ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง

๏ จะกล่าวข้างห้ากษัตริย์จัดพหล ให้พวกพลเกณฑ์หัดถึงนัดหมาย
เตรียมเรือรบลอยเคียงกันเรียงราย ไว้แต่บ่ายให้เสร็จสำเร็จการ
พอสองยามจะเข้าตีพวกเรือแขก สั่งให้แยกเหล่าพหลพลทหาร
เป็นสามทัพรับประดาหน้ากระดาน เข้าต่อต้านไพรีให้มีชัย
สินสมุทรรับรองเป็นกองขัน มีสำคัญธงแดงสุกแสงใส
สุดสาครรายเรียงเคียงกันไป ปักธงชัยเขียวงามอร่ามเรือง
แต่ทัพอาจะเข้ากลางอย่างประสงค์ จะปักธงตามที่ล้วนสีเหลือง
เจ้ากฤษณาตรีพลำธงนามเมือง ให้เอาเครื่องธงดำตามตำรา
เป็นทัพหนุนคอยเติมเพิ่มพหล เร่งจัดพลเขนทองกองอาสา
พระจัดเสร็จพร้อมกระบวนจวนเวลา จะยาตราให้พระครูดูฤกษ์บน ฯ
๏ จะกล่าวข้างสังฆราชพระบาทหลวง อาทิตย์ล่วงลับฟ้าเวหาหน
ให้ยกพวกเสนีทั้งรี้พล จะเข้าปล้นเมืองให้ได้ดั่งใจตรอง
ให้ยกแผงที่สำหรับจะรับรบ ทั้งไต้คบเสร็จถ้วนกระบวนของ
กับอาวุธที่สำหรับจะรับรอง ยกเป็นกองกองละหมื่นพื้นฉกรรจ์
ท้าวกุลามาลีขี่สินธพ ทหารรบที่สำหรับเป็นทัพขันธ์
บาทหลวงขึ้นรถฝรั่งต้องหลังพลัน แต่ห้ามกันอย่าให้อึงคะนึงไป
สั่งพหลพลแขกให้แยกย้าย เข้าเรียงรายโอบอ้อมล้อมไสว
เมื่อยั้งหยุดอย่าเพ่อจุดทั้งฟืนไฟ จงเงียบไว้ทุกกองสำรองเพลิง
ต่อเมื่อใดในเมืองออกยงยุทธ์ จึ่งค่อยจุดไฟเชื้อให้เหลือเหลิง
แล้วโห่ร้องพร้อมหน้าให้ร่าเริง ตีให้เปิงอย่าได้ยั้งพังประตู ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราเวลาพลบ เตรียมไต้คบปืนใหญ่ใส่ดินหู
ลากมาไว้สำรองช่องประตู ฝ่ายท่านครูผู้เฒ่าเข้าพิธี
ก็รู้แจ้งในตำราว่าข้าศึก จะหาญฮึกชิงชัยในวิถี
เป็นทัพใหญ่กล้าแข็งแรงราวี แต่จะมีทัพกระหนาบช่วยปราบปราม
ในเวลาเจ็ดทุ่มจะรุมรบ จะต้องคบเพลิงใหญ่ในสนาม
แกรู้แจ้งในวิถีพิธีพราหมณ์ ให้หาน้ำไว้ทุกคนบนเชิงเทิน
ใส่ตุ่มไหไว้ให้มีทั้งสี่ด้าน ฉวยเกิดการไฟลุกจะฉุกเฉิน
จะได้ดับรับไว้ในเชิงเทิน อย่าละเมินบอกให้ทั่วทุกตัวคน
ครั้นจัดเสร็จได้ฤกษ์ให้เลิกโห่ สำเนียงโกลาก้องห้องเวหน
เปิดประตูรีบเดินดำเนินพล จอมสากลมังคลาทรงม้านิล
ยกพหลพลทัพออกคับคั่ง ทั้งโล่ดั้งหอกคู่ธนูศิลป์
พลปืนลูกพลุประจุดิน พวกทมิฬจัตุรงค์คงกระพัน
เดินกระบวนออกมาตั้งยังสนาม ท่านครูพราหมณ์กำกับเป็นทัพขันธ์
ท้าวโกสัยยกหลามมาตามกัน เสียงสนั่นแต่ล้วนพลทั้งมนตรี
บาทหลวงเห็นพลทัพมาคับคั่ง เร่งประดังกันเข้ารบอย่าหลบหนี
ให้ทหารโยธาออกราวี ปะทะตีต้านหน้าดาประดัง ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช ไล่พิฆาตพลรบตลบหลัง
ต้อนพหลมนตรีตีประดัง ดูคับคั่งแน่นหนาพลากร
