ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา

๏ จะกล่าวถึงพระธิดาพระยาแขก พึ่งรุ่นแรกสาวสำอางค์ดั่งนางเขียน
ดูจิ้มลิ้มพริ้มพร้อมละม่อมละเมียน ดั่งเทพเจียนเจียระไนมาไว้วาง
ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม ราวกับพิมพ์ทองเจือเนื้อไม่ขวาง
จะพิศไหนก็วิไลวิลาสนาง สวนสำอางดังยุพินกินรี
เมื่อวันพระมังคลาจะมาถึง ให้รุมรึงในอุรามารศรี
พอม่อยหลับกลับนิมิตว่านาคี มาอยู่ที่แท่นรัตน์ชัชวาล
รวบกระหวัดรัดนางทั้งปรางค์มาศ ดูร้ายกาจเรี่ยวแรงกำแหงหาญ
แล้วพ่นพิษปิดพื้นโพยมมาน สุริย์ฉานบดบังทั้งวังเวียง
นางพลิกฟื้นตื่นคว้าผวาหวาด ร้องกรีดกราดมิได้หยุดจนสุดเสียง
บรรดาเหล่าสาวใช้นอนใกล้เคียง นางพี่เลี้ยงตกใจกระไรเลย
ผวากอดยอดมิ่งวิมลโฉม ปลอบประโลมเป็นไรเล่าแม่เจ้าเอย
จงบอกพี่เถิดหนาน้องอย่าร้องเลย ขอเชิญเผยเสาวนีย์ช่วยชี้แจง ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ธิดาพระยาหญิง สมรมิ่งเธอจึงกล่าวเล่าแถลง
ฉันฝันเห็นนาคานัยน์ตาแดง มันเรี่ยวแรงรัดรึงไว้ตรึงตรา
ทั้งปราสาทราชวังในจังหวัด ก็รวบรัดเขตแดนไว้แน่นหนา
แล้วพ่นพิษปิดแสงพระสุริยา น้องผวาพลิกฟื้นพอตื่นนอน ฯ
๏ นางพี่เลี้ยงรู้ตำราภาษาแขก เทวดามาแทรกจึ่งสังหรณ์
คงได้คู่สู่สมสยมพร ต่างนครคงจะมาไม่ช้านาน
จึงทูลกับพุ่มพวงนางดวงแข นี่แน่แม่จะได้คู่สู่สมาน
ร่วมภิรมย์สมองค์สมวงศ์วาน จึงบันดาลให้แม่ฝันอย่ารัญจวน
พระธิดาว่าตัวของน้องนี้ ไม่อยากมีคู่ครองประคองสงวน
เหมือนอย่างเขาว่าไว้น้องใคร่ครวญ เป็นที่กวนใจนักไม่รักมี ฯ
๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช กับครูบาทหลวงแล่นตามแผนที่
ถึงปากน้ำสำปันหนาไม่ช้าที ให้ทอดที่เมืองด่านชานชลา
ขุนชำนาญด่านนอกเขียนบอกส่ง ให้ทูลองค์นครำสำปันหนา
ว่ากำปั่นที่ไปทัพนั้นกลับมา พบมังคลาเจ้าประเทศเขตกำพล
มาประทับยับยั้งตั้งอยู่ด่าน จะโปรดปรานอย่างไรบ้างยังฉงน
ทั้งพวกเหล่าชาวเมืองเพชรกำพล พร้อมพหลจัตุรงค์เธอตรงมา ฯ
๏ พวกเสมียนเขียนคำทำอักษร ไปนครเร็วพลันด้วยหรรษา
ถึงแล้วเข้ากราบทูลมูลิกา เจ้าชวาทราบสิ้นก็ยินดี
ให้จัดแจงแต่งเรือลงไปรับ มาประทับอยู่พลับพลาหลังคาสี
ให้เลี้ยงดูหมู่พหลแลมนตรี จงเป็นที่เปรมปราสถาวร
ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร ขึ้นปรางค์มาศเนาวรัตน์ประภัสสร
พวกจัดแจงแต่งที่นั่งอลังกรณ์ เรือไกรสรสิงหราชสะอาดตา
เรือกระบวนทวนธงเอาลงปัก ทั้งคู่ชักแห่แหนดูแน่นหนา
มยุรฉัตรพัดบังอย่างชวา ร่มระย้ายาวสั้นกั้นขุนนาง
พลพายรายเรียงเคียงขนัด สารวัตรจัดเสร็จพอสางสาง
สามโมงครึ่งถึงด่านท่านขุนนาง ให้นำทางไปกำปั่นเหมือนสัญญา
พวกเรือแห่แออัดจัดกันเสร็จ เชิญเสด็จขึ้นไปวังอย่ากังขา
ว่าบัดนี้องค์ท้าวเจ้าชวา มาคอยท่าภูวไนยอยู่ท้ายวัง ฯ
๏ ป่างพระจอมมังคลานราราช กับครูบาทหลวงสมอารมณ์หวัง
ที่ทุกข์โศกมาแต่ก่อนผ่อนประทัง แล้วจึ่งสั่งสอนศิษย์เหมือนคิดตรอง
เรื่องเสน่ห์ที่กูว่าเมตตาจิต แม้นเขาชิดแล้วก็ดีไม่มีสอง
เองอุตส่าห์จารึกไว้ตรึกตรอง ตามทำนองแยบยลกลอุบาย
พระแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์พลอยพร่างกระจ่างฉาย
ฉลององค์ทรงกระสันพรรณราย แล้วสอดสายรัดองค์อลงกรณ์
ทรงมหามาลาจินดาประดับ กระจ่างจับแจ่มจำรัสประภัสสร
ธำมรงค์เรืองจินดาค่านคร ถือตรีเพชรเสด็จจรลงนาวา
บาทหลวงแต่งตัวใหม่ลงไปด้วย จะได้ช่วยป้องกันให้หรรษา
แล้วรีบเร่งเรือใช้ให้ไคลคลา โห่สามลาตีฆ้องกลองประโคม
กระบวนแห่แซ่ซ้องก้องสนั่น พลขันธ์ครื้นครึกแห่ฮึกโหม
ทั้งสังข์แตรแซ่สำเนียงเสียงครึกโครม บาทหลวงโสมนัสรื่นชื่นอุรา
