ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก

๏ จะกล่าวถึงนางผีเสื้อเมื่อคราวนั้น ไม่ผายผันไปคูหาที่อาศัย
เที่ยวท่องน้ำดำผุดสมุทรไท ให้ผีไพร่ภูตพรายรายระวัง
กลัวลูกยาสามีจะหนีพ้น เป็นกังวลมิได้สิ้นถวิลหวัง
ครั้นเหนื่อยหนาวหาวนอนอ่อนกำลัง ขึ้นยับยั้งอยู่เขาขวางกลางคงคา
ในวันเมื่อเรือแล่นออกจากเกาะ ไม่เห็นเพราะโยคีมีคาถา
ท่านอ่านมนต์ดลจิตปิดนัยน์ตา จึงเภตราล่วงไปได้หลายคืน
ต่อผีพรายชายด่านอยู่ชั้นนอก เข้ามาบอกเหตุให้จึงได้ตื่น
ชะโงกชะแง้แลเล็งเขย่งยืน ดูทะมืนเมฆาลูกตาวาว
อันนางยักษ์จักษุเสมอทิพย์ เห็นลิบลิบแล่นไปใบขาวขาว
ดูไกลนักจักแหล่นสิ้นแดนดาว ร้องเรียกบ่าวบอกความตามให้ทัน
พวกผีพรายสายสมุทรผุดขึ้นสิ้น บ้างแลบลิ้นเหลือกตาถลาถลัน
เสียงโครมครามตามคลื่นเป็นหมื่นพัน ทะเลลั่นดังจะล่มถล่มทลาย
ส่วนนางมารหาญฮึกสะอึกโถม จ้วงกระโจมโจนไล่ไพร่ทั้งหลาย
เสียงครึกครื้นคลื่นคลั่งกำลังพราย ภูเขาขวางพังทลายทะลุยไป ฯ
๏ พอสำเภาลำทรงพงศ์กษัตริย์ ออกแล่นลัดกลางมหาชลาไหล
ล่วงสิบห้าราตรีไม่มีภัย เห็นเขาใหญ่ในทะเลเหมือนเมฆา
ตระหง่านเงื้อมเลื่อมสลับระยับยิบ ยังลิบลิบแลไปไกลหนักหนา
พอสิ้นแสงสุริยนสนธยา ในเวหามืดคลุ้มชอุ่มบัง
พายุหวนป่วนคลื่นเสียงครื้นครึก ลั่นพิลึกโกลามาข้างหลัง
ยังดึกดื่นคลื่นลั่นสนั่นดัง เพียงจะพังแผ่นผาสุธาธาร
สำเภาโผนโยนโยกโบกสะบัด หางเสือพลัดแพลงพลาดเสียงฉาดฉาน
เหล่าล้าต้าต้นหนพวกคนงาน ต่างเซซานซวนทรงไม่ตรงกาย ฯ
๏ สงสารท้าวสาวสุรางค์นางสนม ถลาล้มกลิ้งคว่ำคะมำหงาย
ฝ่ายฝูงผีปีศาจอสุรกาย กับภูตพรายกองหน้าที่มาทัน
จะล่มลำสำเภาเข้าไม่ได้ แลเห็นไฟล้อมเหมือนกับเขื่อนขัณฑ์
ด้วยเดชะเวทมนตร์คนทั้งนั้น ประกอบกันผีสางให้ห่างตัว
แต่พวกพรายร้ายกาจปีศาจกล้า โลดถลาหลอนหลอกบ้างกลอกหัว
บ้างแลบลิ้นปลิ้นตาให้น่ากลัว สำแดงตัวต่างต่างในกลางคืน ฯ
๏ ฝ่ายพวกพลบนสำเภาเผาขนไก่ จนติดไหม้ม้วนหนังเข้าทั้งผืน
แขกฝรั่งนั่งรายทนายปืน ลุกขึ้นยืนยิงประดังเสียงตังตึง
ผียิ่งหลามตามไปจนใกล้สว่าง ทั้งตัวนางผีเสื้อน้ำซ้ำมาถึง
ทำอำนาจผาดเสียงสำเนียงอึง โลดทะลึ่งเลี้ยวลัดสกัดทาง
ยุดหางเสือเรือเอียงเพียงจะคว่ำ พอคลื่นซ้ำซัดกระแทกก็แตกผาง
คนกระจัดพลัดพรายบ้างวายวาง เสียงสุรางค์ร้องอึงคะนึงไป
พวกผู้ชายว่ายวนปนผู้หญิง เที่ยวเกลือกกลิ้งกลางคลื่นลื่นไถล
บ้างดำผุดสุดจะกลั้นก็บรรลัย ฝูงปลาใหญ่ได้กลิ่นขึ้นกินคน
บ้างคาบคว้าขาแข้งแย่งขยอก ดูกลับกลอกกลิ้งเกลือกอยู่เสือกสน
ฉนากฉลามตามไล่กินไพร่พล อลวนว่ายสล้างกลางคงคา
อันองค์ท้าวเจ้ามิ่งเมืองผลึก พอตกลึกลมจับดับสังขาร์
สินสมุทรสุดรักพระธิดา เอาใส่บ่าแบกว่ายสายสินธู
ฝ่ายจีนจามพราหมณ์พวกแขกฝรั่ง ขึ้นขี่หลังปลาโลมาแลราหู
พระอภัยได้กระดานบานประตู คิดถึงครูเกาะภาวนาไป ฯ
๏ ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรขึ้นผุดโผน โจมกระโจนจับบุตรหลุดไปได้
จะจับผัวกลัวมนต์เป็นพ้นใจ แต่โลดไล่โผงผางมากลางคืน
ด้วยเดชะพระอภัยจะไม่ม้วย พระพายช่วยพัดพามาบนคลื่น
พอแสงทองส่องสว่างนภางค์พื้น ถึงหาดตื้นตีนเขาลำเนาเนิน
พระหนีนางวางวิ่งขึ้นสิงขร แอบชะง่อนเงื้อมผาศิลาเผิน
ผีเสื้อไล่ไปถึงเขาลำเนาเนิน ให้เผอิญล้มลุกลงคลุกคลาน
จะขึ้นเขาเล่าก็ลื่นขึ้นไม่ได้ สุดอาลัยแลหาน่าสงสาร
เห็นผัวนั่งพังพาบลงกราบกราน แล้ววิงวอนอ่อนหวานด้วยมารยา
พระรูปหล่อพ่อคุณของเมียเอ๋ย ไฉนเลยหลบตัวกลัวนักหนา
น้องอุตส่าห์พยายามตามพระมา จงมาหาเมียบ้างอย่าหมางเมิน ฯ
๏ แสนสงสารพระอภัยวิไลลักษณ์ หนีนางยักษ์อยู่ที่หน้าแผ่นผาเผิน
จะต่อไปก็ไม่รอดเป็นยอดเนิน ด้วยสูงเกินแรงกายจะป่ายปีน
เห็นจวนจนบ่นภาวนาร่ำ บริกรรมคาถารักษาศีล
พอพวกไพร่ไทยแขกฝรั่งจีน มาถึงตีนเขาขวางข้างคิรี
นางยักษ์เห็นเผ่นโผนจะโจนจับ แล้วถอยกลับกลัวฤทธิ์ศิษย์ฤๅษี
แขกฝรั่งวางวิ่งเป็นสิงคลี ขึ้นถึงที่พระอภัยได้ทั้งร้อย
ผีเสื้อน้ำร่ำเรียกริมบรรพต พระทรงยศเยี่ยมพักตร์มาสักหน่อย
นิ่งเสียได้ให้น้องนี้ต้องคอย นี่ลูกน้อยไปอยู่ไหนไม่เห็นมา ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมจิต กับพวกศิษย์พรั่งพร้อมอยู่จอมผา
เห็นนางผีเสื้อสมุทรสุดศักดา ไม่หาญกล้าใกล้ตัวด้วยกลัวมนต์
จะนิ่งอยู่อย่างนี้ก็มิชอบ จำจะตอบนางยักษ์อีกสักหน
ต้องตัดพ้อต่อว่าประสาจน จึงขึ้นบนแผ่นผาแล้วพาที
นี่แน่นางผีเสื้อเจ้าเหลือแสน เฝ้าคุมแค้นขืนแกล้งว่าแหนงหนี
มาตามติดคิดอ่านผลาญชีวี จะฆ่าตีพี่ชายให้วายชนม์
ทั้งลูกน้อยพลอยพรากไปจากอก แสนวิตกตายเป็นไม่เห็นหน
เพราะหมองหมางนางงามตามประจญ จึงทุกข์ทนแทบกายจะวายปราณ
ทุกวันนี้พี่รักษาสิกขาบท สู้เปลื้องปลดห่วงใยในสงสาร
อันอินทรีย์ชีวิตอุทิศทาน เจ้าต้องการกินบ้างหรืออย่างไร
