๑
ตอนที่ ๑ เสด็จออกจากกรุงเทพฯ ไปเมืองสิงคโปร์
วันเสาร์ที่ ๙ พฤษภาคม รัตนโกสินทร๒๙ศก ๑๑๕
(จันทรมาศเปนเดือน ๖ แรม ๑๓ ค่ำปีวอกอัฐ๒๙ศก จุลศักราช ๑๒๕๘)
การที่คิดจะไปเที่ยวเมืองชวาครั้งนี้ เพราะเหตุที่หายเจ็บขึ้นแล้วยังไม่เปนปรกติได้ ไม่มีทางอื่นที่จะแก้ไขให้เร็วกว่าไปเที่ยวเสียในที่ไกล ให้ได้เปลี่ยนที่อยู่แลความประพฤติออกไปพ้นจากความหมกมุ่นทั้งหลาย ปล่อยกายแลใจให้สงบเสียครั้งหนึ่ง บรรดาหมอแลคนทั้งปวงเปนอันมากเห็นพร้อมกันดังนี้ ยังมีข้อที่จะพิจารณาว่าจะไปแห่งใดดี เมื่อปฤกษากันหลายครั้งตกลงเลือกเกาะชวา ด้วยเปนที่ควรจะไปในเวลาซึ่งไม่สู้สบายเช่นนี้ เพราะที่นั้นเราได้เคยไปแล้วเมื่อปีมเมียโท๓ศก จุลศักราช ๑๒๓๒ (พ.ศ. ๒๔๑๓) แต่เวลาที่ไปครั้งนั้นไม่เหมาะแก่ฤดู เพราะไปในเวลาหนาว ที่นั่นเขาเปนเวลาร้อน ขึ้นแต่ที่บะเตเวียแลสมารังสองแห่งเท่านั้น ร้อนจนปวดหัว คราวนี้รู้แน่ได้ด้วยได้พบดอกเตอร์อาเบนดานอนซึ่งเปนกรมการผู้ใหญ่คนหนึ่ง เข้ามาในบางกอกเร็วเร็วนี้ ได้แนะนำเวลาที่ควรจะไปแลประเทศที่ควรจะอยู่ ทำให้สว่างขึ้นมากในความคิด เหตุที่ควรจะไปชวามีหลายอย่าง เพราะได้เคยรู้จักใจพวกวิลันดาทั้งปวง ว่าเปนผู้ที่มีน้ำใจดีในการที่จะต้อนรับผู้ซึ่งเปนไมตรีที่ไปถึงบ้านเมือง ทั้งทางราชการแลฉันมิตรสหาย ซึ่งเราได้เคยทดลองแล้ว ยังมีความขอบใจอยู่จนบัดนี้ อิกประการหนึ่งทางไมตรีของเรากับวิลันดาย่อมมีแต่การเรียบร้อยรักใคร่กัน ไม่มีเหตุอันใดในระหว่างสองพระนครซึ่งจะมีราชการเกี่ยวพัน ถึงจะต้องไปพบปะฤๅเปนผลให้ได้ความรำคาญแต่ตัวเราฤๅผู้หนึ่งผู้ใด ส่วนการปกครองบ้านเมืองในเกาะชวานั้น เขาปกครองอย่างดีที่ควรจะพิศวง ไม่เหมือนกับประเทศอื่น แม้แต่เมืองนิเธอแลนด์เอง ทั้งที่อยู่บนเจาสูงซึ่งจะหาให้ใกล้ประเทศเรากว่าชวาไม่มี จึงเปนอันสมควรจะไปที่นั้นยิ่งกว่าที่อื่น แต่เราไม่พอใจที่จะไปด้วยยศศักดิ์อย่างแต่ก่อน เพราะเหตุสองประการ ข้อต้นนั้นเพราะเปนเวลาที่ไม่สบายปรกติ จะทนเหน็ดเหนื่อยในการรับรองไม่ไหว อิกข้อหนึ่งเขาก็เคยได้รับรองคราวก่อนอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะฉนั้นจึงให้พระยาชลยุทธ
อิกอย่างหนึ่ง เรามีความจงใจที่จะได้พบปะมิตรสหายที่ได้คุ้นเคยกันมาแต่ยังเด็กบ้าง แลต่อมาโดยลำดับจนถึง ๖ ปีนี้เปนที่สุด ซึ่งได้อยู่ในเมืองสิงคโปร์ ถึงมิตรสหายเหล่านั้นได้ตายเสียแล้วบ้าง ไปเสียจากที่นั้นบ้าง ก็ยังจะมีหลายคนซึ่งจะได้พบ แลจะได้เปนโอกาศอันดีที่จะได้หามิตรสหายใหม่ในที่นั้น เพราะเหตุว่าเมืองนี้ เปนเหมือนหนึ่งประตูบ้านของเรา เปนสหายที่อยู่รั้วบ้านติดกัน การที่คบค้าชอบพอกันย่อมจะเปนผลดีแก่บ้านเมืองทั้งสองฝ่าย ความปรารภทั้งหลายนี้ เปนเครื่องอุดหนุนให้เรามีความปราถนากล้าที่จะไปรักษาตัวในประเทศอื่นแต่เปนมิตรอันสนิทของเรา
อนึ่งการที่จะไปครั้งนี้ เปนเหตุที่จะได้รงับความกระวนกระวายใจที่จำจะต้องจากลูกชายเล็ก
เมื่อไปคราวก่อนนั้นอยู่ข้างมีพิธีรีตองมาก เพราะเปนคราวแรกที่เจ้าแผ่นดินไทยจะได้ออกนอกอาณาเขตรเมื่อไม่มีการศึกสงคราม แต่ในคราวนี้ได้งดการพิธีทั้งหลายนั้นเสีย คงแต่ลูกจะได้รับศีลอุบาสกตามสาสนาของเรา เปนการเงียบๆ ที่สุด
เวลาเช้าสองโมง ลูกชายเล็กและชายเพ็ญ
ได้ออกไปทอดที่ร่องลึก วันนี้กลางวันอากาศแจ่มใสแดดจัด เวลาบ่ายเรือแล่นมีลมเย็นๆ เหมือนฝนจะตกแต่ก็ไม่ตก ครั้นดึกเข้าลมสงบอยู่ข้างร้อน น้ำน้อยเรือออกไม่ได้ มีเรือเมล์ใหญ่คอยน้ำอยู่พร้อมกับเราสองลำ หมายกันว่า ๕ ทุ่มบางทีจะออกได้ แต่คงจะกลั้วเกลี้ย
-
๑ นายพลเรือจัตวา พระยาชลยุทธโยธินทร์ (แอนเดร เดอริชลิว)เฉพาะคราวเสด็จพระราชดำเนินประพาศยุโรปครั้งนั้น ↩
-
๒ สมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงศภูวนาถ กรมขุนพิษณุโลกประชานาถ ↩
-
๓ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ (กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม) ↩
-
๔ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระภาณุพันธุวงศวรเดช ↩
-
๕ พระยาสมุทบุรานุรักษ์ (สิน) ↩