บ้างยิงปืนครื้นครั่นควันตลบ ต่างสมทบทวยหาญชาญสมร
ทั้งสองข้างต่างกลุ้มตะลุมบอน บ้างฟันฟอนกันตายลงหลายพัน
บาทหลวงแกก็ให้จุดไฟแผง สว่างแดงขับพหลพลขันธ์
เอาหม้อดินโยนเข้าไปไหม้เป็นควัน ทั้งน้ำมันลุกโพลงติดโรงใน
พวกพหลบนเชิงเทินช่วยกันดับ เปลวไฟวับร้อนรนทนไม่ไหว
พลางขนน้ำคอยสาดรดราดไป คนข้างในช่วยกันดับแต่รับรอง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายห้ากษัตริย์ที่นัดหมาย ต่างแล่นรายเรียงกันผันผยอง
บ้างยิงปืนเร่งทัพเข้ารับรอง สนั่นก้องเสียงโห่เป็นโกลา
พวกเรือแขกคนผู้อยู่ข้างน้อย ครั้นจะถอยเรือก็แล่นมาแน่นหนา
ก็จำใจจำสู้ดูเวลา ฝ่ายเสนาที่สำหรับกำกับพล
ให้คนใช้รีบไปบอกบาทหลวง อย่าเหนี่ยวหน่วงเร่งไปแจ้งแห่งนุสนธิ์
ศึกมาติดธารท่าในสาชล ว่าผู้คนรับรองเหลือป้องกัน
ทหารรีบไปบอกกับสังฆราช แกหวั่นหวาดเต็มทีไม่มีขวัญ
ความตกใจแทบจะดิ้นสิ้นชีวัน แล้วก็หันไปบอกเล่าท้าวกุลา
เร่งถอยทัพเถิดหวาช้าไม่ได้ เกิดศึกใหญ่ติดพันกันหนักหนา
แล้วแกสั่งเสนีผู้ปรีชา ให้ถอยล่ารีบตรงไปลงเรือ ฯ
๏ ฝ่ายสังฆราชกับพระยาปตาหวี ต่างถอยหนีรีบลงไปข้างฝ่ายเหนือ
ต่างคนต่างบุกพงไปลงเรือ เล่นเอาเหงื่อท่วมกายแทบวายปราณ
แต่ชะตาคนทั้งสองยังไม่ดับ จะได้กลับมาทำศึกด้วยฮึกหาญ
พลางลงเรือจัดพหลคนชำนาญ ออกต่อต้านทัพไทยแกไล่พล
ทั้งสองข้างต่างยิงปืนสนั่น พิลึกลั่นก้องฟ้าเวหาหน
ฝ่ายพวกช้างทัพบกเร่งยกพล เข้าตีปล้นทัพแขกแตกกระจาย
พวกเสนาแต่บรรดาอาสาศึก ก็โห่ฮึกเร่งกันรีบผันผาย
ตะลุมบอนฟอนฟันเหยียบกันตาย เสนานายพวกแขกแตกกระจุย
เห็นพวกกันออกมาเข้าหาบ้าง ที่ถอยหลังเลียบตลิ่งวิ่งออกฉุย
บ้างโดดน้ำลงไปว่ายตะกายตะกุย เอามือพุ้ยน้ำว่ายต่ายขึ้นเรือ
พวกชาวเมืองจับได้ก็หลายร้อย ที่แตกถอยหนีไปข้างฝ่ายเหนือ
พระมังคลาตีประดังกระทั่งเรือ ข้างค่ายเหนือแตกยับอัปรา ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายพระนรินทร์สินสมุทร ถืออาวุธเร่งพหลพลอาสา
เห็นบาทหลวงยืนกำกับขับโยธา จึงร้องว่าจับให้ได้อย่าไว้มัน
อ้ายนี่ตัวก่อศึกให้ฮึกโหม ตีกระโจมเร่งจับพวกทัพขันธ์
จงรีบเรือเข้าไปอย่าไว้มัน เอาให้ทันเดี๋ยวนี้ตีประดัง
ทหารโจนโยนโซ่เอาขอสับ พวกแขกรับโยนไฟดั่งใจหวัง
ทนคาบชุดจุดผึงเสียงตึงตัง ทหารตั้งโห่เร้าจะเอาชัย ฯ
๏ บาทหลวงเห็นสินสมุทรหยุดชะงัก แกรู้จักมั่นคงไม่สงสัย
เอะเหตุผลกลศึกดูตรึกไตร แต่ก่อนไรราวีต้องหนีมา
เหตุไฉนมันจึ่งรู้ว่าอยู่นี่ ยกมาตีรบพุ่งยุ่งหนักหนา
ไหนจะรู้ว่ากูกับมังคลา เกิดเข่นฆ่ารบพุ่งกันรุงรัง
