๔๑

เมืองบันดอง

วันที่ ๑๘ มิถุนายน

เมื่อคืนนอนดับไฟหมดไม่มีช่องที่แสงสว่างจะเข้ามาได้ มืดจนเหมือนอยู่ในตุ่ม ดูเหมือนหายใจไม่ออก เตียงมันสูงเหลือเกินจนต้องมีลูกหีบขึ้นลง จะก้าวลงมากลัวเหยียบคอนายสุดจินดา๔๗ ตกลงเปนเอื้อมมาเปิดประตูพอแสงสว่างเข้าได้สักนิ้วหนึ่ง ดูหายใจคล่องนอนหลับ ตื่นเปน ๔ โมง รีบกินเข้าแต่งตัวไปดูแฟกตอรีรถไฟของคอเวอนเมนต์ แอสสิสตันเรสิเดนต์ขึ้นรถไปด้วย เรสิเดนต์แลพวกกรมการทั้งหมดไปคอยรับ เปนโรงงารใหญ่ที่สุดของนิดเธอแลนอินเดีย ดูห้องกลึงเหล็กแลทองเหลือง ห้องช่างไม้แลที่โรงทำรถไฟเปนโรงเหล็กหลังใหญ่ ๆ ราว ๑๐ ห้อง ๑๑ ห้องสัก ๙ หลัง ๑๐ หลัง ยังกำลังขยายอยู่เสมอ คนทำงารถึง ๕๐๐ คน ที่โรงหล่อเขากดพิมพ์ตัวหนังสือไว้แล้วเอากระดาษปิดเสีย ทำเปนพาเดิรไปทางนั้น แล้วเทเหล็กผุดขึ้นมาเปนตัวหนังสือว่า “โฮเม็ชตูดิกิงแอนด์กวีนออฟสยาม” จนล้อรถทั้งเหล็กอ่อนเหล็กกล้าหล่อแลประกับกันทำที่นี่ทั้งสิ้น การกลึงแลแต่งใช้แขก แต่ช่างไม้การหล่อแลตีเหล็กใช้จีน ดูอยู่สักชั่วโมง ๑ จึงทั่ว

ออกจากนั้นแล้วมาพักที่คลับเปนการรับรอง ที่คลับนี้โตกว่าบุยเตนซอก มีห้องบิลเลียดห้องหนังสือแลห้องคอนเสิดใหญ่ คนร้องที่ร้องให้เราฟังที่การุตมาอยู่ที่นี่แล้ว เห็นเทวรูปตั้งอยู่ แปลว่ามาร้องลักษมี เหมือนกัน ได้ดูรูปริโทคราฟ การพิธีที่เมืองยกยาแลเมืองโซโลต่าง ๆ กลับมาบ้านบ่ายโมงหนึ่ง

