๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๘๕

พระยาอนุมานราชธน

หนังสือลงวันที่ ๘ เดือนนี้ได้รับแล้ว การตอบช้านั้นไม่เปนไร ฉันถือเปนธรรมดา ทั้งที่มีหนังสือมาให้ก็เปนนึกอะไรได้ก็เขียนมา ไม่มีการเร่งร้อนอะไร

พระมารวิชัย ฉันเคยเห็นแต่ที่เขากล่าวถึง มุทรา จำได้เปนเค้าๆ ว่าเขาเรียก ภูสฺปรฺศ นอกจากนั้นไม่เคยเหน แต่ไม่มีสงสัย ต้องเปนพวกกรีกทำขึ้นแน่ เพราะรูปพระเจ้านั้นพวกกรีกเปนพวกคิดทำขึ้น เอาแบบที่เขาเคยทำรูปเทวดาต่าง ๆ มาทำ แบบเก่าเปนแต่แท่นเปล่า ที่ชื่อว่ามารวิชัย เหนจะคิดกันในบ้านเรานี้ ทั้งเหนว่าทีจะไม่นานด้วย แต่ก่อนเราไม่ทำองค์พระ เช่นรูปมารวิชัย ฉะลักไม้ไว้ที่เมืองสุพรรณก็มีแต่แท่นเปล่าอยู่ใต้ต้นโพธิ์ แต่มีรูปนางธรณีบิดช้องผมและพลมารพอที่จะให้รู้ได้ ทั้งบานประตูวิหารที่พระพุทธบาท เขาก็ทำรูปพระเจ้าเปนอุณาโลม มีคนคนหนึ่งอยู่ในศาสนาโรมันคาโทลิก กล่าวติเตียนพระระเบียงของเรา เขาว่ารูปพระเจ้าจะต้องตั้งไว้แต่บนที่บูชา เหนว่ากล่าวชอบ พวกที่เอาพระพุทธรูปตั้งหัวกระไดนั้นเปนเอาอย่างฝรั่ง โดยไม่ได้ตรึกตรอง ฝรั่งเขาไม่นับถือพระพุทธศาสนาจึ่งทำได้เช่นนั้น

เมืองลพบุรี ฉันคิดว่าจะมีมาก่อนสร้างเมืองอยุธยา รูปพระถือตาลปัตรบนแผ่นโลหะ ได้เคยเข้ามาสู่ความวินิจฉัยฉันทีหนึ่งแล้ว ว่าเปนของจริงหรือปลอม แต่คิดว่าด้านเดียว ไม่ใช่แผ่นซึ่งท่านพูดถึง แต่อย่างไรก็ดี พระถือตาลปัตรนั้นเหนว่าใหม่ การสงสัยพัดและแส้นั้น ด้วยคำ จามร ก็หมายความว่าทำด้วยขนจามรี ทั้งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ก็เรียกว่า พัดวาฬวิชนี ก็แปลว่าทำด้วยขน วาฬ จึ่งเถียงกันว่า จะเปนพัดหรือแส้ เบิดดูพจนานุกรมของอาจารย์ชิลเดอก็แปลให้ไว้ว่า ทำด้วยหางยักคือหางจามรี ต้องกันกับ จามร ที่วานพระท่านค้นบาลีอรรถกถา แล้วภายหลังจึงลงความเหนว่าผูกแบนหรือผูกกำ แท้จริงคำว่า วี นั้นเปนกิริยา พัด หรือ ปัด เปนต้นนั้นก็เปนกิริยา ไม่ใช่เปนนาม ว่าผูกแบนๆ กลัวจะเหยียดเอาคำ พัดวี เปน วีชนี เพราะฉะนั้นจึงเหนว่าการผูกแบนก็ดี พระถือพัดก็ดี เปนของใหม่ทั้งนั้น ไม่ใช่ครั้งพุทธกาล