เห็นจะรู้ว่าอยู่กำพลเพชร จึงลอดเล็ดมาทำร้ายเมื่อภายหลัง
ไหนจะมาช่วยกันดันทุรัง มันชิงชังกันสาหัสเป็นศัตรู
แต่เรานี้ต้องรับทัพกระหนาบ จะคิดปราบราญรอนเห็นอ่อนหู
แต่จำเป็นจำต้องป้องศัตรู คงจะสู้กับมันจนบรรลัย
ครั้นจะหนีไม่มีที่จะออก เหมือนหนามยอกคงต้องเชือดจนเลือดไหล
แล้วจึงร้องคุกคามคำรามไป ว่าเหตุไรเองจึ่งมาไล่ราวี
จนเขาไม่สู้รบเที่ยวหลบหลีก ยังกางปีกตามประจญอ้ายคนผี
มาชนรังแล้วอย่าหวังจะได้ดี กูจะตีมึงให้ยับดั่งสับปลา
ยังมิหนำตามมาเที่ยวหาเหตุ เองจะเจตนาไว้อย่างไรหวา
อันทวีปเวียงวังเมืองลังกา หรือเห็นว่าน้อยนักจึงชักชวน
ญาติวงศ์พงศามาหาอีก จะหักปีกมึงให้จมดั่งลมหวน
แล้วให้โยนก้อนหินดินชนวน ทั้งหลาวทวนพุ่งไปไฟน้ำมัน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์สินสมุทร กับพระสุดสาครรับเป็นทัพขัน
ให้ทหารดับไฟไหม้เป็นควัน แล้วเร่งกันเรียงหน้าดาประดัง
ยิงปืนใหญ่ไล่เรือกำปั่นรบ เร่งสมทบกันเข้ามาทั้งหน้าหลัง
บ้างก็ยิงเรือแขกจนแตกพัง ดาประดังรบรับทั้งดับเพลิง
ปืนมณฑกนกสับทั้งคาบชุด อุตลุดตีให้เปิดเตลิดเหลิง
บาทหลวงเห็นปลั้วเปลี้ยจะเสียเชิง ดูแรงเริงกองทัพเหลือรับรอง
เห็นจะยับทัพกระหนาบปราบไม่หยุด แกถอยรุดให้กำปั่นผันผยอง
เห็นพวกแขกล้มตายลงก่ายกอง จะตรึกตรองท่าไรจนใจครัน
แต่แข็งขืนยืนร้องว่าให้รับ เอาปืนตับยิงต้องค่อยผ่อนผัน
เหลียวไปดูบนตลิ่งยิ่งเป็นควัน จะป้องกันเต็มประดาพลางหารือ
ท้าวกุลามาลีไม่มีขวัญ พูดเสียงสนั่นต่างต่างลงครางหือ
เสียสติอารมณ์ประนมมือ เสียงเอออือสุดแต่ท้าวเจ้าประคุณ ฯ
๏ บาทหลวงเฒ่าร้องตวาดชาติอ้ายแขก อกจะแตกเกือบจะสิ้นดินกระสุน
จะคิดการเป่าปัดขัดเจ้าคุณ รบกันวุ่นขึ้นมาดาประดัง
ท้าวเจ้าคุณก็ยังมีแต่ชีวิต มันสุดคิดแล้วก็คงจะลงถัง
เรียกกันมาว่ากระไรจะใคร่ฟัง ยังมานั่งหน้าจ้อยถอยออกไป
นี่หรือชายชาติกษัตริย์อ้ายกัดแพะ ทั้งไก่แกะเองสิคว้าไม่ปราศรัย
ดีแต่กินกับเจ้าชู้แล้วหูไว อ้ายจัญไรคนโง่เหมือนโคควาย
แกด่าพลางทางเร่งกระบวนทัพ เอาปืนตับยิงไปดั่งใจหมาย
เดินกำกับพวกพหลพลนิกาย ทั้งไพร่นายอย่าประมาทประกาศกัน
เร่งคิดอ่านกว้านสมออย่ารอรั้ง พอกำลังที่จะสู้เป็นคู่ขัน
ฉวยเลียทีคลื่นระลอกออกไม่ทัน จะพากันแตกตายวายชีวง
แม้นพลาดพลั้งอย่างไรเอาไฟจุด แล้วรีบรุดออกให้ได้ดั่งใจประสงค์
แล้วให้ยกค่ายวิหลั่นเป็นมั่นคง ตั้งให้ตรงพอประทังบังลูกปืน ฯ
๏ จะกล่าวข้างทัพไทยไล่ประชิด สำแดงฤทธิ์ตรงเข้ามาไม่ฝ่าฝืน
ทหารพวกเกณฑ์หัดบ้างยัดปืน เสียงครั้นครื้นกึกก้องท้องทะเล ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ให้เร่งรัดตีกระชั้นอย่าหันเห
