๗๗
เมืองสมารัง
วันที่ ๒๔ กรกฎาคม
เวลาเช้า ๒ โมงเห็นเวลายังเหลืออยู่ เรสิเดนต์ก็ยังไม่มาอยากจะเอากำไร จึงขึ้นรถข้ามฟากไปที่บาซา อยู่ข้างใต้ป้อมใหญ่เหมือนที่ปสรวน แต่ขึงผ้าจากชายคาโรงต่อโรงอยู่ข้างจะต่ำ พวกชาวชวาเดิรไปเดิรมากันได้สดวก เพราะเขามักเปนคนเล็ก ๆ ทั้งนั้น เราเข้ากับฝรั่งก็ว่าเล็กอยู่แล้ว แต่ยังต้องก้มเสียจนเมื่อยคอ จะซื้ออะไรก็แสนอยากลำบากเพราะชาวชวาทำอะไรเร็วไม่เปน รถที่ไปขับช้า ๆ จะซื้อของก็ต้องซื้อทีละสิ่ง เหมือนผ้าถ้าจะซื้อทีละ ๙ ผืน ๑๐ ผืนซื้อไม่ได้ ต้องว่าราคากันทีละผืน ๆ ธรรมเนียมเขาซื้อกันผ้าผืนหนึ่งต้องตั้งชั่วโมง ซื้อได้แต่ไม้เท้าทำด้วยเขาตัดเปนปลอกสวม ๆ ไม่ได้ต่อเลย บอกราคาอันละ ๒ กิลเดอเท่านั้น บ้านเราขายกว่า ๑๐ บาท กับเครื่องกระดาษเล็กน้อย รีบกลับมาพบเรสิเดนต์คอยอยู่ที่โฮเต็ลแล้ว ขึ้นรถไปสเตชั่น ออกจากกดิรีเวลา ๓ โมง ถึงกาโตโสโน แอสสิสตันเรสิเดนต์กับริเยนต์มาคอยรับเลี้ยงน้ำชาพักอยู่ ๕ มินิต แล้วไปมัทยูนเปนที่สำหรับกินเข้ากลางวัน เวลายังไม่ทันเที่ยงแต่มีเวลาพักเพียงครึ่งชั่วโมง ให้เขาจัดเข้าขึ้นไปไว้กินบนรถ แต่คนอื่นให้เขากินเสียก่อน ขึ้นรถไปเที่ยวในเมืองกับแอสสิสตันเรสิเดนต์แลริเยนต์ ที่นี่เราได้มาเมื่อขาไปแล้ว เรสิเดนต์คนที่ไม่ได้พบคราวก่อนเพราะเจ็บปวดอะไรต่ออะไรออกจากเรือนไม่ได้นั้น เดี๋ยวนี้เลื่อนไปเปนเรสิเดนต์มณฑลกาดู ไปที่บ้านริเยนต์อาลูน ๆ ปลูกหญ้าเหมือนกัน พอเข้าไปในบ้านก็เห็นได้ว่าเปนพวกเมืองโซโล มีปันดโปกว้างใหญ่แต่ดูอยู่ข้างเก่าเห็นจะเปนด้วยไม่มีทุนจะซ่อมแซม มีกำมลังแลเครื่องตกแต่ง ตั้งเก้าอี้ยาวเปนที่นั่ง มีเพดานห้อยทำนองเปนโธรน เขาว่าต่อมีงารการจึงจะยกขึ้น อันที่จริงวันนี้เตรียมรับเสด็จ แต่ครั้นจะเชิญกลัวเราจะไม่ไป พอไปถึงก็การตระเตรียมพรักพร้อม ตั้งพระราชพิธีเลี้ยงน้ำชาได้เต็มตามที่มีประโคมเหมือนกัน สนทนากันด้วยเรื่องเมืองมัทยูน ถามว่าแปลว่ากระไร ริเยนต์บอกว่าเปนภาษาชวาคำเดียว แต่แอสสิสตันเรสิเดนต์ติดศัพท์อังกฤษ ต้องอธิบายว่าไม่ใกล้ฝั่งทางโน้นไม่ใกล้ฝั่งทางนี้นัก ไม่ดีนักไม่เลวนัก ไม่โตนัก ไม่เล็กนัก แลอะไร ๆ ต่าง ๆ อย่างนี้คงเปนอันได้เข้าใจความว่า “กลาง แล้วต้องค้นต่อไปใหม่ว่า อะไรเปนกลางในภาษามคธ มัชฌิมกับมัทยูนยังไม่ลงกันต้องแผลงออกไปเปน มัธยม ตกลงเปนได้ความว่า “มัธยม” ตัวมอข้างท้ายเปนนอไปเท่านั้น อธิบายให้ฟังพอใจทั้งคู่ เพราะเปนคู่ศึกษากันในเรื่องนี้ ด้วยแอสสิสตันเรสิเดนต์มีพี่น้องเปนโปรเฟศเซอร์ กลับมาที่สเตชั่นสนทนากับเมียแลแม่แลน้องของริเยนต์ ล้วนแต่เปนคนชาววังคล่องแคล่วเรียบร้อย หมากพลูที่ทำให้ก็เปนอย่างหมากชาววัง ที่จริงเปนคนที่เรียบร้อยทั้งพวกตัวริเยนต์เองรูปร่างงาม อายุเกือบ ๕๐ แล้วแต่ดูยังหนุ่มมาก กิริยาเรียบร้อยอย่างยิ่ง ไปดูเฟบริกรถไฟเหมือนกันกับที่บันดองไม่พักต้องกล่าว
ออกจากมัทยูนไปโซโลตามทางเดิมถึงที่สเตชั่น สุสุนัน มังกุโนโกโรกับเจ้านายญาติวงศาทั้งสองพวกพร้อมทั้งเสนาข้าราชการค่อมเค้าเถ้าแก่นักเทศขันทีแลพวกเรสิเดนต์ทั้งหมดมาคอยรับ แลพาไปที่สเตชั่นซึ่งจะเปลี่ยนรถ นั่งสนทนากันอยู่ในที่นั้น พาลูกเล็ก ๆ มาด้วยหลายคน สุสุนันแต่งตัวอย่างเมเยอร์เยเนราลทหารวิลันดา การสนทนาก็เปนเรื่องไปเที่ยว แลทางไมตรีอย่างดีที่สุด พอขนของเปลี่ยนรถแล้วลากันขึ้นรถไฟต่อไป ทางที่มาในเมืองโซโลเปนที่ร้างว่างเปล่าบ้าง มีนาเปนหย่อม ๆ ริมทางรถไฟบ้าง แต่ดูไม่งอกงามจำเริญ พนแผ่นดินขาวแลแห้งมีต้นไม้เปนหมู่ ๆ บ้าง แต่ย่อม ๆ รอยตัดฟันลงใหม่ ๆ กำลังตัดค้างอยู่ก็มี ดูเปนคิดจะปลูกตันสักทั้งนั้น ที่ปลูกลงไว้แล้วก็มาก ข้างนี้ดูโต ๆ กว่าทางที่ไปต่อมัธยม เห็นจะปลูกก่อน ไปสเตชั่นเดียวก็เข้าแดนสมารัง ในแดนสมารังก็เหมือนกับโซโล เปนแต่ต้นสักปลูกนานแล้วต้นโต ๆ แลขึ้นทึบเปนหมู่ ๆ ที่แผ่นดินเปนลูกเนินสูง ๆ ต่ำ ๆ ที่สูงปลูกต้นสักที่ต่ำเปนทุ่งนาหรือไร่ครามบ้าง ต่อเมื่อใกล้เข้าไปแลเห็นภูเขาริมทเลแล้วยังต้องผ่านทุ่งผ่านสวนเปนชั้น ๆ เข้าไปหลายชั้น