๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๕ น

ตำหนักปลายเนิน คลองเตย

วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๔๘๕

นายยง อนุมานราชธน

จะบอกว่า วัดราชสิงขร นั้นหาใช่ไม่ ที่ถูกนั้นเปน วัดลาดสิงขร ทีจะไปยืมชื่อวัดอะไรที่ไหนมา เพราะในกรุงไม่มีลาดภูเขา ชื่อตำบลทางโคราชก็มีเรียก ภูเขาลาด เปนอย่างเดียวกัน นั่นก็หลงเรียกว่า ภูเขาราช เพิ่งจะมากลับเรียกถูกได้ในเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง

คำ ตราสังข์ ท่านคิดว่าจะเปน ตราสาง นั้น ชอบอย่างยิ่ง เสียดายที่สมเด็จกรมพระสวัสดิ์ผู้ตั้งคำถามสิ้นพระชนม์เสียแล้ว หาไม่ก็จะทูล

คำว่า เสือ นั้นมักมีคำว่า สาง อยู่ด้วย ลางทีก็แถมคำ แม่นางโกง ต่อเข้าอีกด้วย เสือสาง เปนเสือกับผี ลางทีจะเปนด้วยนั่งป่ง เขาว่าถ้าเหนเปนพระธุดงค์ก็คือเสือ ถ้าจะยิงก็ให้ยิงบาตรแปลว่าหัวเสือ คำ แม่นางโกง ซึ่งต่อท้ายก็เหนจะเปนผีเหมือนกัน ป่ง ฉันแปลว่า พง หม่อมราชวงศ์วงษ์ในกรมหลวงพิทักษมนตรี (เรียกกันว่าคุณวงษ์) แกเปนช่างเขียนฝีมือดีมีคิดมาก แต่แกชอบเขียนแผลง ๆ แกเขียนพระมงกุฎแผลงพระยารัง เปนรูปคนหนีออกไปจากต้นรังสามตัว แกบอกระบุะว่า อ้ายนี่ผี อ้ายนี่สาง อ้ายนี่นางไม้ จำรูปไม่ได้ แต่เปนผมยาวอยู่ตัวหนึ่งนั้นแน่ รูปนั้นเดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ แต่ตัวตายแล้ว

ท่านจับใจในการที่ฉันพูดถึงเรื่องผี ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องเวทมนต์ดลคาถา จะเศกให้ดีร้ายอย่างไรก็ได้ เพราะเราเชื่อกัน ถ้าไม่จดไว้ก็นับวันแต่จะเข้ากลีบเมฆหายตัวไปเปนแน่ เพราะความเชื่อของคนเดี๋ยวนี้คลายลง สมเด็จกรมพระยาเทววงษ์ทรงทักว่า เสน่ห์ กับ ยาแฝด นั้นผิดกัน เสน่ห์ เปนทำตัวของตัวเองให้รัก ส่วน ยาแฝด นั้น เขาทำเราด้วย ยาแฝดนั้นมักเข้าของเมา เช่น เม็ดสวาด เปนต้น จะทำให้เราเปนบ้า ตามธรรมดาคนบ้าย่อมชอบคนตามใจคือตัวเขาเอง ควรจะรวังตัว อย่าให้ต้องยาแฝด การรวังตัวก็ง่ายเพราะยาแฝดนั้นต้องกิน เราอย่ากินของคนที่เราไม่ไว้ใจก็แล้วกัน เปรียบเหมือนรวังตัวอย่าให้ต้องอาหารที่คลุกเคล้าด้วยยาพิษฉนั้น

คำว่า สวน นั้นก็สับปลับ ถ้าในเรื่องวงศ์ๆ จักรๆ ซึ่งเอาแบบทางอินเดียมาแต่งแล้ว คำว่า สวน ก็เปนสวนปลูกต้นไม้ดอก แต่คำว่า สวน ในบ้านเราหมายความว่าเปนที่ปลูกต้นไม้ลูกสำหรับกินทั้งนั้น

พิสวาท จะเขียนอย่างไรก็ตามที แต่ที่คำ สวาท สกด ท นั้นหลง ด้วยคำนั้นมาแต่ วิสฺสวาสะ

หนังสือลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ได้รับแล้ว

เรื่องฝีมือช่าง ท่านเข้าใจถูกทางแล้ว

เรื่องคำ ยานะนาวา นั่นเปนแต่ตัวอย่าง คำที่เหี้ยนเข้าไปนั้นมีมาก หลายอย่างด้วย ท่านวินิจฉัยคำ ยานะนาวา นั้นป่วยการ ฉันเคยแนะนำลูกหญิงปลื้มจิตรว่า ไม่ต้องใส่ทัณฑฆาฏทุกตัวไปก็ได้ แกว่าถ้าไม่ใส่ก็ต้องเขกกะดานทีเดียว ทั้งนี้ก็เหมือนกับสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ เธอเอากระดาษปิด กี ทัณฑฆาฏ ในเครื่องพิมพ์ดีดเสีย แปลว่าไม่ให้ใช้ เธอบอกว่าตัวที่ควรมีทันฑฆาฏเธอจะเขียนใส่เอาเอง เหล่านี้ก็ต้องกับความคิดฉันหมด ที่ฉันว่าจะสังเกตว่าคนเดี๋ยวนี้เขาพูดกันอย่างไรนั้น เปนถูกแล้ว ไม่ป่วยการ

