๕๔

บุโรพุทโธ

วันที่ ๑ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๑๕

ตื่นแต่เช้ากินเข้าแล้ว ๒ โมงเช้าขึ้นบุโรพุทโธ วันนี้เปนกลางวัน ได้พิจารณาโดยถ้วนถี่ทุกชั้นจนตลอดยอดพระเจดีย์ ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือเก่า ๆ ว่าได้สร้างแล้วเสร็จในปีศักราชชวา ๑๓๖๐ ถ้าแน่ดังนั้นก็ตกอยู่ในระหว่างเจ้าแผ่นดินเมืองมายาพหิส ตามที่สังเกตดูภูมิพื้นที่ บุโรพุทโธผิดกันกับที่บรัมบานัน เปนที่สูงกว่าที่แผ่นดินเหล่านั้นมาก ตัวหลังเนินที่ตั้งบุโรพุทโธสูงกว่าพื้นดินประมาณ ๓๐ ฟิต เปนน่าพิศวงนักหนาด้วยเรื่องศิลาที่เอามาใช้ ถึงว่าแม่น้ำโปรโคอยู่ใกล้ก็ไมใคร่แลเห็นศิลาก้อนใหญ่ในนั้น หรือจะเปนด้วยเขามราปีมาถมเสียมากก็ไม่ทราบ และจะสืบถามหาที่ตั้งกราตนในที่แห่งใดแห่งหนึ่งก็ว่าไม่มีร่องรอยเลย ถ้าได้ตั้งกราตนในที่นั้นคงจะมีศิลาที่ก่อกำแพงปรากฎอยู่บ้างเหมือนอย่างที่อื่น ๆ แต่เขาว่ามีเครื่องที่สังเกตได้อย่างหนึ่งว่าในที่นี้คงจะเปนที่มีหมู่ประชุมชนมาตั้งทำมาหากินอยู่มาก ที่แผ่นดินยังจืดจะปลูกอันใดก็ไม่งามบริบูรณ์ต้องใช้ปุ๋ยมาก เพราะการที่ทำบุโรพุทโธนี้คงจะไม่ทำแล้วได้ในชั่วอายุเดียว คือไม่ต่ำกว่าร้อยปี แลจะต้องใช้กำลังผู้คนมากมายนัก ถึงว่าไม่มีกราตนก็คงจะเปนที่ประชุมแห่งคนทำงารนับด้วยหมื่นด้วยแสน ยังมีพยานที่มีวัดศิลาอยู่ข้างล่างอีก ๒ แห่ง คงจะเปนวัดในหมู่บ้านคนหรือจะเปนในเมือง ตัวบุโรพุทโธที่ตั้งอยู่บนหลังเนินนั้น ถ้าดูตามตัวลูกเนินแลทางที่ตัดขึ้นกับลานน่าประสังคระหัน ดูเหมือนตั้งเบี้ยว ไม่ตรงตามเหลี่ยมเนิน แต่ที่จริงเขาตั้งหันหาทิศ บรรดาการก่อสร้างศิลาทั้งปวงในชวาคงจะหันน่าทิศตวันออกหันหลังทิศตวันตกโดยมาก แต่บุโรพุทโธนี้ ไม่มีน่าไม่มีหลังก็จริง แต่เขาก็หันเหลี่ยมให้ตรงทิศใหญ่ทั้ง ๔ ได้วัดฐานชั้นล่างเกือบจะเปน ๔ เหลี่ยมจัตุรัส ผิดกันอยู่ ๒ ศอกคืบเท่านั้น จะเปนด้วยวัดเคลื่อนคลาดเมื่อแรกทำหรืออย่างไร คงตั้งใจจะให้เปน ๔ เหลี่ยม คือด้านตวันออกตวันตกยาว ๒ เส้น ๑๒ วาเต็ม ด้านเหนือใต้ ๑๑ วาศอกคืบ สูงแต่พื้นเนินถึงบัลลังก์พระเจดีย์กลาง ๔๐ เมเตอร์ หลังเนินสูงจากทเล ๓๘๐ เมเตอร์ ชั้นล่างยกพื้นสูงเกินส่วนไม่มีพนัก เดี๋ยวนี้นับว่าเปนลานที่ตั้งบุโรพุทโธ มีบันไดแลซุ้มประตูเปนชั้น ๆ ตรงขึ้นไปทั้ง ๔ ทิศ ตั้งแต่ชั้น ๑ จนถึงชั้น ๕ เปนไม้สิบสองย่อเก็จ ชั้นที่ ๑ เปนฐานบัด ชั้นบน ๆ ขึ้นไปมีน่ากระดานบัวคว่ำบัวหงาย ตั้งพนักรอบทั้ง ๕ ชั้น