เวลาเขานอนกันดอดไปดูที่ห้างริมโฮเต็ลมี ๓ ห้าง หาอะไรซื้อไม่ได้ ๆ แต่โต๊ะเก้าอี้เล็ก ๆ มาให้ลูก วันนี้ลูกเอียดเล็กมาถึงเวลาเที่ยง พวกเด็ก ๆ มาหาเวลาเราไม่อยู่สนุกกันมาก บ่าย ๓ โมงไปดูที่ปลูกชา เขาเรียกแฟกตอรี ตำบลวิยุมบุเลเอิด เปนไหล่เขาสูงกว่าพื้นที่บันดอง ๓๕๐ ฟิต คนอังกฤษชื่อมิศเตอรเอวันเปนผู้ดูการ ที่ตำบลนี้เปนของทหารวิลันดาผู้หนึ่งได้อนุญาตทำ มีที่ดินประมาณ ๕๐๐ เอเกอ เสียภาคหลวงเอเกอละ ๕ กิลเดอ ภายหลังว่าขอได้อีกเสียภาคหลวงแต่เอเกอละกิลเดอเดียว ชาที่ปลูกเปนพรรณชาเสฉวนมาปลูกอยู่นาน กลายเปนพรรณหนึ่งไป เรียกว่าพรรณชวา แต่เขาว่าไม่สู้ได้ราคาดี จึงเปลี่ยนปลูกชาพรรณอาสำเสียโดยมาก วิธีที่ปลูกใช้ยกร่องเล็ก ๆ แต่หลังร่องไม่ได้ปลูกชากลายเปนทางเดิรไป ชากลับลงไปปลูกอยู่ในกลางร่องต้นเปนรอยตัดทั้งสิ้น ตอโต ๆ สูงประมาณสักศอกเศษหรือศอกคืบ ปลูกทีเดียวอยู่ได้เท่าใดต่อเท่าใด ที่เห็นนั้นว่าปลูกมา ๔๐ ปีแล้ว มีตายต้องแซมน้อย กลายเปนตัวผู้ไปเสียบ้าง ตัวผู้นั้นคือใบเล็กดอกเล็กเหมือนดอกเข้าตอกหรือชาไม้ดัด ตัวเมียใบใหญ่ดอกเหมือนบุนนาก แต่โตขนาดดอกกระทิงหรือดอกสาระภีย่อม ๆ เมื่อไปบ้านเยเนราลที่สิงคโปร์ เห็นตุ๊กตาเจ๊กแกบอกว่าทำด้วยโคนต้นชาออกไม่ใคร่จะเชื่อ มาเห็นวันนี้เชื่อว่าอาจทำได้โตกว่าที่เห็น ใบยอดที่เอามาทำใบชาเขาใช้เด็ดแต่เฉพาะที่แตก ๓ ใบ ต้นหนึ่งต้องเด็ดเดือนละครั้งเพราะเด็ดแต่พอทำวันหนึ่ง ๆ วนกันไป มันมีคุณวุฒิอย่างหนึ่ง คือไม่มีกลิ่นหอมหรือเหม็นเขียว คนที่ทำงารรวมกัน ๕๐๐ คน แต่ใช้ผู้หญิงมาก การเก็บแลการเลือกเปนของผู้หญิง เพราะเปนการเบาแลค่าแรงถูกกว่าผู้ชาย เมื่อเก็บแล้วเอาผึ่งในตะแกรง เก็บไว้เปนชั้น ๆ บนชั้ว พอใบอ่อนแล้วเอาเครื่องสำหรับคลึง ๆ ชาก็ม้วนเข้ากลม ๆ ออกจากนั้นเอาไปเข้ากะโปรง รูปกลมเหมือนสูบนอน หมุนใบชาที่ป่น ๆ หล่นออกมาหมดเหลือแต่ที่เปนใบงาม ๆ แล้วเอาขึ้นกระทะติดไฟอ่อน ๆ ชั้วแล้วส่งไปให้ผู้หญิงเลือกตั้งแต่ดีที่สุดจนถึงชาป่นที่ออกคราวแรกรวมกันเปน ๑๒ ชั้น เลือกเอาขึ้นเก็บไว้บนชั้ว ฝากรุด้วยแผงข้างในดาดตะกั่ว แลทำหีบตะกั่วในไม้นอกสำหรับส่งไปขายด้วย ชาเขาใช้ห่อเหมือนชาข้างจีน ชาที่จะปลูกใช้เพาะด้วยเม็ดทั้งสิ้น ค่าจ้างคนผู้ชายวันหนึ่งถึง ๒๕ เซ็นต์เปนอย่างสูง แต่ผู้หญิงเพียง ๑๕ เซ็นต์เท่านั้น เขาว่าเวลานี้ชากำลังราคาตกมาก ได้ลองชั่งตัวดูหนัก ๑๒๐ ปอนด์เท่ากันกับเมื่อปี ๑๑๐ ซึ่งไม่ได้หนักกว่านั้นมาหลายปีแล้ว ที่นี่เห็นเขาอังกูบันปราวกำลังเปนควัน กลับค่ำ วันนี้รเด่นอธิปติมนุนยาหยามาหาตามที่นัดเพื่อจะสนทนากันด้วยเรื่องอิเหนา เปนความลำบากที่จะให้รู้ตรงคำกันได้ด้วยเหตุหลายประการ