เห็นลมส่งคลื่นระดมสมคะเน แม้นเรือเหยิงกระหน่ำร่ำเข้าไป ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี คิดจะหนีบอกอาจารย์แล้วขานไข
ว่าเจ้าคุณกรุณาคิดล่าไป ให้พ้นภัยรอดชีวาอย่าช้าเลย ฯ
๏ บาทหลวงแกร้องแรกอ้ายแขกตี้ จะออกที่ข้างไหนเล่าเจ้าแม่เอ๋ย
แต่แรกมึงพูดจาว่าข้าเคย ตีเชลยมิใช่น้อยนับร้อยพัน
กูก็คิดว่ามึงกล้าอ้ายหมาเหมี่ยว แกเข่นเขี้ยวตาแดงพูดแข็งขัน
โดยมานะด่าว่าสารพัน ในใจนั้นเล่าก็กลัวขนหัวพอง
แต่น้ำใจโกรธาด่าสำทับ กูกินตับเสียดอกหวาอย่าจองหอง
อ้ายขี้ขลาดชาติวัวหนังหัวพอง มึงจะต้องให้มัดแกกัดฟัน ฯ
๏ ท้าวกุลามาลีเหมือนผีเข้า นั่งกอดเข่าร้อนใจดังใฝ่ฝัน
ทั้งอ้ายเฒ่ามันด่าสารพัน ไม่มีขวัญอยู่กับตัวเพราะกลัวตาย
ต้องทนให้อ้ายเฒ่ามันด่าแช่ง ไม่รู้แห่งรู้หนจะขวนขวาย
ด้วยน้ำจิตสั่นรัวกลัวจะตาย แล้วกราบไหว้เจ้าประคุณกรุณา ฯ
๏ บาทหลวงว่าแต่เจ้าคุณยังวุ่นวิ่ง ราวกันลิงรบสู้ดูเถิดหวา
ใครเก่งเหล็กเก่งไหลใช้ปัญญา จะได้มาช่วยฝ่าเท้าเมื่อคราวจน
มึงนี้ชาติชายกระเบนสตรีแท้ จะสู้แต่พวกผู้หญิงในสิงหล
ก็ไม่ได้จริงหนาหวาเข้าตาจน อย่ามาบ่นร่ำไรกูไม่ฟัง
เสียงปืนผาข้าศึกออกกึกก้อง จะมาร้องเอาแต่ในน้ำใจหวัง
ใครเขาไม่กลัวตายวายชีวัง จึงต้องตั้งรบรับทัพฉกรรจ์
รักชีวิตอยู่แต่เจ้าคนเหล่านี้ มันใช่ผีใช่ยักษ์มักกะสัน
ก็จำเป็นจำสู้อยู่ด้วยกัน แต่เองนั้นกลัวตายคิดถ่ายเท
เฮ้ยนี้แน่ตัวกูอยู่เป็นพระ ไม่คิดจะยักย้ายทำไพล่เผล
ถึงเป็นตายเรือล่มจมทะเล ไม่สมคะเนไว้ชื่อให้ลือชา
กระบี่คมของกูอยู่ในฝัก ไม่อยากชักให้ใครเห็นเช่นดอกหวา
จะเป็นตายไม่เสียดายแก่ชีวา เมื่อกรรมมาถึงกายก็วายปราณ ฯ
๏ ท้าวกุลาว่าทำไมกับใต้เท้า ข้าพเจ้ากลัวไปหลายสถาน
แม้นตัวตายใครจะครองศฤงคาร มิสาธารณ์เป็นของเขาหรือเจ้าคุณ
บาทหลวงว่าอ้ายแขกตี้นี่ขี้ขลาด น้ำใจชาติติดไพร่อ้ายสถุล
เสียแรงบอกของดีไม่มีคุณ มันก็วุ่นแต่ตัณหาอ้ายบ้ากาม
ประเดี๋ยวนี้กลัวตายขายน้ำหน้า ช่างชั่วช้าเต็มระยำอ้ายซำสาม
แกด่าพลางเห็นไฟติดไหม้ลาม ลุกไปตามเชือกเสาทั้งเพลาใบ
บาทหลวงสั่งนายทหารท่านแม่ทัพ บ้างยิงรับดูเป็นควันเสียงหวั่นไหว
ฝ่ายพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร จึงสั่งให้เสนีผู้ปรีชา
เร่งสมทบรบให้ได้ในวันนี้ เอาเรือตีเรียงรายทั้งซ้ายขวา
จับให้ได้อ้ายเฒ่าเจ้ามารยา อย่าเพ่อฆ่าให้มันตายวายชีวง
อ้ายนี้ตัวก่อศึกมาลึกซึ้ง รู้ไม่ถึงมารยามันพาหลง
แต่พวกเราเจียนจะขาดญาติวงศ์ เพราะว่าหลงกับเจ้าครูผู้อาจารย์
