๓๖
เมืองการุต
วันที่ ๑๓ มิถุนายน
วันนี้ตัดผมลองเสื้อไม่ได้ไปไหนข้างเช้า เย็นรเด่นอาบูมาเพื่อจะแต่งตัวลูกเอียด แต่ไปเล่นน้ำที่บ้านหมอ อาบน้ำร้อนบ้างน้ำเย็นบ้าง หลายตลบเลยตัวร้อนไป ตกลงเปนมานั่งกินน้ำชาเปล่า ๆ เครื่องแต่งตัวที่จัดมานั้น ว่าเปนอย่างปะเงรัน คือเสื้อกางเกงกำมหยี่ปักทอง แต่ดูรูปพรรณสัณฐานเปนอย่างฝรั่งเสียแล้ว กางเกงขาสั้นเสื้อราชปแตน แปลกอยู่แต่หมวกใช้ก้าไหล่ทอง รูปเหมือนขันล้างหน้าสลักก้นโปร่งตามขอบตัน ถ้าจะเอาขันล้างหน้าครอบลงไปก็เปนอันได้กัน ข้างในดามกำมหยี่รุงรัง
เวลาเย็นขึ้นรถไปกับเรสิเดนต์ ตั้งใจจะดูเรือนพวกชาวเมือง แวะคราวแรกที่เรือนหลังคามุงกระเบื้องสี่เหลี่ยม ซึ่งเปนเรือนในเมือง แต่ใช้ฝาแผงทำค่อนจะอยู่ข้างเปนฝรั่ง คือมีเฉลียงโถง ตั้งโต๊ะกลมมีเก้าอี้โล้ตัวหนึ่ง แต่ข้างในเข้าไปเหม็นเหลือสติกำลัง ด้วยจะดูแล้วก็ต้องทน ข้างในมีของฝรั่งแตก ๆ หัก ๆ จะเอาเปนตัวอย่างไม่ได้ ไปต่อไปอีกจนถึงนอกหมู่บ้านจึงพบเรือนอย่างสุนดาแท้ คือหลังคาเดี่ยวสูงจั่วโย้ออกไปข้างน่า เพราะใช้อกไก่ยาว ปั้นลมใช้ไม้แก่นเล็ก ๆ ไขว้กันเหมือนเขาควาย ฝาแผงไม่มีน่าต่างมีแต่ประตูช่องเดียว ในนั้นกั้นด้านหุ้มกลองสองข้างเปนห้องนอน ประตูที่จะเข้าไปมีม่านผูกอย่างเรือนฝรั่ง คือม่านเรือนฝรั่งที่นี่ไม่ได้ใช้สองไขตามธรรมเนียม ข้างหนึ่งมักจะเปนแพรหรือผ้าดอก ข้างหนึ่งเปนผ้าโปร่งมีแพรสีสอดหรือไม่ฉนั้นผ้าอย่างเดียวกัน แต่ข้างหนึ่งคลี่ข้างหนึ่งรวบ เปนท่วงทีคล้ายเครื่องแต่งตัวผู้หญิง ลางทีเรือนหลังเดียวกันน่าต่างผูกม่านต่าง ๆ กันทุกช่อง เรือนที่อย่างเดียวเช่นนี้ก็ผูกบ้าง แต่ประตูที่จะเข้าห้องนั้นเตี้ย แรกเข้าไปเห็นนึกว่าเตาไฟ ต่อมองดูจึงเห็นเปนประตู ในนั้นมีเตียงนอน แต่ขันอย่างหนึ่งที่ข้างเราเข้าใจว่าทางไหนจะเปนหัวนอนทางนั้นคงเปนปลายตีน คือคงจะหันหัวข้างที่ประตูเข้า ที่นอนนั้นใช้กว้างเปนสี่ศอกสี่เหลี่ยม ฟูกอยู่ข้างล่างปูเสื่อ ข้างบนมีหมอนหนุน หัวหมอนข้างห้องกลางตั้งแม่เตาไฟ ปักเสาขึ้นมาแต่พื้นดิน ตัวเตาใช้ก่อเปนสองช่อง มีหวดสำหรับนึ่งเข้าไปตั้งอยู่บนนั้น ตรงเตาไฟเข้ามาแขวนกฤชแลมีดต่าง ๆ มีหิ้งสำหรับแขวนเสื้อผ้า พื้นใช้ไม้ลำเปนตงปูฟากมีเพดานใช้ไม้ลำ เปิดซ่องกระไดตรงเตาไฟ มีกระไดพาดไว้ บรรดาเข้าของอันใดที่มี ตั้งแต่ผ้านุ่งห่มจนถึงเข้าสารผักปลา อยู่บนหลังคาทั้งสิ้น ทั้งควันไฟแลหยากเยื่อรุกรังไปทั้งนั้น ดีแต่ไม่ใคร่เหม็นเหมือนเรือนที่เปนฝรั่ง