จะสูบเลือดเชือดเนื้อหรือเถือแล่ ก็ตามแต่ปรารถนาอัชฌาสัย
อันชีวาตม์อาตมาไม่อาลัย อย่ากวนใจจู้จี้เลยสีกา ฯ
๏ ผีเสื้อน้ำซ้ำว่านิจจาเอ๋ย ไม่เห็นเลยที่ว่ารักนั้นหนักหนา
ซึ่งตามติดคิดว่าพระเมตตา ตามประสาผัวเมียไม่เสียกัน
พระกลับตรัสตัดรักว่ายักษ์ร้าย ไม่กล้ำกรายกลัวเกลียดด้วยเดียดฉันท์
อยู่เกาะแก้วพิสดารก็นานครัน แต่สักวันหนึ่งก็ไม่อาลัยแล
ทั้งลูกเต้าเอาไว้มิให้พบ พากันหลบล่วงทางมาห่างแห
น้ำพระทัยไม่เลี้ยงเป็นเที่ยงแท้ จะไว้แต่อาลัยก็ไม่มี
จึงต้องคิดติดตามด้วยความรัก พระทรงศักดิ์ซ้ำอางขนางหนี
กลับว่าน้องปองร้ายหมายชีวี ไม่พอที่ทูนหัวจะกลัวเมีย
ถึงจะไปไม่ห้ามจะตามส่ง พระโฉมยงอย่าเพ่อตัดสลัดเสีย
ให้อกน้องหมองไหม้ดังไฟเลีย มาหาเมียเสียสักหน่อยให้ค่อยคลาย ฯ
๏ พระฟังนางทางว่านิจจาเอ๋ย แต่ก่อนเคยเคียงประโลมเจ้าโฉมฉาย
ประเดี๋ยวนี้พี่บวชชวดสบาย จะสอนสายสวาทเจ้าให้เข้าใจ
จงฟังธรรมคำนับดับโมโห ให้โทโสสร่างเสื่อมค่อยเลื่อมใส
แล้วทรงเดชเทศนาภาษาไทย ด้วยความในโลกีย์สี่ประการ
คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส ที่คฤหัสถ์หวงแหนไม่แก่นสาร
ครั้นระงับดับขันธ์สันดาน ย่อมสาธารณ์เปื่อยเน่าเสียเปล่าดาย
อย่าลุ่มหลงจงอุตส่าห์รักษาศีล ให้เพิ่มภิญโญไปดังใจหมาย
อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคิดอุบาย จะจำตายตกนรกอเวจี
พี่แบ่งบุญบรรพชาสถาผล ส่วนกุศลให้สุดามารศรี
กลับไปอยู่คูหาในวารี อย่าได้มีห่วงใยอาลัยลาน
อันตัวของอาตมากับสานุศิษย์ ก็ไม่คิดคืนประเทศเขตสถาน
จะจำศีลภาวนาสมาทาน หมายวิมานเมืองสวรรค์จนบรรลัย ฯ
๏ นางผีเสื้อเบื่อหูว่าจู้จี้ เจ้าบาลีเลือกแปลมาแก้ไข
ไหนนรกตกลงที่ตรงใด ช่วยพาไปดูเล่นให้เห็นจริง
เมืองสวรรค์นั้นก็ไปทางไหนเล่า อย่าพูดเปล่าปลิ้นปลอกหลอกผู้หญิง
หนีไปไหนก็ไม่รอดจะทอดทิ้ง มานั่งนิ่งอยู่กับเกาะเห็นเหมาะใจ
ชะช่างอวดบวชเรียนเขียนกอข้อ น่าหัวร่อหรือพระองค์มาหลงใหล
เอาเถาวัลย์พันพุงนุ่งเปลือกไม้ อวดว่าได้บุญแรงมาแบ่งปัน
ไม่นับถือฤๅษีหนีผู้หญิง จะทอดทิ้งเมียไว้ช่างไม่ขัน
เร่งสึกหามาจะได้ไปด้วยกัน อย่าเทศน์ธรรม์เลยไม่พอใจฟัง
เป็นดาบสฤๅษีก็มิรู้ พระเป็นคู่ของข้ามาแต่หลัง
จะขืนจากบากบั่นดันทุรัง ก็ไม่ฟังคงจะเฝ้าอยู่เอาตัว
แล้วกู่ก้องร้องประกาศปีศาจร้าย ทั้งภูตพรายพรั่งพร้อมเข้าล้อมผัว