จนเสียท่าแทบชีวาจะมอดม้วย ไปอยู่ด้วยอ้ายเกเรเดรฉาน
แล้วมันกลับมาตอแยเป็นแหพาน จนเกิดการชุลมุนวุ่นถึงเรา
เหวยเสนีตีประทับจับให้ได้ เอาปืนใหญ่ยิงเข้าไปทั้งไฟเผา
แม้นเข้าใกล้ได้ทีเร่งตีเอา ทหารเราแต่บรรดาโยธาไทย
พอยัดปืนยืนสะพรั่งแล้วตั้งโห่ สำเนียงโกลาลั่นสนั่นไหว
บังเกิดลมสีแดงดั่งแสงไฟ พายุใหญ่ป่วนก้องท้องทะเล
ตีกำปั่นหันเหียนเจียนจะคว่ำ ระลอกซ้ำโยนปั่นให้หันเห
ทั้งหัวท้ายหันหวนอยู่รวนเร ท้องทะเลมืดคลุ้มชอุ่มควัน
ชะนีร้องก้องคำรนฝนก็ดก พวกบนบกวิ่งเวียนอยู่เหียนหัน
บังเกิดลมเป็นลมบ้าสลาตัน เสียงครื้นครั่นกึกก้องท้องอัมพร
พวกโยธาถอยล่าเข้าหาร่ม ถูกทั้งลมทั้งฝนคนสยอน
ต้องกลับพวกเสนาพลากร เข้านครเมืองด่านชานบุรี ฯ
๏ จะกล่าวข้างกำปั่นก็หันเห ท้องทะเลมืดมัวทั่ววิถี
ไม่เห็นหนเหนือใต้ในนที ลมก็ตีแตกไปไม่ได้ทาง
ทั้งเรือแขกเรือไทยเพลาใบหัก ไม่รู้จักโดนกันตรงเสียงโผงผาง
บ้างกราบแตกแยกยับเจียนอับปาง ตีไปทางทักษิณสิ้นกองเรือ
แล้วกลับหวนป่วนปั่นแตกกันออก คลื่นระลอกตีพวกไทยไปฝ่ายเหนือ
แต่พวกแขกลมปัดพัดเอาเรือ ไม่ขึ้นเหนือลงข้างใต้ย้ายกันไป
เพราะกุศลคนทั้งสองยังไม่ม้วย เทพเข้าช่วยจะได้หาที่อาศัย
จึงบันดาลวายุพัดให้ปัดไป พายุใหญ่มิได้ซาถึงห้าวัน
ทั้งฝนฟ้าก็คะนองร้องไม่หยุด คนแทบสุดชีวาเจียนอาสัญ
ได้กินแต่ข้าวตากลำบากครัน กับน้ำมันเนยถั่วพอกลั้วคอ
แต่ไม่เห็นหนทางกลางวิถี จะร้ายดีอย่างไรไฉนหนอ
แต่บาทหลวงแกเคยอยู่นั่งชูคอ แต่ตัวงอยืดไม่ได้หายใจรวน ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ลงเต็มทีเสียน้ำใจอาลัยหวน
ไม่เคยยากกรากกรำยิ่งคร่ำครวญ ละห้อยหวนดั่งชีวิตจะปลิดปลง
ไหนจะอดข้าวปลากระยาหาร ทั้งรำคาญที่ไม่สมอารมณ์ประสงค์
บังเกิดลมอาเจียนให้เวียนวง จะนั่งตรงเรือก็แคลงดั่งแกว่งไกว
บาทหลวงหยิบข้าวตากใส่ปากป้อน อย่าใจอ่อนคิดให้มากถลากไถล
คิดถึงพระเยซูของกูไป ท่านจะได้ช่วยเราเมื่อคราวจน
จงแข็งใจคำนับคือกราบไหว้ จะพ้นภัยในจังหวัดที่ขัดสน
คงจะไม่อับปางในกลางชล แม้นคิดวนเวียนไปไม่เป็นการ ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ไม่ยินดีเสียใจหลายสถาน
พามาได้ยากแค้นแสนกันดาร เพราะอาจารย์เสียทีทั้งรี้พล
แต่ไม่ออกปากว่าน้ำตาหยด แสนระทดเหื่อชุ่มทุกขุมขน
ลมก็ซัดเรือไปเข้าในวน พายุฝนก็ค่อยเบาบรรเทาคลาย
แต่ยังมืดมัวมนบนอากาศ ภาณุมาศมิได้สร่างกระจ่างฉาย
เรือค่อยหยุดแคลงหน่อยค่อยสบาย ที่หนาวกายก็ค่อยเบาบรรเทาลง ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายท่านครูผู้วิเศษ เป็นพราหมณ์เทศเที่ยวอยู่ในไพรระหง
