๗๔

เมืองปสรวน

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม

วันนี้กำหนดจะกลับเวลา ๒ โมงครึ่ง แต่เมื่อยเต็มทีนอนหลับไม่สนิทต้องขอผัดไป ๔ โมง ลงมาด้วยม้ารู้สึกอยู่ข้างจะเหนื่อย ถึงตำบลปศุโปเขาชวนให้ไปดูกอโลนี ซึ่งได้จัดการทดลองขึ้นใหม่ ด้วยเหตุว่าคนครึ่งชาติเดี๋ยวนี้ประพฤติความชั่วเปนโจรผู้ร้ายชุกชุมขึ้น เพราะเหตุว่าเปนลูกหลานทหาร ครั้นพ่อตายแล้วก็ไม่มีทุนรอนที่จะเล่าเรียนเพราะมีเปนชั่นน้อย หรือที่เปนลูกลับ ๆ ของฝรั่งก็มีโดยมาก คนเหล่านั้นประพฤติตามอย่างทั้งพ่อแลแม่ คือข้างฝ่ายแม่เปนโจรผู้ร้าย ข้างฝ่ายพ่อเปนนักเลงสุราก็เปนทั้ง ๒ อย่าง แล้วมักจะเปนคนที่ฉลาดกว่าชวาชาวเมืองปรกติ การที่ทำร้ายก็ใช้เล่ห์กลอุบายจับกุมยาก จึงได้คิดการทดลองที่จะแก้ไขให้มีท่าทางที่จะทำมาหากินลองดู ถ้าหากว่าดีได้ ที่แผ่นดินซึ่งยังไม่ได้เพาะปลูกก็จะได้เพาะปลูกเกิดผลประโยชน์มากขึ้น แลคนเหล่านั้นจะได้ตั้งอยู่ในหมู่ประชุมชนชาวชวามาก ๆ โดยจะมีเหตุการณ์อันใดก็จะกลับเปนทหารได้ในทันที ตกลงเปนมาทดลองที่ตำบลปุศโป ซึ่งมีที่ดินเปล่าอยู่หลายพันเบา (เปนเกณฑ์ประมาณไร่ของวิลันดา) คนในกอโลนีคนหนึ่งได้รับที่ ๑๐ เบาโคคู่หนึ่งกับเงินทำเรือน ๖๐ กิลเดอ เราสงไสยว่าเงินน้อยนักจะทำที่ไหนพอ ถามได้ความว่าไม่ต้องซื้อไม้ จะต้องการไม้แห่งใดไปบอกคอนโทรเลอ ถ้าคอนโทรเลออนุญาตให้ตัดแล้วตัดได้หมดไม่ว่าของผู้ใด เราได้ถามถึงการที่เจ้าของไม่มีความหวงแหนหรือ เขาว่าที่ตำบลนี้ราคาไม้ไผ่ไม่สู้แพง เปนการที่คอนโทรเลอสั่งแล้วก็ไม่มีใครขัดขืน เดี๋ยวนี้มีอยู่ ๑๘ กอโลนี บางคนก็ทำการดีบางคนก็ไม่ดี แต่ต้องไล่ออกเสีย ๓ คน เพราะเที่ยววิวาทเกะกะแลไม่ทำงาร เมื่อปีแรกลงมือทำการคิดให้ปลูกไม้ล้มลุก คือเข้าโภชมันผัก ทำไม่ได้ไม่พอเลี้ยงตัว เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเปนให้ปลูกกาแฟแลต้นไม้ที่อยู่หลาย ๆ ปี ดูค่อยดีขึ้น เขาพาไปให้ดูที่กอโลนีของผู้หนึ่ง ชื่อกันตอสกีเปนชาวเมืองโปแลน เดิมเปนทหารออกจากราชการได้เงินเบี้ยเลี้ยงเดือนละ ๑๖ กิลเดอ ตั้งทำการมาได้ ๓ ปี มีโรงที่อยู่หลังหนึ่งอยู่ข้างจะซุดโซมมาก แต่อุส่าห์จัดเฉลียงน่าเรือนให้เรียบร้อย พอนั่งได้ไม่สกปรก แต่ในเรือนนั้นสารพัดที่จะเก่าเปนริ้วแร่ง ของใช้ต่าง ๆ ก็ล้วนแต่อย่างเลวแลเก่าชำรุดทั้งสิ้น เลี้ยงไก่เปนอันมาก มีโรงที่ไว้ม้า ๒ ตัวแลโคหลายตัว มีโคฝรั่งใหญ่สำหรับทำพันธุ์ ตัวหนึ่งเปนของคอเวอนเมนต์ซื้อมอบให้ไว้ ถ้าราษฎรผู้ใดจะมาผสมก็ผสมได้ เมื่อเลี้ยงไว้ครบ ๓ ปียอมยกให้กันตอสกีเปนสิทธิ์ว่าผสมได้ลูกมากแล้ว กาแฟปลูกพรรณไลเบเรียนทั้งสิ้น ต้นโตโตได้ผลบ้างแล้ว มีผักแลกล้วยอ้อยต่าง ๆ ทั้งเข้าโภช มีพวกชวา ๒ คนมาทำงารด้วย เปนการเช่าที่ดินอีกต่อหนึ่ง แต่ไม่ต้องเสียค่าเช่าใช้ช่วยทำงารแทน มีเมียเปนชวาคนหนึ่ง กับเด็กซึ่งทำผิดแต่จะเอาโทษไม่ได้เพราะยังเด็กอยู่ มอบให้มาควบคุมไว้ฝึกหัดทำการ ๒ คน ทำงารเท่านี้พอที่จะหาเงินได้เดือนละ ๒๕ - ๒๖ กิลเดอ ดูก็เปนความคิดดี แต่การที่วิลันดาคิดจัดการอันใดย่อมไม่มีขาดทุน คือเงินที่จ่ายมา ๖๐ กิลเดอแลโค ๒ ตัวนั้น ถ้าคนเหล่านี้จะออกจากกอโลนีด้วยต้องไล่ก็ดี ออกโดยปรกติก็ดี ต้องคืนให้ทั้งสิ้น ต้นไม้พืชพรรณที่เพาะปลูกในที่ดินมากน้อยเท่าใดต้องตกเปนของคอเวอนเมนต์ การป้องกันรักษามิให้เสื่อมสูญแลตักเตือนให้ทำมาหากินนั้นเปนน่าที่ของคอนโทรเลอต้องไปตรวจตราอย่างน้อยเดือนละ ๔ ครั้ง พวกนี้จะไปเที่ยวได้เพียงแต่จ่ายตลาดที่ปุศโป แต่ห้ามไม่ให้เอาเหล้าเข้ามา เว้นไว้แต่ได้อนุญาตจากคอนโทรเลอในเวลาที่ปวยไข้ เวลาที่ไปเดิรอยู่ทั้งเมื่อยแลกระหายน้ำ ถนนก็ลื่นเพราะฝนตกต้องแขงตัวด้วย เขาเอาน้ำนมสดมาเลี้ยงกินชื่นใจเต็มที คนที่เปนพวกกอโลนีคนหนึ่งเอารูปมาให้ดูได้ความว่าเจ้าคนนี้เองที่ไปถ่ายรูปที่โบรโม ภายหลังเมื่อลงไปสมารังแล้วส่งตามลงไปให้ ยังมีรูปลักถ่ายอีกหลายรูป ที่ปุศโปบ้างในบ้านกันตอสกีบ้าง ได้ความว่าช่างถ่ายรูปที่สุรบายาจ้างให้ถ่าย ทำฝีมือดีพอใช้ อยากให้เราไปในกอโลนีที่ตัวอยู่ ตกแต่งซุ้มใบไม้ไว้ แต่ไม่มีเวลาจะไปให้เงินกันตอสกี ๕๐ กิลเดอสำหรับซ่อมแซมโรงที่อยู่ ในการที่ขอบใจนั้น ไปกระซิบกับแบรอนกวาลว่าอยากให้มีกิงเสด็จมาที่บ้านทุกวัน กลับมาตามทางเดิมเราลืมกล่าวถึงลำธารไป ทางนี้ต้องข้ามลำธารแห่งหนึ่งกว้างใหญ่น้ำก็แรง ตั้งทำนบไว้ทำนบทลาย พวกที่อยู่แถบนี้ใช้น้ำลำธารนั้น