พอเรือแห่มากระทั่งวังนิเวศน์ ถิ่นประเทศเมืองแขกแปลกภาษา
พอแลเห็นท่านท้าวเจ้าชวา เธอลงมาคอยอยู่ท้ายบูรี ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช ยุรยาตรขึ้นไปเฝ้าเจ้ากรุงศรี
ท้าวรายาปราศรัยเป็นไมตรี เชิญเข้าไปในบุรีด้วยปรีดา
พระยาแขกขึ้นรถมีกลดกั้น เป็นหลั่นหลั่นแลรายทั้งซ้ายขวา
รถกระจกยกให้พระมังคลา ขึ้นกับอาจารย์เจ้าเข้านคร
ครั้นถึงวังยั้งยับประทับที่ พวกมนตรีคับคั่งนั่งสลอน
ท้าวลงจากราชรถบทจร เข้านครเขตขัณฑ์สวรรยา
แล้วจูงหัตถ์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง เข้าไปยังพระโรงคัลด้วยหรรษา
ให้นั่งแท่นมรกตรจนา พระมังคลาอภิวันท์อัญชุลี
พร้อมเสนาเข้าทูลละอองบาท แล้วถามนาถหน่อกษัตริย์พลัดกรุงศรี
เราสงสารท่านนักด้วยภักดี พวกมนตรีเขามาเล่าให้เราฟัง
ว่าตกทุกข์ได้ยากลำบากเหลือ เสียดายเนื้อหน่อกษัตริย์ประหวัดหวัง
พ่อจะได้คืนคงดำรงวัง แต่ยับยั้งอยู่สักหน่อยจึ่งค่อยไป ฯ
๏ พระมังคลาว่าข้าพเจ้านี้ ไม่มีที่พึ่งพาจะอาศัย
ขอพึ่งบุญกรุณาเหมือนข้าไท พระอย่าได้ถือโทษจงโปรดปราน
แล้วนิ่งนึกตรึกตรองให้หมองจิต คะนึงคิดมากมายหลายสถาน
ยังไม่เคยนบนอบเคยหมอบกราน พวกเจ้าบ้านเมืองไรก็ไม่มี
เราก็เป็นหน่อเนื้อในเชื้อแถว ลังกาแก้วเคยบำรุงซึ่งกรุงศรี
มาต้องไหว้แขกชวาเจ้าธานี มิรู้ที่จะดำริจะตริตรอง
แล้วหวนคิดผิดพลั้งก็ช่างเถิด เหมือนทองเกิดเป็นตะกั่วย่อมมัวหมอง
ถ้าตกยากกรากกรำตามทำนอง เหมือนเพลงร้องว่าสิบนิ้วต้องพลิ้วเอา
ด้วยเจ้าแขกกรุณาเมตตาจิต ก็ต้องคิดขอบคุณเพราะบุญเขา
สารพัดศัตรูไม่ดูเบา เพราะบุญเจ้าจอมจังหวัดปฐพี
แล้วทูลท้าวเจ้าชวาอาณาเขต ขอพระเดชท้าวไทใส่เกศี
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี กว่าชีวีนั้นจะวายทำลายลาญ ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวาอาณาจักร ให้แสนรักน้ำคำซ้ำสงสาร
จึ่งโลมเล้าเอาใจอาลัยลาน จะคิดอ่านช่วยบำรุงให้รุ่งเรือง
แล้วพิศพักตร์ลักขณาหน่อกษัตริย์ งามจำรัสรัศมีล้วนสีเหลือง
เสียดายศักดิ์จักรพรรดิมาขัดเคือง แม้นมิเปลื้องทุกขาจะอาดูร
ทั้งรูปทรงโสภาดูน่ารัก มาเสื่อมศักดิ์โภไคยทั้งไอศูรย์
อย่าทุกข์เลยเราจะอนุกูล ให้เพิ่มพูนในสมบัติกษัตรา
แล้วสั่งให้ไปอยู่ที่ตึกตั้ง ให้ยับยั้งอยู่สนุกเป็นสุขา
แม้นมีเรื่องเคืองขัดหัทยา พ่อจงมาบอกกล่าวเล่าคดี ฯ
๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร เข้าในวังสั่งนาฏมเหสี
เอาใจใส่หน่อกษัตริย์พลัดบุรี คุณจะมีมากมายหลายประการ
มเหสีรับสั่งฟังกระแส ชำเลืองแลน้อมคำนับรับบรรหาร
แล้วสั่งเล่าสาวสวรรค์พนักงาน แต่งเครื่องอานออกถวายพระมังคลา
๏ ฝ่ายหน่อนาถบาทหลวงออกจากเฝ้า พากันเข้าไปอยู่ตึกนั่งปรึกษา
ควรจะต้องหยุดสำนักพักโยธา เจ้าชวาเล่าก็เห็นเธอเอ็นดู
เมื่อวันมาถึงข้างในกูได้ข่าว ว่าลูกท้าวงามนักหนาหวาอ้ายหนู
อายุย่างเข้าสิบสี่มีระดู เองได้อยู่เป็นลูกเขยคงเลยดี
พระมังคลาว่าเราอยู่โนปรางค์รัตน์ จะลอดลัดเข้าไปหามารศรี
เห็นขัดสนจนใจเพราะไม่มี ผู้ใดที่จะเข้าไปให้ถึงนาง ฯ
๏ บาหหลวงว่าแต่เท่านี้สิขี้ขลาด มิใช่ชาติเจ้าชู้แล้วหูหาง
ค่อยสืบเสาะเหมาะใจที่ไว้วาง ให้ถึงนางพี่เลี้ยงเคียงประคอง
เองแอบอิงพิงพึ่งให้ถึงเขา ประโลมประเล้าฝากตัวเห็นมัวหมอง
เอาสินทรัพย์นับให้ดังใจปอง อันเงินทองใครเขาชังเองฟังดู
ขี้คร้านวิ่งตอแหลเป็นแม่สื่อ ถึงจะดื้อดุจริงคงวิ่งหู
เจ้าประคุณเงินทองเองลองดู ผิดปากกูเอ็งจงว่ากูสามัญ ฯ
๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณการุญรัก ช่างรู้จักท่วงทีดีขยัน
พรุ่งนี้เช้าเหล่าพวกนางกำนัล มาสั่งฉันแล้วจะบาดเข้าพาดพิง