คำว่า ร้อยแก้ว ฉันคิดว่าเข้าใจผิด ร้อยแก้วควรจะมีสัมผัส อย่างทุกวันนี้เรียกกันว่าร่ายยาว

ท่านว่า ลคอน มาแต่ธาตุ ลกุ นั้นดี แต่ก็หมายถึงคนรำนั่นเอง ไม่ใช่หมายถึงว่า เรื่อง อย่างเช่นฉันบอกท่าน ฉันได้อ่านหนังสือฝรั่งก็ไม่พบเลย แต่แปลว่าได้อ่านน้อย ที่เขมรเรียก โขน ว่า ลโขน นั้นฉันก็พบ แต่ศาสตราจารย์เซเดส์บอกว่า เขาอ่าน ลคอน นั่นเอง หนังสือเขมรนั้นฉันอ่านได้ แต่คำพูดของเขานั้นฉันฟังไม่เข้าใจเลย ที่ว่าขุนสัทธาออกไปหัดนั้นฉันเชื่อ แต่คงเปนทีหลัง ด้วยได้เหนเขาเล่นเรื่องไชยเชฐ อันเปนเรื่องที่เล่นกันในกรุง ทีแรกคงเล่นได้แต่ โนรา เรื่องเดียว เพราะหัดมาได้เท่านั้น ทางปากใต้จึงเรียกว่า โนรา (คือ มโนหรา) ที่กรุงจึงเรียกกันว่า ลคอนสัดตรี ความคิดฉันเยียงไปในทางว่าเปน ลคอนศาสตรี ที่ว่าเปน ลคอนชาตรี ก็เปนแต่เขียนหนังสือ ซึ่งผู้เขียนคิดว่าถูก คำว่า นคร เปน ลคอน ไปนั้นหลงเลอะแน่ แม้เมืองอื่นจะเปนลครด้วย ก็คงหลงเลอะตามกันไปเท่านั้น

เรื่องฝันฉันก็ได้ตรอง เหนว่าก็คือความคิดนั่นเอง คนจะตื่นจากหลับหรือเพิ่งจะหลับ ก็คือความคิดมาก่อนหรือไปทีหลัง ที่เอามาเปนคิดตื่นๆ อยู่ก็ว่าฝันนั้นควรแล้ว แต่นอนหลับฝันนั้นควรเติมคำว่านอนฝัน อย่างเช่นท่านแนะนำนั้นถูกแล้ว ฝันเฉย ๆ จึงถือว่าคิดตื่น ๆ

เรื่องผีนั้นเหลว จะไม่พูดถึงเลย วิธีแต่งงานนั้นก็เปนหลายอย่างดังที่ท่านแต่งไว้ แต่ที่แต่งนั้นก็ไม่สิ้น และจะสิ้นไม่ได้ เพราะประเทศหนึ่งก็ถือไปเปนอย่างหนึ่ง ลางทีประเทศเดียวก็มีหลายอย่าง

คำ ขวัญ นั้นฉันสงสัยมานานแล้ว ว่าหมายความอย่างไร เหนข้างไทยเปนหลายอย่างนัก ท่านแปลให้ได้ความเข้าใจมาก

ขอบใจที่ท่านให้ตัวหนังสือจีนในคำว่า ท่องสื่อ กับ บั้นสื่อ แต่ความต้องการนั้นจะใคร่ทราบว่า สื่อ กับ สือ (คือหนังสือ) เปนคำเดียวตัวเดียวกันหรือไม่ใช่

ขอบใจที่ท่านอธิบายคำ เยียน กับ เยือน ให้เข้าใจ

และขอบใจท่านอีกที่ช่วยค้นคำ ม่วง ให้ แม้ที่เรียกว่า สีม่วง ฉันก็ให้นึกสงสัย จะเปนสีใบมม่วงอ่อนหรืออะไรนั้นก็พักไว้ที

ที่พระเทวาว่าคำ สยมภู เปนคำฉันพูดนั้น ฉันจำไม่ได้เลย ที่จำไม่ได้ก็คงเปนด้วยเปนคำสัพเพเหระ ฉันจำเขามาพูดอีกต่อหนึ่ง ไม่ใช่คำหลักและคงมีตีนอุอยู่ในนั้นด้วย เปน สยุมภู ด้วยคำ สยมภู นั้นฉันไม่เคยใช้เลย ถ้าจะแปลก็แปลคำ สยุมภู ว่ากอง จะหมายถึงกองขี้งัวขี้ควายก็ได้ ถ้าจะว่าไม่มีฝีมือช่างอยู่ในนั้นก็ไม่ขัดข้องเลย ดู สยมภู ในพจนานุกรมของอาจารย์ชิลเดอ เขาแปลว่าพระเจ้า เปนคำมคธ ให้ตัวสังสกฤตไว้เปน สวยัมภุ แปลว่าพระพรหม อะไรแน่ก็ไม่ทราบ

สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