ปีศาจแรงแผลงศักดาดูน่ากลัว นิมิตตัวโตดำกำยำยืน
แล้วนางมารอ่านคาถาพลาหก ให้ฝนตกฟุ้งฟ้าไม่ฝ่าฝืน
ทั้งฟ้าร้องก้องกระหึมเสียงครึมครืน นภางค์พื้นบดบังกำลังมนต์
พระอภัยไม่รู้ที่จะคิด กับพวกศิษย์แสนลำบากต้องตากฝน
จะหนีนางทางไหนก็ไม่พ้น สุดจะทนฝนชุกลงทุกที
ไหนจะถูกลูกเห็บเจ็บสาหัส พงศ์กษัตริย์สิ้นรักนางยักษี
จึงปรึกษากับฝรั่งว่าครั้งนี้ จะเป่าปี่ผลาญนางให้วางวาย
แต่พวกเราเอาน้ำบ่อน้อยนั้น หยอดปิดกรรณสองข้างเหมือนอย่างหมาย
พวกไพร่พร้อมน้อมคำนับรับอุบาย บ้วนน้ำลายหยอดหูทุกผู้คน ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ จึงจบหัตถ์อธิษฐานการกุศล
แล้ววันทาลาศีลพระทศพล เอาเครื่องต้นแต่งองค์อลงการ์
แล้วถือปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ แข็งพระทัยออกจากชะวากผา
ขึ้นหยุดยั้งนั่งแท่นแผ่นศิลา ภาวนาอาคมเรียกลมปราณ
แล้วทรงเป่าปี่แก้วให้แจ้วเสียง สอดสำเนียงนิ้วเอกวิเวกหวาน
พวกโยธีผีสางทั้งนางมาร ให้เสียวซ่านซับซาบวาบหัวใจ
แต่เพลินฟังนั่งโยกจนโงกหงุบ ลงหมอบซุบซวนซบสลบไสล
พอเสียงปี่ที่แหบหายลงไป ก็ขาดใจยักษ์ร้ายวายชีวา ฯ
๏ ครั้นฝนหายพรายผีหนีไปหมด พระทรงยศแลดูบนภูผา
เห็นนางไม่ไหวติงนิ่งนิทรา ก็รู้ว่าขาดใจบรรลัยลาญ
จึงปลุกไพร่ให้ตื่นขึ้นทั้งพวก เหมือนหูหนวกเรียกใครก็ไม่ขาน
ต้องทำใบ้ให้รู้ว่านางมาร ถึงแก่กาลมรณานิคาลัย
แขกฝรั่งทั้งนั้นสำคัญแน่ ลุกขึ้นแลดูยักษ์เห็นตักษัย
ต่างยอนหูให้น้ำลายนั้นหายไป แล้วอวยชัยชมปี่ช่างดีจริง
บ้างพรั่นจิตคิดลึกยังนึกแหนง หรือนางแกล้งนิทรามารยาหญิง
แขกฝรั่งทั้งสิ้นเอาหินทิ้ง ไม่ไหวติงตายแท้แล้วแม่คุณ
พอโพล้เพล้เวลาภาณุมาศ ล่วงลีลาศลับเงาภูเขาขุน
กระจ่างแจ้งแสงจันทร์อันจำรุญ เสียงสกุณร่อนร้องก้องคิรินทร์
พระโฉมยงสงสารผีเสื้อสมุทร มาสิ้นสุดชีวาตม์อยู่หาดหิน
หมู่มัจฉากาแร้งจะแย่งกิน จะปลงศพเสียให้สิ้นพ้นนินทา
พระจึงชวนแขกฝรั่งสะพรั่งพร้อม ลงจากจอมเขาเขินถึงเนินผา
เห็นศพนางพลางพิศดูพักตรา ชลนาคลอเนตรสังเวชใจ
ลดพระองค์ลงนั่งข้างศิโรตม์ สมาโทษนางยักษ์ที่ตักษัย
พิไรร่ำพร่ำว่าด้วยอาลัย สะอื้นไห้ใจหายเสียดายนาง
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่ในคูหา เจ้าอุตส่าห์ปรนนิบัติไม่ขัดขวาง
จนเกิดบุตรสุดสวาทนิราศร้าง เจ้าอ้างว้างวิญญาณ์จึงมาตาม