ที่พนักชั้นล่างด้านข้างนอกมีเสาคั่นเปนห้อง ๆ คือห้องเล็กเทวรูป ๆ เดียว สองข้างที่ห้องกลางใหญ่หน่อย เทวรูป ๓ รูปเปนภาพยืน ที่ตรงซุ้มตั้งพระพุทธรูปมีเสาคั่นข้างละ ๒ เสา ในกลางห้องกว้างเท่าเรือนแก้ว มีเทวรูปนั่งท่าต่าง ๆ แลมีเครื่องตั้งต่าง ๆ กันเว้นระยะพอสมควร มีท่อน้ำทำเปนหน้านาคอ้าปากแต่นาคนั้นคล้ายเหรา ที่ดอกเตอร์โกรนแมนว่าช้างสำหรับเปนทางน้ำฝนตกจากพื้นลานทุกชั้น พนักด้านในมีเสาคั่นเปนห้อง ๆ ในรหว่างเสาสลักเปนภาพเรื่องต่าง ๆ มีรูปคนมากบ้างน้อยบ้าง เดาไม่ออกว่าจะเปนเรื่องอะไรแปลก ๆ กันทุกห้อง หลังพนักพ้นลายกรอบข้างบนขึ้นไปตั้งคูหาลึกสักศอกเศษ ด้านหลังร้านหลังคาโค้งเปนเรือนแก้ว ในเรือนแก้วนั้นมีพระพุทธรูปน่าตักสัก ๒ ศอก หลังซุ้มมีพระเจดีย์กลมรูปต่อมน้ำมีบัลลังก์ แต่ยอดเปนเสากลม ๆ ไม่มีปล้องไฉนแลลูกแก้วข้างบน ในรหว่างคฤหแลคฤหต่อกัน เปนกำแพงตัน มีเสาแลมีลายสลักรูปภาพ ตั้งแต่ชั้น ๒ ขึ้นไปจนถึงชั้น ๕ ไม่มีฐานบัด มีแต่ลายกรอบบนแลล่าง ชั้น ๒ ชั้น ๓ ปันเปน ๒ ตอนมีลายคั่นกลาง ตอนบนเปนปฐมสมโพธิ์ ตอนล่างเปนชาดก พนักด้านในเปนชาดก น่าที่จะเปน ๕๕๐ ชาติ แต่จำเรื่องไม่ใคร่จะได้จึงดูไม่ใคร่จะถูก ชั้น ๔ ชั้น ๕ ไม่มีลายคั่นกลาง เปนภาพแผ่นเดียวมักจะมีพระพุทธเจ้านั่งอยู่ในกลางบริษัท ในเรือนแก้วบ้าง ในใต้ต้นไม้บ้าง บริษัทนั้นคือเปนกษัตริย์บ้างพราหมณ์บ้างพระบ้าง พระพุทธเจ้าสำแดงอาการต่าง ๆ เดากันว่าเขาจะคิดทำเวลาพระพุทธเจ้าเทศนาพระสูตรต่าง ๆ เรื่องชาดกที่เห็นชัดได้เช่นเวสันดรชาดกก็มี แต่ปฐมสมโพธิ์นั้นเห็นได้มาก มีตลอดจนถึงมหาพิเนษกรม แต่ตอนข้างต้นเรารู้แต่เพียงครรโภกันติกะประสูติแลเปล่งอาสภวาจา ทายมหาบุริษลักขณ ประลองศิลปแลอภิเษก นอกนั้นเขายังมีเรื่องราวอีกเปนอันมาก ที่เราไม่รู้ ชรอยกาลนานมาแล้วเขาจะรู้เรื่องเลอียดดีกว่าเรา รูปพระพุทธเจ้าคงจะทำให้โตกว่าผู้อื่น แต่ไม่มีพระรัศมี มีพระเมาฬีห่มผ้าอย่างพระโบราณของเรา รูปกษัตริย์ก็สวมอาภรณ์อย่างฮินดู เว้นแต่คนธรรมดาแต่งตัวเป็นชวาทั้งนั้น เครื่องที่ใช้อยู่ในประเทศชวาเช่นร่มก็ใช้อย่างปยงที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ ไม่แต่งอย่างฮินดูเหมือนเช่นที่บรัมบานัน ปราสาทราชฐานทำคล้ายปราสาทเขียนของเรา พนักทั้ง ๔ ชั้นก็ใช้เหมือนชั้นต้น คือมีคูหาเรือนแก้วยอดพระเจดีย์แลพนัก แต่คูหานั้นชั้นบนกับชั้นล่างให้สลับเปนฟันปลากัน เวลาดูข้างล่างพระพุทธรูปนั่งไม่ซ้อนกันตรงขึ้นไป