียง
พวกเหล่านี้จะไปไหนมาใกล้เคียง ไม่หลีกเลี่ยงถิ่นกูผู้ประจำ
สาคเรศเขตแคว้นแดนสมุทร แล้วไม่หยุดพาทีแล้วมิหนำ
กูนี้คือเทวดามาประจำ รักษาลำสาคโรชโลธร
แล้วหลับตาว่าเองไม่เกรงขาม กูนี้นามชื่อมหิงขสิงขร
รักษาอ่าววารีสีทันดร ด่านขนอนแถวทอดตลอดมา
จนถึงนี่ที่อยู่กูทั้งนั้น เวสสุวัณให้พิทักษ์อยู่รักษา
เองประมาทอาจองแล้วตรงมา ไม่บูชาบวงสรวงทำล่วงเกิน
จึงทำให้กำปั่นมึงหันเห จะทุ่มเทให้มึงตกระหกกระเหิน
แล้วจะเอาหินทับให้ยับเยิน ถมให้เกินเรือมึงให้ถึงจม ฯ
๏ ป่างพระจอมเทวสินธุ์นรินทร์รัช แจ้งระหัสเหตุอย่างปางประถม
จึ่งให้จัดเครื่องสังเวยทั้งเนยนม ใส่โต๊ะกลมแต่งตั้งนั่งบูชา
แล้วจึงว่าข้าแต่เทพารักษ์ สิทธิศักดิ์อันสถิตทุกทิศา
อันเราได้ผิดพลั้งแต่หลังมา ขอเทวายกโทษโปรดปรานี ฯ
๏ ฝ่ายมหิงขสิงขรเทพารักษ์ เจ้าสำนักยมนาในราศี
จึงว่าท่านจะไปไหนในนที จงบอกที่ตามประสงค์ตรงที่จริง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมเทวสินธุ์นรินทร์รัช จึงแจ้งอรรถบอกกล่าวเจ้ามหิงข์
เล่าแถลงแห่งประสงค์ที่ตรงจริง แล้วจึ่งวิงวอนถามตามสงกา
อันตัวเราเหล่าวงศ์พงศ์กษัตริย์ ผ่านสมบัติกาหวีที่สุขา
แต่จะไปตามติดพระบิดา ขอเทวาจงช่วยแจ้งแห่งหนทาง ฯ
๏ ฝ่ายมหิงขสิงขรเทวฤทธิ์ จึ่งชี้ทิศให้กษัตริย์ไม่ขัดขวาง
จงรีบไปตามเขตประเทศทาง ที่ระวางบุรพทิศเหมือนจิตปอง
แต่หนทางยังไกลไปก็ยาก เป็นถิ่นนาคโดยระวางเป็นทางสอง
ไปข้างซ้ายจึ่งจะสมอารมณ์ปอง จงตรึกตรองแล้วกระทำดั่งคำเรา
พลางรับเครื่องสังเวยนมเนยหวาน สำแดงการบอกหมดอย่าโฉดเขลา
แม้นท่านไปตามกระบิลพ้นถิ่นเรา จะไปเข้าเมืองแขกแปลกตระกูล
นั่นแหละคงได้ข่าวเป็นราวเรื่อง ที่ในเมืองเร่งไปในไอศูรย์
ทั้งจะได้แจ้งวงศ์พงศ์ประยูร เป็นเค้ามูลข้อความจึ่งตามไป
แล้วลุกจากเก้าอี้ที่ขึ้นนั่ง เป็นเสียงดังก้องมหาชลาไหล
แล้วล้มผางกลางกำปั่นด้วยทันใด เทพไทออกพ้นจากคนทรง ฯ
๏ ป่างพระหน่อเทวสินธุ์นรินทร์รัช สามกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์
สั่งต้นหนคลี่แผนแล่นให้ตรง ตามที่องค์เทพไทให้หนทาง
ถอนสมอช่อใบขึ้นใส่รอก ให้แล่นออกเร็วรัดไม่ขัดขวาง
ได้ลมคล่องว่องไวชักใบกาง แล่นสล้างตามกันมิทันนาน
พวกล้าต้าต้นหนคนทั้งหลาย ค่อยสบายพร้อมสิ้นกินอาหาร
ไม่ขัดสนคนผู้อยู่สำราญ แล่นประมาณโดยมาสิบห้าวัน
ถึงปากน้ำสำปันหนาชวาแขก ให้เรือแยกห่างไกลไอศวรรย์
กลัวชาวเมืองจะสงสัยพร้อมใจกัน ให้กำปั่นทอดท่าแต่ห้าลำ
แล้วจัดคนพลไกรไปแต่น้อย ที่เรียบร้อยล้วนแต่ไพร่พวกไหหลำ