ได้พบกันวันเมื่อถึงเกาะแก้ว พี่ห้ามแล้วเจ้าก็ยังไม่ฟังห้าม
เวียนระวังตั้งจิตแต่ติดตาม จนถึงความมรณานิคาลัย
สงสารนักภัคินีเจ้าพี่เอ๋ย เป็นคู่เชยเคียงชิดพิสมัย
ถึงรูปชั่วตัวดำแต่น้ำใจ จะหาไหนได้เหมือนเจ้าเยาวมาลย์
ตั้งแต่นี้มีแต่จะแลลับ จนสิ้นดับกาลาปาวสาน
จนม้วยดินสิ้นฟ้าแลบาดาล มิได้พานพบสมรเหมือนก่อนมา
พี่แบ่งบุญบรรพชิตอุทิศให้ เจ้าจงไปสู่สวรรค์ให้หรรษา
อันชาตินี้มีกรรมจำนิรา เมื่อชาติหน้าขอให้พบประสบกัน
เป็นมนุษย์ครุฑาเทวาธิราช อย่ารู้ขาดเสนหาจนอาสัญ
ให้สมวงศ์พงศ์ประยูรตระกูลกัน อย่าต่างพันธุ์ผิดเพื่อนเหมือนเช่นนี้
พระครวญคร่ำร่ำไรไห้สะอื้น สุดจะขืนแข็งอารมณ์พระโฉมศรี
ทั้งทุกข์ถึงลูกยาในวารี แต่คืนนี้มิได้เห็นว่าเป็นตาย
ทั้งเสียเมียเสียบุตรสุดสลด แสนกำสรดทรวงจะแยกแตกสลาย
สะอื้นอ้อนอ่อนองค์ไม่ทรงกาย พระโฉมฉายซวนซบสลบลง
แขกฝรั่งฟังคำพระร่ำไห้ พลอยอาลัยหลากจิตพิศวง
เห็นแน่นิ่งวิ่งพร้อมเข้าล้อมองค์ ต่างคิดสงสารสะอื้นกลืนน้ำตา
บ้างต้องดูรู้ว่าสลบหลับ ยังไม่ดับชีวังถึงสังขาร์
เข้านวดเคล้นเส้นสายปลายบาทา บ้างโบกผ้าโบกมือกระพือลม
พระกลับฟื้นคืนสมประดีได้ เหมือนหลับใหลลืมจิตสนิทสนม
พอแสงทองส่องสว่างน้ำค้างพรม ทะเลลมคลื่นเงียบเซียบสำเนียง
ไก่สวรรค์ขันเอกวิเวกวับ ไก่ป่ารับขันขานประสานเสียง
เรไรร้องก้องเกาะเสนาะเคียง ดังสำเนียงดนตรีปี่ชวา
อโณทัยไขแสงแจ้งกระจ่าง ส่องสว่างกลางทะเลพระเวหา
เห็นศพซากรากษสที่มรณา เป็นศิลาน่าอนาถประหลาดใจ
มีน้ำขาวราวกับน้ำตาลโตนด ออกจากโอษฐ์นางมารเหมือนธารไหล
พระดูนางพลางถามพวกพลไกร เหตุไฉนศพนางเป็นอย่างนี้
คนทั้งร้อยพลอยว่าน่าประหลาด หรือปีศาจผีเสื้อเป็นเชื้อผี
ยังไม่ตายกลายแกล้งแปลงอินทรีย์ หรือของดีอยู่ในนางเป็นอย่างไร
บ้างว่าเป็นปรอทฤทธิ์วิธิเวท ผู้วิเศษใส่ศิลามาแต่ไหน
แต่ว่าพราหมณ์นามชื่อมหัศชัย นั้นทูลว่าถ้าจะใคร่ให้หายแคลง
อันอัคคีนี้เป็นการผลาญพิภพ เอาเผาศพดูให้สิ้นที่กินแหนง
ถึงยักษ์ร้ายกายสิทธิ์ฤทธิแรง พระเพลิงแผลงฤทธิ์ผลาญไม่ทานทน
พงศ์กษัตริย์ตรัสตอบว่าชอบอยู่ จะใคร่รู้ดีร้ายให้หายฉงน
ดำริพลางทางใช้พวกไพร่พล ช่วยกันขนฟืนมาอย่าช้าที
ฝ่ายจีนจามพราหมณ์แขกช่วยแบกไม้ มากองไว้ข้างเขาจะเผาผี
บ้างตัดไม้ไผ่แขวะแฉละดี ช่วยกันสีไฟพลางกลางศิลา ฯ
๏ พอได้ยินเสียงระฆังข้างหลังเขา เห็นผู้เฒ่าออกจากชะวากผา