คงแลเห็นได้ตลอด เมื่อแลดูก็เหมือนหนึ่งเมืองอันใดใหญ่ ๆ ที่ประกอบไปด้วยยอดแลซุ้มเปนอันมาก ช่องบันไดนั้นทำฝังเข้าไปในพื้นไม่ออกมายื่นเกะกะ เปนซุ้มคูหาเหมือนกันกับเรือนแก้ว ที่มุมย่อใช้คูหา ๒ ด้าน พระเจดีย์บนยอดซุ้มองค์เดียว แต่การที่จะเขียนหนังสือให้เข้าใจชัดเจนได้นั้นเปนพ้นวิสัย ได้แต่ต้องดูรูปถ่ายประกอบ แต่ถึงดูรูปถ่ายประกอบก็ยังไม่เห็นอัศจรรย์เหมือนได้เห็นด้วยตา ตั้งแต่ชั้นที่ ๖ ขึ้นไปจนถึงชั้นที่ ๗ เห็นแล้วเปนที่น่าเสียดายมาก เพราะไปกลายเปนกลมก่อยกขึ้นเปนชั้น ๆ เฉย ๆ ไม่มีพนักไม่มีลายสลัก ที่สุดจนบันไดที่ขึ้นก็ก่อเปนลูกหีบยื่นออกมาไม่มีพลสิงห์ ตามชั้นที่เหมือนเขียง ๓ อันซ้อนกันนั้น รายพระเจดีย์กลมสัณฐานก็คล้ายกันกับพระเจดีย์ยอดซุ้มแต่เปนต่อมน้ำชัดกว่า เว้นแต่ที่องค์ระฆัง ตัดศิลาเปน ๓ ขาซ้อน ๆ กันปรุเปนช่องลูกฟักครอบพระพุทธรูปซึ่งตั้งอยู่ในนั้นก็ขนาดเดียวกันกับข้างล่าง ชั้นที่ ๘ คือเขียงที่ ๔ นั้นตั้งพระเจดีย์องค์ใหญ่ไม่มีลายสลักอันใด เว้นไว้แต่ลายที่รัดกลางระฆังหรือจะเรียกว่าราตคด พระเจดีย์นั้นก่อรวบข้างในโปร่งเหมือนพระศรีรัตนเจดีย์ ทำนองเขาจะมีซุ้มคูหาแต่ฉเพาะทลายที่ตรงนั้นเห็นไม่ได้ ข้างในมีพระพุทธรูปจะนั่งหรือยืนประการใดรู้ไม่ได้ ด้วยพลาดจากที่จมดินอยู่เพียงพระศอ ครั้นจะขุดยกขึ้นมาตั้งให้สมควรแก่ที่ก็กลัวว่าจะกระเทือนพระเจดีย์พัง สังเกตดูแต่พระเศียรจะไม่โตกว่าพระทั้งปวงมากนัก พระเจดีย์ใหญ่นี้เหลือแต่บัลลังก์ เขาทำคั่นบันไดสำหรับขึ้นไปยืนได้บนบัลลังก์ ดูถิ่นฐานเหล่านั้นโดยรอบ ซ้ำก่อเสริมขึ้นไปด้วยหน่อยหนึ่ง เมื่อพิเคราะห์ดูก็เห็นได้ชัดว่าบุโรพุทโธนี้ไม่ได้ทำครั้งเดียว คงจะเปนเพราะเหตุที่ความคิดกว้างไม่สมกับสูง มีพยานที่ได้เห็นได้คือฐานชั้นล่างซึ่งไม่มีพนัก เขาได้ขุดศิลาขึ้นดูเห็นผนังข้างในเปนรอยสลักแล้วเปนแต่โกลนบ้าง ที่ยังไม่ได้สลักบ้าง เปนเรื่องพระพุทธเจ้าเหมือนกัน ก่อกำแพงข้างนอกขึ้นเอาศิลาถมเสียคงจะประสงค์ที่จะให้ได้แรง เพราะจะร้าวแยกอย่างหนึ่งอย่างใดกลัวข้างล่างจะทนไม่ได้เปนความคิดผิดไป แต่ถึงดังนั้นเมื่อก่อขึ้นไปถึง ๕ ชั้นก็คงมีเหตุใดเหตุหนึ่งซึ่งสงสัยหรือไม่สามารถที่จะทำตามความคิดเดิมได้ จึงเปลี่ยนก่อเปนเขียงกลม ๆ ตั้งพระเจดีย์หรือทิ้งไว้เช่นนั้น มีเจ้าแผ่นดินองค์อื่นที่รำคาญว่าค้างอยู่หรืออยากได้เกียรติยศว่าเปนคนทำบุโรพุทโธแล้วไปทำเพิ่มเติมขึ้น ครั้นจะทำตามแบบเดิมก็เห็นว่ารากจะทนไม่ได้ เพราะถ้าจะทำตามทรงเดิมคงจะต้องสูงอีกเกือบเท่านี้เปน ๙ ชั้น หรือ ๑๑ ชั้น จะเปนการใหญ่เหลือกำลัง จึงได้ทำเหมือนอย่างกับตัดเปน ๒ ท่อน ๆ บนสักแต่พอให้แล้ว คงจะเปนทำนองเดียวกันกับภูเขาทองที่ก่อพระเจดีย์เติมขึ้นข้างบน ที่จดหมายไว้ว่าบุโรพุทโธแล้วเสร็จในปี ๑๓๘๐ นั้น เปนเวลามายาพหิส แต่น่าที่จะได้เริ่มไว้แต่ครั้งมุนดังกามูลังหรือประชาชรันเปนอย่างเร็วที่สุด คงจะสร้างติดต่อกันกับบรัมบานัน แต่หากการไม่สำเร็จจึงไม่มีจดหมายไว้ พระพุทธรูปที่ตั้งรายในซุ้มคูหาเรือนแก้ว ชั้นที่ ๑ ด้านละ ๒๖ รวม ๑๐๔ ชั้นที่ ๒ ด้าน ละ ๒๔ รวม ๙๖ ชั้นที่ ๓ ด้านละ ๒๒ รวม ๘๘ ชั้นที่ ๔ ด้าน ละ ๑๘ รวม ๗๒ ชั้นที่ ๕ ด้านละ ๑๘ รวม ๗๒ รวมพระพุทธรูปในคูหาเรือนแก้ว ๔๓๒ ชั้นที่ ๖ พระเจดีย์ครองพระวงรอบ ๓๒ ชั้นเจ็ด ๒๔ ชั้นแปด ๑๖ ชั้นเก้าพระเจดีย์ใหญ่ ๑ รวมเปนพระพุทธรูป ๕๐๕ ทรวดทรงสัณฐานเปนพระอินเดียทั้งสิ้น มี ๕ ปาง ยกพระหัดถ์ป้องกันสองข้างปาง ๑ มารวิชัยอย่างไทย ๆ ปาง ๑ เหมือนมารวิชัยแต่หงายพระหัดถ์ปาง ๑ ยกพระหัดถ์อย่างพระคันธารราฐปาง ๑ ตามอรรถาธิบายของดอกเตอร์โกรนแมนว่าเปนพระพุทธรูปมหายาน เพราะเขาคิดเห็นว่าที่เกาะชวาจะถือศาสนาพระพุทธตามอย่างข้างจีน ด้วยอาศรัยเหตุว่าในขณะเดียวกันนั้นเมืองยี่ปุ่นกำลังเจ้าแผ่นดินนับถือศาสนาพระพุทธมาก สร้างพระพุทธรูปที่สำคัญ ๆ หลายอย่าง แลอาศรัยตรวจตามจดหมายฟาเหียน ซึ่งไปสืบพุทธศาสนาเมืองอินเดีย ว่าได้แวะที่เมืองชวา กล่าวว่าในประเทศนั้นถือศาสนาพราหมณ์ หาได้ถือศาสนาพระพุทธไม่ เขาว่าพระพุทธเจ้านั้นคือดวงอาทิตย์ พระพุทธเจ้าไม่ได้เกิดในโลก ที่ทำพระปางต่าง ๆ นี้เปนสำแดงอาการแห่งพระอาทิตย์ องค์ที่ ๑ ซึ่งยกพระหัดถ์ป้องกันสำแดงว่าพระอาทิตย์อุไทย เรียกว่าไวโรจน องค์ที่ ๒ ซึ่งเปนมารวิชัยนั้นสำแดงว่าเปนเวลาเช้าแดดยังอ่อนเรียกว่าอกโษพยะ ปางที่ ๓ ซึ่งหงายพระหัดถ์นั้นว่าเปนเวลาเที่ยงเรียกว่ารัตนสัมภาวะ ปางที่ ๔ สมาธิ ว่าเปนเวลาบ่ายเรียกว่า อมิตาพะ ปางที่ ๕ ซึ่งพระหัดถ์เปนคันธารราฐนั้นใช้ใบ้ว่าจะค่ำเรียกว่า อัมโมฆสีทะ กล่าวถึงว่าพระเหล่านี้อยู่ทิศใดก็ทิศนั้นเหมือนกัน ประจำเปน ๔ อย่างเหมือนกันทั้ง ๘ ชั้น แต่ครั้นเมื่อนับตรวจเข้าดูก็ไม่เปนเช่นนั้นสลับปะปนกันไป เราไม่เห็นด้วยในคำที่กล่าวนี้เลย เมื่อว่าโดยเหตุผลซึ่งควรจะพิจารณาได้ ประเทศชวานี้ทั้งภูมิสถานแลทางที่ไปมาใกล้ข้างอินเดียกว่าข้างเมืองจีน จะว่าข้างเจ้าแผ่นดินซึ่งได้ปกครองแผ่นดินมา ๑๘๐๐ ปีเศษ ก็กล่าวว่ามาแต่อินเดีย