แต่ปรึกษาหารือกันทั้งสอง เฝ้าตรึกตรองหวังจะให้ได้ผู้หญิง
อุตส่าห์พูดลูบไล้ให้ได้จริง เหมือนปากปลิงเกาะติดอย่าคิดวาง
แล้วก็บอกหยูกยามหาเสน่ห์ อุปเทห์สารพัดไม่ขัดขวาง
อุตส่าห์บ่นสนธยายที่ไว้วาง เอาให้นางในวิมานคลานลงมา
แต่สั่งสอนกันจนสางสว่างแจ้ง ที่เคลือบแคลงมิได้ปิดบอกศิษย์หา
พอสายแสงพวกที่แต่งโภชนา ส่งให้ทาสีออกมานอกวัง
ถวายองค์พงศ์กษัตริย์เสวยเสร็จ แล้วสำเร็จนางคำนับแล้วกลับหลัง
เชิญเครื่องอานพานทองของในวัง ตามรับสั่งองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพระธิดาพระยานั้น ถึงเจ็ดวันเคยไปลงสรงกระสินธุ์
ที่ในสวนอุทยานเป็นอาจิณ นอกบุรินทร์สร้างสมไว้ชมเชย
มีบุปผาสารพัดจัดมาปลูก ทั้งดอกลูกมีพร้อมหอมระเหย
สระปทุมตูงตั้งกำลังเชย ลมรำเพยพัดพาสุมาลัย
มีมัจฉาปลาว่ายอยู่คลายคล่ำ บ้านพ่นน้ำฟองฟูดูไสว
ทั้งเต่าหอยลอยกระสินธุ์เที่ยวกินไคล อยู่ที่ในสระสนานชานชลา
กระจับจอกดอกผลปนสาหร่าย กระแสสายใสเย็นเห็นมัจฉา
ที่ประทับยับยั้งตั้งพลับพลา เป็นที่ผาสุกเกษมเปรมฤทัย ฯ
๏ ถึงวันเจ็ดนางเสด็จขึ้นไปเฝ้า แล้วก้มเกล้าทูลลาอัชฌาสัย
เที่ยวเล่นสวนสระสนานสำราญใจ ฝ่ายท้าวไทสั่งสนมกรมวัง
ว่าวันนี้พระบุตรจะไปสวน เจ้าจงชวนกันประชุมช่วยคุมขัง
จงเอารถซุ้มระย้ามีฝาบัง เป็นที่นั่งทรงธิดาเอ็งพาจร
เอาโขลนจ่าไปให้มากช่วยลากรถ ให้สมยศพระบุตรีศรีสมร
ท้าวรับสั่งเสนีชุลีกร ก็รีบร้อนบาดหมายสั่งนายเวร
สารถีที่สำหรับขึ้นขับรถ ใส่เกราะนวมสวมหมดทั้งดั้งเขน
มาเตรียมคอยเสด็จทั้งเจ็ดเวร พวกลูกเกณฑ์นายหมวดต่างตรวจตรา ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ธิดาพระยาหญิง สมรมิ่งโสรจสรงทรงภูษา
ประดับเครื่องเรืองงามอร่ามตา ทรงมหาเนาวรัตน์จำรัสเรือง
กรอบนลาฏคาดเข็มขัดรัดกระสัน สะพักถันตาดทองละอองเหลือง
ธำมรงค์เรือนมณีสีประเทือง แล้วย่างเยื้องขึ้นรถบทจร
นางพี่เลี้ยงเคียงข้างไม่ห่างโฉม คอยประโลมพุ่มพวงดวงสมร
พวกนางเชิญเครื่องยศบทจร ล้วนงามงอนรุ่นราวขาวละออง
ตามเสด็จอรไทออกไปสวน เดินลอยนวลตามเจ้าไม่เศร้าหมอง
บ้างผัดหน้านวลใสเป็นใยยอง ตามทำนองนางแขกแปลกกับไทย ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาฉลาด กับสังฆราชรู้แจ้งแถลงไข
ว่าวันนี้พระธิดาจะคลาไคล ไปเล่นสวนดอกไม้ที่ท้ายวัง
เองรีบไปคอยดูอยู่ริมสระ ให้นางประเนตรสมอารมณ์หวัง
เป่าเสน่ห์ผูกจิตให้ติดตัง คงสมหวังเหมือนกับฝันอย่ารัญจวน
พลางจัดแจงแต่งกายเป็นชายไพร่ แอบเข้าไปหาตาเฒ่าที่เฝ้าสวน
ส่งภาษามลายูรู้กระบวน แล้วทำชวนพูดจาทีหารือ
ข้าพเจ้าเป็นชาวสำปะหลัง เป็นนายช่างต่อเรือคนเชื่อถือ
แต่เรือไฟไม่สันทัดเที่ยวหัดปรือ เขาเล่าลือทุกสถานมานานครัน
อุตส่าห์มาหมายจะใคร่ได้ความรู้ เที่ยวหาครูรู้หลักทำจักรหัน
อยู่บ้านใดในประเทศขอบเขตคัน โปรดดีฉันนำไปให้อาจารย์ ฯ
๏ ทั้งตายายหมายว่าจริงนิ่งพินิจ แล้วก็คิดรักใคร่ไปสิหลาน
แต่วันนี้พระธิดายุพาพาล จะมาสนานที่ในสระธุระมี
แล้วก็ว่าตาจะช่วยไปฝากฝัง ให้สมดั่งหลานคิดไม่บิดหนี
คอยดูเขาเล่นสักวันขยันดี ต่อพรุ่งนี้จึงค่อยไปดั่งใจจง
แอบดูเหล่าชาววังบ้างสิหลาน เขางามปานกินราพระยาหงส์
แต่ออกไปเสียให้ไกลเขาล้อมวง ที่ในดงคัดเค้าเหล่าต้นจันทน์
พระมังคลาดีใจเห็นได้ช่อง ค่อยย่างย่องเข้าไปในสวนขวัญ
เข้าแฝงพุ่มชงโคตะโกวัน ริมขอบคันสระศรีมีปทุม ฯ
๏ จะกล่าวถึงนางพระยามาถึงสวน พร้อมกระบวนกันทั่วมามั่วสุม
แล้วนั่งกองกำชับคอยจับกุม พวกหนุ่มหนุ่มล้อมไว้มิให้เดิน
พอรถทรงพระธิดามาถึงสวน พี่เลี้ยงชวนเสด็จนางไม่ห่างเหิน
เก็บบุปผามาลัยพอใจเพลิน เสด็จดำเนินกรีดเล็บเก็บจำปี