กลับจากกอโลนีผ่านน่าโฮเต็ลไปบ้านคอนโทรเลอที่ปุศโป แต่ไม่ได้ไปทางอ้อมซึ่งเปนทางเรียบไปทางลัดมีแต่พอเปนหนทางศิลาผุดสูง ๆ ต่ำ ๆ ไป ๕ มินิตก็ถึง เข้าทางหลังบ้านมีเรือนแถว เปนที่บ่าวอยู่แลครัวที่เลี้ยงสัตว์ ตัวเรือนย่อม ๆ พื้นปูนหลังคามุงกระเบื้องฝาขัดแตะ ฝานั้นเขาเปลี่ยน ๓ ปีครั้งหนึ่ง เปิดได้เปนแผ่น ๆ น่าบ้านมีสวนเปนที่แลไปได้ไกลดูสบายดี ว่ากันถึงเรื่องคำปุศโปหรือปุศปาคือ บุษบานั้น ตามคำชวาหมายเอาต้นไม้อย่างหนึ่ง พาไปดูที่ต้นเปนต้นบุนนากเรานี่เอง ถ้านางบุษบาชื่อนั้นจริงก็ชื่อบุนนาก ไม่ใช่เปนชื่อบุบผาดอกไม้ทั่วไป คำที่ใช้เหมือนบุบผานั้น ชวาใช้กุสุโมหรือกุสุมแทน แต่เมียไปรับแม่เล็กอยู่ที่พักมิศเตอร์มูไลยัน กลับมาที่นั้นเวลาบ่ายโมงเศษ ทางตั้งแต่ปุศโปไปถึงโตสารี ๙ ปาล เดิรกลับมาวันนี้ ๒ ชั่วโมง กินเข้ากลางวันแล้วพักอยู่จนบ่าย ๔ โมง ขึ้นรถวิกตอเรียมากับแม่เล็กพักที่บ้านเวโทโนติงเค็ล คอนโทรเลอปสรวนมาคอยรับ คอนโทรเลอติงเค็ลกลับไป ขึ้นรถใหญ่กลับมาเปลี่ยนม้าที่จันทิ ช้าไม่ใคร่จะแล้วเหมือนเมื่อขาไป ลงเดิรดูตามตลาด มีความลับอยู่สิ่งหนึ่ง เห็นน้ำพริกแขกช่างอยากกินขนมจีนน้ำพริกของเราเสียจริง ๆ ไปถึงปสรวนเวลาบ่าย ๕ โมง ถนนรดน้ำดีขึ้น เลยไปดูที่เก็บเหล้าซึ่งอยู่ไม่ไกลโฮเต็ลนัก เปนที่เก็บเหล้าซึ่งจำหน่ายใช้ทั่วไปตลอดจนถึงสิงคโปร์แลที่อื่น ๆ ที่ทางใหญ่โตแลมีเหล้ามาก แต่เวลาจวนพลบค่ำมืดด้วยร้อนด้วย เพราะมีแต่ประตู ไม่มีน่าต่างแลไม่ใช้จุดไฟ กลับโฮเต็ลค่ำ ตั้งแต่ออกจากปุศโปมาก็ค่อยร้อนขึ้น ๆ มาถึงปสรวนนี้เหงื่อโซม จะว่าเคยหรือว่ากำเริบขึ้นก็ตาม ตั้งแต่ไปโตสารีมาแล้วไม่รู้สึกแห่งใดหนาว ถ้าร้อนสักเล็กน้อยก็ถึงกระวนกระวายนอนก็ไม่ใคร่จะหลับ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