ศาสนาพราหมณ์ก็กล่าวว่ามาแต่อินเดีย ครั้นตกมาชั้นกลางราว ๙๐๐ ปีนี้ก็ว่าเจ้าแผ่นดินไปเล่าเรียนที่อินเดียถึง ๔ องค์ จนชั้นหลังที่ศาสนามหมัดจะเข้ามาก็เข้ามาทางอินเดีย เมื่อสังเกตดูฝีมือช่าง ตั้งแต่ทำพระพุทธรูปแลลวดลายต่าง ๆ จะหาลายซึ่งเปนอย่างจีนแต่สักสิ่งเดียวก็ไม่มี พระพุทธรูปกลับตรงกันข้าม คือเปนฝีมือช่างข้างอินเดียแท้ แต่แม้ว่าจะลม้ายเหมือนข้างลังกาก็ไม่มี ประเพณีในบ้านเมืองทั้งปวงก็เปนอย่างอินเดียทั้งสิ้น ไม่มีอาการกิริยาของจีนติดอยู่เลย ได้อธิบายกันเปนอันมาก แกดื้อถือครูแกจัดนัก แต่ที่แท้แกไม่รู้เรื่องราวอันใดในพระพุทธศาสนาเลย แต่ตั้งพิธีจะเทศนาปฐมสมโพธิ์ให้ฟังหลายสิบครั้งก็พลัด ๆ พลาด ๆ ถูกดักคอต่าง ๆ จนไปแล้วก็รื้อใหม่ เรื่องที่ว่าพระพุทธเจ้าเปนพระอาทิตย์ บอกแกว่าเปนคำเปรียบชักตัวอย่างต่าง ๆ ให้ฟัง ก็ไม่ใคร่จะยอมกลับเทศนาถึงเรื่องโยคีตปสีบูชาเพลิงบูชาพระอาทิตย์ จนถึงญี่ปุ่นนับถือพระอาทิตย์เลอะหนักไป เรื่องพระปาง++ต่าง ๆ อ้างให้ไปดูในอินเดียแลมาดูที่เมืองไทย แกก็ยังเถียงนอกเรื่อง นอกราวไปต่าง ๆ ครั้นแกพิงเรายีนยันแขงแรงหนักประกอบด้วยเหตุ ด้วยผล จนคอนโทรเลอซึ่งเปนผู้รู้มากดีกว่าแกหลายเท่า ลงเนื้อเห็น เปนอันหนึ่งอันเดียวกับเราเข้าช่วยเถืยงแกก็ยังร่มอยู่ จนกลายเปนการ ขันล้อกันเล่น ว่ากันเสียสามวันสามคืน ทีหลังทำใบยอมถึงกับมอบ ตัวเปนลูกศิษย์ ไปไหนคอยตามแจถามโน่นถามนึ่ถึงเวลาที่กำลังแก เถียงอยู่ เราว่ากระไรแกจดหมดทุกคำ สิงที่ดื้น ๆ เช่นกับธรรมจักร์ แปลว่ากระไรแกก็ไม่รู้ใด้เสียแล้ว ถึงอาราธนาให้เทศนาธรรมจ้กร์ให้ฟัง ความรู้ของแกมืประมาณอยู่เพียงว่า พระพุทธเจ้าเปนข้างมาเข้าท้อง พระพุทธมารดาอยู่ข้างจะเหลวแหลกเต็มที ภายหลังยอมทุกสิงว่ารู้ตัว แล้วว่ายังไม่รู้จักพระพุทธศาสนา จะขอเข้ามาเรียนที่บางกอก แลเห็น จริงด้วยแล้วว่าบุโรพุทโธไม่ได้ทำครั้งเดียวพร้อมกัน ยังคงร่มอยู่เรื่อง เดียวแต่เห็นนาคเปนข้าง

ความเห็นของเราโนเรื่องบุโรพุทโโโนี้ก็เปน ๒ อย่างอยู่ ถ้าจะคิด ว่าเขาจะทำขึ้นไปเปนชั้น ๆ ให้ได้ลำดับกันจนถึงชั้นยอด เปนมณฑป ตั้งพระพุทธรูปก็ดูจะสูงสาหัส หรืออีกนัยหนึ่งเขาจะทำแต่เพียงชั้น ๕ แล้วก่อพระเจดีย์กลมองค์ใหญ่เท่าเขียงชั้นล่างคืนชั้น ๖ เช่นพระปฐม-เจดีย์ก็จะเปนได้ แต่ทั้ง ๒ อย่างเพราะลาดชั้นล่างไม่พอจึงได้งดเสีย ล้งเกตดูอีกอย่างหนึ่ง ที่ตัวเนินมีบันไดลงไปตามเนินอีกหลายสิบคั่น แต่ดินถมเสีย เขาขุดลงไว้พอเห็น