ลงเรือช่วงตีกระเชียงเรียงประจำ ไปสองลำเข้าในด่านชานบุรินทร์ ฯ
๏ ฝ่ายพวกนายชวารักษาด่าน ครั้นแจ้งการณ์ลงมาถามตามถวิล
มาแต่ไหนจึ่งเข้ามาในธานินทร์ เองอยู่ถิ่นฐานใดจงให้การ
มาค้าขายหรือจะมาเป็นข้าศึก ที่ตื้นลึกเองจงแจ้งแถลงสาร
ให้กระจ่างทางประสงค์จำนงการ เอ็งอยู่บ้านเมืองใดไพร่ผู้ดี
พวกไหหลำรู้ภาษาชวาแขก จึ่งแย้มแยกส่งภาษาชวาฉวี
เรามาแต่เมืองท่าเกาะกาหวี ธุระมีจะมาถามเที่ยวตามนาย
คือองค์พระมังคลาของข้าเจ้า ไม่ได้ข่าวแจ้งการนานใจหาย
จึ่งอุตส่าห์พยายามเที่ยวตามนาย จะดีร้ายมิได้แจ้งแต่งเนื้อความ
พวกนายด่านรู้เรื่องแต่เบื้องหลัง เห็นจริงจังแน่ตระหนักจึ่งซักถาม
ว่าใครใช้ให้เองมาติดตาม จงเล่าความให้กระจ่างอย่าพรางกัน
พวกที่มาว่าองค์โอรสราช เฉลิมบาทกรุงไกรไอศวรรย์
เธอเสด็จตามองค์พระทรงธรรม์ อยู่กำปั่นทั้งสามนามกร
พระเชษฐาเทวสินธุ์นรินทร์รัช พระองค์ถัดบพิตรอดิศร
เทพจินดาประสิทธิ์ฤทธิรอน พระภูธรที่สามรามวงศ์
นายด่านแจ้งแต่งเป็นหนังสือลับ แล้วกำชับม้าใช้ดั่งใจประสงค์
รีบไปเฝ้าท้าวไทดั่งใจจง ด้วยเป็นวงศ์พงศ์เผ่าของเจ้านาย ฯ
๏ จะกล่าวพวกม้าใช้ครั้นไปถึง ขุนนางจึ่งเข้าประมูลทูลถวาย
ท้าวรายาคิดคะนึงจึ่งภิปราย เสนานายทุกตำแหน่งจงแต่งการ
รีบลงไปรับองค์พงศ์กษัตริย์ มาจังหวัดนครามหาสถาน
แล้วจะได้เห็นองค์พวกวงศ์วาน เพราะว่าหลานเธอมีดีพระทัย
เขาจะได้แจ้งคดีตามพี่น้อง ในพวกพ้องวงศ์วานดั่งขานไข
เร่งแต่งเรือพระที่นั่งบัลลังก์ชัย รีบลงไปรับมายังธานี
อันตัวกูเป็นผู้ใหญ่จะไปด้วย จะได้ช่วยฝากรักเป็นศักดิ์ศรี
เพราะพ่อเขามิได้อยู่ในบูรี ก็ควรที่เราจะไปดั่งใจจง
ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จลงที่นั่ง เรือบัลลังก์รูปนกวิหคหงส์
พร้อมทั้งเรือเกณฑ์หัดจัตุรงค์ ทั้งทวนธงปี่กลองทั้งฆ้องชัย
เครื่องสำหรับอย่างชวาบรรดาศักดิ์ ก็พร้อมพรักเกณฑ์แห่แลไสว
ท้าวรายาพาพหลสกลไกร เสร็จลงไปถึงด่านชานชลา ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนาวาที่มาถม ครั้นแจ้งความเบื้องหลังที่กังขา
กลับไปทูลหน่อนรินทร์ปิ่นประชา ตามที่มารู้ข่าวเจ้าของตน
ไปกราบทูลกับพระองค์ทรงสวัสดิ์ ตามระหัสที่ได้แจ้งแห่งนุสนธิ์
ปางพระหน่ออธิบดินทร์ปิ่นสกล แจ้งยุบลแต่ไม่รู้ภูวไนย
เสด็จไปไหนหนอไม่รู้แน่ อยู่แขวงแควนคเรศประเทศไหน
ไม่รู้จักแห่งหนตำบลไหน จะได้ไปเสาะหาตามสาคร
พระโศกเศร้าเร่าร้อนอาวรณ์หวัง จะนอนนั่งเหมือนกับไฟไหม้สิงขร
เข้ารึงรุมกลุ้มจิตถึงบิดร สะท้อนถอนฤทัยไม่ไสยา ฯ