ประทานเหล่าสาวสรรค์นางข้าหลวง คนละพวงส่งให้ใส่เกศี
ทั้งปาหนันกรรณิการ์สารภี ตันหยงมีดอกพร้อมหอมขจร
เห็นสาวหยุดฉุดชิงจนกิ่งค้อม เอาไม้ซ่อมสอยร่วงพวงเกสร
นางสาวสรรค์เก็บดวงพวงขจร ให้พี่เลี้ยงสายสมรเที่ยวเรียงราย
บ้างเก็บผลไม้ลูกทั้งสุกห่าม ทำไม้ง่ามน้อยน้อยสอยถวาย
ละมุดม่วงพวงผลหล่นกระจาย เที่ยวเรี่ยรายตกกลาดดาษดา
ลิ้นจี่ต้นผลแดงดังแสงชาติ มะตูมมะตาดดกดื่นพื้นพฤกษา
มะหาดเหียงเรียงต้นผลผกา ย้อยระย้าสุกเหลืองดูเรืองรอง
เสด็จดำเนินเดินทางมากลางสวน อนงค์นวลอื่นจะเปรียบไม่เทียบสอง
ไปถึงสระปะพระมังคลามอง สองต่อสองเนตรสบประจบกัน
ให้ปลาบปลื้มลืมเล็งแต่เพ่งพิศ ยิ่งเสียวจิตนึกขยับจะรับขวัญ
ดั่งอัปสรในสถานวิมานจันทร์ ทั้งผิวพรรณผ่องพักตร์ลักขณา
ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม ประไพพริ้มเหลือดีเจ้าพี่จ๋า
ทั้งสองเต้าเท่าเปรียบปทุมา แม้นจะหาเหมือนเจ้าไม่เท่าเทียม ฯ
๏ ฝ่ายระเด่นดวงแขแลชม้อย นี่นะรอยมาแต่ไกลนึกอายเหนียม
หรือฝรั่งลังกามาเลียบเลียม ดูเสงี่ยมกิริยาเหมือนนารี
ดูรูปทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น ละม้ายแม้นเทวดาในราศี
แต่ผ้าเสื้อเหลืออดสูดูเต็มที เหมือนกับที่ชาวไร่พวกไถนา
แล้วโฉมยงทรงชี้ให้พี่เลี้ยง ใครมาเมียงมองแลชะแง้หา
พี่ไปถามตามสงสัยใครใช้มา บอกให้ข้ารู้เรื่องอยู่เมืองใด ฯ
๏ พี่เลี้ยงรับเสาวนีย์มีกระทู้ นี่นายอยู่แห่งหนตำบลไหน
จงบอกความตามจริงทุกสิ่งไป รับสั่งให้ถามนายจงให้การ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช ได้โอกาสเพื่อจะแจ้งแสดงสาร
ค่อยเป่ามนต์ดลคาถาไม่ช้านาน ที่อาจารย์สอนสั่งให้ตั้งใจ
เดชะเวทวิทยามหาเสน่ห์ ให้รวนเรร้อนจิตพิสมัย
ทั้งพี่เลี้ยงสาวสรรค์กำนัลใน องค์อรไทดวงแขแลตะลึง ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลานั้น บอกว่าฉันนี้นะขาพึ่งมาถึง
มาเที่ยวเล่นเห็นเขาลือกันอื้ออึง ว่าสวนซึ่งจอมกษัตริย์ขัตติยา
สนุกสนานปานสวนสรวงสวรรค์ ในช่อชั้นแดนดาวดึงสา
อยากจะใคร่ชมอนันต์เป็นขวัญตา พอฉันมาปะกระบวนก็จวนตัว
จึงหลบลี้หนีแอบมาซ่อนเร้น กลัวจะเป็นดูแลแม่อยู่หัว
จึ่งมาเที่ยวลัดแลงแอบแฝงตัว เพราะความกลัวท่านจะโกรธลงโทษทัณฑ์
จะออกไปเสียข้างนอกออกไม่ได้ เขาล้อมไว้ยิ่งยวดทั้งกวดขัน
ไหนจะกลัวอาญาสารพัน หม่อมโปรดฉันด้วยเถิดขาจงปรานี
ช่วยเพ็ดทูลอย่าให้สูญไมตรีจิต ที่ชอบผิดช่วยขยายอย่าหน่ายหนี
จะขอบคุณกรุณาที่ปรานี จริงนะพี่จะให้สัตย์ปฏิญาณ ฯ
๏ นางรับคำซ้ำว่าถ้าเช่นนั้น จะผ่อนผันทูลอนงค์เพราะสงสาร
จะจดจำคำนายที่ให้การ ไปทูลมิ่งเยาวมาลย์เหมือนถ้อยคำ
แล้วลุกลามาถึงพระนุชนาฏ อภิวาททูลแต่พอที่ข้อขำ
ทั้งพูดจาสารภาพว่าหลาบจำ ให้พี่นำกราบทูลมูลคดี ฯ
๏ นางทราบสิ้นผินพักตร์มาซักถาม ให้มีความรักใคร่ไม่หน่ายหนี
เสน่หาอาวรณ์ร้อนฤดี นางเทวีหันกลับขึ้นพลับพลา
แล้วเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงข้าง พระนุชนางแดดิ้นถวิลหา
จนมิได้สระสรงพระคงคา ให้เรียกราชรัถามาเร็วพลัน
จะกลับวังสั่งเหล่าพวกข้าหลวง ทุกกระทรวงเร่งรัดไปจัดสรร
มาพร้อมเสร็จนางเสด็จจรจรัล จากอนันต์อุทยาน์เข้าธานี
ขึ้นบรรจถรณ์ร้อนจิตด้วยฤทธิ์เสน่ห์ ให้ว้าเหว่วิญญาณ์มารศรี
แสนวิโยคโศกศัลย์พันทวี นางเข้าที่พระบรรทมให้ตรมทรวง ฯ
๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงเข้าเคียงแท่น ให้โศกแสนร้อนใจเป็นใหญ่หลวง
นางทูลถามความรักที่หนักทรวง แม่เหงาง่วงเป็นไฉนไม่สบาย
จงบอกพี่ชี้แจงให้แจ้งเรื่อง จะปลดเปลื้องอนุกูลให้สูญหาย
ที่โรคร้อนผ่อนใจให้สบาย อย่าวุ่นวายเลยแม่น้องจะหมองมอม
