๒๔

(ตอนที่ ๕ เสด็จประทับที่เมืองบุยเตนซอก)

เมืองบุยเตนซอก

วันที่ ๑ มิถุนายน

เช้า ๓ โมง ๔๐ ออกจากโฮเต็ลไปสเตชั่น บรรดากรมการทั้งเมียด้วยมาส่งที่สเตชั่น เกาเวอนเนอเยเนราลให้รถสลูนสำหรับไป เมื่อขอบใจแล้วขึ้นรถออกจากบัตเตเวีย ๔ โมง ๕ มินิตถึงบุยเตนซอก ๕ โมง ๓๕ มินิต หยุดรับน้ำ ๒ แห่ง ที่จิลิบุกแห่งหนึ่ง ที่อะไรอิกแห่งหนึ่ง รถเดิรโมงละ ๔๐ กิโลเมตร์ รถธรรมดาโมงละ ๓๐ ทางที่มามีลำรางน้ำตลอด นาทำเปนคั่น ๆ สำหรับไขน้ำ มีบ้านเรือนรายตลอดทาง ที่เปนเขาเตี้ยดินแดงเหมือนเมืองตรัง มีปลูกกาแฟแลผักต่าง ๆ ดูเปนที่แผ่นดินอุดมมาก ตั้งแต่ที่หยุดรถที่ ๒ มา ใช้รถไฟลาก ๒ รถเพราะขึ้นเขามีสเตชั่นมีแอสสิสแตนเรสิเดนต์ ๑ เจ้าพนักงารสวน ๑ นายทหารผู้บังคับการ ๑ กับใครอิกคนหนึ่งฟังไม่ถนัดไปคอยรับ ขึ้นรถกระจกอย่างไปรับ ขึ้นมาตามทางดูคนอย่างเรียบร้อยเหมือนรู้จักแล้ว เห็นจะเปนด้วยรู้จักรถ โฮเต็ลที่เรามาอยู่ชื่อ เบลวู ชักธงช้างที่น่าตึกหลังกลาง มีฝรั่งทั้งผู้หญิงผู้ชายหลายคน เขาให้ขึ้นทางหลังกลางมาตามห้องกินเข้า เปนแต่การรับวันแรก ภายหลังรถเข้ามาเทียบถึงเฉลียงเรือนที่เราอยู่เปนหลังตวันตกแถวยาว ยังด้านหลังที่ตรงข้ามกับเรามีอิก ที่เฉลียงน่าห้องรับแขกเราดูวิวงามนัก มีลำแม่น้ำตรงมาถึงเนินตีนเรือนแล้วจึงเลี้ยวไปที่สุดสายตาเห็นเขาสลักสูง ๔๐๐๐ ฟิตยอดเห็นแต่เงา ๆ ข้างล่างเห็นสนัดเปนที่ปลูกกาแฟแลต้นไม้ต่าง ๆ ตลอดในระหว่างนั้นเปนต้นไม้ป่าบ้างต้นไม้ปลูกบ้าง พื้นต่ำลงไปดูงามยิ่งนัก ผู้คนมีแน่นหนามากว่ามีถึง ๔๐๐๐๐๐ คน มาเกือบจะถึงรู้สึกเย็นกว่าปรกติ แต่ครั้นตกบ่ายร้อน คนที่มาอยู่เรือนแถวนี้แต่พวกเรา ของเราสองห้องแม่เล็กห้องหนึ่งนางชุ่มห้องหนึ่ง ลูกห้องหนึ่ง เฉลียงหลังเปนห้องน้ำ พวกที่มาด้วยอยู่ปนกันกับฝรั่ง แต่ริมห้องรับแขกของเราเปนที่มหาดเล็กอยู่ ด้านหลังตรงห้องลูกพระยาชลยุทธอยู่ กินเข้าที่เฉลียงหลังห้องแต่งตัว นั่ง ๑๐ คนทั้งแม่เล็กแลนางชุ่ม กับเข้าทำเหมือนบัตเตเวีย แต่น้ำที่นี่ดีชงน้ำชาไม่แดง ดูน้ำหนักเบากว่าที่บัตเตเวีย มีลำธารน้ำตกลงมาที่ริมเรือน เสียงดังสนั่นอยู่ไม่ขาด มีที่อาบน้ำอยู่ที่ริมเรือนสบายดีมาก แต่ต้องลงไปตามเขาที่เอาหินลำดับเปนคั่นไว้สองทบ แต่ค่าที่น้ำเย็นขึ้นมาไม่ทันเหงื่อออก ข้อรำคาญที่มีอยู่นั้น ๒ อย่าง คือตั้งแต่ย่ำรุ่งไปจนย่ำค่ำรถไฟเดิรโครม ๆ เปนระยะ ๆ ด้วยทางรถไฟผ่านมาริมเรือนที่อยู่ทีเดียว แต่ถ้าปิดน่าต่างเสียเสียงเบาลง น่าต่างที่นี่ใช้สองชั้นทั้งสิ้น แต่เรื่องอาการหนักยิ่งกว่านั้นยังมี คือที่ตรงน่าต่างห้องนอนเราชั่วข้างลำธารมีโรงเรียนแขกเปนโรงจาก แต่เช้าครูสอนให้ลูกศิษย์ท่องหนังสือบอกทีละคำ ตะโกนสุดเสียงคำละสามครั้งบ้างสี่ครั้งบ้าง ลูกศิษย์ก็ตะโกนตาม วันแรก ๆ เช้าถึงนอนไม่ได้ แต่ช้าวันเข้าค่อยไม่ได้ยินเข้าทุกทีเปนด้วยชินหู เมื่อถึงวันศุกร์เข้ากลับออกเปลี่ยว เพราะไม่ได้ยิน ต่อเวลาเย็นจึงได้ยินเด็กมาร้องเล่นตามถนน

เวลาบ่ายไปสวนโบกะนิเกอล์กาเดนดอกเตอร์เทรียบซึ่งเปนผู้มีชื่อเสียงปรากฏอยู่ในหนังสือของคนไปมาแต่งเปนผู้เข้าใจในการต้นไม้มาก คอยรับอยู่ที่ถัดประตูเข้าไปหน่อยหนึ่ง ซึ่งเปนที่หยุดรถ มีผู้ช่วยอิกคนหนึ่ง แต่พอโผล่เข้าไปก็ดูปลื้มใจที่ได้เห็นต้นไม้ใหญ่ ๒ ข้าง เขาเรียกว่าต้นขนารี มีกล้วยไม้แลละดาต่าง ๆ พันเปนต้น ๆ ขึ้นไปจนตลอดค่าคบ แลดูลิ่วไปทั้งนั้น เขาพาไปดูเฟินบิกกอเนียแลต้นไม้กระถางต่าง ๆ มีมากก็จริงอยู่แล แต่ไม่มีวิเศษอันใดกว่าที่เราเคยเห็นกี่อย่างนัก เปนต้นไม้ปลูกขายบ้าง สำหรับเช่าไปแต่งเย่าเรือนบ้าง บรรดาต้นไม้ที่ในสวน มีอย่างละ ๒ ต้นเปนปรกติ เว้นไว้เสียแต่ที่ตายหาไม่ได้ หรือหายากจึงมีแต่ต้นเดียวมีฉลากบอกชื่อภาษาลตินแลภาษาวิลันดา ภาษาชวา ปักทุก ๆ ต้น เพราะฉนั้นการที่ทำฉลากมิใช่การเล่น ต้องมีโรงสำหรับถากไม้ใสกบทาสี เขียนตัวหนังสือทำการอยู่เสมอ ต้นไม้นั้นปักเปนแผนก ๆ ตามที่มีประเภทคล้ายคลึงกัน ที่สวนใหญ่โตมากจำไม่ได้ว่ากว้างยาวเท่าใด เพราะเขาใช้ขนาดเครื่องวัดอย่างดัช แต่แลดูเสียสุดสายตาทุกด้าน แล้วยังขยายอยู่เสมอ การที่ทำสวนดูง่ายดาย เพราะที่เปนดินดอนสูง ๆ ต่ำ ๆ เปนลูกคลื่นไปทั้งนั้น มีแม่น้ำใหญ่คือจิริวอง ซึ่งเปนสายน้ำอันเดียวกันกับแม่น้ำอันหนึ่งซึ่งอยู่ในท่ามกลางเมืองบัตเตเวีย แต่มีกิ่งก้านสาขาแผ่ทั่วไปทั้งสวน ถนนถึงไหนน้ำถึงนั่น เปนลำธารมีก้อนหินก้อนกรวดใหญ่ ๆ เต็มไปทั้งสิ้น แล้วยังมีสายอื่นที่มีกิ่งก้านเข้ามาร่วมในสวนนั้นอิก