ถ้าจะมีลงไปข้างล่างอีกชั้นหนึ่ง สองชั้นก็จะเปนได้ แต่เปนดินถมเสียมากด้วยเขาไฟอยู่ใกล้ เวลาขึ้นไปบนยอดพระเจดีย์ เปนเวลาเข้าอากาศสว่างเห็นควันที่เซามราปีขึ้น พลุ่ง ๆ ไม่ได้อยู่ห่างไกลเลย ถึงที่ชำรุดครากแยะแลซุ้มพังทลายก็เปน ข้างทิศตวันตกข้างเขามราปีมากกว่าทางอื่น พระเจดีย์รายข้างบนยุบ ลงไปเหมือนกับของที่หนักตกทับ แลขันอีกอย่างหนึ่งที่ตามชั้นเหล่านั้น ตั้งแต่ชั้นหนึ่งขึ้นไปจนถึงชั้นยอด มีก้อนกรวดกลม ๆ ขนาดโตเท่า ไข่เป็ดไข่ไก่กองอยู่เปนกองโต ๆ ซึ่งไม่ต้องการจะใช้อันใดบนนั้น แล ไม่มีใครที่จะขนขึ้นไป อันนี้ก็เห็นจะเปนได้ด้วยเรื่องเขาไฟ การที่ทำ นั้นใหญ่โตเกินกำลังมนุษย์ ถ้าหากว่าเราจะก่อเล่นด้วยอิฐให้โตขนาดนั้น ๒๐๐๐ ชั่งก็เห็นจะไม่พอ เปนที่ควรจะพิศวงยิ่งนักในการที่ใครจะคิด อ่านปฏิสังขรณ์ขึ้นได้นั้นเปนไม่มีแล้ว นับวันแต่จะชำรุดไป ถ้าถูก เขาไฟกำเริบขึ้นเมื่อใด ก็จะโซมเร็วลงกราว ๆ แลใครก็ไม่สามารถที่ จะรับประกันว่าเขาไฟจะไม่กำเริบขึ้นในปีนั้นเดือน++นั้นได้ เราลืมกล่าวถึงบันไดซึ่งได้นับไว้แต่จะเอาแน่นักไม่ได้ เพราะชำรุดเคลื่อนจากที่ประกอบเข้าไว้ใหม่ก็มีคั่นไม่ใคร่เสมอกันอยู่บ้าง นับแต่ชั่วที่เราได้เหยียบขึ้นไป คือขึ้นจากหลังเนินถึงชั้นฐานก่อเกาะเข้าไปใหม่ ๘ คั่น จากฐานขึ้นชั้นหนึ่งชำรุดมาก จากชั้นหนึ่งถึงชั้นสอง ๗ คั่น จากชั้นสองถึงชั้นสาม ๑๔ คั่น จากชั้นสามถึงชั้นสี่ ๘ คั่น จากชั้นสี่ถึงชั้นห้า ๙ คั่น จากชั้นห้าถึงชั้นหก ๑๐ คั่น จากชั้นหกถึงชั้นเจ็ด ๘ คั่น จากชั้นเจ็ดถึงชั้นแปด ๗ คั่น จากชั้นแปดถึงชั้นลานพระเจดีย์ ๘ คั่น ขึ้นองค์พระเจดีย์จนถึงหลังบัลลังก์ ๑๙ คั่น เปนบันไดก่อใหม่ พระพุทธรูปแลพระเจดีย์ชำรุดทิ้งเรี่ยรายเกลื่อนกลาด จัดตั้งเข้าไว้ตามบุญตามกรรมบ้าง นาคท่อน้ำแลกระจังน่าราหูพลัดตกเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนทุกแห่งเอามาก่อเปนคันสนามก็มี ตกอยู่ตามเนินเหล่านั้นก็ยังอีกมาก มีเนินอยู่ใกล้อีกแห่งหนึ่งย่อม ๆ น่าจะมีอะไร แต่ขุดไม่ได้เพราะเปนที่ฝังศพแขก แต่ในที่อื่น ๆ ซึ่งใกล้เคียงนั้นเขาขุดแล้วไม่พบอันใด ในที่นี้มีขุดได้แต่แหวนทองแลเครื่องภาชนใช้สอยบางอย่าง แต่ที่บรัมบานันขุดได้เครื่องทำพิธี เป็นต้นว่ากระดึง กลด เชิงเทียนแกว่ง แลเครื่องทำพิธีพราหมณ์ต่าง ๆ แต่มีอยู่ที่มิวเซียมบัตเตเวียเปนอันมาก สังเกตดูว่าพุทธศาสนาจะไม่สู้แพร่หลายไปทั่วแผ่นดินชวานัก การที่ถือคงจะปน ๆ กัน ถ้าจะเทียบกับเมืองเราคงจะเปนเหมือนอย่างกรุงเก่า