ปรากฏนามพราหมณ์คาวุตภุชพงศ์ เป็นเชื้อวงศ์รามราชชาติตระกูล
กินว่านยาอายุวัฒนะ ไม่ธุระโภไคยทั้งไอศูรย์
สลัดสละละเพศกิเลสมูล ทั้งประยูรวงศาไม่อาลัย
มีศิษย์หาแต่บรรดาที่เป็นปราชญ์ เฉลียวฉลาดการเวทข้างเพทไสย
สิบสี่คนด้นเดินในเนินไพร กินลูกไม้เผือกมันพรรณผลา
ถือขันตีอดใจไว้เป็นนิจ สุจริตยอดมนุษย์ไม่มุสา
ทั้งโรคภัยมิได้มีมาบีฑา อายุห้าร้อยปีดีทุกคน
ดูเหมือนหนุ่มชุ่มชื่นจะยืนนั่ง ทั้งกำลังเดินจัดไม่ขัดสน
ถึงสัตว์สีห์มิได้กลัวทั่วทุกคน ด้วยเวทมนตร์สารพันมั่นในใจ
ตามท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท แต่ถือเพศอย่างพราหมณ์ตามวิสัย
เที่ยวไปทุกเกาะแก่งทุกแห่งไป ตามวิสัยจิตหวังทางเมตตา
หวังประโยชน์โปรดคนที่เรือแตก ไปช่วยแบกป้องปัดฝูงมัจฉา
อันสัตว์ร้ายในกระสินธุ์ถิ่นชลา กลัวฤทธาผู้วิเศษด้วยเวทมนตร์
เมื่อวันนั้นท่านครูมาอยู่เกาะ นั่งพิเคราะห์ดินฟ้าโกลาหล
เห็นมืดมัวทั่วพื้นภูวดล บังเกิดฝนลมกล้าฟ้าคะนอง
ก็รู้สิ้นพิภพจบสถาน ว่าอาจารย์พระฝรั่งแขกทั้งผอง
ไปเสียทัพอัปรามาทั้งกอง พายุต้องตกในวนชลธี
จำจะช่วยอย่าให้ม้วยชีวาวาตม์ ให้เคลื่อนคลาดจะได้ไปในวิถี
เขาก็เป็นนักปราชญ์ฉลาดดี แต่ตกที่ขัดสนในวนวัง
พลางบอกกับศิษย์หาที่มาด้วย จะไปช่วยกันประชุมช่วยคุ้มขัง
ให้ได้ไปปลดปลอดรอดชีวัง ไปช่วยนั่งภาวนาสมาทาน
พอลมหยุดคลื่นซาท้องฟ้าสาง ค่อยสว่างอาทิตย์แดงส่งแสงฉาน
ที่พยับอับพื้นโพยมมาน ก็บันดาลเสื่อมหายในนที
พวกพหลพลไพร่ในกำปั่น เห็นสุริยันแจ่มกระจ่างสว่างศรี
ต่างคนต่างหิวหอบบอบเต็มที ลุกจากที่ไม่ใคร่ได้ใจระทวย
บาทหลวงแกลืมตาเห็นฟ้าขาว ค่อยวายหนาวแต่ในใจให้ระหวย
ผงกหัวขึ้นได้หายใจรวย อ่อนระทวยไปทั้งกายแทบวายปราณ
ถึงห้าวันห้าคืนกลืนแต่น้ำ ลมมันร่ำเอาเพราะอดรสอาหาร
แต่ทำใจแข็งขืนพอชื่นบาน นอนให้การเสียงออกเจ้าเรียกหาคน
ให้หุงข้าวเผาปลาเร่งฆ่าไก่ ปิ้งมาให้สารพัดอย่าขัดสน
พวกคนครัวไปหามาบัดดล แล้วก็ขนข้าวมาวางข้างแกนอน
เผยลุกเรียกหาพระยาแขก อย่าตื่นแตกนิ่งอยู่กูจะสอน
ลุกขึ้นกินข้าวปลาอย่าอาวรณ์ จะให้จรกลับพาราไปหาเมีย ฯ
๏ ท้าวกุลามาลีค่อยมีจิต คะนึงคิดก็ค่อยวายที่ใจเสีย
พลางลืมตาหน้าตึงคิดถึงเมีย ที่ละเหี่ยหิวละห้อยค่อยประทัง
อุตส่าห์ลุกขึ้นมากินอาหาร กับอาจารย์ค่อยสบายที่วายหวัง
บาทหลวงเฒ่าค่อยดำรงทรงกำลัง ถอยมานั่งจับเจ่าเห็นเขาราย
แล้วยกกล้องส่องดูรู้ว่าเกาะ เห็นละเมาะเรียงกันเป็นชั้นฉาย
ที่วังเวิ้งเชิงผาศิลาลาย ดูคล้ายคล้ายหรุบหรู่เหมือนผู้คน
แล้วแลไปในมหาชลาสินธุ์ เห็นวารินสีผิดคิดฉงน