แรกเราไปเห็นเข้าใจว่าการที่ทำสวนได้ใหญ่โตแลรักษาพื้นหญ้าซึ่งดูเต็มไปทั้งสวนได้ด้วยอาศรัยมีน้ำมาก แต่กลับเปนอย่างอื่นไป คือต้นไม้ที่นี่เขาไม่ได้รดน้ำกันเลยด้วยฝนมีตกอยู่ไม่ใคร่ขาด น้ำกลับเปนอันตรายแก่สวน คือถ้าฝนตกที่เขามากน้ำซึ่งไหลขอดอยู่ในท้องธารมากขึ้นจนถึงท่วมสวนที่ต่ำ ๆ ได้ในสองชั่วโมง เขาชี้ให้ดูแห่งหนึ่งซึ่งน้ำท่วมต้นไม้ใหญ่ตายหมด ต้องเสียเงินถึง ๒๐๐๐ กิลเดอ จึงได้แก้ให้เปนปรกติได้ แต่ไม่กล้าปลูกไม้ใหญ่ปลูกอยู่แต่กระบองพลำเท่านั้น ส่วนฝนนั้นก็ทำอันตรายได้มาก บรรดาถนนทั้งปวงมีที่ราบยาว ๆ เพียง ๒-๓ ถนน ปลูกต้นไม้ใหญ่เปนคู่ ๆ เปนอเวนิว นอกนั้นเปนทางคดเคี้ยว แลสูง ๆ ต่ำ ๆ ถูกที่ชันน้ำฝนเซาะถนนดินร่วงลงมาหมด ต้องเอากรวดก้อนใหญ่ ๆ ลำดับเปนทาง ถ้าที่ไหนน้ำแรงก็ลำดับเต็มถนน ถ้าที่ไม่แรงก็ลำดับแต่ที่ทางน้ำกัด แต่ทุกถนนโรยกรวดขนาดเม็ดมขามหรือเม็ดสวาดเปนอย่างเล็ก ที่ใหญ่ ๆ ถึงขนาดเม็ดสท้อน ถ้าถูกเช่นนั้นเข้าเดิรยากเต็มที เหยียบมักจะกลิ้ง ถ้าที่จมดินแล้วเกือกเราฝ่าบาง ๆ เหยียบลงไปเจ็บตีน เรื่องถนนโรยกรวดนี้ไม่ว่าที่หนึ่งที่ใดเมื่อยเหลือกำลัง แต่เมื่อคิดดู เขาก็ทำอย่างอื่นไม่ได้ที่จะให้ถูกดีกว่านั้น เพราะไม่ต้องไปหาแห่งใดเลย ขึ้นชื่อว่าแม่น้ำลำธารแห่งใดในแถวนี้ท้องน้ำเปนก้อนกรวดเช่นนี้หมดทั้งสิ้น ลงจากถนนไป ๙ วา ๑๐ วาก็โกยขึ้นมาเทได้ ต้องใช้คนทำงารถึง ๒๐๐ คน มีฝรั่งอยู่ ๗ คน ๘ คน การที่ทำนั้นชั่วแต่ปลูกต้นไม้แลตัดหญ้ากวาดใบไม้ทำงารแต่เช้าจนค่ำทุกวัน แต่กระนั้นยังมีแห่งที่รกใบไม้แลหญ้าสูงอยู่บ้าง เพราะทอยกันไม่ทัน บางแห่งเปนเฟินต้องการดินใบไม้ ทิ้งให้ใบไม้หล่นอยู่ในที่นั้นจนกลายเปนดินไป ไม่ต้องประสมดินเลย ใช้แต่ไม้กระถางบ้าง ถึงดังนั้นก็น้อยกว่าที่เราปลูก ๆ กันเพราะดินเขาดีเสียแล้ว เมื่อจะว่าถึงต้นไม้ที่อาจจะงอกได้ในสวนนี้ อย่างที่งอกยากที่สุดเช่นมอสเปนได้สบายดี การที่ปลูกหญ้าก็ง่ายอิกเรื่องหนึ่ง เหมือนอย่างเช่นเมืองเราหรือที่สิงคโปร์ปินัง ต้องไปเที่ยวแซะเที่ยวตัดหญ้ามาปลูก ที่นี่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ไหนมีไม้ใหญ่ก็โค่นต้นไม้ขุดตอเท่านั้น แต่ที่จะมีต้นไม้ก็น้อยเปนท้องนาโดยมาก ชั่วแต่เกลี่ยอันนาลงเสีย