ออกจากบ้านนี้ไปตามทางนอกหมู่บ้านซึ่งเคยไปแล้ววันหนึ่ง แล้วแยกไปทางตลาดนัด ที่ดินกว้างใหญ่ปลูกต้นไม้เปนแถว ๆ พอปลายกิ่งระกันเช่นวัดโสมนัสหรือวัดมกุฎกษัตริย์ ใต้ต้นไม้ปลูกโรงแถวยาว ๆ ขนาดแผงลอย ตั้งใจว่าจะใคร่ไปดูสักวัน ในหมู่บ้านที่เปนเมืองการุตนี้ ถ้าจะทอดรางวัดโจร ๕ เส้นเกือบจะต้องเสียรางวัดทั้งเมือง ออกไปหน่อยหนึ่งก็ถึงทุ่งนา แล้วเลี้ยวกลับเข้ามาแวะที่บ้านเรสิเดนต์ เพราะพระยาชลยุทธบอกว่าแกมีความปรารถนากล้าที่จะให้เราไปบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้คิดจะไป วันนี้ออกไปเที่ยวจวนค่ำแล้ว จะขึ้นรถพอแกมาคอยตามไปด้วย พอปราไสยว่านึกจะไปตามที่บ้านเท่านั้น แกเลยให้คนวิ่งไปบอกเมีย ต้อนรับโดยแขงแรงอย่างยิ่ง การจัดเรือนดีจริง ๆ ของอะไรเลว ๆ เอามาติดมาตั้งเข้าทีไปหมดทั้งนั้น เมียเปนคนที่ช่างพูดกะปรี้กะเปร่า พยายามอ้อมค้อมขอรูปจนได้ มีดอกไม้อย่างหนึ่งเหมือนดอกลั่นทมที่พึ่งแย้ม เห็นอยู่ที่น่าบ้านตระลาการเขาปลูกเปนรั้วปักอยู่ในห้องสามช่อเท่านั้น หอมฟุ้งไปทั้งนั้น เปนด้วยปิดบานกระจก แต่ครั้นเมื่อเปิดรับเราแล้วดูกลิ่นคลายไป ที่บ้านนั้นต้องปิดบานเสมอ เพราะอยู่ตรงบ้านรเด่นอธิปติ ซึ่งหันหลังหาเขากระจัก ผ่านไปผ่านมาหนาวทุกครั้ง ลูกชายอายุ ๗ ขวบแต่งตัวสำหรับไปเต้นรำ เปนคนสะเปนย์แทงวัว เอาดอกกุหลาบมาให้แม่เล็ก ดอกกุหลาบมอนตามธรรมเนียม แต่โตเท่าถ้วยยี่ปุ่นจานรองมีดอกเดียวเท่านั้น ไปเก็บที่บ้านตระลาการเหมือนกัน ส่วนของแกเองที่ส่งอยู่ทุกวันไม่เห็นมีดอกโต มีเด็กผู้หญิงลูกรเด่นอไรคนหนึ่งเอาไปเลี้ยงไว้ พาลงไปรับถึงท่ารถไฟแต่แรก พบที่ไหนหมอบกราบอย่างไทย ให้แต่งตัวตามเพศเมือง แต่วันนี้แต่งฝรั่งเพราะเตรียมจะไปเต้นรำ กลับมาที่โฮเต็ลเห็นปลาทองที่เอามาแต่หนองลิหลี ยาวลัก ๒ ฟิตโตพอใช้ อีกตัวหนึ่งโตเกือบเท่า ๆ กัน แต่ยังไม่ลอกเปนทอง เรื่องลอกเปนทองนี้เห็นจะไม่ใช่เพราะแก่อ่อน จะเปนเวลาลอกคราบไม่พร้อมกัน ๒ ทุ่มเศษไปที่คลับมีบอลสำหรับเด็ก ยกเดสขึ้นที่มุมห้องข้างหนึ่งมีม่านแขวนตั้งเก้าอี้ปิดทอง ๓ ตัว เด็ก ๆ ประมาณสัก ๖๐-๗๐ คน แต่ผู้ชายน้อยอายุตั้งแต่ ๑๕-๑๖ ลงมาจนถึง ๒ ขวบ เต้นดีบ้างร่องแร่งบ้าง ที่อายุเพียง ๑๕ เดือนต้องมีคนจับให้เต้นหยก ๆ อยู่ก็มี แต่น่าเอนดูแลมันเล่นกันสนุกด้วย กลับมาเวลา ๔ ทุ่มเศษ หรือ ๕ ทุ่ม