ข้อ ๑ นั้นล่ามไม่ตั้งใจ พูดภาษากันไม่ค่อยได้

ข้อ ๒ ชื่อที่เรียกในเรื่องอิเหนาดังแกว่งเปนสำเนียงไทยบ้าง มลายูบ้าง

ข้อ ๓ เสียงพวกชวาเองข้างฝ่ายตวันตกตวันออกก็ไม่เหมือนกัน

ข้อ ๔ ชื่อตำบลก็ดีชื่อคนก็ดีมักเรียกหลาย ๆ ชื่อเรารู้แต่ชื่อเดียว ถ้าเขาถามสอบถึงชื่ออื่นเราจนคงแตได้ความรัว ๆ ว่ากุเรปันนั้น เปนตำบลกุราวันแน่แล้ว ดาหาเรียกกะดิรีโดโฮ กาหลังชื่อโกโลหรือจังโกโล สิงหัดหส่าหรี สิงคัดสารี ยังเมืองอื่น ๆ ที่ได้แน่นั้นแต่เมืองล่าสำ นอกนั้นดูแกเดาพุ่ง ๆ เช่นหมันหยา แกว่าโมโป ปะตารำแกว่ามัดตารำ คือที่ยกไปเช่นเมืองเกิดทีหลัง เปนจะเอาแน่ไม่ได้ ตกลงกันเปนต้องงดไว้ที