รูปพระศรีอารย์ ข้างจีนทำเปนตุ๊กตาท้องพลุ้ยจริง แต่เคยเหนรูปพระศรีอารย์ทางอินเดียเขาทำเปนรูปพระเจ้า ปนอยู่ในดอกบัวซึ่งยังไม่บาน ยอดปรางค์เคยพบที่เขาทำยอคแย้เปน ๕ แฉกก็มี ๙ แฉกก็มี เปนเหตุให้เหนว่า ๕ แฉกนั้น (เปนวัชร) เขาหมายถึงปรางค์ที่ตั้งรูปพระโคคมพุทธเจ้า ที่เปน ๙ แฉกนั้น (เปนวิศว) เขาหมายเปนที่ตั้งพระศรีอารย์ ตามที่ว่านี้ก็เพราะได้เหนพระพุทธรูปทางมหายาน ที่ตรงหน้าตักออกมา เขาทำเปนวัชรไว้ คมข้างเดียวก็มีสองข้างก็มี อย่างคมสองข้างมีรูปโพธิสัตว์สำหรับพระศรีอารย์ถือ ดูเหมือนจะได้ไต่สวนว่าเรียก วิศวปาณี ทำคมสองข้างไม่ได้ จึงเอาซ้อนกันเสียเปนสองชั้น แต่นี่เปนสันนิษฐานทั้งนั้น อาจผิดได้ถูกได้ ที่เราทำยอดปรางค์กัน ไม่ว่าจะเปนยอดอะไร ยอดแย้ก็เป็นแฉกทั้งนั้น สมัยใหม่ทำตอกขึ้นไปเปน ๑๓ แฉก คือซ้อนสามชั้น จำได้ว่าพระองค์เจ้าประดิฐวรการท่านหัวเราะเรียกว่า เตรศศูล

ในการค้นหาอะไร ถ้าตั้งใจแล้วไม่พบ ไม่ตั้งใจจึ่งพบ นั่นเปนธรรมดา แต่ที่พบแล้วตามหาไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน นั่นเปนเจ็บปวดกว่าอะไรหมด

คำ กะดี ท่านบอกนั้นดีมาก กรุงเก่ากะดีเจ้าเซนอยู่ที่ไหน ฉันไม่ทราบ ได้เคยไปแต่ที่ ตเกี่ะย เปนที่ฝังศพ เขาว่าเปนชื่อคน แต่ที่นันมีโบถด้วย เชื่อแล้วว่าคำ กะดี ไม่ใช่ภาษามคธ หากเอาไปยัดคำ กุฏิ ภาษามคธเข้าทีหลัง คำ กุฏิ ก็ชอบกล พระสาสนโสภณท่านว่าท่านแปลไม่ออก ท่านพบว่ามุ้งก็เรียก กุฏิ การทำต้ำบุดประมูลกันนั้นฉันไม่ทราบ เคยทราบแต่รูปนกยูงหน้าคน พวกแขกเจ้าเซนเขาบอกชื่อว่าเรียก โม่ (ห) ราก เปนทูตสวรรค์ รระดับเสียงที่เอา ห นำ อักษรต่ำนั้นไม่ดี เพราะอ่านได้สองอย่าง จะเปนนำก็ได้ สกดก็ได้

ท่านบอกคำ นี่-นี้ นั่น-นั้น โน่น-โน้น เทียบกับคำของชาติต่างๆ นั้นดีเต็มที ระดับเสียงนั้นเหนได้ว่าเกิดมีขึ้นทางไทย