พี่เป็นหมอขอแก้ที่แผลเจ็บ อันเมื่อยเหน็บเสียรูปซีดซูบผอม
จะแก้ไขมิให้น้องนั้นต้องตรอม ฉันจะยอมอาสาเหมือนม้าทรง ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ นางกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์
แต่ความอายมิใคร่บอกออกให้ตรง เพราะเขาจงใจแก้ที่แผลคัน
จึงว่าน้องเหมือนต้องโอสถพิษ กำเริบฤทธิ์ร้อนในน้ำใจฉัน
พี่ช่วยคิดปิดป้องของสำคัญ อย่าให้ฉันอายหน้าประชาชน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง กลับมายังที่สำนักพักพหล
บาทหลวงถามความในที่ไกกล ทั้งเวทมนตร์ทางเสน่ห์เพทุบาย
ได้ใช้บ้างหรือหาหรือว่าเปล่า หรือได้เข้าไปสมอารมณ์หมาย
พระบอกกล่าวเล่าแต่ต้นไปจนปลาย ที่คิดหมายเห็นจะสมอารมณ์ปอง
นางใช้สี่พี่เลี้ยงมาถามซัก ที่จะชักชวนชิดสนิทสนอง
เชิงพูดจาปราศรัยในทำนอง เห็นมีช่องชอบกลเป็นหนทาง
แต่ฟังดูพรุ่งนี้แม้นมีข่าว ได้เรื่องราวแล้วไม่ยากต้องถากถาง
บาทหลวงว่าลูกครูมันรู้ทาง เหมือนเช่นอย่างพ่อเองกูเกรงมือ
อันเรื่องราวเขาเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง ทั้งอ้อยอิ่งกลอกกลับหญิงนับถือ
ถึงแม่เองรบตีมีฝีมือ ยังต้องรื้อกลับเป็นเมียเขาเคลียคลอ
ชะเจ้าพรรณลูกไม้ไม่ไกลต้น มันร่วงหล่นอยู่ริมกิ่งจริงจริงหนอ
มิเสียแรงเกิดกับต้นเจ้าผลยอ พลางพูดพ้อกันพอให้ใจสบาย ฯ
๏ พระสุริยงเย็นพยับลงลับฟ้า ดวงดาราจันทร์กระจ่างสว่างฉาย
น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยสบาย บาทหลวงทายดาราพยากรณ์
อันดวงดาวเจ้าชวาอาณาเขต จะเรืองเดชภิญโญสโมสร
เองคงได้เสกสมสยมพร ด้วยฤทธิรอนองค์ท้าวเจ้าชวา ฯ
๏ จะกลับกล่าวพระบุตรีนารีราช ครั้นภาณุมาศเย็นพยับลับเวหา
ศศิธรจรกระจ่างสว่างตา ด้วยฤทธิ์อาคมขลังกำลังมนต์
เทพรำจวนจิตฤทธิ์เสน่ห์ ให้รวนเรร้อนรุมทุกขุมขน
เสน่หากล้าหาญเหลือทานทน ให้ร้อนรนไม่สบายหลายประการ
แล้วเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงอาสน์ พระนุชนาฏมีสุนทรด้วยอ่อนหวาน
ประหลาดใจตั้งแต่ไปอุทยาน หนาวสะท้านเป็นไฉนไม่สบาย ฯ
๏ นางพี่เลี้ยงรู้เล่ห์เสน่หา จะวางยาแก้ไขเสียให้หาย
แล้วทูลว่าหน้าไข้ไม่สบาย อย่าวุ่นวายพรุ่งนี้พี่จะไป
หาโอสถรสรื่นที่ชื่นชอบ มาประกอบผันแปรคิดแก้ไข
ให้หายโรคโศกเศร้าเบาพระทัย แล้วจะได้เห็นหมอขอตำรา
มาถวายโฉมยงให้จงได้ ขอแก้ไข้ฟูมฟักช่วยรักษา
เหมือนศุภลักษณ์ยักษีผู้ปรีชา ไปอุ้มพาอุณรุทภุชพงศ์
มาสมสู่อุษาธิดายักษ์ ได้ร่วมรักร่วมชมสมประสงค์
ขออาสากว่าชีวิตจะปลิดปลง ให้ได้องค์มังคลาไม่ช้าที
อย่าทุกข์ร้อนนอนเถิดแม่โฉมฉาย คงสมหมายดอกพระน้องอย่าหมองศรี
ที่ประสงค์จงรักขอภักดี วันพรุ่งนี้จะออกไปให้ได้ความ
แต่ปรึกษาห้าคนจนสว่าง นางเยื้องย่างออกไปแล้วไต่ถาม
มาเรียกบ่าวสาวใช้ให้ไปตาม แล้วเดินข้ามท้องฉนวนรัญจวนใจ ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช พอภาณุมาศไตรตรัสจำรัสไข
แล้วสระสรงทรงเครื่องเรืองอำไพ จะขึ้นไปเฝ้าท้าวจ้าวนคร
พอสี่นางต่างพากันมาถึง พลางรำพึงอยู่ในทรวงดวงสมร
เหตุไฉนหน่อกษัตริย์พลัดนคร วานนี้จรไปเป็นคนจนเข็ญใจ
ไม่รู้เลยว่าเป็นหน่อวรนาถ ขู่ตวาดพูดจาไม่ปราศรัย
ให้นึกกลัวตัวสั่นพรั่นหัวใจ พอหน่อไทสบพักตร์ร้องทักทาย
เชิญพี่มาหาน้องสักหน่อยก่อน ธุระร้อนใจอยู่ไม่รู้หาย
พี่มิช่วยไหนจะรอดคงวอดวาย ดั่งหนึ่งว่ายสายสมุทรสุดกำลัง ฯ
๏ ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยงค่อยเมียงหมอบ แล้วก็ตอบพจนารถสวาทหวัง
ขอสนองรองบาทากว่าชีวัง จะรับสั่งใส่เกล้าทุกเช้าเย็น
๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์นรินทร์ราช ที่คิดคาดไว้ได้ช่องพอมองเห็น
