๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๖ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

4 พรึสจิกายน 2486

ท่าน ย ส อนุมานราชธน

ฉันอ่าน “วรรนคคีสาร” พบที่ท่านว่าถึง “อัดจะกลับ” ก็ทำไห้จับไจ

ได้เห็นอัดจะกลับที่เรือน แต่ไม่ได้ไช้แล้ว เปนทีของจีน มีระย้าเปนรูปค้างคาวติด แต่ไม่ได้สังเกตว่าไฟกี่ดวง ได้สังเกตแต่ว่าคล้ายกับรูปที่สองซึ่งท่านตีพิมพ์ไว้ คือมีสายต่อแผ่นทองเหลือง แต่ที่เรือนฉันเปนเหล็กของสับเฉย ๆ กรมหมื่นมหิสรเคยเห็นมาว่ามีไฟดวงเดียว มาเห็นรูปที่ท่านตีพิมพ์ว่ามีไฟเก้าดวงซึ่งจับไจหนัก อัดจะกลับที่เรือนฉันแม้จะไม่ได้นับดวงไฟก็ดี แต่ไม่ถึงเก้าดวงเปนแน่

อนึ่งแผ่นทองเหลืองนั้นจะต้องเข้าไจว่าติดกับเพดาน ถ้าไม่เช่นนั้นจะต้องมีรูตาปูทำไม ต้องเข้าไจว่าเรือนเก่า ๆ นั้นเตี้ย ๆ ไม่สูงอย่างเดี๋ยวนี้

อนึ่งกลอนที่ค้นมาได้ก็ว่าต่าง ๆ กัน จะเปนว่าคำ “อัดจะกลับ” มาต่างหาก ไฟแขวนมาต่างหาก แล้วมารวมกันก็ได้ ท่านว่าถึงจุดไฟดับไฟ ฉันนึกถึงเติมน้ำมันก็อาการหนักยิ่งขึ้นไปเสียอีก

ว่าถึงคำ สมเด็จกรมพระสวัสดิ์เคยวินิจฉัยว่า “อจฺจิกสฺป” แปลว่าชั้นไฟ พระองค์เจ้าวรรนว่า “อจฺจิกลาป” ไฟนั้นต้องกัน แต่ “กลฺป” กับ “กลาป” นั้นผิดกัน ฉันเห็นของพระองค์เจ้าวรรนดีกว่า และคำว่า “จุดไฟ” ฉันเข้าไจว่าแรกทำไห้มีไฟ “ตามไฟ” ฉันเข้าไจว่าไฟติดแล้วรักสาไว้

อะไร ๆ หมดย่อมมีอายุเปนชั้น ๆ เช่นโคมหวดซึ่งมีโลหะต่อก้นนั้นเปนรุ่นเก่า รุ่นไหม่ไม่มี เหตุนี้ทำไห้สงสัยว่าตะเกียงซึ่งเปนตะเกียงถ้วยแก้วนั้นเปนสมัยไหม่ ตะเกียงอัดจะกลับครั้งที่ยังไม่มีถ้วยแก้วนั้นไช้อะไร “ชวาลา” มีในกลอนเรื่องมโนหราว่า

“ฝันว่ารั้วไต้ ทำลายไปข้างหัวนอน
ฝัรว่ากรามสุด ลุ่ยหลุดลงแล้วหยู่ขจร
ตกลงไนที่นอน คว้าหาไม่เห็นก็ร้องไห้
เติ่นขึ้น ปลุกนางสนมสาวไช้
เทียนยาม ก็ตามไปเร่ส่องหา
นางเสด็จขึ้นเฝ้า ท่านท้าวทุมพรราชา

เพลง”

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

 

(ลายพระหัตถ์ฉบับสุดท้าย)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