สนทนากันในโต๊ะเวลากินเข้า ได้ความว่าธรรมเนียมวิลันดาเมืองนี้ ถ้ามีเมียเปนชาวเมือง ยอมได้แต่งงารได้แล้วแต่ใจเจ้าผัว ไม่กำหนดว่าแรกจะอยู่กินด้วยกันต้องแต่ง ถ้ามีลูกแล้วกี่คน ๆ เวลาก่อนแต่งงาร ลูกนั้นไม่ได้รับส่วนมรดก เวลาแต่งงารแล้วมีลูกกี่คนได้รับมรดก ถ้าผู้หญิงฝรั่งแต่งงารกับแขกก็ได้ แต่ต้องขาดจากฝรั่งตกไปเปนแขกทีเดียว ผัวจะมีเมียกี่คนก็ได้ ส่วนแบ่งปันมรดกนั้นได้คนละส่วนเท่านั้น ทั้งเมียทั้งลูกบิดามารดาไม่มีส่วนแบ่ง เวลาดินเนอร์แล้ว มีวายังวองของรเด่นอธิปติมนุนยาหยา เล่นเรื่องปันหยีที่ห้องกินเข้าในโฮเต็ล จับตอนประบูวิยาหยาเปนเจ้าเมืองบาลี ในว่าคือเปนตัวนางจัณฑะการานะ ลูกเจ้าเมืองกะดีรี เปนเมียปันหยี รู้ข่าวว่าปันหยีไปเปนลูกเขยเจ้าเมืองอะไรอยู่เมืองหนึ่ง จึงมีสารไปขอนางคนนั้น แต่ทูตนั้นได้รับคำสั่งว่าถ้าไม่ยอมให้ก็ให้นัดรบ เมื่อทูตมาถึงเมืองแล้วเจ้าเมืองแต่งให้ปาเตะออกรับสารแทนแล้วขับไล่ทูตไปเสีย เมื่อปันหยีได้เห็นสารนั้นสลบด้วยจำได้ว่าลายมือเมียตัว แล้วตระเตรียมกองทัพไปรบ มีอ้ายทหารอะไรคนหนึ่ง แขงแรงจนนั่งไม่ลง มายืนกะจังก้าอยู่เฉย ๆ เมื่อรบเข้าไปก็ชนะถึงสี่คนห้าคน ทีหลังไปรบกับประบูวิยาหยา ๆ ฆ่าตาย แล้วประบูวิยาหยารบกับปันหยีจะเปนใครยิงถูกใครก็ไม่รู้ ดูมันกะต้วมกะเตี้ยมด้วยกันทั้งสองข้าง ปันหยีนั้นท่าทางออกมาเงื่องยิ่งกว่าพระรามออกฉาก ถ้าออกมาคราวไรออกมายืนอมยิ้มก้มหน้ากรุ้มกริ่มอยู่เสมอ รบก็เงื่องเช่นนั้น การที่ไม่ได้ถ้อยได้ความเช่นนี้เปนเพราะแอสสิสตันเรสิเดนต์มีล่ามคนหนึ่ง แกชมว่าดีอย่างยิ่ง เอาโปรแกรมที่เขาทำเปนภาษาชวามาให้อ่านแล้วให้แปลเปนมลายู ประเดี๋ยวมันแปลว่ายังงั้นประเดี๋ยวมันแปลว่ายังงี้ กว่าจะแปลออกมาได้ละคอนเล่นไปถึงอื่นเสียแล้ว แต่ครั้นลงปลายเข้าจริงสารภาพออกมาว่าไม่เข้าใจเลยทั้งนั้น เพราะเปนคำกาวี ฉบับที่แปลมาเปนมลายู ให้หลวงปฏิพากย์อ่านก็ไม่เข้าใจอิก ตกลงเปนขี้เกียจถามนั่งดูมันเปื่อยไปเช่นนั้น วันนี้แจกตราแลให้สายนาฬิการิเยนคนละสาย สุดแต่ใครได้อะไรไปก็วิ่งอวดกันรอบ ๆ สามเที่ยวสี่เที่ยว เลิกเกือบ ๗ ทุ่ม อ้ายคนเตี้ยทำเปนลิงเล่นเมื่อวานนี้ได้รางวัล ๕ กิลเดอล์ วันนี้ออกมาเล่นมันเตี้ยดีไม่คอดไม่กิ่ว เรียกพวกละคอนออกมาดูทีละคน ดูไกล ๆ มันพอใช้เข้าใกล้เต็มทน พระยาเทเวศร์ร้องว่าหม่อม ๆ หมัด ๆ เห็นโซมเต็มทน จะไม่ได้ผลัดเปลี่ยนเพิ่มเติมเลย ถามว่าทำไมจึงรู้ว่าเปนหม่อม แกเรี่ย ให้รางวัล ๒๐๐ กีลเดอปลื้มกันเต็มที วันนี้เขามีคอนเสิดที่คลับตามวันกำหนด ที่แท้ก็เตรียมรับเราด้วย แต่เรานัดกับมนุนยาหยาไว้เสียแล้ว ก็เลยมีกันไปเอง แต่กรมน้ำกรมการไม่มีใครไป มาอยู่ที่เราทั้งสิ้น เขาว่าพวกซุนดาดีนัก นาน ๆ จะมีความครั้งหนึ่ง ในเร็ว ๆ นี้มีปล้นฆ่ากันตายที่นี้ ว่าเปนเพราะเจ้าของทรัพย์ประมาท ไม่ฟังคำตักเตือนโปลิศ นอนอยู่ที่เรือนไม่มีฝาริมโรงงารรถไฟหลายวัน ผู้ร้ายจับได้เปนคนชวาแลจีน กาลล่วงมาได้ ๔๐ วันแล้ว แต่ดูยังเดือดร้อนกันมากเพราะเปนการนาน ๆ เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง

  1. ๔๗. นายสุดจินดา (นพ ไกรฤกษ) เดี๋ยวนี้เปนพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