เรื่องเขียนแก้ชื่อสถาน ลางทีก็จะทำให้ขัดกับพงศาวดารไปทีเดียว ภาษาบาบูนั้นก็ดีเต็มทีอีก ฉันไม่ทราบเลย เปนแต่อ่านหนังสืออังกฤษที่ใช้คำสูง ๆ นั้นไม่ถูกอารมณ์ เพราะไม่เข้าใจ คำของเราที่ซ้ำกันมีถมไป เช่น สี เปนต้น เมื่อพูดแต่คำเดียวก็เข้าใจให้ถูกไม่ได้ ต้องมีคำอื่นรวมเข้าด้วย จึ่งจะเข้าใจให้ถูกได้ เหมือนหนึ่งคำ เนื้อเย็น ก็เหมือนกัน แม้จะเปนเก่าใหม่ ถ้ามีคำอื่นรวมเข้าก็เข้าใจได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เปนด้วยแฟแช่น ถ้าไม่ใช้ตามเขาก็ไม่เปนคน แฟแช่นนั่นแลเปนสำคัญกว่าอะไรหมด ท่านพูดถึงไก่งวง ทำให้นึกเรื่องขึ้นได้ ครูวัดป่าโมก (ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร) เหนแต่บานประตูมุกซึ่งท่านให้อย่างทำ ถอดจากการเปรียญวัดป่าโมกเอามาติดไว้เปนบานประตูวิหารยอดในวัดพระแก้ว ทำนกหัสดินหรือพ.ศ.ีลึงค์เปนปากนกมีงวงอยู่ข้างบน เหนว่านึกมาจากไก่งวง ผิดกว่าที่เคยทำกันมา ทำตัวเปนนก หัวเปนทักทอ (สัตว์อะไรก็ไม่ทราบ) คิดว่าเดิมจะทำเปนหัวคชสีห์ แต่ใช้ไม่ได้ก็เปลี่ยนชื่อไป ครูวัดป่าโมกนั้นท่านมีความคิดมาก เช่น หงษ์ทำกันมาก็ทำเปนปากราชสีห์ยาวๆ มีฟันตลอด แต่ท่านแก้เปนปากเปด เหนถูกที่สุด มาสงสัยในคำที่เปลี่ยน หมู เปน สุกร ว่าเปลี่ยนทำไม เคยเหนคนไทย ถ้ากับข้าวฝรั่งทำด้วยหมูแล้วก็ไม่กิน ฉันเคยถามหมอกาวันว่าทำไมไม่กินหมู แกบอกว่าหมูเมืองไทยไม่รู้ว่ามันกินอะไรบ้าง ก็ทราบได้ว่าเพราะเขาสงสัยสกปรก แต่ที่ไทยเราไม่กินกับข้าวฝรั่งซึ่งทำด้วยหมูนั้น ตั้งใจไปทางหนึ่งว่าจะให้เหมือนฝรั่ง ส่วนกับข้าวไทยซึ่งทำด้วยหมูนั้นแดกพลาม ๆ ไม่มีรังเกียจ

คำว่า สัตว์ ในภาษามคธหมายความว่าสิ่งซึ่งมีชีวิต คนก็เปนสัตว์ แต่ที่จริงคำของเราก็มีว่า สัตว์เดียรฉาน คำ เดียรฉาน นั่นเปนถูกแท้ ท่านบอกคำของไทยใหญ่ให้ ว่าเขาเรียกสัตว์ป่าว่า ตัวเถื่อน เรียกศพว่า ตัวตาย นั้นดีอย่างยิ่ง

เมื่อเรวๆ นี้อ่านหนังสือพิมพ์ประมวญวัน เขาพูดถึงเรื่อง ไขไขไก ข้อนี้ก็ต้องกับที่ท่านเคยพูดไปแล้ว โจทของเราก็มีว่า ใคขายไข่ไก่ หนังสือฝรั่งเขียนภาษาไทยนั้นยากเต็มที เหมือนหนึ่งคำว่า เขาขาว ก็เขียนไม่ได้ กรมพระกำแพงเพชรเคยเล่าให้ฟัง ว่ากรมรถไฟเขามาถามว่าสถานีท่าฉาง จะโปรดให้เขียนหนังสือฝรั่งอย่างไร ทั้งนี้เหตุด้วยมีสถานีท่าช้างอยู่ทางโคราชแล้ว เธอก็ลา ยักไปเอาตำบลที่ใกล้เคียงเข้า

เปนการเคราะห์ร้ายของเรา ที่เอาโครง ก ข ของสังสกฤตมาตั้งเปน ก ข ของเรา จึงมี ส สามตัว ทำให้เกิดเถียงกันขึ้นว่าจะใช้ ส อะไร

ระฆัง ฉันเหนด้วยท่านว่าคำนั้นออกจาก ฆ้อง คำ ระ ซึ่งอยู่ข้างหน้า จะเอาความก็ได้ เปนว่าไม้ตีระราน แต่คำ โทน กับ ทับ ซึ่งท่านเหนว่าตะโพนเปนโทนนั้นไม่เหนด้วย คิดว่าตะโพนนั้นเราเอาอย่างมาแต่มอญทีหลัง ได้ชี้แจงแก่ท่านมาหลายอย่างแล้ว ขอบใจที่ท่านบอก เปิงมาง ให้ทราบว่าภาษามอญเรียก เปินมาน ทำให้ได้รู้ยาวออกไปอีก

กับขอบใจท่านที่ใช้พรแก่ฉันในกาลขึ้นบีใหม่ ท่านให้พรแก่ฉันอย่างไร ก็ขอให้ท่านได้รับพรเช่นนั้นเหมือนกัน โดยฉันหวังใจให้เปนเช่นนั้น

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