๖๒
(ตอนที่ ๑๓ เสด็จประทับที่เมืองสุรบายา)
เมืองสุรบายา
วันที่ ๙ กรกฎาคม
เวลา ๓ โมงเช้าไปที่สเตชั่น เปนคนละซีกกันกับสเตชั่นที่มาถึง เพราะรถไฟคอเวอนเมนต์มาสุดทางอยู่เพียงนี้ เปนรถกำปนีต่อไป เรสิเดนต์แลพวกข้าหลวงทั้งปวง มังกุโนโกโรกับพวกพี่น้องประบูวิยาหยาอริโยมตารำ แลพวกปเงรันทั้งปวงมาส่ง แต่สุสุนันเองบอกป่วย จะเจ็บจริงก็ได้เพราะแกเห็นจะเหนื่อย และเปนคนไม่แขงแรง หรือจะถูกเอ็ดเรื่องมาบอกให้ที่ว่าเปนล้นไปก็ได้ ออกจากสเตชั่นไปหน่อยหนึ่ง ถึงตพานยาว ต่อไปมีโรงหีบไร่อ้อยใหญ่ ๆ หน่อยหนึ่งก็ถึงที่ซึ่งเปนที่ว่าง ๆ ไม่เห็นมีเพาะปลูกอันใด มีแต่นาเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำอยู่ริมทางรถไฟ พึ่งจะลงต้นสักยังเล็ก ๆ อยู่ ต่อไปเข้าแขวงกดิรีจึงมีไร่นาบริบูรณ์ ไปจนจดแขวงโมโยกราโตมีไร่ครามไร่อ้อยโรงหีบ แต่โรงหีบอ้อยในแขวงสุรบายานี้มีถึง ๔๐ โรง รถไฟหยุดที่มายาพหิส ตามเขตรแขวงเหล่านี้ดูบริบูรณ์ดีกว่าข้างตวันออกมากนัก
บ่าย ๔ โมงถึงสุรบายา เรสิเดนต์ แอสสิสตันเรสิเดนต์ คอนโทรเลอ ๒ คน แอกติงกงซุลของเรา ผู้บังคับการทหาร ริเยนต์มารับ มีการตกแต่งสเตชั่นตามเคย เรสิเดนต์คนนี้ได้เคยพบเราแต่เมื่อมาคราวก่อนเดี๋ยวนี้แก่มากแล้ว พึ่งจะได้เลื่อนที่ขึ้นเปนเคานซิลเลอ ขึ้นรถจากสเตชั่นไปที่เรือนเจ้าของโฮเต็ล อยู่ติดกันเรียกว่าโฮเต็ลเอมบองมาลัง ที่เมืองนี้ดูภูมิฐานเปนเมืองฝรั่งจริงอยู่แล แต่มีตึก ๒ ชั้นมากไปข้างสิงคโปร์หรือมลากา ดูจะสนุกพอใช้อยู่แต่มีชื่อที่ไม่ดี กล่าวกันว่าร้อนจัดยุงก็ตัวโตแลชุมอย่างยิ่ง น้ำก็ไม่มีจะกินว่ากร่อย แลเหนียวเปนปูน แต่ถามเขาที่นั่นเขาว่าร้อนแลยุงเปนแต่ในฤดูฝน ฤดูหนาวอย่างนี้สบายดี น้ำไม่ดีจริงแต่เขากินน้ำมาแต่เมืองปสรวนกันทั้งนั้น เราไปอยู่ก็สบายดี รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องอยู่ในที่บังคับยศศักดิ์ แลพ้นจากเสรมปีแลมโดโยซึ่งเบื่อแล้ว วันนี้เปนวันเขาซ้อมทหารพวกฝรั่งที่เกณฑ์เปนเดิรผ่านมาทางน่าเรือน แลมีรถมาดูเปนอันมาก ขึ้นรถไปหมายจะไปล้างหัว แต่เขาปิดร้านเสียแล้ว แวะกินเข้าที่เรสเตอร์รองภันกริม ยังไม่มีใครรู้จักมักจี่สบายดี