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าประเทศเขตจังหวัด บุรีรัตน์เมืองบุรำสำปันหนา
จึ่งออกจากเมืองด่านชานชลา รีบโยธาพระที่นั่งทั้งดั้งกัน
มาถึงลำกำปั่นมิทันช้า ให้รอราพวกพหลพลขันธ์
ประทับเข้าพร้อมพรั่งทั้งดั้งกัน พวกกำปั่นไหหลำมาถามพลัน
ทราบว่าท้าวรายาเสด็จมาถึง อึงคะนึงปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
สามพระหน่อมาประนมบังคมคัล เชิญให้ท่านท้าวไทขึ้นไปเรือ
เสด็จนั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ ทั้งอำมาตย์ผู้คนมาล้นเหลือ
ท้าวรายาว่าพระหลานเป็นว่านเครือ ตาจะเชื้อเชิญไปในบุรินทร์
จะได้รู้จักน้องพวกพ้องญาติ พ่ออย่าขาดไมตรีที่ถวิล
เชิญขึ้นไปในจังหวัดปัถพิน ประเทศถิ่นนครังจึ่งบังควร
แล้วจะได้ตามติดพระบิตุเรศ พอแจ้งเหตุตามระบอบคิดสอบสวน
ให้โหราหารคูณประมูลมวล ได้ใคร่ครวญตามติดพระบิดา
สามกษัตริย์ตรัสตอบขอบพระเดช ซึ่งโปรดเกศหลานรักเป็นนักหนา
เชิญเสด็จท้าวไทอัยกา ไปพาราพบน้องพวกพ้องกัน
ท้าวรายาพาลงเรือที่นั่ง พร้อมสะพรั่งเครื่องกษัตริย์ที่จัดสรร
แล้วโห่แห่แตรสังข์ทั้งดั้งกัน จากกำปั่นคืนหลังเข้าวังเวียง
แล้วเชิญให้สามองค์พงศ์กษัตริย์ ขึ้นปรางค์รัตน์เชื้องข้ายชายเฉลียง
พร้อมพระวงศ์พงศ์เผ่ามาเฝ้าเรียง พิศเพียงจันทราดาราราย
สตรีแขกแปลกภาษาก็น่ารัก จะพิศพักตร์งามเหมือนดังเดือนฉาย
ถึงเป็นแขกแปลกตระกูลไม่วุ่นวาย ดูแยบคายสมเนื้อเชื้อผู้ดี ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าชวารายากษัตริย์ โองการตรัสให้ไปหามเหสี
กับโฉมยงนงนุชพระบุตรี กุมารีหลานขวัญกัลยา
ให้มาที่ปรางค์ทองห้องสถิต ได้พร้อมมิตรขัตติเยศพระเชษฐา
พวกแสนสาวท้าวนางในปรางค์ปรา รีบลงมาเฝ้าทูลซึ่งมูลความ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี ชวนบุตรีหลานไปแล้วไต่ถาม
นางสาวใช้กราบทูลในมูลความ กษัตริย์สามจะมาเฝ้าเยาวมาลย์
นางทราบสิ้นยินดีเป็นที่สุด พาพระบุตรีไปเฝ้าทั้งเจ้าหลาน
ท้าวรายาว่าแก่องค์นางนงคราญ ให้พาหลานมาข้างนี้ไหว้พี่ยา
พระบุตรีกราบก้มประนมหัตถ์ สามกษัตริย์ทรงเดชผู้เชษฐา
แล้วบังคมก้มกรานคลานเข้ามา เฝ้ามารดาอัยกีด้วยปรีดิ์เปรม
นางดวงแขแม่เลี้ยงจึงปราศรัย ว่าขอบใจคลายทุกข์สุขเกษม
พ่ออุตส่าห์มาถึงนี่แม่ปรีดิ์เปรม ได้อิ่มเอมอุ่นอุราประชากร
แล้วจะได้ฝากน้องให้รองบาท รู้จักญาติพ่ออย่าทิ้งมิ่งสมร
ช่วยปกป้องน้องหญิงดังวิงวอน จงสั่งสอนรักกันอย่าฉันทา ฯ
๏ พระเทวสินธุ์จินดาทั้งราเมศ พลางน้อมเกศอภิวันท์ด้วยหรรษา
จึ่งทูลความตามระบอบตอบบัญชา อย่าได้ปรารมภ์ไปในอนงค์