ดูสรรพางค์ร่างกายแก่ชรา แต่ผิวหน้านั้นละม้ายคล้ายทารก
ทรงเสื้อโขมพัสตรานุ่งผ้าขาว ผมนั้นยาวย้อยสยายประปรายปรก
ถือไม้เท้าเนาวรัตน์พัดขนนก ทำเดินงกงันมาแล้วพาที
ว่าดูราสามีนางผีเสื้อ เป็นหน่อเนื้อกษัตริย์ชาติราชสีห์
อย่าเผาศพนางยักษ์ด้วยอัคคี ภัยจะมีถึงกายให้วายปราณ ฯ
๏ พระอภัยได้ฟังยังฉงน ผิดผู้คนผู้เฒ่าเห็นห้าวหาญ
จึงปราศรัยไต่ถามความบุราณ ขอเชิญท่านชี้แจงให้แจ้งใจ
ข้าเห็นนางวางวายกลายเป็นหิน จึงจะเผาเขาให้สิ้นที่สงสัย
ท่านห้ามว่าข้านี้จะมีภัย เหตุไฉนฉะนั้นหนอข้าขอฟัง ฯ
๏ ฝ่ายมหิงข์สิงขรเทวราช จึงประกาศเล่าตามเนื้อความหลัง
เป็นเรื่องลึกดึกดำบรรพ์อนันตัง แต่ครั้งตั้งฟ้าทะเลเมรุไกร
นางผีเสื้อเมื่อแต่ก่อนเป็นก้อนหิน อยู่กระสินธุ์สมุทรมหาชลาไหล
นางอสูรชาติก่อนได้พรชัย ถอดดวงใจฝากแฝงแท่งศิลา
แล้วขึ้นจากฟากฝั่งมหรณพ ไปรุกรบกับพระเพลิงที่เชิงผา
ต้องไฟกรดหมดไหม้ทั้งกายา ยังแต่ว่าอายุอสุรินทร์
กับดวงใจไม่ดับไปกลับชาติ เป็นปีศาจสังหรณ์อยู่ก้อนหิน
ถูกไอน้ำซ้ำได้ไอแผ่นดิน บันดาลหินนั้นให้งอกออกทุกที
เป็นหน้าตาขาแข้งอันแรงฤทธิ์ ด้วยพรอิศรารักษ์พระลักษมี
นับอนันต์วันคืนได้หมื่นปี จึงเป็นผีเสื้อสมุทรผุดทะยาน
ขึ้นต้องแสงพระอาทิตย์ยิ่งฤทธิ์กล้า ปราบบรรดาพวกปีศาจด้วยอาจหาญ
ได้เป็นใหญ่ในแม่น้ำอโนมาน ใครล้างผลาญชีวันไม่บรรลัย
ซึ่งเป่าปี่ผีเสื้อเนื้อเป็นหิน เพราะสุดสิ้นวาโยอาโปไหล
แม้นเผาจี่ปีศาจด้วยธาตุไฟ จะคืนไล่กินมนุษย์ปุถุชน
ถึงฆ่าฟันฉันใดก็ไม่ม้วย เพราะเหตุด้วยกำเนิดเกิดหลายหน
ต่อเพลิงกาฬผลาญพิภพจบสกล จึงสิ้นชนม์ชีวานิคาลัย
อันวารีที่ไหลออกจากปาก คือแรงรากษสซ่านเหมือนธารไหล
ใครกินน้ำกำลังจะเกรียงไกร ทั้งโรคภัยมิได้มีมาบีฑา
อันเราหรือคือมหิงขสิงขร มาช่วยสอนด้วยสงสารท่านนักหนา
พอสิ้นคำรำพันจำนรรจา รูปชราร่างกายก็หายไป ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศักดิ์ประจักษ์เหตุ ซึ่งเทเวศร์บอกแจ้งแถลงไข
จึงเวยวารีด้วยดีใจ ทั้งพวกไพร่พลอยกินสิ้นทุกคน
เกิดกำลังดังน้ำสุรามฤต มาเจือจิตเยือกเย็นทุกเส้นขน
ครั้นเสร็จสรรพกษัตราก็พาพล ขึ้นอยู่บนเงื้อมเขาลำเนาเนิน
ปลูกที่ทับพลับพลาอยู่อาศัย ที่ใกล้ใกล้ศพนางไม่ห่างเหิน
ทำธงปักเป็นสัญญาไว้หน้าเนิน จะคอยเดินสารสำเภาชาวบุรี ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