แล้วปล่อยให้หญ้างอกแลคอยเอาพร้าหวด ๆ อยู่ให้สั้นเสมอ หญ้าที่โต ๆ ขึ้นไม่รอดเหลือแต่หญ้าที่เลอียด นานไปอิกสัก ๒ ปี ๓ ปีก็เปนหญ้าเลอียดไปทั้งนั้นไม่มีเวลาหญ้าแดง ในที่นี้ต้นไม้ใหญ่พรรณที่ขึ้นเร็วมีอยู่สองสามอย่าง ได้เห็นสวน ๆ หนึ่งที่เขาทำได้ ๓ ปีเท่านั้น หญ้างามเหมือนสนามหน้าบ้าน ต้นไม้ใหญ่สูง ๓ วา ๔ วา มีที่ไม่เคยเห็นเปนอันมากได้จดบาญชีไว้เขารับว่าจะไปส่ง เงินที่ใช้ปีหนึ่งถึงยี่สิบหมื่นกิลเดอ ได้เงินคอเวอนเมนต์เปนหลักแต่ไม่พอใช้ ต้องขายต้นไม้แลขายพรรณแลผลไม้ซึ่งอยู่ในสวนอิกแห่งหนึ่ง เรียกว่าอาครีคันชุรัลกาเดน ต้นไม้ที่กำลังงามแปลกประหลาดในเวลานี้ คือต้นลานสูงไม่ต่ำกว่า ๑๕ วา ออกดอกเปนช่อ ๆ ช่อ ๑ ยาวไม่ต่ำกว่า ๘ ศอก สัณฐานเหมือนรวงเข้าสมุทโคดม ออกเต็มไปทั้งต้นไม่มีใบ ใบที่เหลืออยู่ก็พับลงมาเกาะคอต้นอยู่ทั้งหมด รูปพนมของดอกนั้นเหมือนช่อบุกเค ไม้เล็กกว่าต้นไม้นั้นมีใบอยู่งามเสียจริง ๆ ไปถึงไหนไกลเท่าไกลคงแลเห็นโพลนอยู่กลางหมู่ไม้ เขาว่าปลูกมากว่า ๓๕ ปีแล้วพึ่งออกดอก ดอกนั้นจะทนอยู่ได้ ๓ เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วต้นไม้นั้นเลยตายใบไม่งอกต่อไปอิก ยังมีต้นหนึ่งเปนต้นตาลมาแต่เมืองอะไรจำไม่ได้ ปลูกมา ๒๖ ปีแล้ว พึ่งจะตั้งปล้องได้สักสองปล้องฤๅสามปล้อง แต่ก้านยังติดอยู่กับต้นจนถึงแผ่นดิน ใบแลก้านเคาะเสียงดังกริ่งเหมือนเหล็กแขงอย่างที่สุด รูปร่างนั้นต้นตาลเราไทย ๆ นี่เอง แต่มันช่างโตเสียจริง ๆ โคนต้นเกือบสองอ้อม ใบยาวตั้งสามวา ข้อที่จะพรรณนาถึงต้นไม้ในสวนนี้เปนพ้นวิสัย รับเขาไว้ว่าจะส่งให้ต้นไม้บรรดาที่ไม่มี แต่ดู ๆ ไปเขาก็มีโดยมาก เปนแต่ไม้น้ำงามน้อย บางทีจะเปนฤดู บัวหลวงบัวสายดูร่องแร่งไป อยากจะว่า ๆ ไม่งามเหมือนแต่ก่อน แต่ใช่ว่าได้มาเห็น เห็นไม่งามเหมือนรูปที่ถ่ายเท่านั้น เดิรเสียจนอ่อนใจแม่เล็กไปไม่รอดต้องขึ้นรถ

เวลาพลบออกจากสวนไปขี่รถดูตามถนน พบแม่น้ำหลายแห่ง มีแม่น้ำอันหนึ่งทีเรียกว่าแม่น้ำกระหลาป๋า ช่างเข้าใจซึมทราบดีเสียจริง ๆ อิกแม่น้ำหนึ่งจดชื่อมาแล้วแต่ตกหาย เปนเก่งยาวหลายเส้นน้ำเชี่ยวปรื๋อทีเดียว บางแห่งแม่น้ำไหลผ่าเนินสูง แลลงไปแต่ข้างบนเห็นน้ำต่ำกว่าเราถึง ๒-๓ เส้นเพราะพัง