ครั้งเจ้าแผ่นดินในบรมราชวงศ์เชียงรายปกครอง ถ้าจะว่าอย่างเช่นชั้นหลังก็คงจะเปนเช่นแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช สร้างพระพุทธรูปบ้างเทวรูปบ้าง แต่ชวามาชั้นหลังกลายเปนศาสนามหมัดไปเสียทีเดียว วันนี้ได้ถ่ายรูปที่บนพระเจดีย์ ๒ รูป ๓ รูป ถ้าหากว่าเปนเมืองเราแล้ว ขืนขึ้นไปต่ายอยู่อย่างนั้นแต่เช้าจนเที่ยงได้จับไข้กันยับไป นี่รอดตัวที่ไม่สู้ร้อน แต่กระนั้นก็ต้องหลบหนีแดดพอเข้าในเงาแล้วออกเย็นพอสบายทุกทิศ

รีบกินเข้ากลางวันแต่บ่ายโมง ๑ บ่าย ๒ โมงครึ่งขึ้นรถไปมาเกลังซึ่งเปนเมืองข้าหลวงใหญ่มณฑลเกดู ทางต้องย้อนกลับไปข้ามแม่น้ำโปรโกจนถึงที่แยก จึงได้ตัดทางไปมาเกลัง สองข้างทางมีสาวะแลไร่ครามไร่อ้อยเต็มบริบูรณ์ดี บางแห่งมีไร่ปลูกมันสำโรง หยุดพักผลัดม้าแห่งหนึ่ง ถึงมาเกลังบ่าย ๓ โมงเปนระยะทาง ๘ ปาล แต่ม้าขับรถเดิรเร็วถึงได้ในครึ่งชั่วโมง น่าตาเมืองมาเกลัง แรกไปถึงก็ถึงกำพงจีนะ มีเปนตึกสองแถวลักษณเดียวกับบันดองมีปักธงเทียวข้างทางเข้าไปอีกหน่อยหนึ่งถึงป่าช้าฝรั่ง ต่อเข้าไปก็เปนบ้านฝรั่ง มีโฮเต็ลดี ๆ หลายแห่ง บ้านเรือนตามทางก็มีเรือกสวน แลมีแคมป์ทหารตึกออฟฟิเซอร์เรียงรายแลมีสนามใหญ่สำหรับฝึกหัดตามแผนโรงทหารข้างบลันดา ตรงไปที่โรงพยาบาลก่อน มีคนคอยดูอยู่แน่นเต็มไปตลอดขอบสนาม ทางที่เข้าโรงพยาบาลต้องผ่านเข้าไปในชั้นต่ำตึกหมอซึ่งเปนที่เก็บเครื่องใช้สอยต่าง ๆ พวกคนดูปาดอกไม้ช่อลงมาในรถเปนอันมาก โรงพยาบาลทำอาการท่วงทีเหมือนโรงเลี้ยงบ้าที่บุยเตนซอก แต่ใหญ่โตกว่า มีหลังคาติดต่อกัน ไว้ระยะโรงห่าง ๆ กันที่เป็นที่สูง ๆ ต่ำ ๆ ลดพื้นลดหลังคาลงไปตามพื้นที่ไม่ได้ฉายที่สูงลงหาที่ต่ำ ดูห้องตัดผ่าซึ่งจัดอย่างใหม่ หมอไรต์เตอร์ชมว่าดีอย่างยิ่ง ดูห้องอาบน้ำแลโรงที่คนเจ็บอยู่ใช้ฝาแผงเหมือนโรงพยาบาลที่บัตเตเวีย คนอยู่ได้ ๗๐๐ เวลาเราไปมีคนอยู่ ๒๐๐ โรงว่างอยู่เปนอันมาก แต่โรงสังกสีใหญ่เหมือนบาแร็กทหารมีอยู่หลัง ๑ สู้โรงฝาแผงไม่ได้ร้อนกว่า มีคนไปคอยชักรูปไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงพยาบาลเลย จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จไม่รู้ เพราะเราไม่ได้หยุดนั่งที่แห่งใดเลย เว้นไว้แต่ที่โรงพักหมอที่ริมคลองซึ่งเปนสาวะ แลเห็นเขามราปีอยู่ตรงน่าซึ่งเปนที่งามกว่าทุกแห่ง เขาจะพาเดิรให้ทั่ว แต่เหนื่อยเหลือสติกำลัง เวลาล่วงเข้าไปบ่าย ๔ โมงแล้วต้องของด ไปดูบาแร็กทหารต่อไป