เอะมาตกขุมขังในวังวน คงสิ้นชนม์สิ้นเชื้อทั้งเรือแพ
แกตกใจหายวับแทบดับจิต เห็นสุดฤทธิ์สุดรู้ดูแฉว
ไม่เห็นสิ่งที่จะกันจะผันแปร คงตายแน่ละวะกูทั้งผู้คน
แกจึ่งหาแต่บรรดาแขกฝรั่ง มาพร้อมพรั่งแล้วแถลงแจ้งนุสนธิ์
ว่าเรือเราตกกระทั่งถึงวังวน เห็นสุดจนปัญญาในสาคร
ที่ตำราว่าสาชลในวนนี้ ถึงร้อยปีลมจึงฉุดได้หลุดถอน
ในตำราเรียกว่าอ่าวมังกร จะชักถอนไปให้หลุดสุดปัญญา
พวกพหลพลคนที่นั่งอยู่ทั้งนี้ ใครจะมีเวทมนตร์ดลคาถา
ช่วยเรียกลมเรียกน้ำตามตำรา แต่ตัวข้าคิดไม่เห็นจะเป็นตาย
แต่ไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ขวัญไม่ดีดูไปแล้วใจหาย
ทั้งพวกพลเสนาบรรดานาย ต่างวุ่นวายง่วงเหงาเศร้าหัวใจ ฯ
๏ จะกล่าวถึงพราหมณ์ที่มาพฤฒาเฒ่า กับพวกเหล่าศิษย์หาอยู่อาศัย
บนเพิงผาหน้าเกาะเดินเสาะไป เห็นไรไรเหมือนกำปั่นสักพันลำ
เอะตกวนคนจะตายวายชีวิต เมตตาจิตต้องช่วยชุบอุปถัมภ์
จึงบอกศิษย์หาว่าเราจำ จะไปทำให้เป็นลมระดมมา
พัดกำปั่นขึ้นให้พ้นจากวนนี้ ก็จะมีส่วนกุศลคนนักหนา
พลางชวนกันดั้นเดินดำเนินมา เลียบไปหน้าหาดทรายชายทะเล
แล้วร้องว่าฮ้าเฮ้ยพวกกำปั่น จะพากันไปข้างไหนแล่นไพล่เผล
จนตกวนนี้แหละชื่อสะดือทะเล จะถ่ายเทคิดอ่านสถานใด
ต่อร้อยปีจึ่งจะมีพายุใหญ่ หอบขึ้นได้จากวนชลใส
มาตกอยู่เห็นชีวันจะบรรลัย จงแก้ไขเสียให้พ้นจากวนวัง
บาทหลวงเฒ่าเสาวนาคนมาบอก ดั่งเอาหอกแทงใจไม่วายหวัง
จึ่งร้องไปด้วยสำเนียงเสียงอันดัง โปรดสักครั่งขอชีวงให้คงคืน
ฝ่ายพราหมณ์เฒ่าเหล่าศิษย์คิดสังเวช สำแดงเดชเดินคงคาไม่ฝ่าฝืน
ถึงกำปั่นพราหมณ์คาวุตก็หยุดยืน คนทั้งหมื่นกราบกรานอาจารย์พราหมณ์ ฯ
๏ บาทหลวงเชิญให้ขึ้นไปในกำปั่น ท่านพราหมณ์นั้นก็ขึ้นไปแล้วไต่ถาม
ว่าเหตุผลเป็นไฉนจงไขความ ท่านก็นามเชื้อปราชญ์ฉลาดดี
สารพัดรู้สิ้นการดินฟ้า ไยจึ่งมาตกวนจนวิถี
บาทหลวงจึ่งเล่าแถลงแจ้งคดี แล้วจึ่งมีวาจาขอการุญ
ช่วยให้พ้นวนวังเหมือนดังหมาย พอรอดตายคนในเรือช่วยเกื้อหนุน
พอไปถึงเขตแดนจะแทนคุณ จงการุญข้าพเจ้าทั้งบ่าวนาย ฯ
๏ ฝ่ายพราหมณ์เฒ่าเสาวนารับว่าคะ ข้าเจ้าจะช่วยให้ท่านรีบผันผาย
อันเรื่องจะสนองคุณอย่าวุ่นวาย แม้นรอดตายจะไดัครรไลจร
บาทหลวงฟังพราหมณ์ว่าค่อยผาสุก เหมือนหยิบทุกข์ขึ้นไปทิ้งบนสิงขร
ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิรอน ประนมกรเข้ากสิณอภิญญาณ
กับพวกศิษย์แต่บรรดาที่มาด้วย พากันช่วยตั้งจิตอธิษฐาน
ภาวนานิ่งนั่งในทางฌาน สำแดงการมัธยัสถ์โดยศรัทธา
บังเกิดเป็นลมหวนป่วนเป็นคลื่น นภางค์พื้นมืดมิดทุกทิศา