ด้วยเขาที่นี่ถ้าหากว่าเตี้ยเตี้ยแล้ว ข้างบนเปนดินข้างในเปนก้อนกรวดกลม ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ จนกระทั่งโต ๒-๓ อ้อม ไม่ได้เปนเขาติดดินมีศิลาเปนแกนดินพอกข้างนอกเช่นสิงคโปร์หรือปินัง เพราะฉนั้นถ้าน้ำจะกัดมาทางไร ไม่มีอันใดจะกีดขวางได้ ดันก็ทลายไหลไปหมด ก้อนกรวดที่เบา ๆ น้ำก็พัดไปได้ จนกระทั่งถึงบัตเตเวีย น้ำเปนส่วยส่งก้อนกรวดสำหรับทำถนนเมืองบัตเตเวีย แรกเราเห็นนึกว่าจะต้องไปขนจากทเลดูก็จะเปนการลำบากอยู่ที่จะต้องมีเครื่องบรรทุก แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรสำหรับบรรทุก ไช้โกยเอาดื้อ ๆ เท่านั้น ถึงทางที่ดอน ๆ เช่นริมทางรถไฟหั่นเขาลงไปก็เปนกรวด ทางรถไฟก็ถมด้วยกรวด ดูช่างง่ายดายเสียจริง ๆ บ้านเรือนไม่สู้เปนล่ำสันแต่ก็มีตึกรามมาก เที่ยวยังไม่ทั่วถูกฝนกลางทางแล้วตกเรื่อยไม่หยุดจนกระทั่งถึงเวลาที่จะไปคลับต้องไปทั้งฝน วันนี้มีคอนเสิดซอกับปิแอนโน แลมีผู้หญิงคนหนึ่งร้อง เราฟังก็ดีอย่างยิ่ง แต่นักเลงครึ ๆ เขาว่าร้องดีแต่เสียงไม่สู้ดี หีบเพลงก็ว่าดีดยังไม่สู้ดีแท้ แต่เรารู้ไม่ได้เลยดีหรือไม่ดีเห็นเหมือนกัน แต่ซอนั้นทั่วหน้าถึงตาว่าเปนดีอย่างยิ่ง มีผู้หญิงสัก ๓๐-๔๐ คนแต่งตัวไม่สู้งามนักสู้ที่บัตเตเวียไม่ได้ คลับนี้เขาอวดกันนัก ว่าเปนงามอย่างยิ่ง แต่เล็กกว่าคองคอเดียครึ่งหนึ่ง การรับรองอย่างดีตามเคยของพวกดัช เห็นของประหลาดอย่างหนึ่งคือเมียกับตันจีนแต่งตัวผัดหน้าเหมือนตุ๊กตางิ้วใส่เสื้อเจ๊กปักทองเต็มทั้งตัว แปลกแต่ประดับด้วยเครื่องเพ็ชร์เปนอันมาก แต่เปนที่เสียใจยิ่งนักที่สูงไม่ถึงสองศอกคืบเล็กจนเหลือประมาณ แต่งตัวเช่นนั้นแล้วมายืนนิ่งแขงอยู่หมายว่าตุ๊กตา ต่อเจ้าผัวจูงมือออกมาจึงต้องร้องอ้อ แต่ผัวนั้นแต่งตัวเต็มที่ นุ่งกางเกงฝรั่งขาคับจี๋แล้วสวมเสื้อกุยเฮงชั้นในเสื้อฟรอกโก๊ดข้างนอก ถอยหลังจึงรู้ว่าเจ้าคนนี้เปนคนที่พระยาตรัง๓๗ มาอาศรัย ได้ยืมรถมาใช้เปนต้น อยู่ข้างเอื้อเฟื้อมาก แต่มีความยินดีที่ได้เห็นสูงสักสองศอกคืบหรือหย่อนกว่าเล็กน้อย ผอมกิ่วสมกับเมีย กลับมา ๒ ยามเศษหรือ ๗ ทุ่ม

  1. ๓๗. คือพระยารัษฎานุประดิษฐ (คอซิมบี๊ ณระนอง)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