๓๒
เมืองการุต
วันที่ ๙ มิถุนายน
เช้า ๕ โมงไปจิปานะสำหรับจะอาบน้ำอีก และดูเขาจับปลา ได้อ่านหนังสือเขาเล่าถึงเรื่องปลาทองที่เลี้ยงไว้กิน แลเรื่องตลาดนัดเปนอันเข้าใจได้ตลอด วันนี้เปนวันติดตลาดนัด ตามทางที่ไปมีคนรับของเดิรลงไปที่ตลาดพบเนือง ๆ บรรดาร้านเล็ก ๆ ตามริมทางมีของขายมากกว่าสองวันที่เห็นมาแล้ว แต่มีที่เปนเนื้อสัตว์น้อย มีผักแลผลไม้โดยมาก เมื่อขึ้นไปถึงใกล้เขา ซึ่งเปนที่บ่อปลาติดต่อกันไปจนตลอดที่อาบน้ำ เห็นตามบ่อปลานั้นเปิดน้ำออกแห้ง เหลือแต่สาหร่ายบนหลังเลนหลายสระ บางแห่งก็มีคนกำลังงมปลาอยู่ แต่ที่เขาจับให้เราดูนั้นริมที่อาบน้ำทีเดียว ดูได้บนเรือนหลังหนึ่งซึ่งทาปูนขาวใหม่ ๆ สำหรับรับแขกเมืองคือพวกเรา วิธีที่จับนั้นไขน้ำออกเสียพอให้ต่ำแล้วต้อนเด็กพวก “กรมซน” ลงลุยเรียงกันไปเปนน่ากระดาน ถูกตัวปลาก็กระโดดหนี ไปจนถึงที่มุมข้างหนึ่งซึ่งผู้ใหญ่คอยอยู่ ก็เอาสวิงครอบลงไปตักขึ้นมา พวกเด็กที่ลงลุยเสียงเกรียวกราว ถ้าได้ปลาตัวใดก็โห่เกรียวกราวทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ปลานั้นเปนปลาทองอย่างเช่นเห็นตามทางที่ไปจิปานะ ซึ่งคอเวอนเนอเยเนราลอยู่ แต่ตัวโตอ้วนกว่า ที่ยังเล็กอยู่ก็มีมาก ได้สั่งให้ปล่อยเสีย เอาปรอทลองน้ำที่ปลาอยู่ร้อนถึง ๑๑๕ ฟาเรนไฮต์ ชรอยเจ้าปลาพวกนี้จะชอบอยู่ที่น้ำร้อน แต่ใช่ว่าจะเปนทองไปทุกตัว บางตัวก็เหลือง ๆ ดำ ๆ ขาว ๆ เช่นปลาเงินได้ดูตัวใหญ่สี่ตัวสีไม่เหมือนกันทั้งนั้น ปลาในเรื่องอารเบียนไนต์คงจะเปนปลาสีต่าง ๆ ชนิดนี้นึ่เอง แต่จะกำหนดว่าเพราะเหตุใดจึงเปนสีปลาทองสังเกตไม่ได้ มีเปนสีทองตั้งแต่ตัวใหญ่เท่าปลาเทโพขนาดเล็ก ไปจนกระทั่งเท่าปลาเงินปลาทองขนาดย่อม ๆ ชรอยจะเปนลอกคราบอย่างใด จะไม่เปนคราวเดียวพร้อมกัน จะว่าเปนพรรณต่าง ๆ กันก็ไม่ได้ ด้วยรูปร่างเหมือนกันทีเดียว ส่งไปให้ทำกับเข้าอย่างไทยแล้วไปอาบน้ำเสียก่อน วันนี้หมอบังคับให้อาบ ๒๕ มินิต ค่อนจะอยู่ข้างออกเบื่อ อาบแล้วมากินเข้า จะเล่าเรื่องปลาทองต่อไปใหม่ เนื้อยุ่ย ๆ เหมือนปลาเนื้ออ่อน แต่ก้างขั้วเดียวมีเปนสองก้างจึงทำให้ก้างมากแต่อ่อน ถึงจะเผลอเล่นเข้าไปบ้างก็ไม่ถึงติดคอ แต่จะเรียกว่ากินอร่อยไม่ได้เลย เวลาบ่ายวันนี้เรสิเดนต์เบรียงกา ซึ่งอยู่ตำบลบันดองมาหาเรา ให้กินเข้ากลางวันด้วย แต่เวลากระชั้นกันกับที่กินมาแล้ว อยู่ข้างจะเปนฉันเข้าแช่สงกรานต์๔๓
วันนี้นอนนวดเลยหลับไป เดิมเขาว่าจะเล่นละคอนให้ดูต่อกลางคืนจึงทอดธุระเสีย ครั้นทีหลังได้ความว่า ดาหลังไม่อยู่ ได้มีโทรเลขไปตามแล้ว วันนี้ยังไม่มาถึงต้องงด เตรียมชนแกะไว้ให้ดู แต่ตื่นเย็นไปบอกเลิกเสียอิก ตกลงเปนไม่มีอะไร เย็นขึ้นรถไปเที่ยว แวะจุดบุหรี่ที่โรงเจ๊กแห่งหนึ่ง เลยดูของที่ขายเปนของอย่างโรงเจ๊กขายของเช่นที่มุนต๊ก จะหาของเมืองนี้ไม่มีสักสิ่งเดียว ต้องซื้อพอเปนรางวัล ได้เข็มขัดสายหนึ่งทองเหลืองแช่ทองฝรั่งแต่ทำเปนอย่างที่แขกใช้ เปนแผ่นเหลี่ยมมีร้อยหูเหมือนบานพับต่อ ๆ กัน พวกแขกใช้เปนอันมาก กับสีเสียดแลน้ำอบฝรั่งขวดเล็ก ๆ รวมทั้งสิ้นราคาเห็นจะสัก ๓ กิลเดอกับมีเศษเบี้ย ได้เห็นอาหารพวกเจ๊ก คือมีเข้าขาวจานหนึ่ง ปลาขนาดสักเท่าปลาสลิดอย่างใหญ่ตัวหนึ่ง แตงกวาลูกหนึ่ง พริก ๓-๔ เม็ด แกงเหลือง ๆ ชามหนึ่ง ดูก็น่ากินดี พวกเจ๊กไปเมืองใดเปนกินอย่างนั้น พูดภาษานั้นคล่องแคล่วจึงได้อยู่ไหนอยู่ได้ อาหารก็ถูกเท่ากับชาวเมืองกิน เมียก็มีชาวเมืองนั้นและกินหมากอย่างแขกด้วย
ออกจากนั้นมาแลเห็นริมถนน เอาไม้ลำตั้งเปนเสากระบอกผูกเปนไม้กางเขน เจาะช่องรายไปเหมือนไฟแก๊ต กรอกน้ำมันในกระบอกมีไส้จุดไฟสว่างคนยืนมุงแน่น แวะดูหมายว่าบ่อน กลายเปนเล่นกลิ้งลูกกลิ้ง มีของราคาถูก ๆ ที่รูปร่างสีสันแปลบปลาบ ของยี่ปุ่นเปนพื้น ตั้งชั้นเต็มไปทั้งโรง ฝรั่งเปนเจ้าของกลิ้งลูกละ ๕ เซ็นต์ ดูอยู่ครู่หนึ่ง กลิ้งกันหลายครั้ง ไม่เห็นลงช่องสักครั้งหนึ่ง ดูยากยิ่งกว่าที่วัดพระแก้ว ของก็เปนชั้นเดียวกันหมดต้องเสียทีละ ๕ เซ็นต์รวด ในหมู่คนเปนอันมาก มีคนเดียวที่ชูขวดยี่ปุนอย่างเลว ๆ อวดว่าตัวได้ ราคา ๕ เซนต์เท่านั้น แต่ที่แท้เห็นจะคิดแต่ที่ได้ ที่เสียไปไม่ต้องนับ ได้ความว่าบ่อนตามหัวเมืองนี้ไม่มี ๆ แต่บัตเตเวีย ถ้าใครจะเล่นขออนุญาตก็ให้ไลเซ็น ถนนที่นี้พอเวลาพลบไม่ทันมืดไม่มีคนเดิรสักคนเดียว ไม่มีไฟมืดเปนพื้น มีอยู่แต่ถนนที่ไปสเตชั่นรถไฟกับที่น่าบ้านฝรั่งแถวเรสิเดนต์ ใช้โคมสี่เหลี่ยมโยงลวดกับต้นไม้ระยะห่าง ๆ โคมเช่นนี้ออกมาอยู่กลางถนนเงาโคมบังแสงไฟวงโต ๆ ชั่วแต่สักพอรู้ว่ามีไฟเท่านั้น มีอยู่อิกแห่งหนึ่งที่ได้เห็นตามตลาดสัก ๙ ดวง ๑๐ ดวงว่าเปนไฟเรี่ยรายกันจุด ลืมพูดถึงเมื่อกลางวันนี้ ไปอาบน้ำแล้วเลยไปดูตลาดที่อยู่หลังบ้าน เปนโรงแถวขายของกินโดยมาก เหมือนตลาดเราไม่ได้ผิดกันเลย คือมีพริกกะปิหอมกะเทียมเป็นต้น มีร้านขายเนื้อโคอยู่แห่งหนึ่ง แต่ขาดร้านเจ๊กขายหมู ร้านขายผ้าก็เลวกว่าเสาชิงช้า ไม่ว่าถึงตัวตึกซึ่งไม่มี สิ่งของก็ไม่มีอะไรด้วย ได้ซื้อธนูอันหนึ่งเปนของทำเมืองนี้ แล้วเดิรอ้อมไปทางสเตชั่นรถไฟกลับมาบ้าน กลางวันเดิรเล่นทางถนนน่าโฮเต็ลได้นาน ๆ จึงจะพบคน เขาว่าเมืองนี้จำเริญเต็มที่แล้ว ไม่มีท่าทางที่จะดีอันใดได้อีกนอกจากน่าร้อนคนจะมาอยู่มากขึ้นอีก แต่ก็คงจะไม่มีคนอยู่ประจำ ยังซ้ำมีเมืองคู่แข่ง คือสุขภูมิ ถ้าใครชอบหนาวมากจึงจะมาที่นี่ ถ้าไม่ชอบหนาวก็อยู่เพียงสุขภูมิ ได้เปรียบเสียเปรียบกันคนละอย่าง ที่นี่มีที่เที่ยวสำคัญ คือเขาไฟปับปันดายังแลตเลกาโบดัสปันยิก กุหนุงกันตัวร์เปนต้น ที่สุขภูมิไม่มีที่เที่ยวแต่อยู่ใกล้บัตเตเวีย
-
๔๓. ประเพณีเลี้ยงพระสงกรานต์ไนพระราชวังอย่างแต่ก่อน เสด็จออกเลี้ยงพระอย่างปรกติเสียครั้งหนึ่งก่อน พระฉันแล้วไปสรงน้ำ สรงแล้วกลับมาก็เลี้ยงเข้าแช่อิกครั้งหนึ่งต่อกันไป ถ้าวันเถลิงศก พระฉันแล้วเสด็จสรงมุรธาภิเษก พอสรงแล้วก็เลี้ยงเช้าแช่ พระฉันอิกครั้งหนึ่ง ↩