จึงเขียนคำทำเป็นกลอนบอกร้อนเย็น ทับสนิทมินเม้นไม่เห็นรอย
กับธำมรงค์ทรงถอดออกจากหัตถ์ เพชรรัตน์เรือนอุทัยที่ใช้สอย
ส่งให้นางพลางทำเป็นสำออย ว่าแหวนก้อยฉันถวายเหมือนหมายใจ
ทูลฉลองเถิดว่าน้องนี้คนยาก จะหมายฝากชีวงอย่างสงสัย
เป็นคนพลัดซัดเซว้าเหว่ใจ เหมือนนกไร้รังนอนจนอ่อนแรง
ได้มาหยุดสำนักพอพักกึ่ง ให้สมซึ่งปรารถนาพี่อย่าแหนง
ยกเอาคำนำคดีน้องชี้แจง ทูลแถลงพระธิดายุพาพาล ฯ
๏ พี่เลี้ยงรับสารศรีคดีสดับ ทูลลากลับมาปราสาทราชฐาน
แล้วขึ้นเฝ้าโฉมยงนางนงคราญ ถวายสารธำมรงค์อลงกรณ์
จึงทูลความตามเรื่องหน่อกษัตริย์ ให้แจ้งอรรถว่าพระรักสมัครสมร
ที่เรื่องราวกล่าวคำเธอร่ำวอน ดวงสมรแม่จงแจ้งอย่าแพร่งพราย ฯ
๏ นางรับสารอ่านกลอนอักษรสนอง ฉันจำลองลายหัตถ์จัดถวาย
กระดาษแทนแผ่นสุวรรณพรรณราย เพราะมุ่งหมายพระธิดายุพาพิน
แต่เรียมจนเพราะเป็นคนอนาถา แม้นเมตตาก็จะหายวายถวิล
เพราะความรักหนักเท่าพระธรณิน เชิญยุพินทราบคำที่รำพัน
อันตัวพี่เหมือนกระต่ายมาหมายแข ตะลึงแลแสงช่วงดวงบุหลัน
ก็สุดหมายที่จะมาดสวาทจันทร์ อยู่ถึงชั้นดาวดึงส์เห็นกึ่งเกิน
เมื่อไรเลยจันทราดวงดารก จะร่วงตกลงมาบ้างเห็นห่างเหิน
ขอเสี่ยงบุญหนุนนำให้จำเจริญ เป็นที่เยินยอยศปรากฏไป
แม้นคู่เคียงเรียงหมอนแต่ก่อนสร้าง อย่าให้ร้างเชยชิดพิสมัย
ให้เหมือนพวงบุปผาสุมาลัย มาสวมใส่หัตถาศิลาลอย
เชิญพระนุชบุตรีนารีรัก ช่วยเชิดพักตร์พี่ไว้ได้ใช้สอย
อย่าบากบั่นผันพักตร์ให้รักลอย จงตอบถ้อยศุภสารสมานเอย ฯ
๏ พระเทพินยินคำดั่งน้ำทิพย์ อันลอยลิบตกลงมาสรงเสวย
ชื่นอารมณ์คมคายภิปรายเปรย ด้วยจะเชยชมชื่นระรื่นเย็น
จำจะร่างเรื่องสารสมานสมัคร ที่ความรักทูลเสนอให้เธอเห็น
แล้วนางคิดตอบคำพอย่ำเย็น เขียนด้วยเส้นดินสอดำคำสารา
พับผนิดปิดผนึกจารึกหลัง แล้วซ้ำสั่งนางกำนัลด้วยหรรษา
กับขันทองของทรงเครื่องลงยา ใส่บุหงาส่งให้เอาไปพลัน
ถวายพระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง กำชับสั่งพวกเหล่านางสาวสรรค์
กับพี่เลี้ยงร่วมใจไปด้วยกัน พอสายัณห์รีบมาอย่าช้าที ฯ
๏ พี่เลี้ยงรับสาราเรียกข้าทาส ยุรยาตรออกประตูบูรีศรี
ถึงตึกตั้งวังอยู่ของภูมี ขึ้นเฝ้าที่ห้องกลางที่ข้างใน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช เห็นนางนาฏกลับมาพระปราศรัย
น้องเห็นพี่มานี่ค่อยคลายใจ พลางพิไรถามซักที่ชักพา
อันทรวงน้องเหมือนหนึ่งกองอัคคีสุม ให้ร้อนรุ่มจนกระทั่งถึงมังสา
พี่ไม่ช่วยเห็นม้วยชีวาลา แล้วมารยาทำเหมือนไข้ไม่สบาย ฯ
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเคียงองค์แล้วส่งสาร กับทั้งพานใส่บุหงามาถวาย
พลางทูลความตามทำเนียบทั้งเปรียบปราย พระสมหมายที่มาดสวาทปอง
แล้วคลี่สารอ่านคำของทรามสวาท บังคมบาทบาทามาทั้งสอง
ซึ่งโปรดปรานการข้างหน้าฝ่าละออง ว่ารักน้องเหมือนหนึ่งคำที่รำพัน
ก็เห็นจริงสิ่งใดไม่หน่ายแหนง น้องก็แจ้งความจริงทุกสิ่งสรรพ์
แต่เรื่องว่าเหมือนกระต่ายมาหมายจันทร์ ที่ข้อนั้นยังไม่เห็นเป็นอย่างไร
หรือตัวน้องอยู่บนฟ้าเวหาหน นี่ก็คนเดินดินสิ้นวิสัย
มิใช่องค์เทวาสุราลัย พระจะได้คอยแหงนแสนรำคาญ
ที่ยกยอขอประทานเถิดผ่านฟ้า เหมือนเขาว่าร้อยลิ้นที่กินหวาน
น้องมิใช่มดดำเห็นน้ำตาล รับประทานกินนักมักเป็นลม
อันถ้อยคำที่พระร่ำว่ารักน้อง ขอเชิญครองสัตย์ไว้อย่าให้ขม
ข้อที่พระปรารถนาอย่าปรารมภ์ คงจะสมความสัตย์ปฏิญาณ
อันตัวน้องก็จะรองธุลีบาท จนสิ้นชาติมิได้ร้างห่างสมาน
แต่มีข้อเกียดกันในสันดาน แม้นโปรดปรานน้องจะเห็นว่าเอ็นดู
ด้วยว่าพระเชษฐาเป็นฝาหรั่ง อยู่เวียงวังพระสิเคยเสวยหมู