แม้นตามติดบิดาเธอมาแล้ว พอผ่องแผ้วชื่นชมสมประสงค์
จะกลับมาเหมือนคิดดั่งจิตจง ก็จะคงคืนมายังธานี ฯ
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นพิภพ ขจรจบในพาราชวาฉวี
จึ่งสั่งเครื่องต่างต่างที่อย่างดี พระภูมีให้หามาประทาน
แล้วสั่งพวกชาววังให้ตั้งเครื่อง ยกมาเนื่องตั้งเป็นเหล่าทั้งคาวหวาน
ถวายสามกษัตราปรีชาชาญ ตั้งเครื่องอานเชิญเสวยทั้งเนยนม
ท้าวรายามานั่งบัลลังก์รัตน์ พร้อมกษัตริย์นั่งเสวยเนยขนม
แล้วให้จัดปรางค์มณีที่ประทม ทั้งสนมสาวสุรางค์นางบำเรอ
พวกสำหรับขับขานประสานเสียง เครื่องจำเรียงดีดสีตีเสนอ
ตามตำแหน่งสารพัดหัดบำเรอ ให้หลานเธอตามยศให้งดงาม
เสวยเสร็จพระเสด็จยุรยาตร กับหน่อนาถศรีสวัสดิ์กษัตริย์สาม
ออกพระโรงรจนาสง่างาม ท้าวตรัสถามโหราพยากรณ์
ว่าพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงอาจารย์ชาญสมร
พากันไปจากประเทศเขตนคร จะเย็นร้อนหายไปเป็นหลายปี ฯ
๏ โหรารับกราบก้มบังคมบาท ลงเลขคาดคูณชะตาในราศี
ตำราแขกแปลกภาษาแต่ว่าดี ตามคัมภีร์ของเขาดูรู้เหมือนกัน
ก็แม่นยำทำนายมิได้คลาด เชิงฉลาดตัดรอนคิดผ่อนผัน
ก็แจ้งความตามจริงทุกสิ่งอัน บังคมคัลทูลท้าวเจ้าชวา
ประเดี๋ยวนี้มีผู้นำไปทำศึก เห็นยังลึกวุ่นวายร้ายนักหนา
พิเคราะห์ดูฤกษ์ยามตามตำรา ก็เห็นว่าต้นร้ายแต่ปลายดี ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวาอาณาจักร ฟังโหรทักทายชะตาในราศี
จึงว่ากับหลานขวัญไปทันที ก็ควรที่เราจะคิดไปติดตาม
กำพลเพชรเมืองพ่อหน่อนเรศ รีบไปเขตกรุงไกรสืบไต่ถาม
แล้วจึงค่อยตั้งจิตเที่ยวติดตาม พยายามกว่าจะพบประสบกัน
ตาจะยกทัพใหญ่ตามไปด้วย จะได้ช่วยรอนราญกับหลานขวัญ
ท้าวรายาสั่งมหาเสนาพลัน จงเกณฑ์กันแสนยาพลาพล
กำปั่นรบแต่บรรดาอยู่ท่าน้ำ เร่งกันทำจัดแจงแต่งพหล
เปลี่ยนเชือกเสาเพลาใบทั้งไกกล ให้เร่งขนเครื่องเสบียงลำเลียงลง
ทั้งเรือไฟใช้จักรเคยหักศึก เองเร่งฝึกพวกไพร่ทั้งไต้ก๋ง
แต่ลำใหญ่หุ้มทองคำเป็นลำทรง จัตุรงค์เกณฑ์ใส่ไว้ในลำ ฯ
๏ ครั้นสั่งเสร็จท้าวเสด็จยุรยาตร ขุนอำมาตย์เกณฑ์ไพร่เจ๊กไหหลำ
พวกที่เข้ารีตแขกให้แยกลำ เพราะว่าชำนาญทางกลางทะเล
เป็นต้นหนคนใช้ทั้งใบรอก จะเข้าออกแข่งขันทั้งหันเห
แล้วก็เคยค้าขายหมายคะเน ทางทะเลแคล่วคล่องทั้งว่องไว
จัดกระบวนถ้วนทั่วตัวทหาร มาเตรียมการเรียกกันเสียงหวั่นไหว
พร้อมสะพรั่งทั้งพหลพลไกร มาคอยไทองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ


[๑] ฉบับตก เติมลงไว้ ๒ คำ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