ท่าทางเหมือนเวลาที่พ้นจากเขาไปตกเมืองกระ ถึงที่สุดทางรถไฟแลเห็นทเล เรสิเดนต์กับกรมการหลายคน เมเยอเยเนราลบังคับการทหารแลคอมมาดังบังคับการทหารคงเมืองพร้อมกันมารับ การตกแต่งก็แขงแรงมาก คนที่มาดูแน่นเต็มไปหาระหว่างไม่ได้ คนมากเหมือนที่บัตเตเวีย กิริยาก็เปนฝรั่งหรือฟรี ๆ ไปหมดตามธรรมดาของเมืองท่า ถ้าผู้ใดไปเมืองชวาเห็นแต่ข้างริมทเล คือบัตเตเวีย สมารังสุรบายาเท่านั้น แล้วจะนึกไม่ถูกเลยว่าเมืองข้างในเปนอย่างไร ผิดกันคนละประเทศทีเดียว โปลิศเกือบจะกันไม่ใคร่ไหว ตอมเข้ามารอบเกือบจะถึงรถ เวลารถออกเดิรให้นึกออกกลัวว่าจะทับตีนคนด้วยซ้ำไป ตั้งแต่สเตชั่นมาจนกระทั่งถึงในเมือง แน่นไปทั้งเจ๊กทั้งแขก มาถึงวัดโรมันกาทอลิกมีพวกนักเรียนแลอาจารย์ลงมายืนคอยอยู่น่าโบสถ์ ถือธงช้างใหญ่อันหนึ่ง ธงวิลันดาอันหนึ่ง หยุดรถร้องเพลงสรรเสริญบารมีแลเพลงวิลันดา แล้วออกจากที่นั้นมาด้วยความลำบาก เพราะคนเบียดแน่นนัก รถต้องเดิรอย่างช้า ๆ ที่สุด มาถึงวัดโปรเตสตันหยุดร้องเพลงสรรเสริญบารมีอีกครั้งหนึ่ง ต่อจวนพลบจึงได้มาถึงโฮเต็ล ชื่อปาเวเลียน ตกแต่งด้วยใบไม้ประดับดอกกุหลาบแห้งเปนของเรสิเดนต์มาแต่ง สนทนากันอยู่จน ๒ ทุ่ม เขาว่าคนที่มาดูวันนี้ มาแต่ไกล ๆ มาก ถนนเต็มแน่นมากแต่เช้าแล้ว เวลาค่ำเดือนหงายลมพัดเย็นดูสบาย ขี่รถไปเที่ยวเล่นดูบ้านเมืองแปลกไปกว่าแต่ก่อนมาก จำได้น้อยแห่งไม่เหมือนบัตเตเวีย ดูยังไม่ทั่วต้องกลับ เมเยอร์จีนกับลูกเลี้ยงแลกับตันจีนเมืองโซโลเปนคนทำภาษีฝิ่นเคยไปหาที่โซโลแล้วทั้งนั้น นัยว่าบรรดาจีนในเมืองชวาไม่มีใครมั่งมีเหมือนเมเยอร์จีนคนนี้ รถที่ขี่มาวันนี้เปนรถสเต๊ตอย่างงาม มีตราแผ่นดินวิลันดาติดด้วย เปนรถของมิศเตอร์ไมยาคอเวอนเนอเยเนราลคนที่รับเราเมื่อคราวก่อน รับด้วยรถนี้ เมื่อจะไปขายเลหลัง ตาเจ๊กนี้ซื้อไว้ สำหรับลูกหลานแต่งงาร การต้อนรับทั้งปวงตลอดจนการตกแต่งโฮเต็ล พวกข้างจีนนี้มีส่วนมากได้อาศรัยเปนกำลังทุกอย่าง ห้องนอนไม่สบาย เกือบไม่มีอากาศเข้าได้แลยุงชุมเกินประมาณ