น้องเป็นพวกแขกชวามลายู ที่เรื่องหมูเกลียดจ้านรำคาญจริง
แม้นรับคำสำคัญที่มั่นหมาย ชอฝากกายฝากชีวาประสาหญิง
จะได้พึ่งฝ่าพระบาทพอพาดพิง เป็นที่จริงแม่นมั่นเหมือนสัญญา
ค่ำวันนี้เชิญพระองค์พงศ์กษัตริย์ มาปรัศว์พบฉันให้หรรษา
น้องจะได้ทูลสนองรองบาทา ขอเป็นข้าเบื้องพระบาททุกชาติเอย ฯ
๏ พระฟังสารหวานเพราะเสนาะโสต ละอองโอษฐ์นุชนวลหวนระเหย
งามละม่อมยอมกายภิปรายเปรย ควรจะเชยกลิ่นหอมถนอมนวล
แล้วเอื้อนโอษฐ์โปรดสั่งนางทั้งสี่ ขอเชิญพี่ไปประคองรองสงวน
พอค่ำคล้อยคอยฉันอย่ารัญจวน เวลาควรน้องจะไปเหมือนใจจง ฯ
๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงทูลลากลับ น้อมคำนับหน่อนาถราชหงส์
ถึงปรางค์ทองย่องเข้าเฝ้าอนงค์ นางโฉมยงตรัสถามเนื้อความพลัน
ทั้งสี่นางต่างทูลสนองสาร เยาวมาลย์อย่าวิโยคเศร้าโศกศัลย์
เธอสั่งให้คอยท่าไม่ช้าพลัน พอสายัณห์จึงจะมาในราตรี
นางโฉมยงทรงฟังดั่งได้แก้ว พระพักตร์แผ้วผุดผ่องละอองฉวี
ครั้นพลบค่ำคล้ำฟ้าในราตรี สั่งให้พี่เลี้ยงเสนอเมื่อเธอจร ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช ภาณุมาศเย็นพยับลับสิงขร
จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าดารากร พระภูธรแต่งองค์อลงการ์
ทรงเครื่องต้นอย่างแขกให้แปลกเพศ แล้วร่ายเวทฤทธิรณมนต์คาถา
เหน็บกริชเพชรสองข้างอย่างชวา ถือเช็ดหน้าขลิบตาดแล้วนาดกราย
ลงจากตึกที่ประทับไม่ยับยั้ง เห็นคนนั่งพร้อมกันรีบผันผาย
แล้วอ่านมนต์ดลขลังกำบังกาย ค่อยแวดชายแอบดูปลอมผู้คน
พอพบสี่พี่เลี้ยงมาคอยรับ แล้วคำนับให้เดินกลางหว่างถนน
ค่อยห้อมล้อมปลอมเหล่าพวกชาวพล ไม่มีคนสงสัยเข้าในปรางค์
แล้วเชิญองค์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง ให้หยุดยั้งที่สงัดปรัศว์ขวาง
ค่อยแหวกม่านคลานไปเชิญเสด็จนาง ที่ห้องกลางปรางค์มาศปราสาทชัย ฯ
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีนารีราช กัมปนาทนึกพรั่นให้หวั่นไหว
องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นใจ จะออกไปก็กระดากวิบากจริง
ให้นึกอายหลายอย่างระคางเขิน สะท้านสะเทิ้นไม่รู้หายวิสัยหญิง
แล้วกล่าวแกล้งแสร้งเสประเวประวิง น้องเป็นหญิงออกไปเห็นไม่ดี
พี่กลับไปเชิญพระองค์พงศ์กษัตริย์ มาแท่นรัตน์ปรางค์ทองอันผ่องศรี
พี่เลี้ยงบังคมคัลอัญชลี กลับมาที่หน่อกษัตริย์ขัตติยา
เชิญเสด็จเข้าไปในปรางค์มาศ พระหน่อนาถจรจรัลด้วยหรรษา
ขึ้นประทับแท่นสถิตพระธิดา พระมังคลาเป่าเสน่ห์ด้วยเล่ห์กล
ต้องพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ เกิดกำหนัดร้อนรุ่มทุกขุมขน
ให้ปลาบปลื้มลืมตัวด้วยกลัวมนต์ เปรียบเหมือนคนเมาสุรานัยน์ตาลาย
พระปราศรัยไต่ถามด้วยความรัก เชิญผินพักตร์พี่ขอยลวิมลฉาย
อย่าขวยเขินเมินหน้าระอาอาย ไม่ทักทายแขกมาหาถึงปรางค์ ฯ
๏ นางทรุดองค์ลงคำนับอภิวาท พระนุชนาฏนึกอายไม่หายหมาง
แต่ความรักหักหันออกกั้นกาง พระนุชนางทูลสนองทำนองใน
พระคุณของทรงฤทธิ์เหมือนบิตุเรศ ทั้งประเทศดินฟ้าจะหาไหน
ขอรองเบื้องบาทาเหมือนข้าไท จะไปไหนมิได้ขัดพระอัธยา ฯ
๏ พระปลอบนางทางว่านิจจานุช พี่แสนสุดรักมิตรกนิษฐา
ขอฝากกายกว่าจะวายชีวาลา เป็นสัจจาของพี่แท้ไม่แปรปรวน
เจ้าพุ่มพวงดวงแขแม่อย่าหมอง ไม่ขัดข้องโฉมงามทรามสงวน
พลางอิงแอบแนบชิดสนิทนวล พี่เลี้ยงชวนกันออกมานอกปรางค์
นางถอยหลังลดองค์ลงจากอาสน์ พระหน่อนาถค่อยประคองอย่าหมองหมาง
แล้วกุมกรช้อนองค์ประจงปราง พระนุชนางผลักหัตถ์กษัตรา
แล้วทูลห้ามตามกระบวนอย่าด่วนนัก ขอผ่อนพักพอให้หายอายนักหนา
แม้นคนผู้รู้สิ้นจะนินทา จะเอาหน้าลงไปแฝงไว้แห่งไร ฯ
๏ พระเชยปรางทางว่านิจจาน้อง อยู่ในห้องใครจะเห็นว่าเป็นไฉน
