๖๘
โตสารี
วันที่ ๑๕ กรกฎาคม
ออกจากปสรวนเช้า ๒ โมง ๑๕ มินิต เรสิเดนต์ไปบนรถด้วย ต้องไปรถ ๔ ล้ออย่างขึ้นเขาเทียมม้า ๖ ตัว แต่ม้าอยู่ข้างจะเล็กเสียจริง ๆ ผ่านบ้านคนมากไปตำบลหนึ่ง เอาตะกั่วตัดเปนรูปช้างติดน่าหมวกทุกคน แรกเห็นหมายว่าไปเอาตราเงินที่ไหนมาติด ต่อเข้าใกล้จึงรู้เครื่องม้าเปนเครื่องชวาประดับไปด้วยดาวแลใบโพดูแวววาวมาก ถึงกาบลจนทีทาง ๗ ปาล พักเปลี่ยนม้า ๆ แผลงฤทธิไม่ใคร่จะยอมเข้าเทียมรถ คนมาดูแน่นหนา เปนพวกมะถุระโดยมาก เรสิเดนต์ร้องบังคับให้ชงโค ๆ แปลว่าให้คุกเข่า คนก็มาคุกเข่าอยู่รอบ ผ่านเมืองวังกันไม่ได้หยุด เมืองนี้ดอกกระมังเมืองนางกัญจหนา ไปถึงตำบลปสรูปังเวลาเช้า ๓ โมง ๔๕ เปนแขวงติงคัล เขาว่าถ้าจะเรียกให้ถูกต้องตึงคัล พักที่บ้านเวโทโนสำหรับเลี้ยงน้ำชาแลเปลี่ยนรถ เวโทโนที่นี่เปนคนเคยไปเรียนหนังสือที่ยุโรป อ่านเขียนภาษาวิลันดาได้คล่องแคล่วพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง ดูเปนคนหนุ่มแลฉลาดเฉลียว เรสิเดนต์สรรเสริญว่าดีนัก ได้สนทนากับริเยนต์ แกยืนยันว่าเมืองกุเรปันเปนเมืองกุราวัน อยู่ในแขวงมุตรันมณฑลเมทยูน เมืองดาหาก็คงชื่ออยู่เปนแต่เปลี่ยนเสียงเปนโดโฮ อยู่ในเมืองกดีรีเอง กาหลัง คือจังโกโล อยู่แขวงสิทรัชโชมณฑลสุรบายา เมืองสิงหัศสาหรีเดี๋ยวนี้เรียกสิงคสสารี อยู่ในแขวงมาลงมณฑลปสรวน ยังมีกราตนอยู่ราษฎรที่เจ็บไข้พากันไปบนบาลในที่นั้น มีวัดอยู่น่าวังด้วย ทางที่จะขึ้นไปต่อไปนี้จะต้องขึ้นเขา จึงต้องไปรถวิกตอเรียขนาดเล็ก รถนี้เรสิเดนต์เที่ยวหามาช้านานจึงได้สองรถ เราขึ้นกับเรสิเดนต์ เพราะจะได้พูดกันไปตามทาง แม่เล็กไปรถหนึ่ง แต่ม้านั้นต้องเทียม ๖ ทั้ง ๒ รถ ทางที่ขึ้นไปแลเห็นเปนเนินบ้างเปนราบ ๆ บ้าง แต่รู้สึกว่าขึ้นสูงสองข้างทางมีไร่เข้าโภชแลมันหัวเล็ก ๆ ที่มาแต่ยุโรปแตงต่าง ๆ เมื่อสูงขึ้นไปถึงเขาจึงมีกาแฟตลอด ไปถนนที่ขึ้นเขาทางเดิรตรงแต่ชัน คล้ายเขามหาสวรรค์เมื่อยังไม่ได้ปูอิฐ ทางใหม่อ้อมแต่ตัดดีนัก เกือบไม่ใคร่รู้สึกที่ชันเลย เสียแต่ม้าไม่มีผลัดต้องดันอึ๊ด ๆ น่าสงสาร ต้องหยุดพักบ้างกลางทาง เวลา ๕ โมง ๔๘ มินิต ถึงตำบลปุศโปเปนตำบลใหญ่สูงกว่า ๓๐๐๐ ฟิต มีคอนโทรเลออยู่ หยุดที่โฮเต็ลพักกลางวันของมิสเตอรมูไลยันเจ้าของโฮเต็ลที่โตสารี เปนเรือนฝากระดานมุงกระเบื้อง มีห้องนอน ๔ ห้องแลห้องกลางกับเรือน ๔ หลัง รู้สึกหนาวขึ้นไปแต่กลางทางบ้าง มากขึ้นทุกที ๆ จนถึงปุศโปหนาวพอสบาย แลดูพื้นล่างเปนหมอกแล้ว บางคนชอบอยู่ที่ปุศโปมากกว่าที่จะขึ้นไปโตสารี เพราะไม่หนาวจัดแลไม่ร้อน เลี้ยงกลางวันที่นั่น จัดการที่จะขึ้นต่อไปจนพรักพร้อมแล้ว ขึ้นม้าแซนเดอลวุดของคอนโทรเลอ แต่นี้ขึ้นไปทางค่อนจะอยู่ข้างชันหน่อย ไปไม่กี่มากน้อยก็หมดไร่กาแฟ แลต้นกล้วยต้นไผ่ซึ่งเปนไม้ประจำก็หายสูญไป เมื่อสูงขึ้นไปอีกคงเหลือแต่ต้นสนกับต้นเฟินเปนพื้น ต้นไม้อื่นมีน้อยนักน้อยหนา ตามทางที่ไปมีระยะโรงเข้าแกง คนอยู่เปนตอน ๆ ไป บ้านคนที่เปนหมู่ใหญ่ ๆ มักจะลับลงไปอยู่พ้นทาง ด้วยทางที่ไปมักจะเลียบไปตามยอดเขาที่ต่ำ ๆ หรือราบ ๆ ห่างจากลำธารขึ้นไปมาก ๆ บ้านคนย่อมจะตั้งอยู่ในระหว่างซึ่งจะลงไปตักน้ำตามลำธารแลขึ้นไปปลูกผักบนยอดเขา ยอดเขาทั้งหลายซึ่งจะลงไปถึงลำธารย่อมจะสูงประมาณ ๓๐๐ - ๔๐๐ ฟิต ถึง ๑๐๐๐ ฟิต บางทีก็แลลงไปไม่เห็นลำธารเลย ด้วยหมอกปกคลุมเสียสิ้น เวลาเราไปกลางทาง ตอนข้างบน ๆ แลเห็นตัวเองว่าเหมือนเดิรมาในเมฆ ด้วยแลลงไปข้างล่างก็ไม่แลเห็นอันใดนอกจากทางที่เราเดิร แลต้นไม้ที่ใกล้เคียงมีเงาตคุ่ม ๆ ถ้าแลขึ้นไปข้างบนก็แลเห็นแต่เมฆที่ปะอยู่บางคราวก็แลเห็นเขารำไร บางคราวก็ไม่แลเห็นเลย ตอนที่ขึ้นมาเหนือปุศโปหน่อยหนึ่ง ค่อยแลเห็นวิ้วพื้นแผ่นดินบ้าง แต่เหนือนั้นขึ้นไปไม่แลเห็นอันใด นอกจากซอกห้วยธารเขา ด้วยเขาที่นี่ไม่เหมือนข้างซินดังลายะ ถึงว่าจะต้องขนที่ชันมากก็จริงแต่ดูเปนเขาลูกเดียวกันไปโดยมาก เขาแถบนี้มียอดรูปรี ๆ เปนเพ็ชร์บอเนียวไปทั้งนั้น บางทีเขาสองยอดมีเอ็นเล็ก ๆ แล่นถึงกันทางก็ต่ายไปตามเอ็น ที่เช่นนั้นมักจะแลดูโกรกลึกลงไปข้างล่างมาก เมื่อมาตอนล่าง ๆ เห็นเขาปลูกต้นสนที่ริมทางแน่นเปนตับ ได้นึกว่าช่างอุสาหะแรงกล้าไปเอาต้นสนทเลขึ้นมาปลูกจะเอาร่มเอาเงาอะไรก็ไม่ใคร่ได้ ปลูกอื่นมิดีกว่าหรือ แต่ครั้นขึ้นมาข้างบนจึงได้อ้อว่าเขาเอามาแต่ข้างบนหาง่ายกว่าต้นไม้อื่น ๆ ต้นสนที่เรียกว่าจามราฤๅจามโรตามแต่จะสนัดเรียก แปลว่าขนสัตว์อย่างหนึ่งคือจามรี ขึ้นเองโดยปรกติ แต่คนมักจะปลูกโดยมาก เพราะเปนต้นไม้ที่มีประโยชน์ในที่บนเขาเช่นนั้น เปนง่ายโตเร็วใช้การได้สารพัดทุกอย่าง สนมีหลายประเภท บางอย่างเหมือนสนยี่ปุ่นมีลำต้นคด ๆ งอ ๆ เหมือนไม้ดัด เมื่อหมดกาแฟแล้วเปนไร่เข้าโภช ต่อไปมีมันมีก้าหล่ำบ้างในที่สูง ๆ เขาจะสูงเท่าใดไม่ว่า คงจะถางเตียนทำไร่ขึ้นไป การที่ทำไร่ก็มิใช่ง่าย ด้วยเขาเหล่านั้นชัน ๆ เหมือนหลังคาทั้งนั้น เปนน่าพิศวงด้วยความอุสาหะ ต่ายหลังคาขึ้นไปทำไร่สูงตั้ง ๔๐๐ - ๕๐๐ ฟิต ต้องมีไม้เท้าสำหรับปักลงโหนตัวขึ้นไป อาหารของคนเหล่านี้ปลูกเข้าได้ฤดูหนึ่งพอกิน ๕ เดือน นอกจากเวลานั้น ต้องกินเข้าโภชถึงในรหว่าง ๕ เดือนนั้นก็ต้องปน เขาว่าข้างทางมีบ้านพวกที่ถือศาสนาพระพุทธแต่ลบไปไม่เห็น ตั้งแต่ปุศโปขึ้นไปผ่านหมู่บ้านใหญ่น้อยหมู่เดียว ประมาณสัก ๙ เรือน ๑๐ เรือน นอกนั้นก็หลังเดียวสองหลังห่าง ๆ กัน เมื่อจวนจะถึงโตสารี มีน้ำพุแห่งหนึ่งเห็นจากบนเอ็นหว่างเขาน่าดูมาก เวลาไปนั้นกำลังเที่ยง ในการที่จะรู้สึกร้อนนั้นกลายเปนรู้สึกหนาว ไปตามทางได้คอนโทรเลอเปนคนเข้าใจการมาก เพราะชำนิชำนาญในการที่เที่ยวตรวจตราเหล่านั้น อยากจะได้ความเห็นเราในการที่ตัดทางนั้น เราต้องชมว่าดีจริง ๆ เกือบจะกล่าวได้ว่าไม่รู้สึกว่าขึ้นสูง แม่เล็กมาด้วยรถก็ไม่มีเหตุการณ์อันใดคล่องแคล่วดีไม่ช้ากว่าไปด้วยม้านัก ถนนนี้เขาว่าเปนครั้งแรกที่งดเกณฑ์ใช้เก็บเงินมาทำคนละครึ่งกิลเดอ แต่กรวดนั้นยังต้องขอแรงให้ขนอยู่ ตามหมู่บ้านมีคนรักษาอย่างหนึ่ง เรียกว่าคนตื่นกลางคืน ใช้เกณฑ์คนทั้งหมู่บ้านให้รักษาตามมากแลน้อย คือสกัดหัวบ้านท้ายบ้าน ที่โรงนั้นมีเกราะอยู่อันหนึ่ง ถ้ามีเหตุการณ์อะไรตีเกราะขึ้นต้องออกมาช่วยกันทั้งหมู่บ้าน ต้องเดิรตรวจในหมู่บ้านคืนละ ๔ ครั้ง โปลิศนี้ไม่ได้เงินเดือน จ่ายคนในหมู่บ้านนั้นให้เดือนละ ๒ คน ๆ หนึ่งคิดราคา ๕ กิลเดอ ก็คือว่าได้เงินเดือน ๆ ละ ๑๐ กิลเดอ แต่ในแถบนี้ไม่ใคร่จะมีเงินให้ ทั้งตัวเลขแลผู้ทำการมักจะสมัคไปทำการด้วยกัน เวโทโนเปนคนมีอำนาจจัดการทั้งปวง ถ้าใครจะไปอยู่ในบ้านไรต้องบอกเวโทโน ถ้าได้ความว่าเปนคนผู้ร้ายเก่า โปลิศต้องไปตรวจเรียกคืนละ ๔ ครั้ง ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากงดไว้ที
ไปถึงโตสารีเกือบ ๔ โมง มีบ้านหมู่หนึ่งที่อยู่ริมทาง นอกนั้นลับยอดเขาไปแต่อยู่ไกล ๆ กัน โฮเต็ลตั้งอยู่บนยอดเขาอันหนึ่งสูง ๖๐๐๐ ฟิต เปนสองหลังยาว ๆ ชลาแล่นกลาง มีหลังใหญ่อยู่ข้างท้ายมีห้องข้างใน ๘ ห้อง ๆ ใหญ่สำหรับนั่งห้องหนึ่ง ห้องกินเข้าแลบิลเลียดห้องหนึ่ง ข้างน่ามีเฉลียงลงไปในสวน เปนเรือนพื้นปูนฝาขัดแตะบ้าง ไม้สนบังใบบ้าง น่าต่างมีบานกระจกหลังคาสังกระสีทั้งสิ้น มีเรือนบริวารอีกหลายหลัง ที่น่าเรือนมีสวนกุหลาบดอกใหญ่ ๆ แลไม้ฝรั่งต่าง ๆ ล้วนแต่มีกลิ่นหอม มีต้นสนยี่ปุ่นสนทเลเปนพุ่มเรียว ๆ สูง ๆ ลงไปเดิรที่ในสวนเห็นเขาเขียนไว้ตามกลีบต้นที่เรียกกันว่าร้อยปีไปเขียนไว้บ้าง แลเขียนไว้ที่โคนต้นสนอีกแห่งหนึ่ง อาบน้ำแล้วเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่ ไปเดิรเที่ยวลงทางสวนหลังเรือน เดิรอ้อมไปข้างซ้ายเรือน ถึงถนนที่มาแล้วเลยไปดูหมู่บ้านที่ริมยอดเขาอีกยอดหนึ่ง มีบ้านเรือนมากทำด้วยไม้สนทาขาวมุงจาก มีพร้าขอตะกร้อน้ำอยู่ที่น่าเรือน ถังน้ำมันปิโตรเลียมใส่น้ำตั้งอยู่บนหลังคา แลดูไกล ๆ เหมือนปล่องไฟ แต่ที่แท้ตั้งน้ำเหมือนโรงโขนโดยคำบังคับให้ตั้ง เวลาไปเที่ยวนี้ริเยนต์ไปด้วย พาไปดูประสังคระหันมีต้นกุหลาบขาว เปนที่ดูสบายดีแต่เล็ก ๆ ดอกกุหลาบใหญ่ ๆ มาก เก็บดอกกุหลาบแล้วเดิรกลับมา เดิรออกเมื่อย ๆ ขาเพราะขี่ม้ามาเมื่อย แต่เหงื่อไม่ออกเลย เมื่อเวลาแรกมาถึงปรอท ๖๘ พอค่ำ ๖๑ กินเข้าที่ในเรือนปิดกระจกหมดแล้ว แต่กระนั้นยังออกจะใคร่ลั่น เวลา ๒ ทุ่ม ปรอทกลางแจ้ง ๕๑ ในห้องนอนที่ปิดไว้มิดชิด ฝาก็กรุผ้าน่าต่างขึงม่านปรอท ๖๕ ห่มแบลงเก็ตผืนหนึ่ง ๒ ผืนร้อนเกินไป ห่มได้แต่แรกลงนอน