เป็นน้ำหนุนพูนพรั่งไหลหลั่งมา ทั้งเสียงฟ้ากึกก้องร้องคำรน
เกิดเป็นลมสลาตันให้ปั่นปัด ระลอกซัดในนทีไม่มีฝน
หนุนกำปั่นหันเหียนให้เวียนวน หลุดออกพ้นจากกระสินธุ์ถิ่นมังกร
ขึ้นฟูฟ่องล่องลอยไปตามคลื่น นภางค์พื้นแจ่มจำรัสประภัสสร
ลมก็เรื่อยเฉื่อยสบายกระจายจร ที่อาวรณ์รอดตายหายรัญจวน
บาทหลวงเฒ่ากับพระยาปตาหวี ต่างเปรมปรีดิ์เอมอิ่มพลางยิ้มสรวล
น้อมคำนับพฤฒาพราหมณ์ตามกระบวน แล้วเชิญชวนผู้เฒ่ากินข้าวปลา
ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท จึ่งแจ้งเหตุอาหารขาดไม่ปรารถนา
ไม่ต้องการเอมโอชโภชนา เสพย์ผลาผลไม้ในไพรวัน
พอเป็นยาปรมัตบำบัดโรค ไม่ทุกข์โศกแก่ใบไม้ในไพรสัณฑ์
กินพอเป็นอาหารสำราญครัน ไม่ผูกพันกินอยู่ทุกผู้คน ฯ
๏ บาทหลวงฟังวาจาพฤฒาแถลง ท่านชี้แจงเรื่องราวกล่าวนุสนธิ์
น้อมคำนับกราบทั่วทุกตัวคน ได้รอดพ้นความตายวายชีวัง
ฝ่ายพฤฒาว่าจะลาท่านก่อนแล้ว จงผ่องแผัวรีบไปดั่งใจหวัง
แล้วชี้ทางกลางชลพ้นวนวัง เอาเข็มตั้งทิศอุดรรีบจรไป
แล้วลงจากกำปั่นมิทันช้า เดินคงคาขึ้นไปทางหว่างไศล
ไม่ถึงครู่ดูตามกันไรไร ประเดี๋ยวใจหายวับไปลับตัว
เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ พ้นประเทศพอเวลาฟ้าสลัว
พระสุริยนจวนจะค่ำชอ่ำมัว ค่อยสิ้นกลัวความตายสบายใจ
บ้างก็กินข้าวปลากระยาหาร ค่อยสำราญยิ้มแย้มดูแจ่มใส
บาทหลวงเฒ่าเข้าในท้ายสบายใจ กับท้าวไทเจ้าพาราพูดจาพลาง
ว่าครั้งนี้เสียทีแล้วหนอหวา เสียโยธาสารพัดจะขัดขวาง
แต่ชีวิตแทบจะยับเจียนอับปาง ที่ในกลางสาคโรชโลธร
ท้าวกุลาว่าเจ้าคุณบุญมาช่วย จึ่งไม่ม้วยเทพเจ้าเข้าสังหรณ์
ให้ท่านพราหมณ์อยู่ในป่าพนาดร มาช่วยช้อนเภตราออกมาพลัน ฯ
๏ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยมึงอย่าพูด นี่แลทูตพระเยซูอยู่สวรรค์
มาโปรดกูดูเอาเถิดประเสริฐครัน พูดเป็นควันขู่ขับทับทวี
อันพระกูรู้หรือไม่หวาอ้ายแขก มาช่วยแบกช่วยหามตามวิถี
เองจงกลับใจมาเถิดหวาดี จะได้มีความสุขไม่ทุกข์ทน
มาเข้ารีตเสียกับกูกินหมูหัน จะป้องกันเป่าปัดไม่ขัดสน
พระเป็นเจ้ารักใคร่แล้วไม่จน คงช่วยขนบาปไปให้สบาย ฯ
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี ฟังคดีร้อนใจมิใคร่หาย
จะให้เรากินหมูแล้วสู้ตาย ถ่มน้ำลายทุดทุดไม่พูดจา
บาทหลวงเฒ่าแกอุบายเพราะรายอยาก มาลำบากอยู่กับแขกแปลกภาษา
อยากกินหมูอยู่ไม่วายหลายเวลา กินแต่ปลาเนื้อไก่ไม่ได้การ
เรือก็แล่นเลยมาในสาคเรศ พ้นภัยเภทค่อยสบายหลายสถาน
ลมก็เรื่อยเฉื่อยฉ่ำไปสำราญ สิ้นรำคาญคนระงับได้หลับนอน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