ไม่บกพร่องหมองช้ำจะทำไม มันมิใช่โถเถาจะร้าวราน
พลางประคองต้องเต้าเต็มพระหัตถ์ นางป้องปัดพอประจักษ์ไม่หักหาญ
ค่อยผันผ่อนหย่อนตามความสำราญ ปทุมมาลย์พึ่งพ้นชลธี
ค่อยอิงแอบแนบเนื้อที่เจือจิต นางเบือนบิดพระก็เบียดพอเสียดสี
ปทุมมาลย์ยังไม่บานเกสรดี พึ่งจะคลี่ยังไม่จริงก็ชิงบาน
แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าเกสรอ่อน ลงเฟ้นฟอนของสดเพราะรสหวาน
พิรุณโรยโปรยช่อพอประมาณ ในท้องธารไม่สู้ชุ่มพอนุ่มนวล
พยุพยับอับพื้นเวหาหาว ทั้งเดือนดาวลับจมเป็นลมหวน
สนั่นเปรี้ยงเสียงสุนีคะนองครวญ พระพายหวนหอมบุปผาสุมามาลย์
ทะเลลมยมนาสาคเรศ ทั่วประเทศเป็นระลอกกระฉอกฉาน
มัติมิงคล์กลิ้งท้องชโลธาร ก้องสะท้านธรณินในสินธู
เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะคว่ำ ทุกเถื่อนถ้ำครื้นครั่นสนั่นหู
นาคราชผาดผยองขึ้นฟ่องฟู มังกรชูแก้วสว่างกลางทะเล ฯ
๏ สองภิรมย์สมสวาทในอาสน์รัตน์ นางกษัตริย์เคียงข้างไม่ห่างเห
พระมังคลาชื่นชมสมคะเน ไม่ห่างเหพระธิดายุพาพิน
เมื่อแรกเริ่มเดิมได้กับยายเฒ่า เหมือนกินข้าวแฉะบูดสุดถวิล
เป็นจำใจจำกลืนสู้ขืนกิน มันเลือกลิ้นมากมายหลายประการ
มาปะของเมืองชวาโอชารส แต่ล้วนสดสารพันทั้งมันหวาน
ดังเครื่องทิพย์หยิบใส่มาในจาน แสนสำราญนุ่มนิ่มชิมไม่วาย
อัศจรรย์บ่อยบ่อยเหมือนลอยแก้ว มันหวานแจ้วจับใจมิใคร่หาย
ถนอมแนบแอบนุชสุดเสียดาย จึงภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี
พี่ขอลาทรามสงวนจวนจะรุ่ง แต่ค่ำพรุ่งนี้จะกลับมาปรางค์ศรี
ค่อยอยู่เถิดแก้วตาอย่าราคี แม้นต้วพี่จะมิไปก็ใช่เชิง
ถ้าทราบถึงบิตุรงค์จะลงโทษ เสียประโยชน์แล้วสิเปิดเตลิดเหลิง
เหมือนเปลวไฟไหม้หลังคาจะพาเปิง จะเสียเชิงพากันชั่วให้มัวมอม
นางดวงแขแทบจะแดฤๅดีดิ้น แสนถวิลไม่รู้วายคลายถนอม
แม้นเมตตาอย่าให้น้องนี้ต้องตรอม เชิญพระจอมจักรพงษ์จงคงคืน
เมตตาจริงแล้วอย่าทิ้งให้น้องเริศ จงโปรดเถิดกรุณาให้ฝ่าฝืน
พระได้ฟังน้ำเสียงเพียงจะกลืน นางสะอื้นโศกศัลย์พันทวี
พระปลอบพลางทางว่านิจจาน้อง ไม่ขัดข้องแล้วไม่อางขนางหนี
พลางชุบเช็ดชลนาแล้วพาที อันตัวพี่จะต้องลาสุดาดวง
แม้นขืนอยู่รู้ไปถึงไทท้าว จะเกิดฉาวอึงดังทั้งวังหลวง
จวนจะรุ่งอยู่แล้วหนาสุดาดวง อย่าหนักหน่วงพี่จะลาพะงางาม
พลางเสด็จจากแท่นรัตน์ปัจถรณ์ สายสมรตามเสด็จไม่เข็ดขาม
พระกุมกรสอนสั่งจงฟังความ พรุ่งนี้ยามหนึ่งจะมาอย่าปรารมภ์
ออกจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองเหลียว ให้เสียวเสียวปะสุรางค์นางสนม
แล้วร่ายเวทวิทยาทั้งอาคม ให้เป็นลมบังตาพวกนารี
แล้วปีนข้ามกำแพงลัดแลงออก มาชั้นนอกเดินทางกลางวิถี
กลับไปยังที่อยู่ของภูมี แล้วจรลีเข้าไปหาพระอาจารย์ ฯ
๏ ฝ่ายบาทหลวงง่วงเหงาบนเก้าอี้ เห็นศิษย์รี่เข้ามาหาจึงว่าขาน
แล้วถามไต่เองไปหาเห็นช้านาน มันเป็นการหรือหาไม่ตั้งใจคอย
พระมังคลาว่าได้สมอารมณ์นึก ที่ตรองตรึกไว้คงได้เครื่องใช้สอย
พอตั้งตัวได้สักพักไม่หลักลอย จึงจะค่อยพยายามไปตามบุญ
บาทหลวงว่าถ้าเองเลยเป็นเขยเขา ธุระเราขาดเหลือคงเกื้อหนุน
พ่อตาดีมีปัญญาช่วยการุญ จะได้อุ่นอกใจกลับไปเมือง
กำพลเพชรเขตแดนของยายเฒ่า ไปตีเอาลังกาให้ตาเหลือง
จับอ้ายพวกพงศ์เผ่าเป็นเจ้าเมือง แก้แค้นเคืองมันให้ได้ดังใจปอง
พระมังคลาสาธุสะคุณพระช่วย ขอให้รวยเหมือนกับคำที่ร่ำสนอง
คุณโปรดด้วยช่วยดำริคิดตริตรอง แม้นสมปองจะได้ไปตั้งใจจง
อาจารย์คิดศิษย์ฟังสังรเสริญ พูดกันเพลินเหมือนหนึ่งจิตคิดประสงค์
แต่เช้ามาค่ำไปเหมือนใจจง ยุพยงมิได้ขัดอัธยา ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