ที่บาแร็กทหารนั้นไม่ต้องเล่าอันใดเหมือนกับที่บุยเต็นซอกทุกอย่าง เว้นแต่ไม่ได้ใช้แต่ชั่วเหล็กกับอิฐใช้ไม้ปนด้วย ของดเขาเสียดูแต่หลังเดียว แล้วไปบ้านเรสิเดนต์เวลาเกือบบ่าย ๕ โมง เรสิเดนต์ที่จะพึ่งตื่นนอนมาไม่ทันเวลาเราไป ถึงต่อออกเดิรแล้วจึงไปที่โรงพยาบาล เรือนเรสิเดนต์สบายยิ่งนัก หันน่าไปทางตวันตกมีสวนใหญ่มีสิงห์โตศิลาโบราณตั้งน่าเรือน ท่านผู้หญิงแลลูกชายลูกสาวออกมารับ เลี้ยงแชมเปนแลไอยาบลันดา สนทนากันถึงเรื่องเมืองยกยาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงลงไปเดิรในสวน มีต้นกุหลาบมากแต่ดอกมีน้อย มีต้นไม้วิเศษ ๒ อย่างคือต้นอบเชย แลต้นฝอยฝา ต้นฝอยฝานั้นสูงประมาณสัก ๑๐ ศอก ลำต้นใหญ่สักกำครึ่ง กิ่งเปนพุ่มเหมือนต้นไม้เงินทอง ตั้งลำต้นขึ้นไปสัก ๒ ศอกคืบถึงกิ่ง มีดอกบานตั้งแต่ยอดถึงค่าคบ ช่อโต ๆ เหมือนดอกเข็ม กลิ่นหอมแต่ไกลไม่ต้องแลเห็นต้น ยืนที่พื้นหักกิ่งได้สบาย ถ้าจะเก็บกันให้หมดต้นแล้วเต็มกระบุงทีเดียว ครั้นจะเก็บมากเราเปนผู้ชาย ผเอิญวันนั้นแม่เล็กไม่ได้ไป ต้องขอเก็บมาฝาก แต่เหลือไว้สำหรับจะให้ไปเก็บวันรุ่งขึ้นมาก ไปดูที่ที่แล ๒ แห่ง มันช่างงามเสียจริง ๆ ดูวิ้วจนสุดสายตาก็ไม่สิ้น ไปนั่งที่นั้นจนหาวนอน หยอกเรสิเดนต์ว่าจะขอนอนอยู่ที่นั่น เลยทอดธุระในการที่จะรีบกลับ มีรูปศิลาต่าง ๆ เวลากลับมาเลยเทลาะกับดอกเตอร์โกรนแมนเรื่องอื่นอีกขนานหนึ่ง ว่ากันเสียจนตกลง ได้ออกอีก ๕ มินิตจะย่ำค่ำ กลับมาถึงทุ่มหนึ่ง กินเข้าวันนี้เหน็บดอกฝอยฝากันทุกคน หอมฟุ้งไปทั้งห้อง

วันนี้ตาเจ๊กเอาวายังวองมาให้ดู ว่าเล่นอย่างโซโล แต่ดูเอาเปนอย่างฝรั่ง เปลี่ยนฉากแลมีรูปสัตว์ เช่นช้างแลม้าเปรตวันทอง เล่นอย่างละคอนไทยนอก ๆ แต่ไม่รู้เรื่องว่าอะไร ด้วยใช้ให้ดอกเตอร์โกรนแมนไปถาม แกมาอธิบายออกชื่อเปนเม็ดกล้วยตะนี จนไม่รู้ตัวเรื่อง แลอธิบายว่าในปีคฤศตศักราช ๑๙๐๐ จะมีวายังวองใหญ่จะเชิญโปรเฟตเซอร์ต่าง ๆ ในเมืองยุโรปมาดู เดี๋ยวนี้กำลังแต่งหนังสือคำอธิบายอยู่ แกหมายว่าพระยาอภัยรณฤทธิพูดอังกฤษได้มาพูดจ้ำกันเสียเกือบชั่วโมงหนึ่ง มีแต่เยสโนกับอินดีดถูกอารมณ์แกเต็มที

วันนี้ให้ลองจุดไต้ตามมุมชั้นบุโรพุทโธดู เพื่อจะให้เห็นชัดว่าชั้นไม่เสมอกันทำเปนสองคราว ไปนั่งกับเรสิเดนต์แลคอนโทรเลอร์ ดอกเตอร์โกรนแมนที่กลางสนาม ลงเนื้อเห็นเปนอันหนึ่งอันเดียวกันว่าตามความที่เราคิดเห็นเปนอันถูกต้อง เลิกนอนเวลา ๕ ทุ่มเศษ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