๔๒
เมืองบันดอง
วันที่ ๑๙ มิถุนายน
วันนี้เช้าหยุดพักนอนให้สบายแล้วดูซื้อกฤชแลของโบราณต่าง ๆ ที่พวกกรมการเขาพาคนขายมาให้ดู ซื้อกฤชสองเล่ม ๆ หนึ่งที่ต้นกฤชฝังทองเปนหัวนาคหางเลื้อยขึ้นไปตลอดจนปลายกฤชลิ้นกระดกได้ เนื้อเหล็กดีนัก ว่าเปนของรเด่นอธิปติบันดองเถ้า ที่ได้ตรานิตเตอแลนไลยอน เปนเจ้าของเดียวกับฝักกฤชเพ็ชร์ พวกกรรมการพากันว่าลับหลังว่ามันซ่อนไว้ไม่ให้รู้ หาไม่ก็จะซื้อไปส่งมิวเซียม เพราะเขามีท้องตรามาให้จัดซื้อ แต่อิกเล่มหนึ่งเปนกฤชตามธรรมเนียม ชั่วแต่ด้ามเปนเหล็ก มีมีดแลกฤชอีกหลายอย่างไม่ได้ซื้อเพราะมันหนักเงินนัก กฤช ๒ เล่มนี้ซื้อรวมกันกับเครื่องแต่งตัวแต่งงารเปนเครื่องกาไหล่ทอง ๒ สำรับ ๕๐๐ กิลเดอ สิเกรตารีให้ไม้เท้า ๒ อัน ๆ หนึ่งเปนไม้ชา อันหนึ่งเปนไม้กาแฟ ไชยันต์กับพวกที่การุตมาหา ประวิตร
เวลาบ่าย ๔ โมงไปดูน้ำพุทาง ๖ ไมล์ ต้องไปลงรถขี่ม้าขึ้นเขาอีก สักครึ่งไมล์ต้องลงเดิรไปอีกสักหน่อยหนึ่งจึงถึง พอเมื่อยขา การที่ไปขึ้นน้ำพุนี้ ไม่เหมือนอย่างที่เราขึ้นที่อื่น เราเคยขึ้นทางปากธารไปหาต้นธาร นี่เราขึ้นทางต้นธารไปหาปากธาร ใช้ทำนากันทั้งนั้น น้ำที่ไปตกลงขุ่นข้นเพราะใช้กันเสียงอมแล้ว น่าผาที่น้ำตกสูงไม่ต่ำกว่า ๘ วา สายน้ำเปนลำโตตกลงโดยแรงจนกลับพุ่งขึ้นเปนฟองฝอย อีกสายหนึ่งตกข้างขวามือแต่ไม่สู้มาก อ่างกว้างประมาณ ๑๕ วาโดยรอบ ไหลลงลำธารกว้างใหญ่ ฝนตกพรำ ๆ ทางอยู่ข้างจะลื่น เขาไห้ดูต้นไม้อย่างหนึ่ง คล้ายต้นมพร้าวลูกเปนพวงเหมือนเต่าร้างแต่ออกที่คอ ลูกโตสักเท่าหมากสง ว่าปลูกเปนง่าย ๔ ปี ๕ ปี มีลูกแลมีงวงทำน้ำตาลได้ เอาน้ำตาลสดแลน้ำตาลงบมาให้กิน ได้ว่าซื้อลูก ๑๐๐๐ ลูกเปนราคาเงินกิลเดอเดียวคิดจะเอาไปลองปลูก ภายหลังได้ความว่าลูกชิดเรานี่เอง